เต้น CarMob ผงาดนำม็อบไล่รัฐบาล สบช่องแกนนำม็อบเด็กอยู่ในเรือนจำ ดูดทีมสนับสนุนมาร่วมงานเพียบ แม้ถูกหัวๆ 3 นิ้วด้อยค่าเป็นสลิ่มแดง-ลดทอนการต่อสู้ของคนรุ่นใหม่ เจ้าตัวไม่สนเปิดม็อบรอบใหม่นัด Call Out ทั่วประเทศ 29 สิงหา อาชีวะ-ทะลุฟ้าพร้อมร่วม
การชุมนุมเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออกเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในเดือนสิงหาคม 2564 กับผู้จัดการชุมนุมหลายกลุ่ม พร้อมๆ กับการปะทะระหว่างผู้ชุมนุมบริเวณพื้นที่สามเหลี่ยมดินแดงกับชุดตำรวจควบคุมฝูงชน ทรัพย์สินทางราชการเสียหายทั้งจากการทุบทำลายและเผา จนกลายเป็นที่รับรู้กันว่าเมื่อผู้จัดงานชุมนุมประกาศยุติการชุมนุม หลังจากนั้นถือว่าได้เวลาโชว์การปะทะที่สามเหลี่ยมดินแดง
แม้หลายฝ่ายจะพยายามหาความเชื่อมโยงว่าฮาร์ดคอร์สายปะทะที่สามเหลี่ยมดินแดงนั้น เกี่ยวข้องกับขบวนที่นัดมาชุมนุมหรือไม่ ซึ่งในระยะหลังจะเริ่มเห็นได้ชัดเจนว่าในบางครั้งการปะทะเริ่มขึ้นก่อนที่เจ้าภาพจะประกาศยุติการชุมนุม
“เราไม่ปฏิเสธว่ามีผู้ชุมนุมในขบวนเข้าไปร่วมที่สามเหลี่ยมดินแดงบ้างบางคน เพราะกลุ่มที่สามเหลี่ยมดินแดงมาชักชวนหรือแฝงเข้ามา จะเห็นได้ว่าระยะหลังผู้จัดการชุมนุมหลีกเลี่ยงจัดกิจกรรมที่ต้องผ่านพื้นที่ดังกล่าว แต่เรื่องก็เกิดขึ้นได้ทุกวัน ในระยะหลังนี้ชัดเจนว่ากลุ่มที่เน้นปะทะจะไปปักหลักที่สามเหลี่ยมดินแดงในช่วงก่อนค่ำ แม้จะไม่มีการผ่านเส้นทางดังกล่าว” หนึ่งในทีมจัดการชุมนุมรายหนึ่งกล่าว
ทั้งนี้ เหตุการณ์ปะทะที่สามเหลี่ยมดินแดงมีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ม็อบ 7 สิงหาคม 2564 (เยาวชนปลดแอก) ม็อบ 10 สิงหา (แนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ) ม็อบ 11 สิงหา (ทะลุฟ้า) ม็อบ 13 สิงหา (ทะลุฟ้า) ม็อบ 15 สิงหา (สมบัติ+ณัฐวุฒิ) ม็อบ 16 สิงหา (ทะลุฟ้า) ม็อบ 17 สิงหา (ทะลุฟ้า) ม็อบ 18 สิงหา (ทะลุฟ้า) ม็อบ 19 สิงหา (ทะลุฟ้า) คาร์ม็อบ 20 สิงหา (ทะลุฟ้า)
Car Mob จุดติด
เมื่อไล่เรียงม็อบที่จัดมาเพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีเพียงม็อบวันที่ 15 สิงหาคมเท่านั้นที่มีแกนนำในการชุมนุมตัวหลักอย่างนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. แม้จะจัดแบบ Car Mob 3 เส้นทาง แต่ระหว่างทำกิจกรรมไม่มีปัญหาการปะทะกับตำรวจ ที่จริงม็อบ 13 สิงหามีไฮโซลูกนัท ธนากิจอำนวย ขึ้นนำขบวนแต่เกิดปัญหาเรื่องวัตถุที่เข้ามากระทบเหนือคิ้วขวาจนต้องเข้าโรงพยาบาล
การนัดชุมนุมที่ผ่านมาเกือบทั้งหมดเป็นฐานมาจากกลุ่มของเยาวชนที่เคลื่อนไหวมาตั้งแต่ปี 2563 เพียงแต่แยกตัวกันออกไปตามแนวทาง คือ เยาวชนปลดแอก (Free Youth) อีกชื่อหนึ่งคือ REDEM กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม หรือกลุ่มราษฎร และกลุ่มทะลุฟ้าเป็นกลุ่มที่มีสายสัมพันธ์กับกลุ่มราษฎร
