ม็อบราษฎรแพ้ภัยตัวเอง แตกแยกภายในแนวร่วมในเมืองหดหาย ต้องลงพื้นที่ต่างจังหวัด จัดกิจกรรมเข้าค่ายเพิ่มฐานมวลชน วังสะพุง-เลย ภูเขียว-ชัยภูมิ “โตโต้” กลับกาฬสินธุ์สร้างศูนย์อบรม ประกาศรับสมัครมวลชนอาสา โชคร้าย “Live ธนาธร” กระแสตีกลับ แถม ส.ส.ก้าวไกลขอเครื่องราชฯ-แหกมติไม่ลงชื่อแก้มาตรา 112 งานนี้ไปต่อยาก
การชุมนุมใหญ่ของคณะราษฎร 2563 เมื่อ 2 ธันวาคม 2563 ที่บริเวณห้าแยกลาดพร้าว นับเป็นครั้งสุดท้าย ไม่มีการนัดหมายรวมตัวกันเคลื่อนทัพใหญ่ จนถึงปลายเดือนมกราคม 2564 มีเพียงการเคลื่อนไหวทำกิจกรรมย่อยของกลุ่มต่างๆ ไม่ได้ส่งผลต่อการรับมือของเจ้าหน้าที่มากนัก
ท่ามกลางข้อสังเกตจากหลายฝ่ายว่าม็อบคณะราษฎรเริ่มแผ่วลง จากจำนวนผู้ที่เข้ามาร่วมที่ลดลงมาในระยะหลังของการชุมนุม พร้อมๆ กับเรื่องปัญหาภายในของม็อบเองที่มีความขัดแย้งกันด้านแนวคิดจนทำให้เยาวชนปลดแอกหลุดออกไป นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องการ์ด ทั้งทะเลาะจนเป็นเหตุยิงกันเอง ไปจนถึงการ์ดอีกฝ่ายทำร้ายการ์ดของ WEVO ของโตโต้ ปิยรัฐ จงเทพ เป็นเหตุให้ท้ายที่สุดมีการยุบการ์ดทั้งหมด
ขณะที่ข้อเรียกร้องต่างๆ ของการชุมนุมให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกก็ไม่ประสบความสำเร็จ เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาของสมาชิกวุฒิสภา แม้รัฐบาลจะรับเรื่องแต่อยู่ในขั้นตอนแก้ไขซึ่งต้องใช้เวลา ดังนั้น ม็อบจึงมาชูเรื่องการปฏิรูปสถาบันฯ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนไทยยอมรับไม่ได้
แม้ระยะแรกจะมีคนรุ่นใหม่เข้าร่วม แต่หลังๆ เมื่อข้อเรียกร้องไม่บรรลุเป้าหมาย เริ่มมีเสียงของคนในม็อบต่างออกมาแสดงความคิดเห็นว่าควรเรียกร้องแค่ข้อ 1 และข้อ 2 ก็เพียงพอ แต่ดูเหมือนแกนนำอย่างนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล และแกนนำคนอื่นๆ ยังคงเน้นไปที่เป้าหมายข้อ 3 เป็นหลัก ซึ่งไปสอดคล้องกับแนวทางของกลุ่มการเมืองอย่างคณะก้าวหน้า
ยิ่งนานวัน เมื่อไม่บรรลุเป้าหมาย มวลชนเริ่มถอย เพราะการชุมนุมแบบไม่กี่ชั่วโมงเลิก แม้จะเป็นรูปแบบใหม่ในเมืองไทย แต่ไม่สามารถกดดันรัฐบาลได้ แถมข้อเรียกร้องโดยเฉพาะข้อ 3 นั้นเป็นเรื่องยากต่อการยอมรับของสังคมไทย ประกอบกับการเคลื่อนไหวย่อยๆ ที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ได้เห็นความจริงหลายประการที่ม็อบคณะราษฎรเคยพูดไว้ว่าไม่เป็นความจริง “ม็อบนี้ไม่มีแกนนำ ทุกคนคือแกนนำ” กลายเป็นวาทะประดิษฐ์ที่ใช้หลอกคนให้เข้ามาร่วมชุมนุม เนื่องจากม็อบที่สามย่านมิตรทาวน์ รุ้ง-ปนัสยา ได้ออกมาแจ้งว่าม็อบดังกล่าวไม่ได้เกิดจากกลุ่มราษฎร รวมถึงการออกมาโพสต์ว่านายปกรณ์ พรชีวางกูร เฮียบุ๊ง แจ้งเรื่องของม็อบเล็กม็อบน้อยว่าต้องแจ้งต่อแกนนำก่อน
