แพทย์แผนไทย ประสาน “กรมแพทย์แผนไทย” เปิดคลินิกอาสาแพทย์แผนไทย 77 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อดูแล วินิจฉัยและจ่ายยาให้ผู้ป่วยโควิด-19 ที่อาการยังไม่หนัก ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย เปิดให้บริการแล้วกว่า 50 แห่ง ส่วน กทม. เสนอเข้าร่วมสภาโครงการกว่า 33 คลินิก โดยยาที่แจกล้วนได้ขึ้นบัญชียาหลักแล้ว ด้าน “มูลนิธิสุขภาพไทย” เสนอแจกยาฟ้าทะลายโจรให้ 3 กลุ่ม ขณะที่ “อธิบดีแพทย์แผนไทย” เผย ความสำเร็จใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาผู้ป่วยในเรือนจำ
จากปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีความเป็นไปสูงว่าอาจจะลุกลามไปถึงระลอกที่ 4 ขณะที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่วันละกว่า 5,000 ราย และอัตราการเสียชีวิตสูงถึงวันละ 50 กว่าคน เตียงและบุคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงพอที่จะรับมือกับสถานการณ์ขั้นวิกฤต เหล่า แพทย์แผนไทย ซึ่งเป็นอีกศาสตร์หนึ่งในการรักษาที่มีมาอย่างยาวนานจึงผนึกกำลังกันเพื่อช่วยเหลือและเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ป่วยโควิด-19 ที่อาการยังไม่รุนแรง
สภาแพทย์แผนไทยเปิดคลินิกอาสาทั่วประเทศ
ในส่วนของ “สภาการแพทย์แผนไทย” ซึ่งเป็นองค์กรภาคเอกชนซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อดูแลผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์แผนไทยทั่วประเทศ ได้ร่วมกับกรมแพทย์แผนไทย กระทรวงสาธารณสุข ในการจัดทำ “โครงการหมอไทยใจดีสู้ภัยโรคอุบัติใหม่ โควิด-19” เพื่อช่วยสนับสนุนการดูแลและรักษาผู้ป่วย รวมถึงกลุ่มเสี่ยงต่อการรับเชื้อโควิด-19
พ.ท.จิตรณิญาณ์ ฐิติปัญญรัตน์ อุปนายกสภาการแพทย์แผนไทยคนที่ 1 ในฐานะประธานผู้รับผิดชอบโครงการ “หมอไทยใจดีสู้ภัยโรคอุบัติใหม่ โควิด-19” เปิดเผยถึงรายละเอียดในการดำเนินโครงการดังกล่าว ว่า เนื่องด้วยสภาการแพทย์แผนไทยได้ตระหนักถึงความเดือดร้อนของผู้ป่วยซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด-19 กลุ่มแพทย์แผนไทยจึงได้ร่วมกันวางแนวทางในการดูแลผู้ป่วยโดยใช้ภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยอย่างมีมาตรฐานและครอบคลุมทั่วถึง โดยได้รับสมัคร “คลินิกแพทย์แผนไทยจิตอาสา” จากทั่วประเทศเพื่อช่วยรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่อาการยังไม่มาก คือยังไม่มีอาการหอบเหนื่อย หรือเชื้อลงปอด รวมถึงกลุ่มเสี่ยงต่อการรับเชื้อโควิด-19 เช่น ผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ และบุคคลในครอบครัวของผู้ติดเชื้อ โดยทางสภาการแพทย์แผนไทยจะเป็นผู้จัดหายาที่ใช้ในการรักษาให้ฟรี และใช้องค์ความรู้ของแพทย์แผนไทยที่อยู่ประจำคลินิกจิตอาสาในการวินิจฉัยและจ่ายยาให้ผู้ป่วย
