โควิด-19 ระลอก 3 ระบาดก่อนสงกรานต์ไม่กี่วัน จนรัฐเบรกไม่ทัน คาดหลังสงกรานต์ตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งกระหน่ำภาคธุรกิจท่องเที่ยวอีกรอบ บริษัททัวร์ตายสนิทโรงแรมโอดพอเริ่มฟื้นโดนอีกทุกเทศกาล ส่วนปัญหาเก่าตั้งแต่รอบแรกยังไม่จบ เอเยนต์ต้องแบกรับภาระลูกค้าตั๋วเครื่องบิน ขณะที่บางสายการบินปิดกิจการหมดหนทางได้เงินคืน เที่ยวต่างประเทศต้องลุ้นปีหน้า
มาได้ก่อนเทศกาลหยุดยาวแทบทุกครั้ง สำหรับการระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย การระบาดของโควิด-19 ในประเทศเริ่มช่วงต้นปี 2563 แม้จะควบคุมสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี จำนวนผู้ติดเชื้อมีจำนวนน้อย แต่ก็ต้องแลกกับมาตรการที่เข้มงวดชนิดที่เรียกได้ว่าปิดประเทศ และรัฐบาลต้องใช้เม็ดเงินจำนวนมากเพื่อเข้ามาแก้ปัญหา ทั้งชดเชยผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการว่างงาน เพิ่มกำลังซื้อของผู้คนผ่านมาตรการต่างๆ
แน่นอนว่ารายได้หลักของประเทศที่มาจากนักท่องเที่ยวหายไปทั้งหมด เพราะทุกประเทศก็เข้มงวดและใช้มาตรการในลักษณะเดียวกับที่รัฐบาลไทยใช้แก้ปัญหา ถือว่าเป็นสูตรเดียวกันทั่วโลก
การสกัดกั้นการนำเชื้อเข้ามาในประเทศทำอย่างได้ผล ผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศเข้ามาต้องกักตัว 14 วันเพื่อตรวจหาเชื้อหากพบก็ทำการรักษาจนหาย
การระบาดรอบแรกนั้นสนามมวยและบ่อนไก่ชน ถูกมองว่าเป็นต้นตอสำคัญของการแพร่ระบาด ใช้เวลาในการควบคุมสถานการณ์ราว 4-5 เดือน จากนั้นจึงเริ่มผ่อนคลายมาตรการจนเกือบเป็นปกติ
ผู้คนเริ่มวางแผนเดินทางท่องเที่ยวในช่วงปลายปี แต่แล้วช่วงต้นเดือนธันวาคม 2563 เริ่มมีสัญญาณการระบาดระลอก 2 เมื่อมีคนไทยที่ทำงานในสถานบันเทิงที่พม่า ลักลอบกลับเข้ามาในช่องทางที่ผิดกฎหมาย และบุคคลเหล่านี้มีเชื้อกลับเข้ามาด้วย การควบคุมสามารถทำได้ดีจนสถานการณ์คลี่คลาย
แต่ช่วงกลางเดือนธันวาคมกลับเกิดแหล่งระบาดใหม่ที่ตลาดกลางกุ้ง สมุทรสาคร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีแรงชาวพม่าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยมีแรงงานพม่าจำนวนหนึ่งที่ลักลอบเข้ามาในประเทศไทยอีกครั้งช่วงที่สถานการณ์คลี่คลาย และภาคประมงต้องการแรงงานต่างชาติกลับเข้ามาทำงาน
การควบคุมพื้นที่สามารถทำได้สะดวก เนื่องจากแรงงานส่วนใหญ่อาศัยรวมกันเป็นกลุ่มในพื้นที่ ที่เหลือเป็นการติดตามผู้ติดเชื้อคนไทยที่กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ สามารถควบคุมได้ในระยะเวลาไม่นาน