กลุ่มที่แทรกเข้ามาคือกลุ่มของนายสมบัติ บุญงามอนงค์ (บก.ลายจุด) ที่รวมกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ซึ่งเดิมมีกลุ่มของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. จัดชุมนุมไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ในนามกลุ่มไทยไม่ทน แต่ถูกคำพิพากษาจำคุกในคดีเก่า ทำให้กลุ่มนี้ขาดหายแกนนำหลักไป
การออกมาของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมด้วยไม่น้อยโดยเฉพาะสายของคนเสื้อแดงที่ยังเป็นแฟนคลับของณัฐวุฒิ กลุ่มนี้ชูธงสันติวิธี เน้นการปราศรัยตามความถนัดของณัฐวุฒิ และยังมีสัมพันธ์ที่ดีกับนายใหญ่อย่างทักษิณ ชินวัตร นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มทะลุฟ้าเข้าร่วมในเส้นทางอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ส้ม-แดง คนละเนื้อ
กลายเป็นความแตกต่างของม็อบที่ออกมาเคลื่อนไหว แม้จะมีเป้าหมายเดียวกันคือไม่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บริหารประเทศต่อไป แต่เงื่อนไขอื่นแตกต่างกัน โดยเฉพาะม็อบของเยาวชนที่พาดพิงไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งระยะหลังพยายามลดเงื่อนไขนี้ลงแต่ยังมีพาดพิงให้เห็นอยู่บ้าง ส่วนม็อบของสมบัติ-ณัฐวุฒิ เน้นข้อเดียวคือไล่ พล.อ.ประยุทธ์
นอกจากนี้ ปลายทางหากทำได้สำเร็จ สายหนุนของม็อบเยาวชนคือภาคการเมืองสายสีส้ม ส่วนม็อบรุ่นใหญ่แน่นอนว่าหนีไม่พ้นสายของทักษิณ ชินวัตร
ไม่ปฏิเสธว่ากลุ่มของเยาวชนคนรุ่นใหม่เป็นชุดแรกที่ออกมาเคลื่อนไหวไล่ พล.อ.ประยุทธ์ กลุ่มคนเสื้อแดงและสายที่หนุนทักษิณเข้ามาร่วมด้วย เพราะหากรัฐบาลนี้ไป ทั้งเพื่อไทย และก้าวไกลมีโอกาสขึ้นบริหารประเทศ
จากการชุมนุมตั้งแต่ปี 2563 พบว่า สายส้มและสายแดงไม่สามารถเข้ากันได้ ความขัดแย้งหลายครั้งในม็อบสะท้อนออกมาให้สังคมภายนอกได้เห็น การด้อยค่าคนเสื้อแดงเกิดขึ้นเสมอในช่วงที่มีการชุมนุม แม้เพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำจะจัดงานให้เกียรติคนเสื้อแดงอย่างน้อย 2 รอบ แต่สายหนุนม็อบเยาวชนในสังคมโซเชียลเปิดฉากปะทะกันบนโลกออนไลน์ ด้วยแนวทางเคลื่อนไหวที่อาจไม่ตรงกัน จนสายแดงหลายคนต้องถอยออกมา
ด้อยค่า "เต้น" สลิ่ม
ภายใต้สถานการณ์ที่แกนนำของม็อบเยาวชนถูกดำเนินคดี ไม่สามารถออกมานำการชุมนุมได้เหมือนเดิม พร้อมกับการได้อิสรภาพจากเรือนจำของเต้น ณัฐวุฒิ และลงสนามไล่ พล.อ.ประยุทธ์ เหมือนกัน มีบางทีมที่เคยร่วมงานกับม็อบเยาวชนเข้าร่วม Car Mob ของสายแดงจึงจุดติด
