xs
xsm
sm
md
lg

4 ม็อบไล่ “บิ๊กตู่” ปรับกลยุทธ์เคลื่อนแบบ “คู่ขนาน-คาร์ม็อบ” ลั่น 10 ก.ค.นี้กระหึ่มทั่วเมืองแน่!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ม็อบไล่ “บิ๊กตู่” เร่งปรับกลยุทธ์การเคลื่อนไหวรับโควิด-19 ระบาดระลอก 4 โดยใช้วิธี “คู่ขนาน” ทั้งลงถนนแบบไม่เสี่ยงโควิด-19 เคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ และไล่รัฐบาลผ่านสื่อโซเชียล พร้อมผนึกกำลัง “หมอไม่ทน” ร่วมรณรงค์ติดโบดำ “กลุ่มไทยไม่ทน-ครป.-บก.ลายจุด” จับมือ จัด “บิ๊กคาร์ม็อบ” 10 ก.ค.นี้ มั่นใจเสียงแตรสนั่นเมือง!

เป็นที่น่าจับตาอย่างยิ่งสำหรับการเคลื่อนไหวของหลายกลุ่มที่ออกมาไล่รัฐบาลท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 4 ที่เรียกได้ว่าเข้าขั้น “วิกฤตหนัก” ขณะที่ พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ประกาศดำเนินคดีกับแกนนำและผู้ร่วมชุมนุมขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 ก.ค.-4 ก.ค.2564 ที่ผ่านมา จำนวนรวมถึง 70 คน เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ ม็อบแต่ละกลุ่มคงต้องพินิจพิเคราะห์ว่าจะมีการปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์หรือไม่ อย่างไร?

นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ “ทนายนกเขา” แกนนำกลุ่มประชาชนคนไทย
นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ “ทนายนกเขา” แกนนำกลุ่มประชาชนคนไทย เปิดเผยว่า เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของโควิด-19 ระลอก 4 ทางกลุ่มประชาชนคนไทยจึงได้วางแผนในการปรับกลยุทธ์การเคลื่อนไหวให้เป็นแบบคู่ขนาน คือนอกจากเคลื่อนไหวบนท้องถนนแล้ว จะมีการเคลื่อนไหวในเชิงสัญลักษณ์และรณรงค์ผ่านสื่อโซเชียลต่างๆ ด้วย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือเพื่อสรุปแนวทางที่ชัดเจน

สำหรับกิจกรรมการเคลื่อนไหวของ “กลุ่มประชาชนคนไทย” ในวันเสาร์ที่ 10 ก.ค.2564 นี้ นายนิติธร ระบุว่า จะเริ่มรณรงค์ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ตั้งแต่ 09.30 น. โดยมีการปราศรัยบนรถเครื่องเสียง พร้อมทั้งชูป้ายรณรงค์ต่างๆ จากนั้นจะเคลื่อนขบวนไปที่หอศิลป์ และเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าสู่เกาะรัตนโกสินทร์ ไปจบที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ช่วงประมาณ 12.00-13.00 น. พร้อมทั้งแถลงถึงแนวทางในการจัดกิจกรรมครั้งต่อไป ซึ่งจะเป็นเรื่องของการปรับกลยุทธ์การเคลื่อนไหวไปสู่แพลตฟอร์มออนไลน์และการแสดงออกผ่านสื่อสัญลักษณ์ต่างๆ มากขึ้น

นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.)
ด้าน นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) เปิดเผยว่า เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 กลุ่มแนวร่วมขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งประกอบด้วย ครป. “กลุ่มไม่ทน” ที่นำโดย นายจตุพร พรมพันธุ์ และกลุ่ม “คาร์ม็อบ” ที่นำโดย นายสมบัติ บุญงามอนงค์ จึงวางแผนที่จะปรับกลยุทธ์การเคลื่อนไหวให้สอดรับกับสถานการณ์ โดยเราหารือกันว่า ในวันที่ 10 ก.ค.นี้ ทาง ครป. และ “กลุ่มไม่ทน” จะไปร่วมกิจกรรม “คาร์ม็อบ สมบัติทัวร์” กับกลุ่มของ นายสมบัติ แทนการเดินรณรงค์บนทางเท้าเหมือนที่ผ่านมา เนื่องจากประเมินแล้วว่าคาร์ม็อบเป็นกิจกรรมที่ปลอดภัยจากโควิด-19 และมีพลังไม่แพ้การเดินขบวนบนท้องภนน

