xs
xsm
sm
md
lg

‘3 ป.’ เอาจริงตั้งพรรคใหม่ ดึงคนรุ่นใหม่โละนักการเมืองสีเทา?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



จับตาพรรคการเมืองใหม่ของ ‘พี่น้อง 3 ป.’ ที่มอบหมายให้ ‘ปลัดฉิ่ง’ ดำเนินการจัดตั้ง แม้จะเคยปฏิเสธว่า ‘ไม่จริ๊ง ไม่จริง’ มาแล้วก็ตาม แต่วันนี้ถูกจุดพลุอีกครั้ง ภายใต้ความร่วมมือของ ‘ฝ่ายปกครอง ทหารและตำรวจ’ ตามแนวยุทธศาสตร์-ยุทธวิธีที่ ‘บิ๊กตู่-บิ๊กป๊อก’ วางไว้เพื่อสร้างการเมืองใหม่ที่ดีกว่าเก่าในการเลือกตั้งครั้งหน้า  โละทิ้งการเมืองรุ่นเก่าที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์ ลบภาพการสร้างฐานอำนาจ เพราะกลัวถูกเช็กบิล มั่นใจรัฐบาลบิ๊กตู่อยู่ครบเทอม เตรียมนั่งประธานจัดประชุมเอเปกปลายปี 65 ชี้อย่าเชื่อข่าวลือว่า ‘3 ป.’ แตกกันเพราะยุทธวิธี ‘แยกกันเดิม ร่วมกันตี’ ยังใช้ได้เสมอ!

ปลายปี 2563 ที่ผ่านมา กระแสข่าวการตั้งพรรคสำรองของ ‘พี่น้อง 3 ป.’ ด้วยการมอบหมายให้นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ‘ปลัดฉิ่ง’ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่กำลังจะเกษียณอายุในวันที่ 30 กันยายนปี 2564 เป็นผู้ดำเนินการจัดตั้งพรรคการเมือง ได้ถูกปฏิเสธจากผู้ที่เกี่ยวข้อง

โดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของ นายฉัตรชัย บอกว่าไม่สันทัดการเมืองจึงไม่ได้มีความคิดเรื่องนี้

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บอกว่าแค่พรรคเดียวก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว  

รวมทั้ง ‘ปลัดฉิ่ง’ ที่ออกมายืนยันในเวลานั้นว่า ยังเป็นข้าราชการไม่สามารถที่จะไปทำอะไรแบบนั้นได้ และไม่เคยมีใครมาพูด มาชักชวนแต่อย่างใด

แม้ว่าข่าวดังกล่าวจะถูกปฏิเสธไปแล้วก็ตาม ก็ใช่ว่าจะเกิดขึ้นจริงไม่ได้!

พี่น้อง 3 ป. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา (บิ๊กป็อก) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ (บิ๊กป้อม)
ที่สำคัญกระแสข่าวตั้งพรรคสำรองของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ถูกหยิบยกขึ้นมา ในแวดวงคนมหาดไทยและคนในกองทัพว่า ‘นาย’ สั่งให้เตรียมพร้อมในการจัดตั้งพรรคภายใต้กลไกประชาธิปไตยที่ดึงคนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมทำงานการเมืองให้ได้มากที่สุด      และต้องไม่ใช่รูปแบบพรรคพลังประชารัฐที่เป็นอยู่ที่เต็มไปด้วยมุ้ง ก๊วนต่างๆ จนทำให้ภาพลักษณ์เสียหายอย่างมาก

แหล่งข่าวจากมหาดไทย ระบุว่ พรรคการเมืองใหม่ที่จะเกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องที่ ‘นาย’ ตั้งโจทย์ไว้ว่าให้นำบทเรียนในการปฏิวัติรัฐประหารมาศึกษา บวกกับการจัดตั้งพรรค พปชร.ขึ้นมานั้น แม้จะเป็นไปตามกลไกของประชาธิปไตยก็ตาม แต่ พปชร.ก็มีจุดอ่อนมาก และถูกโจมตีตลอดในเรื่องการแสวงหาผลประโยชน์จนทำให้สังคมมองว่าการเข้ามาสืบทอดอำนาจของ ‘3 ป.’ ก็เพราะนั่งทับผลประโยชน์ไว้ จึงต้องติดยึดกับอำนาจหากลุกขึ้นเมื่อไหร่ ทั้ง 3 คนจะต้องถูกเช็กบิลจากพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามแน่นอน

