xs
xsm
sm
md
lg

‘มหิดล’ แนะวิธีขจัดความกลัววัคซีนโควิด-19 ยันทุกขวดมีระบบ ‘Cold Chain’ ควบคุมดีเยี่ยม!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



‘3 ผู้บริหาร’ จากมหาวิทยาลัยมหิดล ชี้เหตุผลคนมาลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด-19 น้อย ยัน Sinovac และ AstraZeneca
ป้องกันอาการรุนแรงได้ 100%
ระบุ ‘มหิดล-วช.-สธ.’ จับมือสร้างแพลตฟอร์มสืบค้นวัคซีนที่มีปัญหาอยู่ที่ไหน ฉีดให้ใครสามารถเรียกคืนได้รวดเร็วทันสถานการณ์ พร้อมระบบ ‘Cold Chain’ และ ‘Sensor Monitoring’ กระจายวัคซีนให้ครอบคลุมอย่างมีประสิทธิภาพ แนะรัฐต้องร่วมมือสมาคมโฆษณา ดึงคนดังแต่ละวงการเปิดโชว์ต้นแขน “ฉีดวัคซีน...เพื่อครอบครัวเพื่อชาติ” เร่งสร้างความตระหนักรู้ที่จะร่วมมือก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน

กระแสข่าวลือเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 ว่ารัฐจัดหาวัคซีนไม่มีประสิทธิภาพจนนำไปสู่ข้อสรุปง่ายๆ ว่า ‘กลัวแพ้’ จึงไม่ต้องการฉีดวัคซีนตัวนี้ ซึ่งรัฐบาลจะปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ต่อไปไม่ได้ จึงมีการปรับแผนการฉีดวัคซีนใหม่เปิดให้กลุ่มประชากรวัยแรงงานในระบบประกันสังคม 16 ล้านคน เข้ารับการฉีดได้ตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค. และเตรียมเปิด 25 จุดบริการแบบ Walk-In เพื่อปูพรมฉีดวัคซีนให้ประชาชนมากที่สุด!

ที่สำคัญปัญหาของ ‘ความกลัว’ จนไม่อยากฉีดวัคซีนเป็นเพราะเหตุใด และเราจะเรียกความเชื่อมั่นและทำให้ประชาชน 50 ล้านคนออกมาร่วมใจกันฉีดวัคซีนได้อย่างไร ในทรรศนะของ ‘3 ผู้บริหาร’ จากมหาวิทยาลัยมหิดล ประกอบด้วย นายแพทย์สมชาย ดุษฎีเวทกุล รองผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยมหิดล รศ.ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ รศ.ดร.ดวงพรรณ กริชชาญชัย หัวหน้าศูนย์การจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานสุขภาพ (LogHealth) คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

นายแพทย์สมชาย ดุษฎีเวทกุล รองผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก
นพ.สมชาย ดุษฎีเวทกุล ระบุว่า ประเด็นแรกสังคมยังขาดความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับวัคซีน โดยเฉพาะตัวเลข Vaccine Efficacy ซึ่งมี 2 ประเด็นที่ต้องพิจารณา

1.ประสิทธิภาพในการป้องกันการเกิดอาการหากติดเชื้อ (Efficacy in preventing in clinical COVID-19) ซึ่งมาจากการทดสอบในประชากรกลุ่มต่างกัน มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่างกัน และในห้วงเวลาการระบาดต่างกัน จึงนำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้ จากรายงานในวารสารทางการแพทย์ พบว่า Sinovac (บราซิล 51%, ตุรกี 91%) Astra Zeneca 67% Sputnik V 92% Moderna 94% Pfizer 95% Johnson & Johnson 66%

2.ประสิทธิภาพในการป้องกันการเกิดอาการรุนแรง (Efficacy in preventing severe COVID-19) นับเป็นประเด็นที่สำคัญมากกว่า นั่นคือถึงแม้จะติดเชื้อ อาการก็จะไม่รุนแรงและไม่ตาย ข้อมูลผลประสิทธิภาพเป็นดังนี้ Sinovac 100% Astra Zeneca 100% Sputnik V 100% Moderna 100% Pfizer 90% Johnson & Johnson 85%

