ศิษย์ธรรมกายส่งไม้ต่อคดีเงินทอนวัด “มหานิยม” นิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย รับช่วงกระทุ้งสภาฯ งัดเอกสารสำนักพุทธฯ ให้งบหน่วยงานนอกสังกัดไม่ผิด แต่กลับเอาผิดกับพระ ลูกหาบนอกสภาฯ ประสานเสียงเชียร์ พุ่งเป้าไปที่การทำงานของพงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ที่จะเกษียณอายุราชการสิ้นเดือนกันยายนนี้ พบเมื่อปี 2555 เคยหนุนธรรมกายฮุบเกาะดอนสวรรค์ สกลนคร ที่ทำเป็นทีมจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แต่ถูกต้านหนักจนต้องถอย
หลังจากนายสมเกียรติ ศรลัมพ์ ศิษย์วัดพระธรรมกายได้ลาออกจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาภิวัฒน์ เพื่อรับตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ช่วงที่ผ่านมาได้ใช้เวทีของสภาผู้แทนฯ ตั้งกระทู้สอบถามในเรื่องของการดำเนินคดีอดีตพระชั้นผู้ใหญ่ จนเป็นที่มาของการได้ประกันตัวอดีตพระพรหมทั้ง 2 รูปพร้อมกับอดีตพระผู้ติดตามอีก 3 รูป
แม้สมเกียรติจะพ้นไปจากเวที ส.ส. แต่แนวรุกงานทางด้านพระพุทธศาสนาในสภาผู้แทนราษฎรก็ยังคงมีมือเก่าที่ประสานงานกันได้เป็นอย่างดีนั่นคือ ดร.นิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร เขต 2 จากพรรคเพื่อไทย ที่เคยสอบถามเรื่องของอดีตพระที่ถูกดำเนินคดีเคียงคู่กันมากับสมเกียรติ
สำหรับนายนิยม เวชกามา ส.ส.จากพรรคเพื่อไทยนั้นเข้าสู่สนามการเมืองเมื่อปี 2550 สังกัดพรรคพลังประชาชน จากนั้นได้ลงรับสมัครเลือกตั้งอีกครั้งเมื่อปี 2554 ในนามพรรคเพื่อไทย รวมถึงล่าสุดปี 2562 ได้รับการเลือกตั้ง นับเป็น ส.ส.สมัยที่ 3
ส่งไม้ต่อนิยม เวชกามา
บทบาทของ ส.ส.จากสกลนครรายนี้ แม้จะไม่ได้โด่งดังเหมือน ส.ส.รุ่นใหม่ แต่งานเชิงรุกที่ผ่านมานับได้ว่าไม่ธรรมดาสำหรับ ส.ส.วัย 68 ปี ก่อนหน้านี้เดินหน้าจี้มหาเถรสมาคมเมื่อต้นปี 2557 ให้ดำเนินการกับพระพุทธะอิสระ ที่มาเคลื่อนไหวร่วมกับ กปปส.
