รัฐบาลเดินเครื่องคดีวัดพระธรรมกาย หลังปล่อยมากว่า 2 ปี ศิษย์เอกสายธรรมกายอย่างสมเกียรติ ศรลัมพ์ นั่งในสภาผู้แทนฯ ฝั่งรัฐบาล เสนอคดีพระผู้ใหญ่ควรได้ประกันตัว ปูทางไว้สำหรับพระธัมมชโย ขณะที่ทางวัดจัดบวชพระ 5,000 รูป อยู่ยาวถึงพฤศจิกายน ป้องกันการปิดล้อมวัดเหมือนครั้งก่อนไปในตัว แนวทางรอบนี้เหลือแค่เจรจามอบตัวกับเงื่อนไขต้องได้ประกันตัวสู้คดี
คดีของวัดพระธรรมกายกลับมาอยู่ในความสนใจอีกครั้งเมื่อนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้มอบหมายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เร่งรัดและติดตามการสอบสวนคดีฉ้อโกงประชาชนและยักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด เนื่องจากเป็นคดีที่ผู้เสียหายจำนวนมาก วงเงินความเสียหายสูง มีความเกี่ยวพันกับมูลนิธิ วัดพระธรรมกาย และพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาส ที่ตกเป็นผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับ
โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษได้เชิญอัยการ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง มาประชุมร่วมกันเมื่อ 2 สิงหาคม 2562 เพื่อประมวลข้อมูล โดยเฉพาะการบริหารจัดการวัดพระธรรมกาย และการตรวจสอบติดตามเบาะแสเพื่อจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน กล่าวว่า ได้มอบหมายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พิจารณาดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา อย่านำศาสนาเข้ามาทำให้เพิ่มความขัดแย้ง ยืนยันว่า ไม่รู้จักกับพระธัมมชโยเป็นการส่วนตัว แต่ยอมรับว่า เคยพบพระธัมมชโย 1 ครั้ง ไม่เกิน 5 นาที ขณะที่ไปทำบุญในจังหวัดหนองคาย สมัยที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเมื่อปี 2548
เงียบกว่า 2 ปี
ทั้งนี้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้ามากำกับดูแลหน่วยงานกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เองโดยไม่ผ่านรองนายกรัฐมนตรีท่านใด นับเป็นการสานต่อคดีของวัดพระธรรมกายภายใต้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
สำหรับคดีของวัดพระธรรมกายได้เงียบหายไปหลังจากการยกเลิกคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 5/2560 เมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2560 เรื่อง มาตรการให้อํานาจกําหนดพื้นที่ควบคุมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย โดยกำหนดให้วัดพระธรรมกาย ตลอดจนพื้นที่โดยรอบวัดพระธรรมกายใน อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี และยกเลิกเมื่อ 11 เมษายน 2560 โดยที่ไม่สามารถนำพระธัมมชโย ผู้ต้องหาตามหมายจับมาดำเนินคดีได้
ในช่วง 2 ปีเศษความคืบหน้าของคดีมีเพียงสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีคำสั่งสั่งอายัดอาคาร 100 ปีคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ขนนกยูงและอายัดอาคารมหารัตนวิหารคด ซึ่งพ้นกำหนดและอยู่ในชั้นของพนักงานอัยการที่จะยื่นฟ้องต่อศาล