“ขณะนี้ไทยมีวัคซีนที่ใช้อยู่ 2 ชนิด คือ Sinovac และ AstraZeneca สามารถป้องกันอาการรุนแรงได้ 100% ถ้าติดเชื้อ อาการก็จะไม่รุนแรง และไม่ถึงตาย จะส่งผลให้ลดจำนวนผู้ป่วยในโรงพยาบาล ลดจำนวนผู้ป่วยที่ต้องเข้าห้อง ICU และที่สำคัญลดอัตราการตายลงได้”


ประเด็นที่ 2 คือ ข่าวเฟกนิวส์ทำให้คนกลัววัคซีนมากกว่ากลัวโควิด-19 ซึ่งมีมาอย่างต่อเนื่องทำให้คนไทยสับสนและเกิดความกลัววัคซีน เช่น ข่าวบุคลากรทางการแพทย์ จ.ลำปาง มีอาการคล้ายหลอดเลือดสมองหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 จำนวน 40 ราย ข่าวผลข้างเคียงรุนแรงเลือดออกในสมองหลังจากฉีดวัคซีน Sinovac ที่อุดรธานี พบว่ามีผู้แอบอ้างนำภาพผู้ป่วยคนหนึ่งจาก รพ.ลพบุรีมาใช้ หรือข่าวกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เลื่อนฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเนื่องจากทำให้ลิ่มเลือดอุดตัน ทางกรมควบคุมโรคได้ยืนยันว่าเป็นข่าวปลอม เป็นต้น เหล่านี้ทำให้สังคมกลับไปสนใจข้อมูล ‘ผลข้างเคียง’ มากกว่า ‘กลัวโควิด-19’

‘หมออยากจะบอกว่า วัคซีนแทบทุกชนิดเมื่อฉีดอาจมีผลข้างเคียงได้ เช่น อาการไข้ เพลีย ปวดหัว คลื่นไส้ ชามือแขนขา ส่วนใหญ่อาการจะกลับคืนสู่ภาวะปกติได้ในเวลาไม่นาน”

ดังนั้น จึงต้องเข้าใจวัตถุประสงค์ที่สำคัญของการฉีดวัคซีน เพื่อให้ประชาชนมีภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity) เพื่อป้องกันอาการรุนแรงและป้องกันการเสียชีวิตจากการติดเชื้อ COVID-19 ซึ่งจะทำให้ทุกคนกลับไปใช้ชีวิตได้เป็นปกติ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ และเปิดประเทศได้

ประเด็นที่ 3 เรายึดติดแบรนด์ ขาดความเชื่อมั่นในคุณภาพวัคซีนอื่นๆ ทั้งที่วัคซีนทุกแบรนด์สามารถช่วยลดการติดเชื้อและโอกาสที่จะมีอาการรุนแรง รวมถึงเสียชีวิตลงได้ อีกทั้งผ่านการพิจารณาอนุมัติต่างๆ ซึ่งมีกระบวนการในการตรวจสอบมากมายและมีการติดตามผลโดยตลอด จึงขอให้ประชาชนทุกคนมั่นใจได้ว่า การที่ท่านจะฉีดวัคซีนตัวใด หรือที่ใดนั้นจะได้รับการดูแลอย่างดี โดยทุกสถานที่ฉีดวัคซีนจะมีบุคลากรทางการแพทย์ และมีระบบในการคอยดูแลตลอดให้เกิดความปลอดภัยตามมาตรฐานทางการแพทย์ สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือผู้สูงอายุซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยง หากมีข้อสงสัยขอให้สอบถามกับทางโรงพยาบาลได้

