เผย “6 ตำรับยา” ตามศาสตร์แพทย์แผนจีน ใช้ป้องกันและรักษาโควิด-19 “นพ.ภาสกิจ” ชี้จุดแข็งคือรักษาแบบองค์รวม ทั้งป้องกัน รักษา และฟื้นฟู หากภูมิต้านทานดี โควิด-19 กลายพันธุ์กี่ครั้งก็ไม่หวั่น ด้าน “รองประธานสมาพันธ์แพทย์แผนจีนโลก” ระบุ การรักษาในจีนได้ผลชัดเจน ยัน “ตำรับยาจีน” รักษาโควิด-19 ได้ทั้งระยะสีเขียว สีเหลือง และสีแดง
ในขณะที่จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ในไทยเพิ่มขึ้นถึงวันละกว่า 20,000 ราย และยาที่ใช้ในการรักษาทั้ง “ยาฟาวิพิราเวียร์” ของแพทย์แผนปัจจุบัน และ “ฟ้าทะลายโจร” ตามศาสตร์แพทย์แผนไทยเริ่มขาดแคลน ผู้คนจึงเริ่มมองหาการรักษาในแนวทางศาสตร์การแพทย์อื่นๆ โดยเฉพาะ “แพทย์แผนจีน” ซึ่งเป็นศาสตร์การรักษาที่อยู่คู่โลกนี้มาหลายพันปี
นพ.ภาสกิจ วัณนาวิบูล อุปนายกสมาคมแพทย์แผนจีน ประเทศไทย และอาจารย์ประจำหลักสูตรแพทย์แผนจีน วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ระบุว่า ขณะนี้คนหันมาสนใจรักษาโควิด-19 ด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีนกันมากขึ้น ทั้งรับการรักษาตามคลินิกแพทย์แผนจีนและหาซื้อยามารับประทาน ซึ่งโดยหลักการแล้วการรักษาโควิด-19 โดยศาสตร์แพทย์แผนจีนนั้นจะเน้นในการสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง และมุ่งรักษาแบบองค์รวม คือ ทั้งสร้างภูมิคุ้มกัน รักษา และฟื้นฟู ซึ่งจะต่างจากแพทย์แผนปัจจุบันที่มุ่งไปที่การฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 เพียงอย่างเดียวโดยการให้ยาฟาวิพิราเวียร์ในการฆ่าเชื้อ แต่ไม่พูดเรื่องการเสริมภูมิ หรือแพทย์แผนไทยที่ใช้ฟ้าทะลายโจรในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ระยะสีเขียวและสีเหลืองก็เป็นการใช้สมุนไพรเชิงเดี่ยวฆ่าเชื้อโควิด-19 เช่นกัน
เราต้องตระหนักว่าเวลาเชื้อโรคเข้าไปในร่างกายนั้น การตอบสนองต่อเชื้อของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน บางคนมีอาการน้อย ขณะที่บางคนอาการหนัก ดังนั้น การจ่ายยาให้แต่ละคนเหมือนกันหมดผลการรักษาอาจจะออกมาไม่ดีนัก การรักษาของแพทย์แผนจีนจะพิจารณาทั้งช่วงวัยและสุขภาพของแต่ละคน และจ่ายยาเป็นตำรับ คือเป็นทีมเวิร์กเข้าไปจัดการ ซึ่งการรักษาโควิด-19 นั้นนอกจากจะขับพิษแล้วต้องดูพื้นฐานของร่างกายด้วย ยกตัวอย่าง การใช้ฟ้าทะลายโจรซึ่งมีฤทธิ์เย็นในการรักษาโควิด-19 ถ้าผู้ป่วยร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว เป็นคนขี้หนาว ท้องอืดบ่อย กินฟ้าทะลายโจรแล้วก็มักไม่สบายตัว ท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียน หมดแรง แขนขาชา แต่ตำรับยาจีนถ้าสมุนไพรตัวหนึ่งเป็นฤทธิ์เย็นก็จะมีสมุนไพรตัวอื่นที่เป็นฤทธิ์ร้อนเข้ามาสร้างความสมดุลด้วย นอกจากนั้นจะสมุนไพรที่ขับพิษขับร้อน ลดผลข้างเคียง และเพิ่มสมรรถภาพของร่างกายให้ดีขึ้น