ระลอก 3 หนัก
ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นช่วงต้นเดือนเมษายน 2564 จากสถานบันเทิงย่านทองหล่อ โดยครั้งนี้มีผู้ติดเชื้อกระจายไปในหลายหลายอาชีพและหลายหลายพื้นที่ นักการเมือง แพทย์ ตำรวจ อัยการ ดารา นักร้อง ต่างติดเชื้อกัน สายพันธุ์ที่ตรวจพบได้รับการยืนยันว่าเป็นสายพันธุ์อังกฤษที่ติดง่ายกว่าสายพันธุ์เดิมถึง 1.7 เท่า ส่วนใหญ่แล้วไม่แสดงอาการ ตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นเฉียดพันราย และทะลุพันรายต่อเนื่องกัน
เทศกาลสงกรานต์ ประชาชนจำนวนไม่น้อยเดินทางกลับภูมิลำเนา รัฐบาลให้สิทธิแต่ละจังหวัดออกมาตรการควบคุม ซึ่งมีหลายจังหวัดที่กักตัวผู้ที่เดินทางมาจากจังหวัดเสี่ยง 14 วัน กรุงเทพมหานครจัดว่าเป็นพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดมากที่สุด
ทั้งนี้ สงกรานต์ปี 2563 ที่มีการระบาดในประเทศไทย การล็อกดาวน์ทั้งประเทศทำให้หลายคนไม่ได้กลับบ้าน ดังนั้น สงกรานต์ 2564 รัฐบาลจึงไม่ได้ห้ามการเดินทาง อีกทั้งการระบาดเริ่มก่อนเทศกาลสงกรานต์ไม่กี่วัน
หลายฝ่ายประเมินว่า การระบาดระลอกนี้น่าจะเป็นระลอกใหญ่ การควบคุมโรคมีความเข้มน้อยกว่า 2 รอบแรก ดังนั้น หลังจากเทศกาลสงกรานต์มีโอกาสที่จะพบผู้ติดเชื้อจำนวนมาก โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นมาถึง 1,500 คนต่อวัน เห็นได้จากรัฐบาลได้จัดเตรียมโรงพยาบาลสนามในหลายพื้นที่
โรงแรมพอจะฟื้น-ฟุบอีก
แน่นอนว่าทุกรอบของการระบาดยิ่งเป็นการตอกย้ำธุรกิจท่องเที่ยวให้จมดิ่งลงในทุกรอบพอสถานการณ์คลี่คลายผู้คนเริ่มกล้าเดินทางท่องเที่ยว แต่พอใกล้เทศกาลหยุดยาวทีไรมีปัญหาทุกที
ดีที่รอบแรกเริ่มปะทุช่วงเดือนมีนาคม 2563 แต่พอช่วงปลายปีมีที่ชายแดนไทย-พม่า และมาหนักที่สมุทรสาคร ปีใหม่ 2564 หลายคนไม่ได้ฉลอง พับแผนเดินทาง ก่อนสงกรานต์ไม่กี่วันเกิดระลอก 3 จากสถานบันเทิงย่านทองหล่อ เช่นกันหลายคนเลือกที่จะอยู่บ้านเพื่อความปลอดภัย แม้ภาครัฐจะไม่ห้ามการเดินทาง แต่ปลายทาง 43 จังหวัดมีมาตรการกักตัว 14 วัน คนที่เตรียมแผนเดินทางไว้ล่วงหน้า จึงเปลี่ยนใจเพราะมีผลต่อการทำงาน
แหล่งข่าวกล่าวว่า พอทุกอย่างเริ่มดี คนกล้าเดินทางท่องเที่ยว เลือกจังหวัด จองที่พัก วางแผนการเดินทาง ต้องมาเจอการระบาดทุกครั้ง โรงแรม สายการบิน ทัวร์เจอปัญหานี้อีกเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ประชาชนที่กังวลต่อสถานการณ์ต่างเปลี่ยนใจ ไม่กล้าเดินทาง มีผลกระทบต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เทศกาลปีใหม่และสงกรานต์คนส่วนใหญ่นิยมเดินทางไปต่างจังหวัด เฉพาะระลอก 3 ตอนนี้การยกเลิกยอดจองห้องพักเบื้องต้นมีมากกว่า 20%