ในฝ่ายของวัดพระธรรมกายมีการแต่งตั้งพระครูสังฆรักษ์รังสฤษดิ์ อิทธิจินตโกเป็นเจ้าอาวาสรูปใหม่แทนพระธัมมชโย แต่เป็นที่รู้กันว่าอำนาจที่แท้จริงยังอยู่ที่พระทัตตชีโว เบอร์ 2 ของวัดพระธรรมกาย และได้เดินหน้าสร้างกิจกรรมฟื้นฟูวัดพระธรรมกายมาอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ลูกศิษย์ของวัดพระธรรมกายอย่างนายสมเกียรติ ศรลัมพ์ ได้จัดตั้งพรรคประชาภิวัฒน์ และได้เข้าร่วมเป็นฝ่ายรัฐบาลสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนสายที่ศรัทธาวัดพระธรรมกายตามครอบครัวชินวัตรอย่างพรรคเพื่อไทย อยู่ในสถานะพรรคฝ่ายค้าน เช่นเดียวกับพลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ที่เคยแสดงความไม่เห็นด้วยกับแนวทางการจัดการกับวัดพระธรรมกายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ต่างก็ยังคงทำหน้าที่จับตาการทำงานของรัฐบาล
กรุยทางพระได้ประกันตัว
นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ หัวหน้าพรรคประชาภิวัฒน์ ได้หารือเรื่องของวงการพระพุทธศาสนาในสภาผู้แทนราษฎรเมื่อ 4 กรกฎาคม 2562 ว่า ผมขอหารือท่านประธานเรื่องความลำบาก และก็ความทุกข์ของพุทธศาสนิกชนช่วงที่ผ่านมาที่ผมได้ไปพบกับพระสังฆาธิการ เจ้าคณะจังหวัดและพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ ผมได้เห็นใบหน้าที่เศร้าหมองผมได้เห็นความทุกข์ระทมกับ คณะพระสังฆาธิการไม่น่าเชื่อว่าคนที่อยู่ในวงการคณะสงฆ์ ท่านจะมีความทุกข์ได้ขนาดนั้น ผมก็เลยเรียนถามท่านว่า เรื่องอะไรครับที่ทำให้ท่านมีความทุกข์ขนาดนี้
ท่านบอกว่านับตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2561 พระพรหมดิลก พระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสามพระยา และวัดสระเกศ ได้ถูกจับกุมหลักฐานก็ยังไม่ชัดเจนแต่ว่า ให้ท่านสึกแล้วเดี๋ยวนี้ท่านก็ยังไม่ได้ประกันตัวออกมา ท่านทราบไหมครับว่าการที่ท่านได้นำมหาเถรสมาคมหรือพระผู้ใหญ่ในพระศาสนาถูกกลั่นแกล้ง หรือ อะไรก็ตามในข้อเท็จจริงอย่างนั้น โดยไม่ให้ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมันเกิดความทุกข์ระทมกับพุทธศาสนิกชน เป็นหมื่นๆคน เท่ากับว่าประชาชนทั้งหลายหมื่นคนถูกจองจำทางจิตใจกับท่านด้วย ฝากหารือกับท่านประธานนะครับว่า ทำไมสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ผู้ที่ยังไม่ได้กระทำผิดศาลยังไม่ได้ตัดสินถือเป็นผู้บริสุทธิ์
ทำอย่างไรที่จะทำให้ท่านได้รับอิสระ เฉกเช่นประชาชนทั่วไปก็พอให้ได้สามารถที่จะประกันได้ ผมเชื่อบารมีท่านประธาน และเชื่อบารมีพระพุทธศาสนา อยากให้ท่านประธานได้บอกไปทางผู้ที่รับผิดชอบว่าเห็นใจและปลดปล่อยจิตใจของพุทธศาสนิกชนทั้งเป็นหมื่นๆคน ให้เขาคลายความเศร้าสร้อยนี้ให้ได้