ทั้งนี้ สภาการแพทย์แผนไทยได้มอบหมายให้สภาแพทย์แผนไทยในแต่ละภาคดูแลโครงการนี้ร่วมกัน ซึ่งแบ่งเป็นภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ และกรุงเทพฯ โดยประสานกับคลินิกแพทย์แผนไทยในแต่ละพื้นที่เพื่อรวบรวมคลินิกที่ต้องการเข้าร่วมโครงการ โดยล่าสุด มีคลินิกแพทย์แผนไทยจากทั่วประเทศที่ผ่านการคัดกรองและเข้าร่วมโครงการแล้วประมาณ 50 คลินิก ขณะที่คลินิกแพทย์แผนไทยในพื้นที่กรุงเทพฯ เสนอตัวเข้าร่วมโครงการถึง 33 คลินิก โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการคัดกรอง ทั้งนี้ สภาการแพทย์แผนไทยมีเป้าหมายว่าแต่ละจังหวัดจะต้องมีคลินิกแพทย์แผนไทยจิตอาสาอย่างน้อย 1 แห่ง
“สำหรับขั้นตอนในการตรวจรักษาผู้ป่วยโควิด-19 นั้นจะใช้วิธีให้ผู้ป่วยที่ต้องการรับยาสมุนไพรโทร.เข้ามายังคลินิกแพทย์แผนไทยจิตอาสาที่อยู่ในจังหวัดของตนเอง จากนั้นแพทย์แผนไทยจะซักประวัติและอาการป่วยต่างๆ โดยพูดคุยผ่านโทรศัพท์หรือทางไลน์ซึ่งสามารถเห็นหน้าตาและอาการของผู้ป่วยได้ เพื่อวินิจฉัยและจ่ายยา พร้อมทั้งมีการบันทึกในเวชระเบียนตามมาตรฐานที่สภาแพทย์แผนไทยได้จัดทำไว้ ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับที่แพทย์แผนปัจจุบันหลายแห่งใช้ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่อาการไม่รุนแรง ซึ่งในการจ่ายยานั้นทางคลินิกจะจ่ายให้ทั้งผู้ที่ตรวจพบเชื้อแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอาการไข้ และกลุ่มเสี่ยงที่สัมผัสหรือใกล้ชิดผู้ป่วยซึ่งเข้ารับการตรวจแล้วรอฟังผล ซึ่งกลุ่มนี้มีทั้งกลุ่มที่มีอาการและไม่มีอาการ รวมถึงบุคคลใกล้ชิดที่มีโอกาสติดแต่ยังไม่ได้เข้ารับการตรวจ เพราะกลุ่มนี้อาจจะติดเชื้อแล้ว หากได้รับยาก็เป็นการสกัดเชื้อไม่ให้ลุกลาม แต่หากยังไม่ติดและกินยาสมุนไพรในปริมาณที่จัดให้ก็ไม่มีผลข้างเคียงอะไร” พ.ท.จิตรณิญาณ์ กล่าว
อุปนายกสมาคมแพทย์แผนไทย กล่าวต่อว่า หลังจากวินิจฉัยแล้วคลินิกจิตอาสาจะส่งยาไปให้ผู้ป่วยฟรีถึงบ้าน โดยผู้ป่วยเสียเฉพาะค่าจัดส่ง 50 บาทเท่านั้น หรือกรณีที่เป็นครอบครัวใหญ่ติดเชื้อกันทั้งครอบครัวต้องส่งยาให้ในปริมาณมาก ค่าส่งก็จะอยู่ที่ 100 บาท โดยยาสมุนไพรที่สภาการแพทย์แผนไทยส่งไปให้คลินิกจิตอาสานั้นจะมี 3 ตัวด้วยกัน คือ ฟ้าทะลายโจร ยาห้าราก และยาจันทน์ลีลา ซึ่งแต่ละตัวที่ใช้ในการรักษาล้วนเป็นยาสมุนไพรที่มีมาตรฐานและใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการแพทย์แผนไทยอยู่แล้ว
โดย “ฟ้าทะทลายโจร” มีสรรพคุณในการยับยั้งเชื้อไวรัส ซึ่ง “ยาสารสกัดจากฟ้าทะลายโจร” และ “ยาจากผงฟ้าทะลายโจร” นั้นได้เข้าบัญชียาหลักยาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร ปี 2564 โดยให้ใช้กับผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่มีความรุนแรงน้อย ใช้บรรเทาอาการไข้หวัด แก้ไอและเจ็บคอ