รวมถึงการฟ้องดำเนินคดีกับหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เมื่อ 23 มิถุนายน 2562 ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณากรณีกล่าวหานายนิยมว่าถือหุ้นสื่อ ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. ซึ่งบริษัทของตนเลิกไปแล้วตั้งแต่ปี 2547
ในเรื่องงานด้านศาสนา ส.ส.นิยมเคยบวชมานาน ซึ่งเรื่องนี้นายกรณ์ มีดี หัวหน้าพรรคแผ่นดินธรรม ได้ชื่นชมไว้ว่า ขอขอบคุณท่าน ส.ส.นิยม เวชกามา ที่ช่วยพระพุทธศาสนา กระทุ้งต่อสภาเรื่องเงินทอนวัด เรื่องพระที่ได้รับการประกันตัวโดนตำรวจคุกคาม (เรื่องการสวมจีวร ทั้งที่ยังไม่ได้สึก) เรื่องงบประมาณที่มีฟ้องแบบเลือกปฏิบัติ และกรณีอดีตพระพรหมเมธี ที่ลี้ภัยอยู่เยอรมนี จะกลับมาสู้คดี
ฝากชาวพุทธช่วยกันแชร์ให้เยอะๆ เพื่อจะได้เป็นกำลังใจให้กับท่านนิยม เวชกามา ได้ต่อสู้ต่อไป เกร็ดประวัติส่วนตัวท่านนิยม บวช 16 พรรษา ทางธรรมจบเปรียญธรรม 5 ประโยค จบปริญญาเอก พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต พุทธบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร.) วิทยาลัยสงฆ์นครพนม ระหว่างปี 2559-2561
ธรรมกายกับเกาะดอนสวรรค์
หากย้อนกลับไปในปี 2555 ที่จังหวัดสกลนคร มีกรณีของพระสงฆ์กลุ่มหนึ่งที่เข้าไปปฏิบัติธรรมที่เกาะดอนสวรรค์ ซึ่งเป็นเกาะกลางน้ำในบริเวณบึงหนองหาร สืบทราบว่าเป็นพระวัดพระธรรมกาย และมีความพยายามจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอออกโฉนดบนเกาะแห่งนี้ 85 ไร่จากพื้นที่ทั้งเกาะ 105 ไร่ จนเกิดการชุมนุมต่อต้านครั้งใหญ่ของคนในจังหวัดสกลนคร ในนาม“กลุ่มพิทักษ์ดอนสวรรค์เพื่อไทสกล”
การขับเคลื่อนเพื่อดำเนินการออกโฉนดให้เกาะดอนสวรรค์เพื่อให้กลายเป็นวัดนั้น มีกระบวนการมาจากบุคคลในรัฐบาลเพื่อไทยที่มีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี
ในครั้งนั้น นางสาวลีลาวดี วัชโรบล ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ออกมากล่าวว่า ตามที่นายกเทศมนตรีนครสกลนคร ทำหนังสือคัดค้านการออกโฉนดที่ดินให้กับวัดดอนสวรรค์ ซึ่งเดิมเคยเป็นวัดที่มีพระภิกษุสงฆ์จำพรรษา ตั้งแต่ พ.ศ. 2472 แต่ต่อมาไม่มีพระภิกษุสงฆ์จำวัดจึงถูกขึ้นทะเบียนเป็นวัดร้าง และต่อมาเมื่อมีพระภิกษุสงฆ์กลับไปจำวัดอีกครั้ง จึงมีการแจ้งแก้ไขการขึ้นทะเบียนเป็นวัดร้าง และกลับคืนสู่สภาพวัดที่มีพระจำศีลตามปกติ
แต่เนื่องจากโฉนดที่ดินของวัดดอนสวรรค์ ที่หายสาบสูญไป จึงแจ้งไปยังกรมที่ดิน เพื่อขอออกโฉนดใหม่ แต่ถูกคัดค้าน โดยให้เหตุผลว่า เทศบาลนครสกลนคร ได้พิจารณาแล้วไม่เห็นด้วยกับการออกโฉนดที่ดินดังกล่าว เพราะเดิมที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นที่รกร้างว่างเปล่าสาธารณประโยชน์ ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน
จากการพิจารณาของอนุกรรมาธิการฯ เห็นว่า มีหลักฐานที่ชัดจน และยืนยันได้ว่า มีการจดทะเบียนวัด โดยกระทรวงธรรมการ ตั้งแต่ พ.ศ. 2472 และมีการประกาศลงราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2472 พร้อมทั้งออกโฉนดที่ดิน ดังนั้นเมื่อที่ดินใดที่ตกเป็นของวัด จึงถือเป็นที่ธรณีสงฆ์ จะให้เห็นเป็นอื่นไม่ได้ จึงยืนยันว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ของวัด เป็นธรณีสงฆ์ ไม่ใช่ที่สาธารณประโยชน์ ตามที่นายกเทศมนตรีนครสกลนครกล่าวอ้าง