“ในพรรค พปชร. ก็แตกความสามัคคี เพราะมาจากหลายก๊วน หลายมุ้ง ทำงานการเมืองแบบเก่าๆ เข้ามาอยู่กันแบบชั่วคราว ต้องคอยระวังใครจะแทงข้างหลัง เมื่อไปกันไม่ได้ก็ต้องแตกกันไป อยู่กันแบบไม่คิดที่จะทำให้การเมืองดีขึ้น ขณะที่บิ๊กตู่ยังมีภารกิจที่ต้องทำ ก็คงใกล้เวลาหากมีการเลือกตั้งใหม่ จะได้เห็นพรรคใหม่ที่ไม่ใช่พลังประชารัฐออกมาขับเคลื่อนต่อไป”

แหล่งข่าวบอกว่า การตั้งพรรคใหม่นั้นต้องมีกลไกที่พร้อมที่จะทะลุทะลวงพื้นที่ต่างๆ ได้ ซึ่งเรื่องนี้ทาง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา หรือบิ๊กป๊อก เป็นกำลังสำคัญในการวางยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี และให้ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ หรือปลัดฉิ่ง เป็นคนดำเนินการทั้งหมด

“บิ๊กป๊อก ไว้ใจปลัดฉิ่งมาก ใครอยู่มหาดไทย จะรู้ว่าทั้ง 2 คนสนิทสนมทำงานร่วมกันมา 5 ปีกว่า ไว้เนื้อเชื่อใจกันมากก็เพราะปลัดฉิ่งมีจุดแข็ง เป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีเลิศ เป็นคนที่มีความยืดหยุ่น ประนีประนอมสูง สนองนโยบายได้ดี ทำทุกอย่างแบบไม่น่าเกลียด เข้าได้ทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และกองทัพ”

ส่วนบิ๊กป๊อก เป็นนักยุทธศาสตร์ เป็นคนฉลาดลึก แหลมคม มีความเด็ดขาดและชอบอยู่เบื้องหลังมากกว่า ทำให้การทำงานของมหาดไทยเป็นเรื่องของ ‘ปลัดฉิ่ง’ เดินหน้าเต็มที่ แต่เบื้องหลังจริงๆ บิ๊กป๊อก ก็จะไม่ปล่อยให้ ‘อิสระ’ เช่นกัน

ดังนั้น พรรคการเมืองใหม่ที่เตรียมการตั้งขึ้นนั้นจะมีความพร้อมมากที่สุดด้วยการใช้กลไกของกระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่จังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ซึ่งเป็นฝ่ายปกครองที่มีอยู่ทั่วประเทศเป็นหลัก

“บิ๊กตู่ ก็มีหน่วยกำลัง ทั้งตำรวจ ทหารที่ไว้ใจได้ และมีฝ่ายปกครองเป็นกลไกที่จะเข้าไปดูแลและเข้าถึงประชาชนได้ง่ายที่สุด โดยเฉพาะการเข้าไปดึงหรือคัดสรรนักการเมืองท้องถิ่นที่เป็นคนรุ่นใหม่ มีการศึกษา มีอุดมการณ์ประชาธิปไตย และมองประโยชน์ส่วนรวมเข้ามาร่วมเป็นสมาชิกพรรคให้ได้”


แหล่งข่าวบอกว่า เรื่องของทุนในการตั้งพรรค หรือทำงานการเมืองนั้นเป็นเรื่องที่ ‘นาย’ และผู้ที่เกี่ยวข้องมั่นใจว่า ไม่มีปัญหาแน่ เพราะวันนี้บรรดา ‘นายทุน’ ก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุน หากพรรคการเมืองใหม่นี้ยังมีบิ๊กตู่เป็นกลไกในการขับเคลื่อน และพรรคนี้อาจจะมีการเปิดตัวชัดเจน หลัง ‘ปลัดฉิ่ง’ เกษียณอายุ ส่วนระหว่างนี้ก็เป็นการทำงานที่คนมหาดไทยรู้ว่าจะต้องทำอะไร อย่างไร