“เนื่องจากเชื้อโควิด-19 มีการพัฒนาสายพันธุ์อยู่ตลอดเวลา วัคซีนที่เคยป้องกันได้ก็อาจใช้ไม่ได้ในปัจจุบัน และการพัฒนาวัคซีนให้สามารถป้องกันเชื้อโควิด-19 ที่กลายพันธุ์ตลอดเวลาเป็นเรื่องยาก แต่แพทย์แผนจีนไม่ได้มองเรื่องการฆ่าเชื้อเพียงอย่างเดียว เราให้ความสำคัญกับการสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อให้ร่างกายสามารถป้องกันโรคได้เป็นหลัก เมื่อร่างกายแข็งแรงไม่ว่าเชื้อจะกลายพันธุ์ไปอย่างไร ก็ทำอะไรเราไม่ได้ แพทย์แผนจีนจะพิจารณารักษาผู้ป่วยเป็นรายๆ ไป เพราะสภาพร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ถ้าร่างกายอ่อนแอจะใช้ตำรับยาที่มีการเสริมภูมิเป็นหลัก มีการขับพิษเป็นรอง ควบคู่กัน แต่ถ้าร่างกายแข็งแรงจะใช้การขับพิษ ขับร้อน แก้อาการเป็นหลัก และการเสริมภูมิเป็นรอง ทั้งนี้ การรักษาด้วยแพทย์แผนจีนปกติต้องจับชีพจร ต้องดูลิ้น แต่สถานการณ์ในปัจจุบันทำให้แพทย์และผู้ป่วยใกล้ชิดกันไม่ได้ ก็ต้องวิดีโอคอล อีกทั้งเมื่อมีผู้ป่วยจำนวนมาก จะตรวจคนไข้ทีละคนก็อาจเป็นไปไม่ได้ การรักษาและจัดยาจึงใช้วิธีอนุมานว่าให้ได้ผลดีในภาพรวม ทำให้คนไข้กลุ่มสีเขียวไม่กลายเป็นสีเหลือง” อุปนายกสมาคมแพทย์แผนจีน ประเทศไทย ระบุ
นพ.ภาสกิจ กล่าวต่อว่า สำหรับยาแพทย์แผนจีนที่ใช้ในการรักษาโควิด-19 นั้นมี 3 ตำรับด้วยกัน ตำรับแรกได้แก่ “เหลียนฮัวชิงเวินเจียวหนัง” ซึ่งปัจจุบันคนให้ความนิยมกันมาก เป็นยาที่มีฤทธิ์เย็นและมุ่งไปที่การรักษาแบบเดียวกับฟ้าทะลายโจร ไม่ได้เน้นไปที่การป้องกัน มีส่วนประกอบของยาทั้งหมด 12 ตัว เป็นยาเย็น 5-6 ตัว เช่น ดอกสายน้ำผึ้ง แล้วก็มียาขับ ยาระบาย ยาถ่าย ยาแก้หอบ ยาลดไข้ และยาบำรุงอีก 1 ตัว คือมีทั้งยาแก้อาการ ฆ่าเชื้อ และยาบำรุง เหมาะสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการรุนแรง มีไข้ เจ็บคอ และมีอาการหอบเหนื่อยเล็กน้อย คือคนที่ได้รับเชื้อเข้ามาเยอะแล้วมีการต่อสู้กัน จึงใช้ยานี้ โดยตำรับนี้เป็นตำรับยาที่เมืองจีนนำมาใช้ตั้งแต่ครั้งที่เกิดโรคซาร์ส และโรคเมอร์ส ซึ่งเป็นโรคระบาดรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับทางเดินหายใจซึ่งเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน
ตำรับต่อมาคือ “ฮั่วเซี่งเจิ้งชี่เย่” จะใช้ในคนที่ระบบย่อยไม่ดี ไม่มีพลัง ร่างกายออกไปทางเย็น คนที่ร่างกายอ่อนแอ ติดเชื้อแล้ว แต่ไข้ไม่ได้รุนแรงหรืออาจะไม่มีไข้ ไม่มีอาการรุนแรง ท้องเสีย ท้องอืด เวลาให้ยาจะต้องเป็นยาที่ขับพิษอ่อนๆ ขับความร้อนนิดหน่อย และบำรุงร่างกายเป็นหลัก ไม่ได้เน้นว่าต้องขับพิษแรงๆ เพราะร่างกายอ่อนแอจึงไม่ควรเน้นการทำลาย หลักการคือถ้าทำลายศัตรูจะต้องไม่ทำให้ร่างกายอ่อนแอ แต่ทำลายศัตรูเพื่อให้ร่างกายกลับมาสู้ได้