“ยาห้าราก” เป็นตำรับยาที่จัดอยู่ในกลุ่มยาแก้ไข้ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขประกาศใช้ในบัญชียาจากสมุนไพรที่มีการใช้ตามองค์ความรู้ดั้งเดิม ในบัญชียาหลักแห่งชาติ (1) ปี 2559 โดยตำรับยาประกอบด้วย รากของสมุนไพร 5 ชนิด ได้แก่ ชิงชี่ ย่านาง คนทา เท้ายายม่อม และมะเดื่อชุมพร มีสรรพคุณในการกระทุ้งไข้ ลดไข้ ต้านการอักเสบ และแก้ปวด
“ยาจันทน์ลีลา” จัดอยู่ในกลุ่มยาแก้ไข้ที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศใช้ในบัญชียาจากสมุนไพรที่มีการใช้ตามองค์ความรู้ดั้งเดิมในบัญชียาหลักแห่งชาติ (1) โดยตำรับยาประกอบด้วยสมุนไพรต่างๆ เช่น แก่นจันทร์แดง แก่นจันทร์ขาวหรือจันทร์ชะมด รากปลาไหลเผือก บอระเพ็ด โกฐสอ โกฐเขมา โกฐจุฬาลัมพา ลูกกระดอม พิมเสน เป็นต้น มีสรรพคุณแก้ไข แก้ปวดหัว ตัวร้อน
นอกจากนั้น ยังมียาอีก 2 ตัวที่สภาการแพทย์แผนไทยกำลังเตรียมจะจัดหาให้คลินิกแพทย์จิตอาสาเพื่อใช้ในการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ได้แก่ “ยาขาว” ซึ่งเป็นตำรับยาที่ใช้ในการแก้ไข และ “ยาแก้ไข้ตำรับขุนโสภิต” ซึ่งเป็นยาแก้ไข้ติดเชื้อทั้งที่แสดงอาการและไม่แสดงอาการ
“ที่เราต้องเข้ามาทำตรงนี้เพราะปัจจุบันผู้ป่วยโควิด-19 บางส่วนไม่สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลได้เนื่องจากสถานที่หรือจำนวนเตียงไม่เพียงพอ เราเป็นแพทย์แผนไทยที่มียาสมุนไพรซึ่งผ่านการวิจัยและรับรองมาแล้ว ซึ่งแพทย์แผนไทยก็มีสิทธิในการสั่งจ่ายยา จึงคิดว่าน่าจะเข้ามาช่วยดูตรงนี้ ซึ่งการดูแลผู้ป่วยของเราไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายการทำงานหรือการรักษาของแพทย์แผนปัจจุบัน แต่เป็นส่วนเสริมในจุดที่สามารถช่วยเหลือได้ เราใช้คำว่ารักษาไข้ตามคำภีร์ตักศิลา โดยโครงการนี้เพิ่งเริ่มเปิดตัวเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการจ่ายยาให้ผู้ป่วยไปบ้างแล้ว ยาที่ใช้มาจากการผลิตของโรงงานที่ได้มาตรฐาน โดยทุนทรัพย์ของสภาแพทย์แผนไทยและเงินบริจาคของผู้ที่ต้องการช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19” อุปนายกสมาคมการแพทย์แผนไทย กล่าว
สำหรับผู้ป่วยที่ต้องการขอคำปรึกษาหรือรับยาจากโครงการนี้สามารถติดต่อไปยังสภาแพทย์แผนไทยในแต่ละภูมิภาค (ดูรายละเอียดจากข้อมูลกราฟิก) หรือเข้าไปสอบถามที่เพจ facebook “สภาการแพทย์แผนไทย” โทร.0-2580-1157
ผู้ป่วยในเรือนจำเฮ ฟ้าทะลายโจรช่วยชีวิต
ด้านกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ก็เร่งขับเคลื่อนการใช้ภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยเพื่อสู้กับโควิด-19 เช่นกัน โดย แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เปิดเผยว่า นอกจากจะประสานกับองค์กรแพทย์แผนไทยทั่วประเทศในการดำเนินโครงการต่างๆแล้ว ที่ผ่านมา กรมแพทย์แผนไทยได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปประจำโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อให้คำปรึกษาและจ่ายยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจรแก่ผู้ป่วยโควิด-19 โดยเฉพาะพื้นที่ซึ่งใกล้กับโรงพยาบาลที่มีแพทย์แผนไทย จะมีการส่งทีมแพทย์แผนไทยลงไปประจำโรงพยาบาลสนามในจังหวัดหรือพื้นที่นั้นๆ เช่น โรงพยาบาลบุษราคัม จ.