เมื่อเกิดกรณี “เยล” นายมงคล สันติเมธากุล การ์ดราษฎรหายตัวไป หลายคนโดดร่วมวงเพื่อปั่นกระแส จนมาพบว่าเป็นเรื่องที่กุขึ้นมา ทำให้หลายฝ่ายชิ่งหนีจากกรณีดังกล่าว
ออกต่างจังหวัดเติมฐาน
ขณะนี้พบว่าแกนนำระดับบนของม็อบจำนวนหนึ่งได้ลงไปทำฐานในต่างจังหวัดหลายแห่ง มีกิจกรรมราษฎรออนทัวร์ครั้งที่ 1 ที่เหมืองวังสะพุง จังหวัดเลย มีนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน ร่วมกิจกรรม ลงพื้นที่ไปสัมผัสเรื่องราวของการต่อสู้กันยาวนานของชุมชนใกล้เคียงเหมืองทองวังสะพุง ที่ได้ถูกสั่งปิดถาวรแล้วด้วยเงื่อนไขทางสิ่งแวดล้อม
ตลอด 3 วัน 2 คืนที่ผ่านมา ชาวชุมชนได้นำชมพื้นที่บริเวณเหมือง เล่าเรื่องราวการเคลื่อนไหวที่ไม่เคยหยุดตลอด 15 ปี เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเยาวชนเกี่ยวกับโครงการรัฐ โครงสร้างกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมต่อคนตัวเล็กๆ ในสังคม ร่วมออกแบบชุมชนหลังจากที่มีการขนสินแร่ออกจากพื้นที่ และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบดำเนินการจนเสร็จสิ้น
ราษฎรได้ติดตั้งห้องน้ำถาวรสำหรับศูนย์การเรียนรู้ที่ชุมชนวางแผนจะสร้างขึ้นในอนาคตด้วย นอกจากนี้ยังได้เปิดพื้นที่ให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกคนได้แลกเปลี่ยน พูดคุยถึงข้อเรียกร้องหลักทั้ง 3 ข้อของราษฎร เพื่อมองหาความเป็นไปได้ในการสร้างสังคมประชาธิปไตยของเราทุกคนต่อไป
นอกจากนี้ยังประกาศรับสมัครนักเรียนมัธยมที่จังหวัดชัยภูมิ ค่ายราษฎรออนทัวร์ เป็นค่ายแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องปัญหาสังคมไทยและสังคมในอุดมคติในมุมมองของเยาวชน รับเฉพาะนักเรียนโรงเรียนภูเขียว ม.3-ม.6 จัดภายในวันที่ 29-31 มกราคม 2564 เปิดรับสมัครจนถึง 27 มกราคม 2564 ไม่เสียค่าใช้จ่ายและมีรถมารับถึงหน้าโรงเรียน
ขณะที่ โตโต้ ปิยรัฐ จงเทพ ที่เสียฟอร์มจากกรณีของการ์ดราษฎร ”เยล” กลับไปบ้านเกิดกาฬสินธุ์ พร้อมทั้งโพสต์ข้อความว่า นับแต่นี้ตัวผมเองจะไม่ค่อยมีเวลามาทักทายพี่น้องประชาชนเหมือนที่เคย เพราะเนื่องจากว่า ผมต้องกลับบ้านเกิดเพื่อสร้างขบวนการ wevo แห่งที่ราบสูงที่เราเรียกว่าภาคอีสาน