หาจุดขาย-เพิ่มรายได้
ส่วนโรงแรมในกรุงเทพฯ นั้นทุกแห่งต้องพยายามเอาตัวรอด หาจุดขาย สร้างรายได้เพื่อให้ผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปให้ได้ จากการตรวจสอบไปที่โรงแรมใบหยกสกาย พบว่า มียอดยกเลิกจองห้องพักเช่นกัน ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าจากต่างจังหวัด เพราะกรุงเทพฯ ถือเป็นแหล่งระบาดใหญ่ เกรงว่าหากกลับไปพื้นที่อาจถูกกักตัว 14 วัน
จากการสำรวจพบว่า ราคาห้องพักหากจองผ่านแอปพลิเคชันจองห้องพักยังอยู่ที่ราว 7-8 ร้อยบาทต่อคืน ราคาห้องพักยังเป็นราคาเดิมในช่วงที่เกิดวิกฤตระลอก 2 จองผ่านแอปได้ราคา 3 หลัก แต่หากจองตรงกับโรงแรมคืนละ 1,000 บาท ซึ่งทางโรงแรมสามารถอัปเกรดชั้นของห้องพักในชั้นที่สูงกว่าและให้ออปชันเพิ่มได้
จุดขายของใบหยกคือ อาคารสูง ชั้นของห้องพักที่สูงราคาก็ขยับขึ้น จองผ่านแอปจะได้ห้องพักระหว่างชั้น 22-45 แต่ถ้าจองผ่านโรงแรมจะได้ห้องพักตั้งแต่ชั้น 30 ขึ้นไป วิวของห้องพักก็มีความสำคัญที่โรงแรมสามารถเลือกให้ลูกค้าได้
รุกงานอาหาร-เพิ่มเวลาพัก 30 ชั่วโมง
ที่ผ่านมา ลูกค้าของใบหยกสกาย แยกเป็นลูกค้าที่เข้ามาพักเป็นลูกค้าจากต่างจังหวัดเข้ามาพักเพื่อเป็นประสบการณ์ชีวิตหรืออาจมีผู้จัดมาเป็นหมู่คณะ รวมดินเนอร์และอาหารเช้า สามารถใช้สิทธิส่วนลดจากโครงการของรัฐบาลได้ ทำให้เพิ่มเงินไม่มากนักก็สามารถมาพักโรงแรมที่สูงที่สุดในประเทศไทยได้
อีกกลุ่มหนึ่งเป็นผู้มาใช้บริการดินเนอร์มื้อค่ำ ชมวิวกรุงเทพฯ ในมุมสูง โดยใบหยกมีดินเนอร์หลายราคา 690-890 บาทต่อคน ชั้น 75 และ 81 ก่อนหน้าเกิดโควิด-19 ระลอก 3 ทางโรงแรมเตรียมเทศกาลทุเรียนไว้ แต่มาเกิดการระบาดเสียก่อน และทุกโรงแรมก็เจอปัญหาเรื่องการยกเลิกห้องพัก
การแก้ปัญหาภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ทางโรงแรมยังต้องหาทางสร้างรายได้ เช่น จัดทำอาหารกล่อง Snack box ล่าสุด Baiyoke Cook At Home เชฟของโรงแรมจะไปทำอาหารปรุงสดให้ท่านที่บ้าน เหมือนท่านทานที่โรงแรม มีให้เลือก 2 เซตคือ เป็ดปักกิ่ง 2,499 บาท จากปกติ 4,990 บาท และเซตหมูหัน 3,999 บาท จากปกติ 5,990 บาท ฟรีโอวหนี่แปะก๊วย หรือผลไม้รวม ปิดท้ายมื้ออาหาร สิทธิพิเศษกับค่าเดินทางครั้งละ 500 บาท ราชเทวี พญาไท ปทุมวัน ดินแดง และครั้งละ 1,000 บาท ทุกเขต กทม.
