รัฐออกพันธบัตรยิ่งออมยิ่งได้ 5 หมื่นล้านบาท ขายผ่านวอลเล็ตหมื่นล้าน 3 ปี 1.8% รอบทั่วไป 4 ปี 1.9% วงเงิน 4.5 หมื่นล้าน นิติบุคคลที่ไม่แสวงหากำไร 10 ปี 2.2% วงเงิน 5 พันล้าน นักลงทุนชี้รอบนี้ผลตอบแทนต่ำกว่าเราชนะ เพดานซื้อเปิดกว้าง ห่วงขาจรเข้าถึงในลำดับท้าย ประเมินผลตอบรับยาก เหตุคนยังกังวล Covid-19 หวั่นล็อกเงินแล้วหากเกิดปัญหาจะลำบาก ส่วนเงินฝากยังพอมี 1.5%
Covid-19 ไม่เพียงส่งผลต่อสุขภาพของผู้คนที่ติดเชื้อ หนักสุดถึงขั้นเสียชีวิต แม้ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบทั้ง 2 โดสแล้วก็มีโอกาสเสียชีวิตได้เช่นกัน มาตรการควบคุมโรคปิดกิจการบางประเภทที่สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด หลายคนต้องตกงาน ขาดรายได้ กระทบต่อภาระหนี้สินของแต่ละครอบครัวแบบไม่ทันตั้งตัว
อีกทั้งการแพร่ระบาดที่ยาวนานจนเข้าปีที่ 2 มาตรการให้ความช่วยเหลือจากภาครัฐผ่านธนาคารแห่งประเทศไทยกับแนวทางแก้ปัญหาให้แก่ลูกหนี้ด้วยเงื่อนไขผ่อนปรนเงินต้นและดอกเบี้ยกับระยะเวลา 6 เดือนย่อมไม่เพียงพอต่อการประคับประคองให้ผ่านพ้นสถานการณ์นี้ รวมถึงอีกหลายแนวทางช่วยเหลือยังไม่สามารถตอบสนองต่อลูกหนี้ที่ประสบปัญหาได้อย่างทั่วถึง
หลายฝ่ายอาจมองว่ากลุ่มคนที่ยังพอมีงานทำนั้นอาจไม่ได้รับผลกระทบจากพิษทางเศรษฐกิจของ Covid-19 ในความเป็นจริงแล้วแต่ละอาชีพนั้นย่อมได้รับผลกระทบที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าใครอยู่ในอาชีพที่ได้รับผลกระทบโดยตรง หรือกระทบทางอ้อม
เช่นเดียวกับกลุ่มที่พอมีเงินออม คนกลุ่มนี้มีทั้งผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงและกระทบทางอ้อม ไม่ได้หมายถึงคนรวยเสมอไป ยังต้องเผชิญกับภาวะดอกเบี้ยต่ำ ดอกเบี้ยจากการออมเงินที่พอจะนำมาใช้จ่ายเป็นค่าน้ำ ค่าไฟบ้าง จากดอกเบี้ยที่ต่ำลงอาจทำให้ต้องควักเงินที่พอมีมาจ่ายแทน ไม่ต่างไปจากรายได้ของพวกเขาลดลง
พันธบัตรยิ่งออมยิ่งได้
ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2564 รัฐบาลได้ออกพันธบัตรยิ่งออมยิ่งได้ออกมาเสนอขายกับ 3 กลุ่ม เริ่มที่พันธบัตรออมทรัพย์รุ่นยิ่งออมยิ่งได้ บนวอลเล็ต สบม. ของกระทรวงการคลังในปีงบประมาณ พ.ศ.2564 (พันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร ไม่มีการออกใบพันธบัตรตลอดอายุพันธบัตร) วงเงินจำหน่ายวงเงินไม่เกิน 10,000 ล้านบาทรุ่นอายุ 3 ปี (SBST247A) อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดปีที่ 1 ดอกเบี้ย 1.50% ปีที่ 2 ดอกเบี้ย 1.70% ปีที่ 3 ดอกเบี้ย 2.20% เฉลี่ย 1.80% ต่อปี
จำหน่ายผ่านวอลเล็ตสะสมบอนด์มั่งคั่ง (วอลเล็ต สบม.) ในแอปพลิเคชันเป๋าตัง ตั้งแต่เวลา 08.30 น. ของวันที่ 5 กรกฎาคม 2564 จนถึงเวลา 15.00 น. ของวันที่ 23 กรกฎาคม 2564 วงเงินซื้อขั้นต่ำ-ขั้นสูงต่อราย 100-10,000,000 บาท จ่ายดอกเบี้ย 4 ครั้งต่อปี ทุกวันที่ 5 ของเดือนมกราคม เมษายน กรกฎาคม และตุลาคมของทุกปี จนกว่าพันธบัตรจะครบกำหนดไถ่ถอน โดยจ่ายดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ 5 ตุลาคม 2564 วันครบอายุไถ่ถอน 5 กรกฎาคม 2567 วันทำธุรกรรมหลังการซื้อพันธบัตร 5 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป
ถัดมาเป็นรุ่นอายุ 4 ปี (SBST257A) สำหรับบุคคลธรรมดาที่ถือสัญชาติไทย หรือมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันได ปีที่ 1 ดอกเบี้ย 1.50% ปีที่ 2 ดอกเบี้ย 1.70% ปีที่ 3 ดอกเบี้ย 1.90% ปีที่ 4 ดอกเบี้ย 2.50% เฉลี่ยดอกเบี้ย 1.90% จ่ายดอกเบี้ยปีละ 2 ครั้ง วงเงิน 35,000 ล้านบาท ซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท และไม่จำกัดเพดานซื้อสูงสุด
รุ่นอายุ 10 ปี (SB317A) สำหรับนิติบุคคลที่ไม่แสวงหากำไร อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ 2.20% ต่อปี วงเงิน 5,000 ล้านบาท จ่ายดอกเบี้ย วันที่ 12 มกราคม และ 12 กรกฎาคม ของทุกปี จนกว่าพันธบัตรจะครบกำหนดไถ่ถอน โดยจ่ายดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ 12 มกราคม 2565 เปิดจำหน่าย 12-23 กรกฎาคม 2564
ยิ่งออมยิ่งได้เป็นรองเราชนะ
ผู้ลงทุนรายหนึ่งกล่าวว่า พันธบัตรรุ่นยิ่งออมยิ่งได้วงเงิน 50,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรุ่น 3 ปี ดอกเบี้ยเฉลี่ย 1.8% ผ่านวอลเล็ตสะสมบอนด์มั่งคั่ง (วอลเล็ต สบม.) ในแอปพลิเคชันเป๋าตัง 10,000 ล้านบาท ซื้อขั้นต่ำ 100 บาท สูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท เริ่ม 5 กรกฎาคม 2564
รุ่น 4 ปี สำหรับประชาชนทั่วไป ดอกเบี้ยแบบขั้นบันได เฉลี่ยแล้ว 1.9% วงเงิน 35,000 ล้านบาท และ 10 ปีสำหรับนิติบุคคลที่ไม่แสวงหากำไร ดอกเบี้ยคงที่ 2.2% วงเงิน 5,000 ล้านบาท ไม่กำหนดเพดานซื้อสูงสุด เริ่มจำหน่าย 12 กรกฎาคม 2564
ทั้งนี้ ผลตอบแทนของพันธบัตรจะคิดตามผลตอบแทนในตลาดแล้วบวกด้วยภาษี 15% ส่วนเรื่องผลตอบแทนดีหรือไม่ทุกอย่างอยู่ที่สภาพตลาด แต่หากเทียบกับดอกเบี้ยเงินฝากของสถาบันการเงินในเวลานี้ก็ถือว่าน่าสนใจในระดับหนึ่ง เนื่องจากแบงก์พาณิชย์เกือบทั้งหมดไม่ได้ออกโปรโมชันเงินฝากจากสถานการณ์ที่การปล่อยสินเชื่อทำได้ลำบาก
ก่อนหน้านี้ เดือนกุมภาพันธ์มีพันธบัตรรุ่นเราชนะออกมา 55,000 ล้านบาท เป็นรุ่น 5 ปี ดอกเบี้ยเฉลี่ย 2% หักภาษีแล้วเหลือ 1.7% และรุ่น 10 ปี ดอกเบี้ยเฉลี่ย 2.5% หักภาษีแล้วเหลือ 2.125%
ส่วนผลตอบแทนของพันธบัตรรุ่นยิ่งออมยิ่งได้เมื่อหักภาษี 15% แล้วพันธบัตรวอลเล็ต 3 ปีผลตอบแทนจริง 1.53% รุ่น 4 ปีผลตอบแทนจริง 1.65% ส่วนรุ่น 10 ปี ผลตอบแทนจริงอยู่ที่ 1.87%
ช่วงต้นปีผลตอบแทนพันธบัตรปรับเพิ่มขึ้น แต่ในช่วงนี้ผลตอบแทนปรับลดลง ดังนั้น ตัวดอกเบี้ยหากมองเฉพาะรุ่น 10 ปีที่เหมือนกัน รุ่นยิ่งออมยิ่งได้จึงต่ำกว่ารุ่นเราชนะ
การตัดสินใจซื้อพันธบัตรหรือไม่ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล เพราะความจำเป็นในการต้องใช้เงินของแต่ละคนไม่เหมือนกัน หากจัดสรรเงินบางก้อนที่ไม่จำเป็นต้องใช้ได้ ผลตอบแทนของพันธบัตรยิ่งออมยิ่งได้ก็สูงกว่าดอกเบี้ยในตลาดพอสมควร
ขาจรลำดับท้าย