ส่วน พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ประชาสัมพันธ์ของวัดพระธรรมกายที่ชี้แจงว่า จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า วัดดอนสวรรค์ ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะดอนสวรรค์ ในบึงหนองหาร จังหวัดสกลนคร เป็นวัดร้าง และยังคงเป็นที่วัดและที่ธรณีสงฆ์ ตราบจนถึงปัจจุบัน ที่ทางคณะสงฆ์จังหวัดสกลนครและทางราชการ กำลังปรับปรุงให้เป็นวัดที่มีพระภิกษุจำพรรษาอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการคณะสงฆ์ เพื่อแก้ไขปัญหาวัดร้างตามนโยบายของทางการคณะสงฆ์ส่วนกลางและทางราชการ
“วัดพระธรรมกายขอชี้แจงว่า เรื่องการยกฐานะจากวัดร้างเป็นวัดที่มีพระภิกษุอยู่จำพรรษานั้น เป็นสิทธิของทางการคณะสงฆ์จังหวัดสกลนครเอง และกรณีความคิดเห็นเรื่องการจัดการพื้นที่ที่แตกต่างกันไปนั้น เป็นเรื่องผลประโยชน์ของบรรพชิตและคฤหัสถ์ในจังหวัดสกลนครเอง ไม่เกี่ยวกับวัดพระธรรมกายแต่ประการใด”
“นิยม” เอี่ยวหนุนฮุบดอนสวรรค์
ทีมงานของกลุ่มพิทักษ์ดอนสวรรค์เพื่อไทสกล เล่าให้ฟังว่า ครั้งนั้นทำกันเป็นขบวนการ เริ่มต้นที่วัดพระธรรมกายกับพรรคเพื่อไทยนั้นเกื้อหนุนกันมาตลอดตั้งแต่ยุคของทักษิณ ชินวัตร เมื่อมาถึงยุคนางสาวยิ่งลักษณ์ก็ยังคงดำเนินการในลักษณะที่เอื้อประโยชน์ต่อกัน เป็นที่รู้กันดีว่าทางธรรมกายมีแนวทางในการสร้างเครือข่ายด้วยการ “ทำวัดร้างให้เป็นวัดรุ่ง” โดยใช้ภาคการเมืองเป็นตัวเดิน
นางสาวลีลาวดี มีตำแหน่งเลขานุการคณะกรรมาธิการการศาสนา ซึ่งศิษย์วัดพระธรรมกายคนสำคัญ จึงขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าวเพื่อต้องการให้พื้นที่เกาะดอนสวรรค์กลายสภาพเป็นวัด ซึ่งมีพระของวัดพระธรรมกายมาปักหลักอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว
เมื่อมีเป้าหมายที่มาจากภาคการเมืองเพื่อตอบสนองต่อนโยบายของวัดพระธรรมกาย ส่วนราชการอื่นอย่างสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติในเวลานั้น ที่ขึ้นตรงกับนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รวมไปถึงคณะสงฆ์ปกครองภาค 8 ที่อยู่ภายใต้มหาเถรสมาคม ที่อิงกับธรรมกายเช่นกัน ดังนั้นหลายๆ เรื่องจึงเป็นไปในทิศทางเดียวกับความต้องการของรัฐบาลเพื่อไทยในเวลานั้น
นอกจากนี้ ส.ส.ในจังหวัดสกลนคร เขต 2 พรรคเพื่อไทย อย่างนายนิยม เวชกามา ได้ออกมาสนับสนุนแนวทางการออกโฉนด และออกมาให้ข่าวว่าการชุมนุมครั้งนี้มีการเมืองอยู่เบื้องหลัง
“ส.ส.ของสกลนครทั้งหมดในขณะนั้นไม่มีใครเป็นศิษย์ธรรมกาย อย่างนายนิยมที่ออกมาสนับสนุนแนวทางของรัฐบาลก็เพราะต้องการเอาใจนางสาวยิ่งลักษณ์เท่านั้น ไม่ได้ออกมาปกป้องผลประโยชน์ของชาวสกลนครเลย”
ที่พวกเราทำสำเร็จเพราะความสามัคคีของคนในสกลนครที่รวมตัวกันคัดค้านสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และเกาะดอนสวรรค์ถือเป็นสมบัติของชาวสกลนคร ไม่ใช่ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง จนสุดท้ายพระวัดพระธรรมกายก็ออกจากพื้นที่ไป และการอ้างว่าเกาะดอนสวรรค์เป็นพื้นที่ธรณีสงฆ์ก็ยุติลง
ดร.สาย มจร.