“พรรคนี้จะเป็นพรรคเลือดใหม่ เพื่อโละคนเก่าในพรรคพลังประชารัฐบรรดาซุ้มต่าง เจ้าพ่อ ส่วย บ่อน สีเทาๆ ที่เราไม่ต้องการให้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่จะมีคนที่ภาพลักษณ์ดีๆ ตามกันมาอยู่ที่นี่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกฯ บิ๊กตู่ พร้อมสมาชิกอีกหลายคนก็จะอยู่ในพรรคนี้”

อีกทั้งพรรค พปชร.จะมีสถานะอย่างไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ‘บิ๊กป้อม’ ซึ่งเป็นพี่ใหญ่ใน ‘3 ป.’ และเป็นหัวหน้าพรรค พปชร.จะต้องการเอาไว้หรือไม่?

แหล่งข่าวกล่าวว่า การเตรียมการตั้งพรรคใหม่นั้นก็เพื่อสร้างความพร้อม หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองเพราะสถานการณ์การเมืองในปี 2564 มีแรงกดดันทั้งภายในและภายนอกสภา ซึ่งมีแนวโน้มแรงขึ้นจากการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ที่ออกมาเคลื่อนไหวที่พร้อมจะนำไปสู่การใช้ความรุนแรง ที่อาจนำไปสู่การยุบสภาก็เป็นได้ หรือมีเหตุให้ยุบพรรค พปชร.เกิดขึ้น

ทั้งที่ในความเป็นจริง นายกฯ บิ๊กตู่ ต้องการที่จะให้รัฐบาลอยู่ครบวาระ โดยเฉพาะได้เตรียมการที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปกในช่วงปลายปี 2565 เต็มรูปแบบ (physical meeting) ซึ่งนายกฯ จะเป็นประธานที่ประชุมด้วย

ในการประชุมครั้งนี้ ประเทศไทยได้รับการยอมรับจากประชาคมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะด้านสาธารณสุขในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงความมั่นคงทางอาหารและการเกษตร ในบทบาทที่ไทยเป็นผู้ผลิตอาหารให้แก่โลก รวมทั้งการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่จะนำไปสู่การพัฒนาที่ครอบคลุมและยั่งยืน

“เรามีเวลา 1 ปี 10 เดือน ไทยจะเป็นประธานจัดงานและนายกฯ เป็นประธานที่ประชุม ถือเป็นเกียรติยศของประเทศไทย ดังนั้น ขอให้มั่นใจว่าจะไม่มีการยุบสภาก่อนแน่ ก็คงจะอยู่กันครบเทอมเพราะหลังประชุมเอเปก จากนั้นอีก 4 เดือนก็หมดสมัยประชุมแล้ว”

สำหรับการเตรียมตั้งพรรคของ 3 ป.จึงเป็นเรื่องที่แตกต่างจากพรรคอื่นๆ โดยเฉพาะพรรคฝ่ายค้านที่มีการตั้งพรรคสำรองไว้นั้น เป็นเพราะพรรคเหล่านั้นกลัวว่าจะมีการทำผิดระเบียบ ผิดกฎหมายจนถึงขั้นยุบพรรค แต่กรณีของพรรค พปชร. มีความต่างตรงที่ว่า บิ๊กตู่ เชื่อว่าการจะทำการเมืองให้มั่นคงและนำไปสู่การเป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่การเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์ และพี่น้องประชาชนจะมีความมั่นคงได้นั้นจะต้องสร้างการเมืองใหม่ ที่ไม่ใช่การเมืองแบบคนรุ่นเก่า

“ต้องทำให้ประชาชนฐานรากไม่ตกเป็นเครื่องมือสั่นคลอนรัฐบาล ก็ต้องดูแลปากท้องให้พวกเขาอยู่ได้ เศรษฐกิจพอเพียงเป็นทางรอดก็จริง แต่ตอนนี้ทำอย่างไรจะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ได้ก่อน ก็คือการใส่เงินลงในโครงสร้างพื้นฐานให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่ให้ได้มากที่สุด”