“แต่คงไม่สามารถที่จะดูดเอาม็อบของน้องๆ มาได้ทั้งหมด เพราะอยู่กันคนละฐานความคิดและเป้าหมายสุดท้ายต่างกัน วันที่ 15 ส.ค. เต้น-ณัฐวุฒิ ออกไปดึงมวลชนกลับที่ดินแดง ก็ทำได้แค่บางส่วน ที่เหลือยังปะทะกับตำรวจต่อ กลับมาโลกโซเชียลของฝั่งเยาวชนก็กล่าวว่า เต้นเป็นสลิ่ม (แดง)”
เพราะเมื่อ 11 ปีที่แล้ว แม้ "เต้น" จะเป็นหนึ่งในฮีโร่ของเสื้อแดง แต่วันนี้สภาพสังคม สิ่งแวดล้อม และแนวคิดคนรุ่นใหม่ไม่เหมือนปี 2553 ม็อบคนรุ่นใหม่ที่อายุ 25 ปีลงมา ยุคนั้นพวกเขามีอายุเพียง 14 ปี ซึ่งขณะนั้นอาจไม่ถึงวัยที่ติดตามเรื่องทางการเมือง หลายคนจึงไม่รู้จักเต้นว่าเป็นใคร จึงไม่แปลกที่เต้นจะไม่สามารถหยุดการปะทะเมื่อวันที่ 15 สิงหาคมได้
ภายหลังจากการออกมาเคลื่อนไหวของณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ มีเสียงจากทีมสนับสนุนของม็อบเยาวชนออกมาว่อนโลกโซเชียล "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นสลิ่ม (เขาว่าเป็นสลิ่มแดง) ลดทอนการต่อสู้ของคนรุ่นใหม่ เป็นพวกพลังไม่บริสุทธิ์ มี Hidden Agenda" รวมถึงหัวข้อสนทนาในคลับเฮ้าส์อย่าง “เมื่อเต้น ณัฐวุฒิกลายเป็นสลิ่ม” อีกหลายห้อง
ดูเหมือนณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ก็ทราบถึงกระแสดังกล่าวดี “หากผู้คนรังเกียจคนเสื้อแดง ถ้าเห็นว่ามีคนใส่เสื้อสีแดงมายืนอยู่ในการต่อสู้นี้ แล้วรู้สึกว่ารับไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร ท่านออกมาแล้วท่านยืนคนละมุม ยืนห่างๆ พวกเราก็ได้ แต่ขอให้รู้เถอะว่า ที่เรายืนสู้กันมา 10 กว่าปี เราเจ็บปวดมามาก”
ขณะที่สายหนุนเสื้อแดงอย่างสมบัติ ทองย้อย ได้โพสต์ข้อความถึงเหตุการณ์คาร์ม็อบเมื่อ 15 สิงหาคมว่า เมื่อวานเต้นไปหน้างาน มีแต่ได้กับได้ ได้ที่หนึ่งได้แสดงให้เห็นสภาวะของความเป็นผู้นำที่ต้องรับผิดชอบต่องานที่ตัวเองทำ คือจัดคาร์ม็อบ คาร์ปาร์ค แล้วมีคนส่วนหนึ่งไหลไปดินแดงจนเกิดการปะทะและจะทำการดึงคนกลับ ได้ที่สอง ได้รู้ว่าเด็กเขาไม่ฟังใครทั้งนั้นถ้าจะลุย ได้ที่สาม ได้รู้ว่าเด็กรุ่นใหม่ไม่รู้จักเต้น
รุ่นใหม่เหยียดแดง
แหล่งข่าวกล่าวว่า คนรุ่นใหม่เขามองว่าการขับไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ พวกเขาเป็นคนเริ่ม เป้าหมายไกลไปถึงการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นไปในแนวทางเดียวกับอดีตพรรคการเมืองหนึ่งที่ถูกยุบไป คนรุ่นใหม่ใช้ช่องทางของโซเชียลมีเดียเป็นหลัก พูดคุย ติดต่อสื่อสาร นัดหมายชุมนุม นอกจากนี้ พวกเขามองว่าคนเสื้อแดงในอดีตนั้นล้มเหลว มีคนเสียชีวิตเป็นจำนวนมากในการชุมนุมเมื่อปี 2553
ด้วยอุปนิสัยของคนรุ่นใหม่ เลือกเสพข้อมูลข่าวสารที่ตนเองสนใจเพียงด้านเดียว มั่นใจในตัวเองสูง คำเตือนใดๆ ของผู้ใหญ่ของสายเสื้อแดงจึงถูกด้อยค่ามาโดยตลอด การแซะพรรคเพื่อไทยว่า “สู้ไปกราบไป” เป็นอีกหนึ่งการด้อยค่าของแนวร่วมม็อบจากสายเสื้อแดง หลายคนต้องถอนตัวแม้จะเคยร่วมชุมนุมกันมาตั้งแต่ช่วงแรก