ขณะที่ในส่วนห้องพักยังพยายามสร้างจุดดึงดูด เช่น พัก 2 คน รวมอาหารเช้าและดินเนอร์ลอยฟ้า ที่ราคา 3,198 บาท ลูกค้าที่เข้าพักกับทางโรงแรมสามารถใช้สิทธิอยู่ได้ถึง 30 ชั่วโมงนับจากเวลาเข้าพักเป็นต้นไป
ทัวร์ในประเทศตายอีกรอบ
อีกธุรกิจหนึ่งที่เกี่ยวเนื่องกับห้องพักโรงแรม นั่นคือบริษัททัวร์ ช่วงที่สถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย เริ่มมีการจัดทัวร์ในประเทศมากขึ้น แม้กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้สูงอายุที่ต้องการพักผ่อน ไม่ต้องการความยุ่งยากเรื่องจองห้องพัก การเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยว ที่ผ่านมาลูกค้าที่เคยเดินทางไปต่างประเทศเมื่อเดินทางไปเมืองนอกไม่ได้ก็เปลี่ยนมาเที่ยวในประเทศ เส้นทางอย่าง อำเภอเบตง ภาคเหนือหรือแถบๆ เพชรบูรณ์ ได้รับความนิยม
ความมั่นใจของการเดินทางส่วนนี้ทำให้ช่วยธุรกิจโรงแรม ผู้ประกอบการที่ให้บริการเรื่องระบบขนส่ง ทั้งรถตู้ รถทัวร์ รวมถึงสายการบิน ร้านอาหาร และพ่อค้าแม่ค้าในจังหวัดปลายทางเริ่มกระเตื้องขึ้น แต่เมื่อเกิดการระบาดซ้ำแต่ละรอบทำให้ทุกอย่างฟุบลงไปอีก
“เพื่อนๆ ที่เคยทำธุรกิจนี้ด้วยกันจาก 10 เจ้า ตอนนี้เหลือเพียง 2 เจ้า ที่เหลือก็ยังต้องหารายได้จากส่วนอื่นเพื่อทดแทนรายได้ที่หายไป กิจการทัวร์อาจเป็นแค่รายได้เสริมเท่านั้น ทุกคนต้องเปลี่ยนอาชีพไปทำอย่างอื่น” เจ้าของบริษัทนิดหน่อยทัวร์ กล่าว
เราต้องทำทุกอย่างเพื่อให้อยู่ได้ แม้รายได้ต่อหัวที่เราได้จะเป็นแค่หลักสิบ แต่ถ้าสามารถหาลูกค้าได้หลายคนก็ยังพอถูไถไปได้ ส่วนทัวร์ในประเทศตอนนี้มีแต่ลูกค้าโทร.มายกเลิก รายได้ที่หาเพิ่มเข้ามาตอนนี้คือ ขายบัตรดินเนอร์ของโรงแรมใบหยกสกายเริ่มต้น 690-890 บาท และดินเนอร์ล่องเรือชมเจ้าพระยาเริ่มต้น 399 บาท จากปกติ 1,500 บาท
เที่ยวต่างประเทศว่ากันปีหน้า
ขณะที่เจ้าของทัวร์รายใหญ่กล่าวว่า กิจการของเขาปิดไปตั้งแต่ปีที่แล้ว เพราะการมีออฟฟิศไว้ก็มีค่าใช้จ่ายทั้งค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ เพราะสถานการณ์ไม่มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวได้ ส่วนการปรับตัวเพื่อทำทัวร์ในประเทศนั้นเป็นเรื่องของแต่ละราย ส่วนตัวแล้วไม่ได้ทำทัวร์ในประเทศ เพราะกำไรต่อหัวต่ำ อีกทั้งคนในประเทศก็มีกำลังจับจ่ายใช้สอยต่ำด้วยเช่นกัน ส่วนตัวมองว่าไม่คุ้มต่อการทำธุรกิจ
ธุรกิจทัวร์ตอนนี้เรียกได้ว่าแทบจะปิดตายกันหมดแล้ว หากสถานการณ์ดีขึ้นค่อยมาเริ่มทำธุรกิจกันใหม่ ประเมินว่าปีนี้คงไม่มีทางเป็นไปได้ในเรื่องการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ ส่วนปีหน้า 2565 ก็ยังต้องวัดดวงกันอีกที เพราะเรื่องของวัคซีนก็มีผลทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ยี่ห้อไหนเป็นที่ยอมรับหรือไม่ ต้องรอความชัดเจนถึงนโยบายของแต่ละประเทศอีกที
ปัญหาเก่ายังไม่จาง
แหล่งข่าวอีกรายกล่าวว่า บริษัททัวร์ยังมีปัญหาคงค้างมาตั้งแต่โควิด-19 รอบแรก บริษัทที่เป็นเอเยนต์ต้องรับผิดชอบต่อลูกค้าเป็นลำดับแรก ขณะที่พวกเราต้องส่งยอดทั้งหมดให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ เราได้แค่ค่าคอมมิชชันในการหาลูกค้าแต่ละรายเท่านั้น แต่ยังไม่ได้รับการชดใช้คืนจากผู้ออกทัวร์รายใหญ่