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
ขณะเดียวกัน ทีมที่เกี่ยวข้องก็ต้องติดตามดูโพลต่างๆ ด้วยว่าความนิยมในตัวของ 3 ป.จะเป็นอย่างไรบ้าง เพราะถ้าความนิยมในตัวบิ๊กตู่ มีคะแนนนำสูงกว่าบรรดาหัวหน้าพรรคต่างๆ รวมไปถึงทักษิณ ชินวัตร ทุกครั้ง ก็มั่นใจได้ว่า พรรคใหม่ที่จะเกิดขึ้นมานั้นมีโอกาสชนะการเลือกตั้งได้แน่นอน

“ตั้งแต่ปี 2557 ที่บิ๊กตู่รัฐประหารเข้ามา กระทั่งมีการเลือกตั้งปี 2562 รวมเวลานี้ก็ 7 ปีแล้ว กระแสโจมตีเรื่องการสืบทอดอำนาจก็ยังมีอยู่ตลอด เพราะ พปชร.ไปดึงกลุ่มการเมืองเก่าๆ เข้ามาร่วม ทั้งหมดจึงเป็นบทเรียนให้เห็นว่า ถ้าจะสลัดภาพเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่าย จึงต้องวางกลไกในการสร้างเลือดใหม่ในทางการเมืองให้เกิดความมั่นคงต่อประเทศให้ได้ ก่อนที่บิ๊กตู่จะต้องวางมือทางการเมือง”

นอกจากนี้ หากมีกระแสข่าวลือว่า การตั้งพรรคใหม่ครั้งนี้เกิดจากความแตกแยกของ ‘พี่น้อง 3 ป.’ นั้น แหล่งข่าวจากมหาดไทย ย้ำว่า ขอให้สังคมเชื่อมั่นว่า ทั้ง 3 คนไม่มีทางแตกแยกกัน เพียงแต่ว่ายุทธศาสตร์ ‘แยกกันเดิน ร่วมกันตี’ จะยังคงอยู่ต่อไป ซึ่งพรรค พปชร.อาจจะคงอยู่ในสนามเลือกตั้งครั้งหน้าที่มีบิ๊กป้อม เป็นหัวหน้าพรรคเช่นเดิม และมีพรรคใหม่ที่จะไม่ใช่บิ๊กตู่ หรือบิ๊กป๊อก เป็นหัวหน้าพรรค แต่อาจเป็นใครก็ได้ที่จะขับเคลื่อนการเมืองแบบใหม่ตามภารกิจของบิ๊กตู่ที่ต้องทำให้สำเร็จต่อไปก็เป็นได้

“แม่ทัพแต่ละคนจะมีจุดแข็งไม่เหมือนกัน บิ๊กป้อม มีบารมีและมีความอดทนมากและเอาอยู่ที่จะควบคุมพลพรรคประเภท ‘ก๊วนต่างๆ’ ที่พร้อมจะกบฏได้ตลอด แต่บิ๊กตู่ เป็นคนจริงจัง ตั้งใจโดยเฉพาะในการแก้วิกฤตเศรษฐกิจ แต่มีข้อเสียคือจิตตกง่ายเวลาถูกแรงกระแทก ยิ่งเจอพิษสมาชิกบางคนเทาๆ ดำๆ เวลาถูกใครโจมตีก็อึดอัดไม่อยากจะทนต่อไปแล้ว ส่วนบิ๊กป๊อก อาจจะเป็นคนที่พรรคอื่นจับตาถึงพฤติกรรมต่างๆ แต่ไม่เคยมีใครหาหลักฐานมาดำเนินการได้ มีเพียงข่าวลือเท่านั้น”

ดังนั้น พี่น้อง 3 ป.จะยังคงอยู่ในสนามการเมืองต่อไปเพียงแต่ว่าจะมีทั้ง พปชร.และพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งเป็นการแตกแบรนด์เพื่อพลิกโฉมการเมืองรูปแบบใหม่ในระบอบประชาธิปไตยหรือจะเหลือเพียงพรรคใหม่พรรคเดียว ก็ยังเป็นเรื่องที่ต้องจับตามอง เพราะวันนี้ทุกอย่างอยู่ระหว่างการเตรียมการของคนมหาดไทยจากเวทีท้องถิ่นเพื่อก้าวสู่สนามระดับชาติเมื่อการเลือกตั้งครั้งต่อไปมาถึง!




กำลังโหลดความคิดเห็น