ส่วนบทบาทของนายนิยม ส.ส.สกลนครในเวลานี้ที่เดินหน้าติดตามเรื่องของคดีเงินทอนวัด ส่วนหนึ่งเพราะเคยบวชเรียนมานาน จนหลายคนเรียกว่ามหานิยม อีกทั้งยังจบปริญญาเอกที่ มจร. ซึ่งสาย มจร. เป็นสายของมหานิกาย ที่ผ่านมาถือสายที่กุมอำนาจเสียงข้างมากในมหาเถรสมาคม ที่เกื้อหนุนกับวัดพระธรรมกาย ดังนั้นจึงถูกวางตัวให้เป็นหัวหอกในเรื่องดังกล่าว
แม้นายนิยมจะขับเคลื่อนในเรื่องของอดีตพระผู้ใหญ่ที่ถูกดำเนินคดี หากสังเกตให้ดีพบว่าจะมุ่งไปที่วัดสระเกศเป็นหลัก แตกต่างจากวัดสามพระยาที่มีทีมช่วยเหลือด้านกฎหมายเป็นกลุ่มลูกศิษย์อดีตพระพรหมดิลก ขณะที่ทีมของพรรคเพื่อไทยเน้นไปที่วัดสระเกศ เนื่องจากทั้งนางสาวยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรีที่หลบหนีไปต่างประเทศก็มาทำบุญที่วัดแห่งนี้บ่อยครั้ง เช่นเดียวกับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำคนสำคัญของพรรคเพื่อไทย
ตอนนี้มีการพุ่งเป้าไปที่คดีฟ้องอดีตพระพรหม ด้วยการเปิดเอกสารการให้เงินสนับสนุนหน่วยงานอื่นๆ นอกสังกัดของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อนำมาเทียบเคียงกับคดีกล่าวโทษพระพรหมทั้ง 3 รูป กดดันการทำหน้าที่ของพันตำรวจโทพงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ในฐานะผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ที่กำลังจะเกษียณอายุราชการในสิ้นเดือนกันยายนนี้
ส่วนทีมปกป้องพระผู้ใหญ่นอกสภาฯ รับลูกเชียร์ทั้งนายกรณ์ มีดี หัวหน้าพรรคแผ่นดินธรรม และองค์กรพุทธจัดตั้งอื่นๆ ที่ขับเคลื่อนกันเดินตามแนวทางของแต่ละองค์กร อย่างกลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดินของ ดร.จรูญ วรรณกสิณานนท์ ก็เคยติดตามเรื่องเงินทอนวัด เพียงแต่ช่วงนี้ออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องภาพวาดพระพุทธรูปอุลตร้าแมน
หลังจากนายสมเกียรติ ศรลัมพ์ ศิษย์วัดพระธรรมกายได้ลาออกจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาภิวัฒน์ เพื่อรับตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ช่วงที่ผ่านมาได้ใช้เวทีของสภาผู้แทนฯ ตั้งกระทู้สอบถามในเรื่องของการดำเนินคดีอดีตพระชั้นผู้ใหญ่ จนเป็นที่มาของการได้ประกันตัวอดีตพระพรหมทั้ง 2 รูปพร้อมกับอดีตพระผู้ติดตามอีก 3 รูป
แม้สมเกียรติจะพ้นไปจากเวที ส.ส. แต่แนวรุกงานทางด้านพระพุทธศาสนาในสภาผู้แทนราษฎรก็ยังคงมีมือเก่าที่ประสานงานกันได้เป็นอย่างดีนั่นคือ ดร.นิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร เขต 2 จากพรรคเพื่อไทย ที่เคยสอบถามเรื่องของอดีตพระที่ถูกดำเนินคดีเคียงคู่กันมากับสมเกียรติ
สำหรับนายนิยม เวชกามา ส.ส.จากพรรคเพื่อไทยนั้นเข้าสู่สนามการเมืองเมื่อปี 2550 สังกัดพรรคพลังประชาชน จากนั้นได้ลงรับสมัครเลือกตั้งอีกครั้งเมื่อปี 2554 ในนามพรรคเพื่อไทย รวมถึงล่าสุดปี 2562 ได้รับการเลือกตั้ง นับเป็น ส.ส.สมัยที่ 3
ส่งไม้ต่อนิยม เวชกามา
บทบาทของ ส.ส.จากสกลนครรายนี้ แม้จะไม่ได้โด่งดังเหมือน ส.ส.รุ่นใหม่ แต่งานเชิงรุกที่ผ่านมานับได้ว่าไม่ธรรมดาสำหรับ ส.ส.วัย 68 ปี ก่อนหน้านี้เดินหน้าจี้มหาเถรสมาคมเมื่อต้นปี 2557 ให้ดำเนินการกับพระพุทธะอิสระ ที่มาเคลื่อนไหวร่วมกับ กปปส.