ประเด็นที่ 4 มีข้อสงสัยว่าวัคซีนผลิตในประเทศจะดีเท่าการนำเข้าหรือไม่? ทั้งที่วัคซีนโควิด-19 ที่ผลิตในประเทศไทยก็ต้องผ่านมาตรฐานเดียวกันกับวัคซีนจากทุกที่ วัคซีนของ Astra Zeneca ที่ผลิตในไทยมีการควบคุมคุณภาพมาตรฐานทุกขั้นตอนการผลิตจากบริษัทแม่ รวมถึงมีการส่งตัวอย่างวัคซีนที่ผลิตไปตรวจยังห้องปฏิบัติการในต่างประเทศ ศักยภาพของประเทศไทยมีบริษัทที่สามารถผลิตวัคซีนโควิด-19 สำหรับใช้ในประเทศ และก้าวเป็นฐานการผลิตส่งออก เป็นแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในอนาคตเราจะสามารถพัฒนา วิจัยวัคซีนใหม่ๆ และผลิตได้เอง เป็นสิ่งที่คนไทยควรภาคภูมิใจ

ประเด็นที่ 5 การที่ผู้สูงอายุลงทะเบียนน้อย เพราะขาดการเข้าถึงและทักษะการใช้อุปกรณ์ไอทีในการลงทะเบียนจองฉีด ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้แก้ปัญหาโดยเจ้าหน้าที่ อสม. และ รพ.สต. กำลังดำเนินการรวบรวมรายชื่อและนำเข้าระบบ หากทำได้ครบแล้ว คาดว่าผู้ประสงค์ฉีดวัคซีนจะเพิ่มสูงกว่านี้แน่นอน

ส่วนท่านที่เป็นกลุ่มเสี่ยงและไม่สามารถลงทะเบียนได้ สามารถติดต่อไปยังสถานพยาบาลที่ท่านรักษา เพื่อให้ช่วยอำนวยความสะดวกในการลงทะเบียน และในลำดับต่อไปประชาชนทั่วไปก็จะสามารถลงทะเบียน หรือ Walk-In เพื่อเข้ารับการฉีดวัคซีนได้ ขอให้ติดตามข่าวสารจากหน่วยงานต่างๆ ต่อไป





รศ.ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์
ประเด็นที่ 6 เป็นเพราะขาดความมั่นใจในระบบขนส่งและควบคุมคุณภาพวัคซีนจากต้นทาง-ผู้ให้บริการ-ผู้รับบริการ ซึ่งรศ.ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ กล่าวว่า วัคซีนต้านโควิด-19ได้เริ่มทยอยเข้าสู่ประเทศไทยแล้ว และเพื่อให้ประชาชนได้รับการฉีดอย่างมั่นใจและรวดเร็วตามเป้าหมาย คณะวิศวะ มหิดล ร่วมกับ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ และ กระทรวงสาธารณสุข ได้พัฒนาแพลตฟอร์ม ระบบติดตาม-ตรวจสอบย้อนกลับ “โซ่ความเย็น” วัคซีนโควิด-19 (COVID-19Vaccines Track and Traceability Platform for Cold Chain and Patient Safety) ซึ่งได้เริ่มใช้แล้วตั้งแต่กลางเดือนเมษายน 2564 เป็นต้นมา

นับเป็นต้นแบบการเชื่อมโยงข้อมูลสำหรับการบริหารจัดการ โซ่ความเย็นของวัคซีน (Cold Chain) สู่ภาคสาธารณสุขไทยเป็นครั้งแรก โดยเชื่อมโยงข้อมูล และจัดการกระจายวัคซีนให้ครอบคลุมทั่วถึงอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถคงคุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนด ตั้งแต่ต้นทางผู้ผลิตวัคซีนไปยังสถานพยาบาลจนถึงปลายทางผู้รับบริการ พร้อมทั้งสามารถติดตามตรวจสอบย้อนกลับ (Track and Traceability) และเรียกคืน (Recall) วัคซีนได้