ถัดมา 11 กรกฎาคม 2562 หัวหน้าพรรคประชาภิวัฒน์ ได้หารือเรื่องดังกล่าวกับสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง ในการร้องทุกข์ให้กลับมหาเถรสมาคม ผมฝากให้ท่านประธาน ให้ส่งหนังสือไปให้กองทุนกระทรวงยุติธรรม ในการช่วยในการประกันให้ท่านด้วย และผมขอให้ข้าราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กลับมาเป็นสำนักงานที่รับใช้ดูแลเป็นพี่เลี้ยงให้กลับ พระสังฆาธิการทั้งประเทศ
สุดท้ายหมายถึงธัมมชโย
แหล่งข่าวกล่าวว่า ฝ่ายธรรมกายก็ประเมินสถานการณ์และเตรียมการมาเป็นอย่างดี ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งจนถึงได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล จะเห็นได้ว่านายสมเกียรติเดินเรื่องใช้เวทีสภาผู้แทนราษฎร ขอให้มีการช่วยเหลือพระผู้ใหญ่ที่ถูกสึกและถูกจำคุกคดีใช้เงินงบประมาณผิดวัตถุประสงค์ของนายสมเกียรตินั้น ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย
แต่หากทางสภาผู้แทนราษฎรรับเรื่องข้อหารือดังกล่าวนำไปแก้ไข จนอดีตพระทั้ง 2 รูปคือ อดีตพระพรหมดิลกและพระพรหมสิทธิ ได้รับการประกันตัวออกมาสู้คดี ก็จะเป็นการเปิดทางไว้สำหรับพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ที่ถูกดำเนินคดีในครั้งต่อไป ซึ่งจะรวมไปถึงพระพรหมเมธี ที่หลบหนีไปประเทศเยอรมัน และแน่นอนว่าท้ายที่สุดจะย่อมหมายถึงพระธัมมชโยที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดี
“สะท้อนถึงแนวทางในการดำเนินการกับอดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายในครั้งนี้ อาจไม่ใช้เรื่องการเข้าปิดล้อมเหมือนครั้งก่อน แต่อาจอยู่ในรูปของการเจรจาแบบมีเงื่อนไขที่ได้ประกันตัว แล้วเปิดทางให้สู้คดีกันในชั้นศาล โดยใช้สิ่งที่นายสมเกียรติขอเปิดทางไว้เป็นหลักประกัน ซึ่งที่ผ่านมาพระในวัดพระธรรมกายที่ถูกดำเนินคดีเมื่อมารับทราบข้อกล่าวหาต่างก็ได้ประกันตัวออกไปทั้งหมด”
เติมพระ 5,000 ในวัด
อย่างไรก็ตามเชื่อว่าทางวัดพระธรรมกายก็คงไม่ประมาทกับการรับมือหากภาครัฐจะใช้วิธีการปิดล้อมเหมือนเมื่อปี 2560 เพราะทุกวันนี้ทางวัดก็ยังเดินหน้าเพิ่มยอดการสวดธัมมจักรตลอดเวลาเป้าหมายที่ 1,527 ล้านจบ และยังมีการเชิญชวนให้กลุ่มลูกศิษย์ได้มาเดินเวียนรอบพระมหาธรรมกายเจดีย์ของทางวัดอยู่เสมอ นั่นหมายถึงที่วัดยังมีคนเข้าไปร่วมบุญจำนวนมากอยู่ตลอดเวลา
นอกจากนี้ทางวัดพระธรรมกายยังจัดโครงการอุปสมบทรุ่นบูชาธรรมมหาปูชนียาจารย์ เข้าโครงการตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม สิ้นสุดโครงการ ในวันที่ 12 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2562 เพื่อฉลองครบรอบ 50 ปีการอุปสมบทของพระธัมมชโย เป้าหมายระดมคนเข้ามาบวชให้ได้ 5,000 รูป ซึ่งเป็นโครงการบวชฟรี โดยมีผู้นำบุญตามสายต่าง ๆ เดินทางไปชักชวนให้คนมาร่วมบวชในครั้งนี้
เดิมกำหนดไว้ว่า 25 กรกฎาคมที่ผ่านมาจะบรรลุเป้า เพราะทางวัดได้กระตุ้นให้ผู้นำบุญต่างไปชักชวนคนที่มีคุณสมบัติครบเข้ามาบวช มีการจัดอบรมวิธีการชวนบวช สร้างสื่อชวนบวชต่าง ๆ ออกมาช่วย และยังมีการมอบดวงแก้วกายสิทธิ์ ธงชัยพระไตรรัตน์ ให้กับผู้ที่ทำหน้าที่ชักชวนให้คนมาบวชได้สำเร็จ