รวมถึงการฟ้องดำเนินคดีกับหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เมื่อ 23 มิถุนายน 2562 ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณากรณีกล่าวหานายนิยมว่าถือหุ้นสื่อ ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. ซึ่งบริษัทของตนเลิกไปแล้วตั้งแต่ปี 2547
ในเรื่องงานด้านศาสนา ส.ส.นิยมเคยบวชมานาน ซึ่งเรื่องนี้นายกรณ์ มีดี หัวหน้าพรรคแผ่นดินธรรม ได้ชื่นชมไว้ว่า ขอขอบคุณท่าน ส.ส.นิยม เวชกามา ที่ช่วยพระพุทธศาสนา กระทุ้งต่อสภาเรื่องเงินทอนวัด เรื่องพระที่ได้รับการประกันตัวโดนตำรวจคุกคาม (เรื่องการสวมจีวร ทั้งที่ยังไม่ได้สึก) เรื่องงบประมาณที่มีฟ้องแบบเลือกปฏิบัติ และกรณีอดีตพระพรหมเมธี ที่ลี้ภัยอยู่เยอรมนี จะกลับมาสู้คดี
ฝากชาวพุทธช่วยกันแชร์ให้เยอะๆ เพื่อจะได้เป็นกำลังใจให้กับท่านนิยม เวชกามา ได้ต่อสู้ต่อไป เกร็ดประวัติส่วนตัวท่านนิยม บวช 16 พรรษา ทางธรรมจบเปรียญธรรม 5 ประโยค จบปริญญาเอก พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต พุทธบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร.) วิทยาลัยสงฆ์นครพนม ระหว่างปี 2559-2561
ธรรมกายกับเกาะดอนสวรรค์
หากย้อนกลับไปในปี 2555 ที่จังหวัดสกลนคร มีกรณีของพระสงฆ์กลุ่มหนึ่งที่เข้าไปปฏิบัติธรรมที่เกาะดอนสวรรค์ ซึ่งเป็นเกาะกลางน้ำในบริเวณบึงหนองหาร สืบทราบว่าเป็นพระวัดพระธรรมกาย และมีความพยายามจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอออกโฉนดบนเกาะแห่งนี้ 85 ไร่จากพื้นที่ทั้งเกาะ 105 ไร่ จนเกิดการชุมนุมต่อต้านครั้งใหญ่ของคนในจังหวัดสกลนคร ในนาม“กลุ่มพิทักษ์ดอนสวรรค์เพื่อไทสกล”
การขับเคลื่อนเพื่อดำเนินการออกโฉนดให้เกาะดอนสวรรค์เพื่อให้กลายเป็นวัดนั้น มีกระบวนการมาจากบุคคลในรัฐบาลเพื่อไทยที่มีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี
ในครั้งนั้น นางสาวลีลาวดี วัชโรบล ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ออกมากล่าวว่า ตามที่นายกเทศมนตรีนครสกลนคร ทำหนังสือคัดค้านการออกโฉนดที่ดินให้กับวัดดอนสวรรค์ ซึ่งเดิมเคยเป็นวัดที่มีพระภิกษุสงฆ์จำพรรษา ตั้งแต่ พ.ศ. 2472 แต่ต่อมาไม่มีพระภิกษุสงฆ์จำวัดจึงถูกขึ้นทะเบียนเป็นวัดร้าง และต่อมาเมื่อมีพระภิกษุสงฆ์กลับไปจำวัดอีกครั้ง จึงมีการแจ้งแก้ไขการขึ้นทะเบียนเป็นวัดร้าง และกลับคืนสู่สภาพวัดที่มีพระจำศีลตามปกติ
แต่เนื่องจากโฉนดที่ดินของวัดดอนสวรรค์ ที่หายสาบสูญไป จึงแจ้งไปยังกรมที่ดิน เพื่อขอออกโฉนดใหม่ แต่ถูกคัดค้าน โดยให้เหตุผลว่า เทศบาลนครสกลนคร ได้พิจารณาแล้วไม่เห็นด้วยกับการออกโฉนดที่ดินดังกล่าว เพราะเดิมที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นที่รกร้างว่างเปล่าสาธารณประโยชน์ ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน
จากการพิจารณาของอนุกรรมาธิการฯ เห็นว่า มีหลักฐานที่ชัดจน และยืนยันได้ว่า มีการจดทะเบียนวัด โดยกระทรวงธรรมการ ตั้งแต่ พ.ศ. 2472 และมีการประกาศลงราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2472 พร้อมทั้งออกโฉนดที่ดิน ดังนั้นเมื่อที่ดินใดที่ตกเป็นของวัด จึงถือเป็นที่ธรณีสงฆ์ จะให้เห็นเป็นอื่นไม่ได้ จึงยืนยันว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ของวัด เป็นธรณีสงฆ์ ไม่ใช่ที่สาธารณประโยชน์ ตามที่นายกเทศมนตรีนครสกลนครกล่าวอ้าง
ส่วน พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ประชาสัมพันธ์ของวัดพระธรรมกายที่ชี้แจงว่า จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า วัดดอนสวรรค์ ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะดอนสวรรค์ ในบึงหนองหาร จังหวัดสกลนคร เป็นวัดร้าง และยังคงเป็นที่วัดและที่ธรณีสงฆ์ ตราบจนถึงปัจจุบัน ที่ทางคณะสงฆ์จังหวัดสกลนครและทางราชการ กำลังปรับปรุงให้เป็นวัดที่มีพระภิกษุจำพรรษาอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการคณะสงฆ์ เพื่อแก้ไขปัญหาวัดร้างตามนโยบายของทางการคณะสงฆ์ส่วนกลางและทางราชการ
“วัดพระธรรมกายขอชี้แจงว่า เรื่องการยกฐานะจากวัดร้างเป็นวัดที่มีพระภิกษุอยู่จำพรรษานั้น เป็นสิทธิของทางการคณะสงฆ์จังหวัดสกลนครเอง และกรณีความคิดเห็นเรื่องการจัดการพื้นที่ที่แตกต่างกันไปนั้น เป็นเรื่องผลประโยชน์ของบรรพชิตและคฤหัสถ์ในจังหวัดสกลนครเอง ไม่เกี่ยวกับวัดพระธรรมกายแต่ประการใด”
“นิยม” เอี่ยวหนุนฮุบดอนสวรรค์
ทีมงานของกลุ่มพิทักษ์ดอนสวรรค์เพื่อไทสกล เล่าให้ฟังว่า ครั้งนั้นทำกันเป็นขบวนการ เริ่มต้นที่วัดพระธรรมกายกับพรรคเพื่อไทยนั้นเกื้อหนุนกันมาตลอดตั้งแต่ยุคของทักษิณ ชินวัตร เมื่อมาถึงยุคนางสาวยิ่งลักษณ์ก็ยังคงดำเนินการในลักษณะที่เอื้อประโยชน์ต่อกัน เป็นที่รู้กันดีว่าทางธรรมกายมีแนวทางในการสร้างเครือข่ายด้วยการ “ทำวัดร้างให้เป็นวัดรุ่ง” โดยใช้ภาคการเมืองเป็นตัวเดิน
นางสาวลีลาวดี มีตำแหน่งเลขานุการคณะกรรมาธิการการศาสนา ซึ่งศิษย์วัดพระธรรมกายคนสำคัญ จึงขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าวเพื่อต้องการให้พื้นที่เกาะดอนสวรรค์กลายสภาพเป็นวัด ซึ่งมีพระของวัดพระธรรมกายมาปักหลักอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว
เมื่อมีเป้าหมายที่มาจากภาคการเมืองเพื่อตอบสนองต่อนโยบายของวัดพระธรรมกาย ส่วนราชการอื่นอย่างสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติในเวลานั้น ที่ขึ้นตรงกับนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รวมไปถึงคณะสงฆ์ปกครองภาค 8 ที่อยู่ภายใต้มหาเถรสมาคม ที่อิงกับธรรมกายเช่นกัน ดังนั้นหลายๆ เรื่องจึงเป็นไปในทิศทางเดียวกับความต้องการของรัฐบาลเพื่อไทยในเวลานั้น