นนทบุรี โรงพยาบาลสนามที่ภูเก็ต อุดรธานี สกลนคร นครพนม ระนอง ซึ่งจากการเก็บข้อมูลเปรียบเทียบระหว่างผู้ป่วยที่ใช้ฟ้าทะลายโจรกับไม่ได้ใช้ฟ้าทะลายโจรพบว่าผู้ที่ใช้ฟ้าทะลายโจรมีผลการรักษาที่ดีกว่า นอกจากนั้น กรมการแพทย์แผนไทยยังได้ส่งยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจรไปยังเรือนจำต่างๆ ซึ่งแต่ละเรือนจำที่ส่งยาฟ้าทะลายโจรไปให้ปรากฏว่าผลการรักษานักโทษที่ติดโดวิด-19 ออกมาดีมาก
“โดยเฉพาะเรือนจำบางขวาง จ.นนทบุรี ซึ่งมีผู้ป่วยและกลุ่มเสี่ยงนับพันคน ได้ใช้ฟ้าทะลายโจรเต็มรูปแบบ มีทีมแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือกเข้าไปกำกับ สนับสนุน และเก็บข้อมูล ซึ่งพบว่าผลรักษาดีมาก สามารถช่วยป้องกันการเป็นปอดบวมได้เป็นอย่างดี อัตราการเกิดปอดบวมต่ำมาก ขณะที่การใช้ยาฟ้าทะลายโจรรักษาผู้ป่วยในเรือนจำเชียงใหม่ก็ได้ผลดีเช่นกัน โดยมีนักโทษที่เป็นผู้ป่วยหนักซึ่งต้องส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลเพียง 6 รายเท่านั้น” อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ ระบุ
นอกจากนั้น กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกยังได้เปิดตัว Line OA : “Fah First AID” ซึ่งเป็นไลน์ที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรสู้ภัย “โควิด-19” เพื่อเป็นการให้ความรู้แก่ประชาชนและเพิ่มช่องทางเข้าถึงสมุนไพรฟ้าทะลายโจรอีกช่องทางหนึ่ง
มูลนิธิสุขภาพไทย แนะเร่งแจกฟ้าทะลายโจรให้ 3 กลุ่ม
ในส่วนของมูลนิธิต่างๆ ก็เข้ามามีส่วนในการช่วยเหลือผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เช่นกัน โดยเฉพาะมูลนิธิสุขภาพไทย ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการแจกยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจรให้แก่ผู้ป่วยที่อาการยังไม่รุนแรงไปเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยที่รอการรักษา ผู้ป่วยที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ผู้ป่วยในชุมชนแออัด รวมทั้งล่าสุดได้แจกยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจรให้แก่แคมป์คนงานต่างๆ ด้วย
น.ส.รสนา โตสิตระกูล ในฐานะกรรมการมูลนิธิสุขภาพไทย เปิดเผยว่า เนื่องจากผลการวิจัยของกรมการแพทย์แผนไทยฯ พบว่าฟ้าทะลายโจรสามารถใช้ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการน้อยถึงปานกลาง (ผู้ป่วยระยะที่ 1-ระยะที่ 3) ทำให้มีผู้สนใจใช้ยาฟ้าทะลายโจรกันอย่างกว้างขวาง ทางมูลนิธิสุขภาพไทยจึงดำเนินการจัดหาและแจกจ่ายยาฟ้าทะลายโจรให้แก่ผู้ป่วยและผู้ที่มีความต้องการโดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยขณะนี้มีผู้ที่ติดต่อมายังมูลนิธิสุขภาพไทยเพื่อขอยาฟ้าทะลายโจรเป็นจำนวนมาก เช่น อำเภอเบตง จ.