หากสังเกตให้ดีจะพบว่า ช่วงเดือนเมษายน 2564 ที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ เริ่มออกมาชุมนุม ไม่สามารถสร้างแนวร่วมได้มากนัก เนื่องจากเป็นการรวมกับคนเสื้อเหลืองบางส่วน อีกทั้งจตุพร เองก็หักกับทักษิณ ชินวัตร ในการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ทำให้มวลชนของจตุพรเหลือน้อยมาก กลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งก็ถอยออกจากเรื่องการชุมนุมทางการเมือง
ประการต่อมา สายเสื้อแดงยังไม่ได้รับสัญญาณในเรื่องม็อบจากคนที่กุมอำนาจ แต่รอบนี้ของณัฐวุฒิ เริ่มเห็นสัญญาณที่ผู้มีอำนาจเหนือพรรคชื่นชม แต่จะปลุกมวลชนได้มากน้อยแค่ไหน หากการปะทะรายวันที่แยกดินแดนยังมีอยู่ ซึ่งเป็นที่รู้กันในกลุ่มจัดการชุมนุมว่า สายปะทะเหล่านี้ไม่ใช่คนที่มาร่วมชุมนุมของตนเอง
ขณะที่การเมืองในภาพใหญ่ระยะหลังพบว่าทั้งพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล มีความเห็นที่ไม่ตรงกันหลายเรื่อง แม้แต่ทักษิณ ชินวัตร ยังออกมากล่าวถึงเรื่องนี้ อีกมิติหนึ่งทั้งเพื่อไทยและก้าวไกลถือเป็นคู่แข่งทางการเมืองกัน การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเพื่อไทยเสียส.ส.ในพื้นที่ให้ก้าวไกลไปไม่น้อย
ส้มแผ่ว-สายแดงผงาด
ตอนนี้แกนนำม็อบราษฎรอยู่ในเรือนจำ โอกาสที่จะออกมาอาจยากกว่ารอบแรก หากต้องการขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ต่อเนื่อง แม้จะเป็นกลุ่มอื่นขึ้นมานำและมีศักยภาพพอ โอกาสที่จะเข้าร่วมกับกลุ่มใหม่ก็มีความเป็นไปได้สูง
Car Mob เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม สายที่เคยร่วมงานกับม็อบราษฎรและเยาวชนปลดแอกก็เข้าร่วมในกิจกรรมครั้งนี้ แม้จะไม่ตรงกับอุดมการณ์เดิมของกลุ่มเยาวชนอยู่บ้าง แต่เป้าหมายแรกเหมือนกัน
สายบนๆ ของม็อบเยาวชนนั้นอาจไม่เห็นด้วยกับแนวทางของเต้น ณัฐวุฒิ จนเกิดการด้อยค่า แต่สายล่างเขาเอาด้วย ม็อบ 15 สิงหา คนจึงเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ม็อบราษฎรก็มีปัญหาภายใน ลดบทบาทของทีมสนับสนุนบางกลุ่มลง
น้องๆ นักเรียน นักศึกษาอาจไม่เข้าร่วมกับ Car Mob ไม่ว่าจะด้วยอุดมการณ์หรืออะไรก็ตาม แต่การหาแนวร่วมใหม่จากคนที่ไม่ชอบรัฐบาลทำได้ไม่ยาก จากการบริหารจัดการเรื่องโควิด-19 วัคซีนไม่พอ คนในครอบครัวเขาต้องเสียชีวิต ตกงาน ขาดรายได้
ดังนั้น โอกาสของ Car Mob ที่จะหลอมรวมเอาผู้คนหลายกลุ่มเข้ามาร่วมขับไล่รัฐบาล ในนาทีนี้จึงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป และได้ประกาศจัดงาน Car Mob Call Out ในวันที่ 29 สิงหาคม 2564 อีกครั้ง เวลา 14.00 น.