รวมๆ แล้วความเสียหายของรอบแรกเฉพาะส่วนที่เอเยนต์ต้องแบกความรับผิดชอบรวมๆ แล้วมีราว 100 ล้านบาท เราได้รวมตัวกันเพื่อยื่นเรื่องให้ภาครัฐช่วยเหลือติดตามเงินจากรายใหญ่ที่เป็นผู้ออกโปรแกรมทัวร์ที่ยังไม่ได้ลงมารับผิดชอบในเรื่องที่เกิดขึ้น
เช่นเดียวกับผู้ประกอบการที่เป็นตัวกลางในการจองห้องพักและสายการบิน ต่างก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกัน เพราะผู้ที่ยกเลิกการเดินทางต่างขอคืนเงินจองกับทางบริษัท ทำให้บริษัทต้องแบกรับความรับผิดชอบ ขณะที่สายการบินบางแห่งก็เลิกประกอบกิจการไปแล้ว ทำให้เกิดปัญหาเรื่องของการติดตามเงินคืน
เอเยนต์ครวญ
อย่างไรก็ตาม ในช่วง 1 ปีของการเกิดโควิด-19 ปัญหาการค้างเงินของสายการบินยังคงเป็นปัญหาสำหรับผู้โดยสารหลายคนที่ยังไม่ได้รับเงินคืน รวมถึงบริษัททัวร์ที่ได้ชำระเงินล่วงหน้าไปแล้วยังไม่ได้รับเงินคืน
แหล่งข่าวจากวงการทัวร์กล่าวว่า มีสายการบินบางแห่งได้คืนเงินมาให้ผู้รับช่วงต่อมาบ้างแล้ว แต่เงินยังไม่ตกมาถึงต้นทางที่ต้องรับหน้ากับลูกค้า ผู้ออกทัวร์รายใหญ่บางรายก็ได้เงินคืนมาเช่นกัน เพียงแต่จะคืนให้เอเยนต์ หรือลูกค้าต่ออีกหรือไม่
แต่ที่อาจเจ็บตัวมากที่สุดคือ มีสายการบินบางแห่งเลิกกิจการ อย่างนกสกู๊ต ทำให้เอเยนต์หลายรายต้องแบกรับปัญหาแทนลูกค้า ส่วนการไล่เบี้ยกันคงต้องใช้เวลาอีกนาน และอาจได้รับคืนบางส่วนหรืออาจไม่ได้รับคืนเลยก็เป็นไปได้
ในทางธุรกิจแล้วถือว่าไม่เป็นธรรมกับผู้ที่ทำหน้าที่เป็นเอเยนต์รับจองตั๋ว เพราะเมื่อเกิดปัญหาต้องแบกรับต่อลูกค้าเต็มจำนวน ขณะที่รายได้ที่รับต่อตั๋ว 1 ใบอยู่ที่ประมาณ 100 บาท แม้ในทางปฏิบัติจะต้องรับผิดชอบต่อลูกค้า แต่ถือว่าไม่เป็นธรรมกับเอเยนต์ ตรงนี้จึงอยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องพิจารณาสร้างกฎเกณฑ์ที่เป็นธรรมกับภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ไม่ใช่โยนมาให้เป็นภาระให้แก่ผู้ประกอบการรายเล็กๆ
หากสถานการณ์การแพร่ระบาดยังคงพุ่งสูง รัฐบาลต้องมีมาตรการออกมาควบคุม เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาด หากใช้ระยะเวลาที่ไม่นานนัก ผลกระทบต่อภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวคงไม่แย่ลงไปจากเดิมมากนัก
รายได้ท่องเที่ยวหาย 1.3 แสนล้าน
การกลับมาระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศเป็นระลอกที่ 3 อีกครั้ง ซึ่งนับเป็นข่าวร้ายต่อภาคธุรกิจท่องเที่ยวที่กำลังเริ่มกลับมาสู่เส้นทางการฟื้นตัวหลังจากที่ต้องหยุดชะลอลงจากเหตุการณ์การระบาดของโควิด-19 ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา
ข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาล่าสุด พบว่า การเดินทางท่องเที่ยวในประเทศของคนไทยในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 เพิ่มขึ้นกว่า 30% จากเดือนมกราคม 2564 ซึ่งในเดือนมกราคมที่ผ่านมา เป็นเดือนที่ตลาดไทยเที่ยวไทยได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของโควิดภ19 ระลอกที่ 2 โดยจำนวนนักท่องเที่ยวไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเหลือเพียง 4.51 ล้านคน
และจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 3 นี้ พบผู้ติดเชื้อในประเทศเป็นกลุ่มก้อนจำนวนมากกว่าที่ผ่านมา โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และกระจายไปในอีกหลายจังหวัดตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนนั้น ทำให้ทางการต้องยกระดับมาตรการการเฝ้าระวังการระบาดอีกครั้ง การขอความร่วมมือทำงานที่บ้านและงดการเดินทางข้ามจังหวัด
สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลทำให้นักท่องเที่ยวชาวไทยที่มีแผนเดินทางท่องเที่ยวในช่วงไตรมาส 2 นี้ ต่างต้องปรับเลื่อนแผนการท่องเที่ยวออกไป โดยเฉพาะการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2564 นี้
จากข้อมูลเบื้องต้น พบว่า ธุรกิจท่องเที่ยวอย่างบริษัทนำเที่ยว โรงแรม และที่พักในพื้นที่ท่องเที่ยวหลายแห่งถูกยกเลิกจองในช่วงนี้ เนื่องจากนักท่องเที่ยวมีความกังวลต่อสถานการณ์การระบาดของโรค และยังไม่แน่ใจต่อมาตรการในการควบคุมโรคในระยะถัดไป
สะท้อนไปในทิศทางเดียวกับผลสำรวจการวางแผนการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศของคนไทยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ของ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่า คนไทยส่วนใหญ่มีความอ่อนไหวต่อข่าวการระบาดของโรคโควิด-19 และพร้อมที่จะยกเลิกหรือเลื่อนแผนการท่องเที่ยวได้ทุกเมื่อ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การระบาดของโควิด-19 ระลอกนี้ จะส่งผลกระทบต่อรายได้ในธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องที่สูญเสียไปคิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท จากคาดการณ์เดิมในช่วงเดือนมีนาคม 2564 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะเกิดการระบาดระลอกที่ 3 ขณะที่แผนการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยในช่วงนี้ยังมีความเสี่ยงจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 และมาตรการการควบคุมโรคของแต่ละจังหวัด
โควิด-19 ที่ยังไม่จบ กระทบรายได้ท่องเที่ยวในประเทศในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ต่ำกว่าคาด และในช่วงที่เหลือของปียังมีความเสี่ยงสูง
คาดการณ์ว่าการระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 3 นี้มีโอกาสที่จะใช้ระยะเวลานานกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาในการควบคุมสถานการณ์ให้คลี่คลายกลับมา เนื่องจากพบผู้ติดเชื้อในประเทศมีจำนวนค่อนข้างสูง เชื้อโควิด-19 เป็นไวรัสสายพันธุ์ที่แตกต่างจากเดิมที่ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ระบุว่า สามารถแพร่ได้เร็ว อีกทั้งต้นตอของการระบาดมาจากพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจในสัดส่วนสูง ขณะที่ การระบาดระลอกนี้เกิดขึ้นหลังรอบก่อนหน้าภายในระยะเวลาเพียง 3 เดือน จึงส่งผลกระทบต่อตลาดไทยเที่ยวไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 นี้อย่างยากที่จะหลีกเลี่ยงได้
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การระบาดของโควิด-19 ทั้ง 2 ครั้งที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบทำให้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 นี้ รายได้ตลาดไทยเที่ยวไทยน่าจะมีมูลค่าประมาณ 1.37 แสนล้านบาท คิดเป็นรายได้ท่องเที่ยวที่หายไปเป็นมูลค่ากว่า 1.30 แสนล้านบาท เทียบกับคาดการณ์เดิม ณ มกราคม 2564