นอกจากนั้น ทั้ง 3 กลุ่มจะรณรงค์ให้มีการแสดงเชิงสัญลักษณ์ เช่น ติดแฮชแท็ก “ประยุทธ์ออกไป” หรือติดสัญลักษณ์ “โบดำ” บนสื่อโซเชียลต่างๆ ให้กว้างขวางขึ้น เพื่อให้การเคลื่อนไหวบนแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เราทำอยู่แล้วมีพลังมากยิ่ง และหากจะมีการจัดกิจกรรมที่ต้องลงถนนในครั้งต่อไปก็เพิ่มความรัดกุมในการป้องตัวเองของผู้ชุมนุมให้ปลอดภัยจากโควิด-19 มากยิ่งขึ้นด้วย

ขณะที่ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด แกนนำกลุ่มคาร์ม็อบ เปิดเผยว่า การจัดคาร์ม็อบบีบแตรไล่รัฐบาลเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาประสบความสำเร็จอย่างมาก และมั่นใจว่าเป็นรูปแบบการเคลื่อนไหวที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถเอาผิดทางกฎหมายได้ เนื่องจากไม่ขัด พ.ร.บ.การชุมนุม เพราะได้ขออนุญาตและแจ้งรายละเอียดในการเคลื่อนขบวนกับ สน.เจ้าของท้องที่ ไม่ขัด พ.ร.บ.ควบคุมโรค เพราะอยู่แต่ในรถ หรือหากจะใช้ พ.ร.บ.จราจร มาเล่นงานกรณีกดแตรโดยไม่มีเหตุอันควรนั้น ก็ต้องถามว่าการใช้หลักฐานจากกล้องวงจรปิด เจ้าหน้าที่ตำรวจจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่ารถคันไหนกดแตร

“ในวันเสาร์ที่ 10 ก.ค.นี้ เราจะจัดคาร์ม็อบครั้งที่ 2 ซึ่งเชื่อว่าจะมีคาร์ม็อบทั่วกรุงอย่างแน่นอน” นายสมบัติ กล่าว

นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด แกนนำกลุ่มคาร์ม็อบ
นอกจากนั้น กลุ่มมวลชนที่ออกมาเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ทั้ง 4 กลุ่ม คือ “กลุ่มไทยไม่ทน” กลุ่มประชาชนคนไทย กลุ่ม ครป. (คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย) และกลุ่มคาร์ม็อบ ต่างก็เห็นพ้องกับแนวทางการเคลื่อนไหวของเหล่าบุคลากรทางการแพทย์ อีกทั้งแต่ยังขานรับกลยุทธ์ของกลุ่ม “หมอไม่ทน” โดยจะร่วมรณรงค์ “ติดโบดำ” เพื่อไว้อาลัยให้แก่ผู้ที่เสียชีวิตจากโควิด-19 ด้วย

นายนิติธร แกนนำกลุ่มประชาชนคนไทย ระบุว่า ทันทีที่ทราบแนวทางการเคลื่อนไหวของกลุ่ม “หมอไม่ทน” ทางเราก็ร่วมสนับสนุนโดยช่วยรณรงค์ผ่านทางเพจ “ประชาชนคนไทย” ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วเห็นด้วยกับการติดโบดำเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ และเบื้องต้นจากที่สอบถามหลายคนก็ไม่มีใครติดขัดที่จะร่วมสนับสนุนกิจกรรมของบุคลากรทางการแพทย์ ส่วนว่าในการทำกิจกรรมของเรานั้นจะมีการติดโบดำด้วยหรือไม่นั้นคงต้องหารือกับสมาชิกในกลุ่มประชาชนคนไทยก่อน

“ผมคิดว่าการที่หมอออกมานั้นเป็นสัญญาณความเดือดร้อนของสังคมที่สูงมาก การขับเคลื่อนของหมอมันบ่งชี้ถึงความไม่ชอบมาพากล ความไม่สุจริต และปัญหาในการปฏิบัติงานที่ถาโถมอย่างหนัก การเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ถือเป็นสิ่งที่ดีและประชาชนทุกคนควรเข้าร่วม ประชาชนควรให้กำลังใจหมอที่เขาออกมาเคลื่อนและร่วมเป็นพลัง เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่หมอจะออกมา แสดงว่าวันนี้มันติดขัด และมันสัมพันธ์กับความเป็นความตายของประชาชนทั้งประเทศ” นายนิติธร กล่าว

ด้าน นายเมธา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา เราได้มีการประสานกับกลุ่ม “หมอไม่ทน” ในการรณรงค์ติดโบดำ โดยกลุ่ม ครป. รวมถึงกลุ่มไทยไม่ทน และกลุ่มของนายสมบัติ ยินดีที่จะร่วมกิจกรรมนี้ด้วย