แต่ผลที่ออกมานั้นกลับต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ ตอนนี้ทางวัดจึงได้ขยายระยะเวลาในการชวนคนมาบวชออกไปจนถึงวันที่ 5 สิงหาคม 2562 เพื่อให้ทันพิธีบรรพชาวันที่ 10 สิงหาคม และพิธีอุปสมบทวันที่ 15 สิงหาคม 2562 ทั้งนี้จากข้อมูลของทางวัดพระธรรมกายเมื่อ 1 สิงหาคม 2562 แจ้งว่าใบสมัครทั้งประเทศ 9,449 ใบ มียอดผู้เข้าอบรม 2,502 คน ขาดอีก 2,498 คน ดังนั้นโอกาสที่โครงการนี้จะได้ผู้เข้าร่วมบวชคงไม่ครบ 5,000 คน
เท่าที่ทราบตอนนี้ทางวัดพระธรรมกายได้เตรียมแนวทางในการแก้ปัญหานี้ ด้วยการเปิดโอกาสให้ผู้นำบุญได้เข้ามาบวชในโครงการนี้ โดยเปิดให้เข้าร่วมพิธีสำคัญในอุโบสถพระไตรปิฎกในการประดิษฐานเสาสีมาบรมจักรพรรดิรัตนอนันต์ของทางวัดในที่ 27 สิงหาคม 2562 ซึ่งเป็นวันธรรมชัย กำหนดระยะเวลาบวชอย่างน้อย 3 สัปดาห์และเปิดโอกาสให้เข้าโครงการวันสุดท้าย 7 สิงหาคม 2562
ด้านหนึ่งถือเป็นกิจกรรมของทางวัด แต่อีกด้านหนึ่งย่อมทำให้ภายในวัดพระธรรมกายมีพระสงฆ์อยู่เป็นจำนวนมากตามระยะเวลาของโครงการบวชครั้งนี้ หากเกิดการปิดล้อมขึ้นมาภาพของพระสงฆ์จำนวนมากที่จะออกมาปกป้องวัดพระธรรมกายอีกครั้ง ย่อมไม่ใช่ภาพลักษณ์ที่ดีสำหรับรัฐบาล
อีกทั้งเมื่อพ้นจากโครงการนี้ไป ทางวัดพระธรรมกายก็มีกิจกรรรมเดิมที่ทำอยู่เป็นประจำทุกปีอย่างโครงการธรรมยาตรา ก็จะมีการชวนคนมาบวชอีกเช่นกัน ดังนั้นการหมุนเวียนของพระที่จะเข้ามาบวชทีวัดแห่งนี้จึงมีอย่างต่อเนื่อง ไม่นับรวมกิจกรรมอย่างสวดธัมมจักรและการเดินเวียนรอบพระมหาเจดีย์ที่ทำอย่างต่อเนื่อง ทั้งคนและพระในวัดพระธรรมกายจึงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง
ไม่ต่างจากเป็นการปิดเส้นทางของภาครัฐในการใช้กำลังพลเข้ามาปิดล้อมวัดพระธรรมกายเหมือนเมื่อครั้งก่อน
คดีของวัดพระธรรมกายกลับมาอยู่ในความสนใจอีกครั้งเมื่อนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้มอบหมายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เร่งรัดและติดตามการสอบสวนคดีฉ้อโกงประชาชนและยักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด เนื่องจากเป็นคดีที่ผู้เสียหายจำนวนมาก วงเงินความเสียหายสูง มีความเกี่ยวพันกับมูลนิธิ วัดพระธรรมกาย และพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาส ที่ตกเป็นผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับ
โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษได้เชิญอัยการ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง มาประชุมร่วมกันเมื่อ 2 สิงหาคม 2562 เพื่อประมวลข้อมูล โดยเฉพาะการบริหารจัดการวัดพระธรรมกาย และการตรวจสอบติดตามเบาะแสเพื่อจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน กล่าวว่า ได้มอบหมายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พิจารณาดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา อย่านำศาสนาเข้ามาทำให้เพิ่มความขัดแย้ง ยืนยันว่า ไม่รู้จักกับพระธัมมชโยเป็นการส่วนตัว แต่ยอมรับว่า เคยพบพระธัมมชโย 1 ครั้ง ไม่เกิน 5 นาที ขณะที่ไปทำบุญในจังหวัดหนองคาย สมัยที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเมื่อปี 2548