แต่ปัญหาคือ ประชาชนทั่วไปจะสามารถซื้อได้ทันหรือไม่ เพราะหลายครั้งที่พันธบัตรที่ผลตอบแทนดีมักจะหมดลงในเวลาที่รวดเร็ว ทุกอย่างอยู่ที่ข้อกำหนดของรัฐบาลที่ออกพันธบัตร จะเห็นได้ว่ารอบนี้ไม่เปิดโอกาสกับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปได้ซื้อก่อน และไม่มีเพดานซื้อสูงสุด หมายถึงใครจะซื้อเท่าไหร่ก็ได้
ยกเว้นพันธบัตรที่จำหน่ายผ่านแอปเป๋าตัง มีเพดานซื้ัอสูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท รอบนี้ให้วงเงินมา 1 หมื่นล้านบาท ถือว่าจัดสรรให้มาค่อนข้างมาก อายุ 3 ปี ไม่นานเกินไป แต่คนมีเงินออมบางกลุ่มจะมีปัญหาเรื่องการซื้อหรือไม่ เพราะต้องดำเนินการผ่านแอป โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ไม่เชี่ยวชาญเรื่องการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่
ประการต่อมา ตัวแทนในการขายพันธบัตรรัฐบาลส่วนใหญ่แล้วจะมี 4 แบงก์คือ กรุงเทพ กรุงไทย ไทยพาณิชย์ และกสิกรไทย จะมีลูกค้าประจำของแต่ละธนาคารอยู่ ลูกค้าประจำที่มีเงินออมสูงมักจะถูกเสนอพันธบัตรให้เป็นลำดับต้นๆ ยังไม่นับรวมบริการพิเศษของแต่ละธนาคารที่ดูแลลูกค้ารายใหญ่ เสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ผลตอบแทนดีให้ก่อนลูกค้าทั่วไป
ดังนั้น ลูกค้าจรที่สนใจในพันธบัตร โอกาสเข้าถึงนั้นก็มี แต่มักจะเป็นพันธบัตรรุ่นที่ลูกค้าหลักๆ ของธนาคารไม่ให้ความสนใจ ปรากฏการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดเฉพาะกับพันธบัตรรัฐบาลเท่านั้น แต่หุ้นกู้เอกชนที่มีความมั่นคง มีความเสี่ยงมากกว่าพันธบัตรรัฐบาล ให้ผลตอบแทนดีมากกว่า 3% แม้จะระบุว่าจำหน่ายแก่ประชาชนทั่วไป แต่ไม่มีทางที่จะหลุดมาถึงลูกค้าขาจร
แบงก์ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายพันธบัตรหรือหุ้นกู้นั้นจะได้รับผลตอบแทนในการจำหน่ายตามที่ตกลงกับผู้ออกผลิตภัณฑ์ ดังนั้น การเร่งขายให้หมดตามจำนวนที่ได้รับจัดสรรมาจึงเป็นแนวทางที่ทุกแบงก์ทำ ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิด เพราะการที่ผู้ออกผลิตภัณฑ์มีเงื่อนไขมาก อาจส่งผลต่อระยะเวลาในการจำหน่าย ยิ่งจำกัดเพดานซื้อ ยิ่งทำให้แบงก์ต้องหาลูกค้ามากขึ้น
“ถ้าคุณไม่ใช่ลูกค้าประจำกับธนาคารแล้ว โอกาสที่คุณจะได้รับการจัดสรรพันธบัตรหรือหุ้นกู้ที่ให้ผลตอบแทนดีนั้นเป็นเรื่องยาก”
เปิดโอกาสเข้าถึง
การออกผลิตภัณฑ์เพื่อการออม โดยเฉพาะจากภาครัฐบาลนั้นทุกอย่างอยู่ที่การออกแบบว่าจะเพื่อวัตถุประสงค์ใด เช่น ช่วยผู้สูงอายุก็ให้สิทธิก่อน หากต้องการกระจายให้คนอื่นๆ ในวงกว้างก็กำหนดเพดานซื้อ หรือสร้างเงื่อนไขที่ให้ลูกค้าขาจรเข้าถึงได้บ้าง ตรงนี้เป็นสิ่งที่รัฐควรใส่ใจ ด้านหนึ่งรัฐส่งเสริมให้คนออมเงิน แต่กลับไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินออมที่ผลตอบแทนดีๆ ได้ ทุกฝ่ายคิดเพียงว่าขอให้ขายให้หมดเท่านั้นพอ
คนที่เริ่มออมแม้จะมีเงินไม่มาก แต่เขาก็ต้องการผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีไม่แพ้ผู้ที่มีเงินออมมาก หากรัฐใส่ใจในเรื่องเหล่านี้คนที่เริ่มเก็บออมสามารถเข้าถึงแหล่งออมที่ผลตอบแทนดี ย่อมเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการเพิ่มรายได้ให้คนเหล่านี้ไปในตัว ซึ่งอาจรวมถึงผู้ที่เกษียณอายุที่หลายคนต้องดำรงชีวิตอยู่ด้วยเงินออมที่มีอยู่ และยังเป็นอีกหนึ่งวิธีในการลดความเสี่ยงจากมิจฉาชีพที่อาจมาชักชวนให้ลงทุนในช่องทางที่ผิดกฎหมายหรือเป็นไปในลักษณะฉ้อโกง