ตำรับที่สาม คือ “ยวี่ผิงเฟิงซ่าน” เป็นยาที่ช่วยเสริมภูมิ กระตุ้นระบบย่อยและป้องกัน ทำให้เม็ดเลือดขาวในร่างกายซึ่งไปจับเชื้อโรคที่บริเวณพื้นผิวสามารถต่อสู้กับเชื้อโรคได้ บำรุงชี่ปอดและม้าม เพื่อเสริมปราการที่ผิวนอกให้แข็งแรง ขับพิษอ่อนๆ และเสริมภูมิเพื่อให้ร่างกายพร้อมที่จะต่อสู้ เป็นตำรับยาที่รักษาคนไข้ที่เป็นภูมิแพ้ได้ดี คนที่เป็นหวัดง่าย กินยาตำรับนี้ก็จะไม่ค่อยเป็นหวัด บางคนถูกลมหรืออากาศเย็นไม่ได้ บางคนผิวหนังมีเหงื่อออกง่าย ซึ่งช่วงที่เหงื่อออกรูขุมขนจะเปิด เหงื่ออกบ่อยๆ ก็ทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย เมื่อกินยาตำรับนี้เหงื่อจะไม่ค่อยออก จึงเป็นตำรับยาที่นำมาใช้ในการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19
หรืออาจใช้ “ยวี่ผิงเฟิงซ่าน” ผสมกับอีกตำรับคือ “ซางจวี๋หยิ่น” ซึ่งมีฤทธิ์ทั้งขับพิษขับร้อน และไม่ทำให้คอแห้ง ไม่แรงเกินไป และมีการเสริมภูมิคุ้มกันในการต่อสู้กับเชื้อโรค ป้องกันเชื้อเข้าสู่ร่างกายทางเยื่อเมือกทางเดินหายใจ เกิดเป็นยาตำรับที่สี่ ชื่อ "ชิงเร่อชวี่ซือ" ที่เน้นเสริมภูมิให้ร่างกายเป็นหลัก ปรับเยื่อเมือกทางเดินหายใจเพื่อดักจับเชื้อโรค ป้องกันการติดเชื้อ
ด้าน ดร.รุ้งลาวรรณ วิวัฒน์ปิยะวงศ์ รองประธานคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ฉุกเฉินแห่งสมาพันธ์แพทย์แผนจีนโลก และประธานศูนย์การแพทย์แผนจีน Foci Tangming (พุทธเมตตาถังหมิง โรงพยาบาลเกษมราษฎร์) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาประเทศจีนได้ใช้ศาสตร์แพทย์แผนจีนในการป้องกันและรักษาโควิด-19 ได้ผลดีและมีผลการรักษาที่ชัดเจน ซึ่งเว็บไซต์รัฐบาลจีน มณฑลกานซู่ ได้มีการรายงานว่า คณะกรรมการกระทรวงสาธารณสุขมณฑลกานซู่ ได้มีการจัดส่งยา “ฝูเจิ้งปี้เวิน” จำนวน 2,688 ชุด และยาตำรับอื่นอีกจำนวนมากไปยังเมืองอู่ฮั่นเพื่อให้แพทย์และบุคลากรกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงผู้ป่วยใช้ในการรักษาโควิด-19 พร้อมทั้งมีรายงานว่ายาดังกล่าวใช้ได้ผลดี ซึ่งยา “ฝูเจิ้งปี้เวิน” นั้นมีสรรพคุณในการเสริมสร้างความแข็งแรงให้ร่างกาย ออกฤทธิ์ช่วยยับยังการติดเชื้อ จึงเหมาะสำหรับประชาชนทั่วไปและกลุ่มเสี่ยงที่ต้องสัมผัสหรือใกล้ชิดผู้ป่วย