ผมต้องการให้นักสู้คนรุ่นใหม่ วัยหนุ่มสาวในบ้านเกิดได้ลุกขึ้นสู้กันอีกสักยก และการสู้ยกใหม่นี้ ต้องสู้อย่างมียุทธศาสตร์สอดรับนโยบายเดียวกันกับ แกนหลักอย่าง wevo ส่วนกลาง
พร้อมทั้งประกาศรับสมัครมวลชนอาสาประจำภาคอีสาน ขอเชิญชวน พี่น้องผู้มีอุดมการณ์ทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีม #มวลชนอาสา หรือ #Wevolunteer ประจำภาคอีสาน #WevolunteerIsaan มาร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งกับความหวังครั้งใหม่ มารวมพลังสร้างฝันด้วยมือของเราทุกคน ในเมื่อคนลาวอีสานเคยเป็นนักสู้มาทุกยุคสมัย วันนี้ Wevo จะชวนเรามาสู้ในรูปแบบของ Wevo เราต้องการนักสู้ทุกคนมาร่วมทางกับเรา
คุณสมบัติ พร้อมทุกเมื่อเพื่อประชาธิปไตย ไม่จำกัดการศึกษา อายุไม่เกิน 40 ปี ทุกเพศ พักอาศัยอยู่ใน #พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว
ส.ส.ก้าวไกลย้อนแย้ง
แหล่งข่าวจากหน่วยงานความมั่นคง ประเมินการเคลื่อนไหวของม็อบว่าความชอบธรรมของม็อบเริ่มลดลงไปเรื่อยๆ แถมมาเจอเรื่องความพยายามในการปลุกกระแสเรื่องวัคซีนที่นายธนาธร Live เรื่องวัคซีนที่พยายามเชื่อมโยงไปถึงสถาบันฯ เกิดกระแสตีกลับ หลายฝ่ายเริ่มไม่เห็นด้วยกับแนวทางที่นายธนาธรทำอยู่
ขณะเดียวกัน ที่มีการเปิดเผยรายชื่อกลุ่ม ส.ส.ที่ขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พบว่ามี ส.ส.จากพรรคก้าวไกลกว่า 20 คนที่ได้รับ ซึ่งผู้ขอจะต้องลงชื่อในคำขอ ไม่เพียงเท่านั้น ส.ส.พรรคก้าวไกลที่แหกมติพรรคไม่ร่วมลงชื่อแก้กฎหมายมาตรา 112 เท่ากับย้อนแย้งแนวทางที่อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลอย่างนายธนาธรพยายามเดินเครื่องตรวจสอบสถาบันฯ นับเป็นพฤติกรรมที่ย้อนแย้ง และทำลายความน่าเชื่อถือถึงอุดมการณ์ของการเรียกร้อง
เมื่อหัวขบวนของการขับเคลื่อนข้อเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันฯ ไม่เป็นไปในแนวทางเดียวกับอดีตหัวหน้าพรรค ย่อมส่งผลต่อทิศทางในการเคลื่อนไหวของทีมราษฎรที่เป็นหัวหอกพื้นที่การชุมนุมบนท้องถนน
ร้าวหนัก-ไม่ใช่พวกไม่หนุน
อีกทั้งภายในม็อบเองก็มีปัญหาความขัดแย้งเช่นกัน ชัดที่สุดคือเรื่องการ์ด โดยเฉพาะกลุ่มการ์ดอาชีวะ การ์ดเสื้อแดง เพราะทุกฝ่ายต่างต้องการความเป็นผู้นำ ทำให้มีปัญหากับการ์ดเดิมของม็อบอย่าง WEVO ที่ ปิยรัฐ จงเทพ อดีตผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ (ก้าวไกล) เป็นหัวหน้าทีม แน่นอนว่าแกนนำม็อบต้องเลือกทีม WEVO จึงประกาศยุบการ์ดทั้งหมด