ฝากดิจิทัล-ธอส. 1.5%
จากการสำรวจตลาดเงินฝากในระยะนี้ นอกจากพันธบัตรยิ่งออมยิ่งได้แล้ว ยังมีเงินฝากประจำ 8 เดือนของธนาคารอาคารสงเคราะห์ อัตราดอกเบี้ย 1.5% (หักภาษีแล้วเหลือ 1.275%) รับดอกเบี้ยรายเดือน เปิดบัญชีครั้งแรกและฝากครั้งต่อไป 10,000 บาท เริ่มรับฝาก 4 กรกฎาคม-26 สิงหาคม 2564
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีธนาคารพาณิชย์หลายแห่งออกเงินฝากดิจิทัล ไม่ต้องมีสมุดบัญชีเหมือนการฝากเงินแบบปกติ ดำเนินผ่านแอปพลิเคชันของแต่ละธนาคาร โดยให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 1.5% เช่นกัน แต่ละธนาคารอาจกำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับวงเงินฝาก ตรงนี้ผู้ที่สนใจต้องเข้าไปศึกษาเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร
บัญชีประเภทนี้ถือว่าเป็นบัญชีออมทรัพย์ ดังนั้น ตัวอัตราดอกเบี้ยที่ได้รับ ธนาคารสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามประกาศของธนาคาร แตกต่างจากบัญชีฝากประจำที่จะให้ดอกเบี้ยตามที่กำหนดจนกว่าจะครบสัญญา
ก่อนหน้านี้ มีบางธนาคารที่ออกเงินฝากทั้งแบบไม่มีสมุดบัญชีและแบบมีสมุดบัญชี โดยให้อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าบัญชีเงินฝากประจำ ดอกเบี้ยสูงที่ล่อใจในระยะแรกนั้นเมื่อฝากไประยะหนึ่งทางธนาคารก็ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมา โดยไม่ต้องแจ้งให้ลูกค้าทราบ หรืออาจจะเปิดรับฝากเฉพาะลูกค้าที่เปิดบัญชีใหม่ ให้ดอกเบี้ยที่สูงกว่าบัญชีเงินฝากของเดิมก็มีให้เห็นเช่นกัน
ดอกเบี้ยที่สูงล่อใจนั้นแม้เป็นต้นทุนหนึ่งของการออกผลิตภัณฑ์ แต่การลดค่าใช้จ่ายเรื่องสมุดเงินฝาก ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมต่างๆ ได้เอง ทำให้ธนาคารสามารถลดพนักงานได้ อีกทั้งเปลี่ยนพฤติกรรมลูกค้าให้หันมาทำธุรกรรมทางการเงินบนออนไลน์ได้มากขึ้น ซึ่งเป็นแนวโน้มที่เกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน
วัดใจคนออม
การเปิดขายพันธบัตรรอบนี้ถือเป็นตัวชี้วัดหลายอย่าง คนทั่วไปพร้อมที่จะออมต่อหรือไม่ หากยังต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 ความกังวลต่อรายได้ที่หายไป หรือสถานภาพในงานที่ทำ อาจไม่พร้อมที่จะต้องลงเงินยาว 3-4 ปี
ที่ผ่านมา พันธบัตรรุ่นเราชนะผลตอบรับไม่ได้คึกคักนัก ต้องใช้ระยะเวลาหลายวันกว่าจะปิดขายพันธบัตรได้ครบ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผลตอบแทนยังไม่จูงใจนัก แต่รุ่นยิ่งออมยิ่งได้ผลตอบแทนต่ำกว่าเล็กน้อย คงต้องรอการตัดสินใจของผู้ออมอีกครั้งว่าจะตอบรับมากน้อยเพียงใด และเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่รอบนี้ไม่จำกัดเพดานซื้อ
อย่างไรก็ตาม เมื่อดูตลาดเงินฝากแล้ว ผู้ที่พร้อมออมเงินคงไม่มีทางเลือกมากนัก แน่นอนว่าตัวพันธบัตรยังคงให้ผลตอบแทนสูงกว่า