จากบทสัมภาษณ์ของถางจู่ซวน ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารการแพทย์แผนจีน ที่ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวของจีน เกี่ยวกับโครงการจัดทำชุดยาแผนจีนเพื่อป้องกันและรักษาโรคโควิด-19 ได้ระบุว่า “ยาฝูเจิ้งปี้เวิน” เป็นตำรับยาซึ่งได้จากการนำยาหลายๆ ตำรับมาปรับเพิ่ม-ลดตัวยาต่างๆ เพื่อให้เข้ากับหลักการแพทย์แผนจีนที่ “รักษาแบบองค์รวม” และทฤษฎีการตรวจแยกแยะและวิเคราะห์โรค ซึ่งจะช่วยให้เกิดประสิทธิภาพในการป้องกันและรักษาโรคได้ดีที่สุด อีกทั้ง “ยาฝูเจิ้งปี้เวิน “เป็นตำรับที่จะมีการปรับเปลี่ยนตัวยาสมุนไพรจีนไปตามอุณหภูมิ สภาพภูมิอากาศ และสภาพร่างกายโดยรวมของคนในพื้นที่ รวมถึงพฤติกรรมการใช้ยาของแต่ละประเทศและภูมิภาคซึ่งมีความแตกต่างกัน จึงได้ผลดีกับการใช้รักษาโรคโควิด-19 ซึ่งมีการพัฒนาได้รวดเร็ว รักษายาก และเป็นเชื้อที่ส่งผลกระทบต่อร่างกายอย่างมาก
ดร.รุ้งลาวรรณ กล่าวต่อว่า ยาแผนจีนอีกตำรับหนึ่งที่ใช้ในการรักษาโควิด-19 ก็คือ “ชิงเฟ่ยผายตู๋ทาง” ซึ่งมีสรรพคุณในการลดความร้อน ไล่ความชื้น ขจัดสารพิษ ช่วยให้ลมปราณปอดกระจายเพื่อลดอาการหอบ บำรุงม้าม ขับไล่ความชื้น สมานเส้นลมปราณตับและถุงน้ำดี โดยผู้ป่วยโควิด-19 ที่เหมาะในการใช้ยานี้คือ ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรง หรือมีโรคร่วมสำคัญ มีอาการแน่นหน้าอก หายใจแล้วเจ็บ หายใจไม่สะดวกขณะทำกิจกรรมต่างๆ หายใจเร็ว หอบเหนื่อย เวลาไอแล้วเหนื่อย อ่อนเพลีย เวียนศีรษะ ปอดอักเสบ ถ่ายเหลวมากกว่า 3 ครั้งต่อวัน ร่วมกับอาการหน้ามืด วิงเวียน พูดไม่เป็นประโยค ซึม เรียกไม่รู้ตัวหรือตอบสนองช้า ปอดบวม มีภาวะการลดลงของออกซิเจน จึงใช้ได้กับผู้ป่วยที่มีอาการเบา อาการหนัก ไปจนถึงอาการหนักมาก
“ชิงเฟ่ยผายตู๋ทาง” เป็นตำรับยาที่ดัดแปลงมาจากตำรับยา 4 ตำรับ จากตำราแพทย์ “ซังหานจ๋าปิ้งสุ่น” ให้มาอยู่ในตำรับเดียว เพื่อให้สามารถลดความร้อน ไล่ความชื้น ขจัดสารพิษให้ลมปราณปอดกระจายเพื่อลดอาการหอบ บำรุงม้าม สมานเซ่าหยาง ซึ่งเป็นหลักการที่ใช้ในการรักษาโรคระบาดจาก 4 ตำรับยาข้างต้น
“ตามทฤษฎีของการแพทย์แผนจีน โรคโควิด-19 เกิดจากการที่ร่างกายได้รับไวรัสซึ่งเป็นโรคระบาดจากภายนอก ซึ่งกลไกของการเกิดโรคเกิดจากความชื้น ความร้อน การติดขัด พิษ ความพร่อง โดยพิษจากโรคนี้สามารถแบ่งเป็นความเย็นชื้น ความร้อนชื้น และเสมหะ หากรับเชื้อนี้มาแล้วไม่รักษา หรือรักษาผิดวิธี ก็สามารถทำให้เสียชี่ (พลังที่ไหลเวียนไปตามร่างกาย) จากภายนอกสู่ภายในได้ เมื่อเชื้อเข้าสู่ด้านในจะทำให้เกิดความร้อน เกิดไฟ และกลายเป็นการติดขัดได้ในที่สุด ซึ่งตำรับยาของแพทย์แผนจีนสามารถรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ได้ทั้งระยะสีเขียว สีเหลือง และสีแดง” รองประธานคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ฉุกเฉินแห่งสมาพันธ์แพทย์แผนจีนโลก กล่าว
ทั้งนี้ เชื่อว่าการรักษาตามศาสตร์แพทย์แผนจีนจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาไม่ต้องรอเตียง รอหมอ รอยาอีกต่อไป!