รศ.ดร.ดวงพรรณ กริชชาญชัย
ด้าน รศ.ดร.ดวงพรรณ  กริชชาญชัย กล่าวว่า ระบบติดตาม-ตรวจสอบย้อนกลับ “โซ่ความเย็น” วัคซีนโควิด-19 จะนำชุดข้อมูลของแต่ละหน่วยงานที่ได้กรอกไว้ในระบบกลาง Co-Vaccine ของกระทรวงสาธารณสุข ทั้งข้อมูลการลงทะเบียนบริษัทผู้ผลิต หรือผู้นำเข้าวัคซีน ตลอดจนผู้รับบริการวัคซีนมาเชื่อมต่อข้อมูลจากศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัด สธ. และ แอปพลิเคชันหมอพร้อม เพื่อแสดงผลด้าน Supply Chain and Logistics    นอกจากนี้ หากเกิดปัญหาขึ้น เช่น กรณีที่เกิดปัญหาวัคซีน ระบุวันหมดอายุไม่ชัดเจนมีรอยแก้ไข เป็นต้น แพลตฟอร์มนี้จะสืบค้นได้ว่าวัคซีนที่มีปัญหาอยู่ที่ไหนฉีดให้ใคร สามารถเรียกคืนวัคซีนได้รวดเร็วทันสถานการณ์

ในด้าน การเก็บรักษาวัคซีน โดยใช้ ระบบลูกโซ่ความเย็น (Cold Chain) จำเป็นต้องรักษาอุณหภูมิให้คงที่ ทั้ง แอสตร้าเซนเนก้า ซิโนแวค จะต้องมีอุณหภูมิคงที่ประมาณ 2-8 องศา ตลอดโซ่อุปทาน โดยมีระบบ Sensor Monitoring คอยตรวจระดับรักษาความเย็นและคอยเก็บข้อมูลติดไว้ที่รถขนส่ง และตู้แช่วัคซีนใน รพ. นอกจากนี้ ระบบติดตาม-ตรวจสอบย้อนกลับ “โซ่ความเย็น” วัคซีนโควิด-19 สามารถเชื่อมโยงข้อมูลได้ตลอดโซ่ความเย็น (Cold Chain) ผ่านระบบ IoT ตั้งแต่ข้อมูลผลิตภัณฑ์
ปริมาณ วัคซีนที่ผลิต นำเข้าหรือจัดซื้อ อุณหภูมิการจัดเก็บ จำนวนและชนิดของวัคซีนที่กระจายไปให้แต่ละโรงพยาบาล
และข้อมูลผู้รับบริการวัคซีน โดยแต่ละกล่องของวัคซีนนั้นจะมีหมายเลข Serial ระบุอยู่ เพื่อป้องกันการผิดพลาด สร้างความมั่นใจแก่ประชาชนได้อย่างดี และพร้อมจะก้าวผ่านวิกฤตไปด้วยกัน

  ตัวอย่างชุดอุปกรณ์และระบบตรวจวัดอุณหภูมิและควบคุมโซ่ความเย็น ซึ่งทำงานผ่าน IoT
ประเด็นที่ 7 รัฐ ยังขาดสื่อการรณรงค์ที่มีพลังและโดนใจคนไทย ซึ่ง รศ.ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ แนะว่าปัจจุบันเป็นโลกยุคดิจิทัลและโซเชียลมีเดียหากภาครัฐร่วมมือกับสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย แหล่งรวมมืออาชีพคนโฆษณาผลิตคลิปโฆษณาโดนๆ ออกมาสัก 3- 4 เรื่อง ชี้ข้อเท็จจริงที่สั้นกระชับเกี่ยวกับวัคซีนและไวรัสโควิด-19 วัคซีนทำงานอย่างไร ทำไมต้องฉีดวัคซีน-เป้าหมายร่วมกันอย่างไร ประสบการณ์ฉีดวัคซีนของคนดัง อาจจะตามมาด้วยแคมเปญที่สร้างแรงกระตุ้นในสังคมผ่านโซเชียลมีเดีย