ยะลา ซึ่งเป็นหนึ่งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มูลนิธิดวงประทีป ซึ่งดูแลชุมชนแออัดที่มีผู้ป่วยโควิด-19 และชุมชนมีการล็อกดาวน์ 2-3 ชุมชน รวมถึงแจกยาให้ผู้ป่วยที่รักษาตัวอยู่ที่บ้านด้วย และเพื่อเป็นการประมวลผลการรักษา มูลนิธิสุขภาพไทยจึงได้ขอให้ทางโรงพยาบาลอภัยภูเบศรช่วยจัดทำประเด็นคำถามเพื่อเก็บข้อมูลในการประมวลผลการใช้ยาฟ้าทะลายโจรกับผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จเร็วๆ นี้
น.ส.รสนา ยังได้เสนอความเห็นที่น่าสนใจ ว่า มี 3 กลุ่มที่รัฐควรเร่งแจกยาฟ้าทะลายโจรให้ในขณะนี้ ได้แก่ 1.ผู้ป่วยระยะเริ่มแรก 2.คนงานในแคมป์ก่อสร้างต่างๆ และ 3.กลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหาร
กลุ่มแรก “ผู้ป่วยระยะเริ่มแรก” เนื่องจากตอนนี้ไทยกำลังจะเข้าสู่การระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 4 ซึ่งแน่นอนว่า สถานพยาบาลต่างๆคงไม่เพียงพอที่จะรองรับผู้ป่วย ดังนั้นหากมีการใช้ฟ้าทะลายโจรกับผู้ป่วยที่มีอาการไม่มาก รวมถึงบุคคลแวดล้อมผู้ป่วยที่มีความเสี่ยง โดยบุคคลเหล่านี้สามารถรักษาตัวอยู่ที่บ้านได้ ก็จะช่วยลดภาระของบุคลากรทางการแพทย์ไปได้มาก
กลุ่มที่ 2 “แคมป์คนงาน” ทั้งที่ถูกล็อกดาวน์และยังไม่ล็อกดาวน์ ซึ่งมีลักษณะแออัดมากทำให้เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว หากมีการแจกยาฟ้าทะลายโจรให้คนงานที่อยู่ในแคมป์ทั้งคนที่ติดโควิด-19 แล้ว และคนอื่นๆ ที่อยู่ในแคมป์ซึ่งล้วนมีโอกาสสูงที่จะติด ก็จะช่วยยับยั้งเชื้อได้เป็นอย่างดี เพราะบางคนอาจไม่รู้ว่าตัวเองติดเชื้อเพราะไม่มีอาการ แต่คนเหล่าสามารถแพร่เชื้อได้
ส่วนกลุ่มที่ 3 “กลุ่มร้านอาหาร” ทั้งส่วนของผู้ประกอบการและลูกจ้าง รวมถึงคนในครอบครัว เนื่องจากคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ยังไม่ติดโควิด-19 แต่สุ่มเสี่ยงที่จะติดและแพร่เชื้อ โดยจากผลการวิจัยของกรมแพทย์แผนไทยฯ พบว่าฟ้าทะลายโจรสามารถใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่มีอาการน้อยถึงปานกลาง (ผู้ป่วยระยะที่ 1-ระยะที่ 3) ขณะที่ผลวิจัยผู้ป่วย 314 คน ที่ใช้ฟ้าทะลายโจร พบว่า ผู้ที่หายป่วยมีมากกว่า 300 คน ดังนี้หากจ่ายยาฟ้าทะลายโจรให้กลุ่มอาชีพนี้แบบต่อเนื่อง เขาก็สามารถเปิดกิจการได้ เพราะถ้าติดเชื้อระยะแรกแล้วกินยาฟ้าทะลายโจรเชื้อก็จะไม่ลุกลาม
“นอกจากมูลนิธิสุขภาพไทยจะแจกยาฟ้าทะลายโจรให้ผู้ป่วยโควิด-19 แล้ว ตอนนี้เรายังแจกเมล็ดพันธุ์ฟ้าทะลายโจรให้ชาวบ้านและผู้ที่สนใจนำไปปลูกกันด้วย ซึ่งฟ้าทะลายโจรสามารถกินสด กินเป็นชา หรือตากแห้งแล้วนำมาบดเป็นยาลูกกลอนก็ได้ โดยระยะที่มีสรรพคุณดีที่สุดคือ ช่วงที่ออกดอกแล้ว” น.ส.รสนา ระบุ