ทั้งนี้ สำหรับการเคลื่อนไหวของบรรดาบุคลากรทางการแพทย์ที่กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อรัฐบาลอยู่ในขณะนี้นั้น นับเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง โดยเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ได้มีการผนึกกำลังกันของกลุ่มหมอ เภสัชกร และบุคลากรด้านสาธารณสุข รวม 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มหมอไม่ทน ภาคีบุคลากรสาธารณสุข สภาเภสัชกรรม ชมรมเภสัชชนบท และสหพันธ์นิสิตนักศึกษาเภสัชศาสตร์แห่งประเทศไทย ที่ต่างดาหน้าออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้รัฐบาล ปรับปรุงการจัดหาวัคซีนต้านโควิด-19 ให้มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และสอดคล้องกับสถานการณ์ช่วงวิกฤตซึ่งไทยกำลังก้าวเข้าสู่การระบาดระลอกที่ 4 และต้องเผชิญกับเชื้อกลายพันธุ์

ซึ่งการเคลื่อนไหวดังกล่าวนอกจากจะสะท้อนถึงความไร้ประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 และความล่าช้าในนำเข้าวัคซีนของรัฐบาลที่เป็นช่องโหว่ให้เกิดการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วเพราะประชาชนไม่มีภูมิคุ้นกันจากวัคซีนแล้ว ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่เขย่าเสถียรภาพรัฐบาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งผู้ที่สะเทือนมากที่สุดคงหนีไม่พ้น “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

โดยจุดที่สร้างแรงกระเพื่อมให้สังคมมากที่สุดเห็นจะเป็นการเคลื่อนไหวของกลุ่ม “หมอไม่ทน” ซึ่งร่วมกับ “ภาคีบุคลากรสาธารณสุข” ในการรณรงค์ให้บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนร่วมลงชื่อเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งนำเข้าวัคซีน mRNA (ไฟเซอร์และโมเดอร์นา) และพิจารณาใช้วัคซีนดังกล่าวเป็นวัคซีนหลัก (แทนซิโนแวค) โดยใช้เวลารณรงค์เพียงแค่ 2 วันท่านั้น ปรากฏว่ามีผู้ร่วมลงชื่ออย่างถล่มทลายถึง 215,550 รายชื่อเลยทีเดียว และในวันนี้ (7 ก.ค.) ทั้ง 2 กลุ่มได้นำหนังสือข้อเรียกร้องพร้อมทั้งรายชื่อดังกล่าวไปยื่นต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนั้น “กลุ่มไทยไม่ทน” ยังเชิญชวนให้บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนทั่วประเทศร่วมติดโบดำ และสวมเสื้อดำ เพื่อเป็นการไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 และผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมดอีกด้วย

พ.ท.พญ.กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี เลขาธิการเครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ ในฐานะแนวร่วม “กลุ่มหมอไม่ทน”
พ.ท.แพทย์หญิงกมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี เลขาธิการเครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ ในฐานะแนวร่วม “กลุ่มหมอไม่ทน” ระบุว่า เชื่อว่าจะมีแนวร่วมเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์จำนวนไม่น้อยที่จะร่วมติดโบดำและใส่ชุดดำเพื่อแสดงสัญลักษณ์ในการไว้อาลัยแก่ผู้ที่เสียชีวิตจากโควิด-19 เพราะตอนนี้บุคลากรทางการแพทย์ส่วนใหญ่ไม่พอใจการบริหารจัดการในการแก้ปัญหาโควิด-19 ของรัฐบาลเป็นอย่างมาก

“สำหรับการรณรงค์ครั้งนี้แนวร่วมในกลุ่มหมอด้วยกันก็กระจายกันเยอะ โดยเฉพาะพวกหมอเด็กๆ หมอที่จบใหม่เขาก็ส่งต่อกัน ส่วนผู้ที่ออกมาร่วมแสดงสัญลักษณ์จะมากน้อยขนาดไหนนั้นคงคาดเดาไม่ได้เพราะหมอที่เป็นข้าราชการ หรืออยู่ในโรงพยาบาลเอกชนอาจถูกกดดันจากผู้บริหาร ทำให้ไม่กล้าออกมาร่วม” พ.ท.พญ.กมลพรรณ กล่าว

ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับข้อมูลที่ได้จากผู้อำนวยการโรงพยาบาลแห่งหนึ่งซึ่งระบุว่า ถูกผู้ใหญ่สั่งห้ามไม่ให้เคลื่อนไหวหรือแสดงความเห็นเกี่ยวกับการติดโบดำที่กำลังมีการรณรงค์กันอยู่ในขณะนี้ และบุคลากรทางการแพทย์ส่วนใหญ่คงเคลื่อนไหวยากเพราะมีความเป็นข้าราชการครอบอยู่

อย่างไรก็ดี จากนี้คงต้องติดตามต่อไปว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ “พล.อ.ประยุทธ์” จะรับมือกับสถานการณ์ศึกรอบด้าน ท่ามกลางวิกฤตศรัทธาของประชาชนทั้งประเทศเช่นนี้ได้อย่างไร?






กำลังโหลดความคิดเห็น