นอกจากนี้ ส.ส.ในจังหวัดสกลนคร เขต 2 พรรคเพื่อไทย อย่างนายนิยม เวชกามา ได้ออกมาสนับสนุนแนวทางการออกโฉนด และออกมาให้ข่าวว่าการชุมนุมครั้งนี้มีการเมืองอยู่เบื้องหลัง
“ส.ส.ของสกลนครทั้งหมดในขณะนั้นไม่มีใครเป็นศิษย์ธรรมกาย อย่างนายนิยมที่ออกมาสนับสนุนแนวทางของรัฐบาลก็เพราะต้องการเอาใจนางสาวยิ่งลักษณ์เท่านั้น ไม่ได้ออกมาปกป้องผลประโยชน์ของชาวสกลนครเลย”
ที่พวกเราทำสำเร็จเพราะความสามัคคีของคนในสกลนครที่รวมตัวกันคัดค้านสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และเกาะดอนสวรรค์ถือเป็นสมบัติของชาวสกลนคร ไม่ใช่ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง จนสุดท้ายพระวัดพระธรรมกายก็ออกจากพื้นที่ไป และการอ้างว่าเกาะดอนสวรรค์เป็นพื้นที่ธรณีสงฆ์ก็ยุติลง
ดร.สาย มจร.
ส่วนบทบาทของนายนิยม ส.ส.สกลนครในเวลานี้ที่เดินหน้าติดตามเรื่องของคดีเงินทอนวัด ส่วนหนึ่งเพราะเคยบวชเรียนมานาน จนหลายคนเรียกว่ามหานิยม อีกทั้งยังจบปริญญาเอกที่ มจร. ซึ่งสาย มจร. เป็นสายของมหานิกาย ที่ผ่านมาถือสายที่กุมอำนาจเสียงข้างมากในมหาเถรสมาคม ที่เกื้อหนุนกับวัดพระธรรมกาย ดังนั้นจึงถูกวางตัวให้เป็นหัวหอกในเรื่องดังกล่าว
แม้นายนิยมจะขับเคลื่อนในเรื่องของอดีตพระผู้ใหญ่ที่ถูกดำเนินคดี หากสังเกตให้ดีพบว่าจะมุ่งไปที่วัดสระเกศเป็นหลัก แตกต่างจากวัดสามพระยาที่มีทีมช่วยเหลือด้านกฎหมายเป็นกลุ่มลูกศิษย์อดีตพระพรหมดิลก ขณะที่ทีมของพรรคเพื่อไทยเน้นไปที่วัดสระเกศ เนื่องจากทั้งนางสาวยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรีที่หลบหนีไปต่างประเทศก็มาทำบุญที่วัดแห่งนี้บ่อยครั้ง เช่นเดียวกับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำคนสำคัญของพรรคเพื่อไทย
ตอนนี้มีการพุ่งเป้าไปที่คดีฟ้องอดีตพระพรหม ด้วยการเปิดเอกสารการให้เงินสนับสนุนหน่วยงานอื่นๆ นอกสังกัดของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อนำมาเทียบเคียงกับคดีกล่าวโทษพระพรหมทั้ง 3 รูป กดดันการทำหน้าที่ของพันตำรวจโทพงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ในฐานะผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ที่กำลังจะเกษียณอายุราชการในสิ้นเดือนกันยายนนี้
ส่วนทีมปกป้องพระผู้ใหญ่นอกสภาฯ รับลูกเชียร์ทั้งนายกรณ์ มีดี หัวหน้าพรรคแผ่นดินธรรม และองค์กรพุทธจัดตั้งอื่นๆ ที่ขับเคลื่อนกันเดินตามแนวทางของแต่ละองค์กร อย่างกลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดินของ ดร.จรูญ วรรณกสิณานนท์ ก็เคยติดตามเรื่องเงินทอนวัด เพียงแต่ช่วงนี้ออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องภาพวาดพระพุทธรูปอุลตร้าแมน