“อย่างเช่น “ฉีดวัคซีน...เพื่อครอบครัว เพื่อชาติ” เชิญคนดังของแต่ละวงการมาเปิดโชว์ต้นแขน ตามด้วยประชาชน พูดสิ่งที่ให้ความหมาย สร้างแรงกระตุ้นแก่คนไทยให้ทำเพื่อครอบครัวและประเทศชาติ เราจะได้ก้าวผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้”

ประเด็นที่ 8 การบริหารจัดการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในชุมชนทั่วประเทศ ทุกจังหวัดต้องระดมสรรพกำลังผู้นำความคิดในชุมชนสังคม และหน่วยงานต่างๆ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นกัปตันทีม เช่น ที่จังหวัดลำปางเป็นตัวอย่างโมเดลที่ดีของการเสริมสร้างพลังความร่วมมือจากประชาชนเป็นหนึ่งเดียวกันซึ่ง อสม.ทั่วประเทศมีจำนวนกว่า 1.05 ล้านคน และควรมีหน่วยตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับวัคซีนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและ IoT การประสานงานของเครือข่ายในพื้นที่กรณีที่เกิดปัญหา

ประเด็นที่ 9 วัคซีนถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง มีการโจมตีในเรื่องประสิทธิภาพของวัคซีนและสร้างความตื่นกลัวให้ประชาชนไม่กล้าไปฉีดกัน ทั้งที่ทีมแพทย์และบุคลากรสาธารณสุขหน่วยงานภาครัฐ กำลังรับภาระหนักหนาสาหัส ภาคเอกชนทุกวิชาชีพ และภาคประชาชนต้องฟันฝ่าความตกต่ำทางเศรษฐกิจนั้นยังมีหลายกลุ่มที่ใช้วัคซีนเป็นอาวุธทางการเมือง จึงถึงเวลาที่ควรยุติความขัดแย้งการโจมตี สร้างข่าวทำลายคุณค่าวัคซีน เพราะวัคซีนคือทางออกเดียวที่จะแก้วิกฤตการระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้




ประเด็นที่ 10 รัฐต้องเร่งสร้างความตระหนักรู้ เพราะ ถ้าไม่ฉีดวัคซีนให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ประเทศไทยจะเกิดวิกฤตอย่างไร ทั้งนี้ เชื่อว่าทุกคนไม่อยากเห็นภาพคนป่วยล้นโรงพยาบาล ขาดออกซิเจน แพทย์และบุคลากรดูแลได้ไม่ทั่วถึง ธุรกิจต้องปิดตาย เศรษฐกิจทรุดยาว การฉีดวัคซีนไม่เพียงสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันชีวิตของตัวเราเองเท่านั้นแต่ยังปกป้องครอบครัวและประเทศด้วย

รศ.ดร.จักรกฤษณ์ ย้ำว่า ทุกคนล้วนเป็นฟันเฟืองสำคัญที่จะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ได้ สงครามไวรัสโควิด-19 เปรียบเป็นมหากาพย์มีหลายภาคหลายตอน เพราะโลกปัจจุบันเดินทางติดต่อเข้าถึงกันได้รวดเร็ว ขณะที่ไวรัสก็กลายพันธุ์เพื่อความอยู่รอดตลอดเวลา วัคซีนก็จะต้องพัฒนาปรับเปลี่ยนเป็นหลายเวอร์ชันเช่นกัน

ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่า โรคอุบัติใหม่ในอนาคตจะเกิดขึ้นเป็นระยะเราต้องปรับตัว เปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิต วิธีการทำงาน การเรียน การเสพข่าว และการสื่อสาร การใช้นวัตกรรม การดูแลสุขภาพ เป็นต้น แม้จะฉีดวัคซีนแล้วแต่ก็ยังต้องตั้ง “การ์ดสูง” ไว้จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายอย่างชัดเจนในทุกส่วนของโลก

ถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายจึงต้องหันมาร่วมมือสมัครสมานสามัคคีช่วยเหลือกัน ดูแลแก้ไขปัญหาให้ผ่านวิกฤตนี้สู่เป้าหมายไทยต้องชนะ!!




กำลังโหลดความคิดเห็น