จะเห็นได้ว่า ช่วงที่ไม่มีม็อบใหญ่การ์ดอื่นเริ่มจัดกิจกรรมกันเอง แกนนำออกมาปฏิเสธ แม้จะไม่ประกาศแยกตัวอย่างเป็นทางการ แต่ก็ชัดเจนว่าทีมงานของแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมได้เรียกตัวเองว่า กลุ่มราษฎร พร้อมตั้งเพจราษฎร หลังมีความขัดแย้งกับคณะราษฎรเดิมทุกอย่างจะมีคณะราษฎร 2563 เป็นแกนหลักในทุกกิจกรรม แต่วันนี้เพจคณะราษฎรลดบทบาทลง
แม้กระทั่งการเคลื่อนไหวของกลุ่มลูกบ้านโป่งไม่อินเผด็จการ 24 มกราคม 2564 ที่เดินเท้าจากอำเภอบ้านโป่งมาที่ทำเนียบรัฐบาล แกนนำอย่างเพนกวิน, รุ้ง ไม่ได้ให้ความสำคัญในกิจกรรมครั้งนี้ ไม่รายงาน ไม่ประกาศสนับสนุน มีเพจราษฎรรายงานกิจกรรมดังกล่าวเพียง 1 ครั้ง แตกต่างจากกิจกรรมที่ออกมาจากแกนนำจะพร้อมใจปูพรมกันรายงานกันทุกเครือข่าย
ความแตกร้าวภายในของม็อบเห็นได้จากการโพสต์ข้อความแสดงความอัดอั้นในใจของเครือข่ายต่างๆ อย่างนายสมบัติ ทองย้อย หัวหน้าการ์ดคนเสื้อแดง ได้โพสต์ข้อความตำหนิแกนนำม็อบหลายครั้ง จนถูกสาวกของแกนนำเข้ามาถล่มเฟสบุ๊กตลอดเวลา
หนึ่งในข้อความที่สะท้อนถึงปัญหาภายในของม็อบได้เป็นอย่างดีนั่นคือ ม็อบบ้านโป่งก็โดนเพิกเฉยจากเหล่าบรรดาแกนนำกับคนดังๆ ที่มีชื่อในม็อบ และสื่อหลักเครือข่ายฝ่ายประชาธิปไตยไม่มอนิเตอร์มากพอ มีการวิจารณ์ไปถึงความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นของม็อบ พอเป็นม็อบใหญ่ๆ พวกตัวเองถึงใช้สื่อในมือประโคมข่าว
แต่ม็อบชาวบ้าน ม็อบคนต่างจังหวัด ก็ไม่มีการให้ความสำคัญ ต้องเป็นพรรคพวกกันเองเท่านั้นถึงจะมาสนใจ ไม่มีออกมาโพสต์ถี่ๆ เหมือนตอนพวกตัวเองโดนจับ
ทุกคนคือแกนนำจึงดูเป็นคำโฆษณาชวนเชื่อจากกลุ่มปัญญาชนในกระแสหลัก หากเสียงที่มีดังกล่าวคนอื่นใน Platform ของเพจแกนนำไม่ถูกใช้ประโยชน์ในการช่วยกระจายข่าวสารให้ม็อบย่อยอื่นๆ
ปีนี้เราคงมีแพลนว่าอาจเลิกไปม็อบใหญ่ หาโอกาสไปแต่ม็อบชาวบ้านเล็กๆ แทน ยิ่งพอมาได้ยินคำว่าให้ใช้วิธีกวนตีนอำนาจรัฐเล่นๆ ไปเรื่อยๆ จากแกนนำคนหนึ่งก็ยิ่ง Disgusting ความเดือดร้อนลำบากประชาชน เงินระดมทุนบริจาค ไม่ใช่ให้ม็อบเอามาใช้เล่น
ขายของ #ม็อบ24มกรา
สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งจากเรื่องภายในพรรคก้าวไกล และปัญหาของม็อบ ย่อมส่งผลต่อทิศทางการเคลื่อนไหวของแกนนำม็อบราษฎร ประกอบกับเมื่อม็อบเริ่มอยู่ในทิศทางขาลง การขับเคลื่อนจากนี้ไป แม้จะมีความพยายามเดินหน้าต่อ แต่น้ำหนักและความน่าเชื่อถือย่อมลดลง ท้ายที่สุดคือแนวร่วมต่างๆ จะเริ่มหายไปทั้งจากเรื่องความขัดแย้งภายในและเริ่มไม่เห็นว่าม็อบจะเคลื่อนไหวได้จนบรรลุเป้าหมาย