เงียบกว่า 2 ปี
ทั้งนี้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้ามากำกับดูแลหน่วยงานกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เองโดยไม่ผ่านรองนายกรัฐมนตรีท่านใด นับเป็นการสานต่อคดีของวัดพระธรรมกายภายใต้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
สำหรับคดีของวัดพระธรรมกายได้เงียบหายไปหลังจากการยกเลิกคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 5/2560 เมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2560 เรื่อง มาตรการให้อํานาจกําหนดพื้นที่ควบคุมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย โดยกำหนดให้วัดพระธรรมกาย ตลอดจนพื้นที่โดยรอบวัดพระธรรมกายใน อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี และยกเลิกเมื่อ 11 เมษายน 2560 โดยที่ไม่สามารถนำพระธัมมชโย ผู้ต้องหาตามหมายจับมาดำเนินคดีได้
ในช่วง 2 ปีเศษความคืบหน้าของคดีมีเพียงสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีคำสั่งสั่งอายัดอาคาร 100 ปีคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ขนนกยูงและอายัดอาคารมหารัตนวิหารคด ซึ่งพ้นกำหนดและอยู่ในชั้นของพนักงานอัยการที่จะยื่นฟ้องต่อศาล
ในฝ่ายของวัดพระธรรมกายมีการแต่งตั้งพระครูสังฆรักษ์รังสฤษดิ์ อิทธิจินตโกเป็นเจ้าอาวาสรูปใหม่แทนพระธัมมชโย แต่เป็นที่รู้กันว่าอำนาจที่แท้จริงยังอยู่ที่พระทัตตชีโว เบอร์ 2 ของวัดพระธรรมกาย และได้เดินหน้าสร้างกิจกรรมฟื้นฟูวัดพระธรรมกายมาอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ลูกศิษย์ของวัดพระธรรมกายอย่างนายสมเกียรติ ศรลัมพ์ ได้จัดตั้งพรรคประชาภิวัฒน์ และได้เข้าร่วมเป็นฝ่ายรัฐบาลสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนสายที่ศรัทธาวัดพระธรรมกายตามครอบครัวชินวัตรอย่างพรรคเพื่อไทย อยู่ในสถานะพรรคฝ่ายค้าน เช่นเดียวกับพลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ที่เคยแสดงความไม่เห็นด้วยกับแนวทางการจัดการกับวัดพระธรรมกายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ต่างก็ยังคงทำหน้าที่จับตาการทำงานของรัฐบาล
กรุยทางพระได้ประกันตัว
นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ หัวหน้าพรรคประชาภิวัฒน์ ได้หารือเรื่องของวงการพระพุทธศาสนาในสภาผู้แทนราษฎรเมื่อ 4 กรกฎาคม 2562 ว่า ผมขอหารือท่านประธานเรื่องความลำบาก และก็ความทุกข์ของพุทธศาสนิกชนช่วงที่ผ่านมาที่ผมได้ไปพบกับพระสังฆาธิการ เจ้าคณะจังหวัดและพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ ผมได้เห็นใบหน้าที่เศร้าหมองผมได้เห็นความทุกข์ระทมกับ คณะพระสังฆาธิการไม่น่าเชื่อว่าคนที่อยู่ในวงการคณะสงฆ์ ท่านจะมีความทุกข์ได้ขนาดนั้น ผมก็เลยเรียนถามท่านว่า เรื่องอะไรครับที่ทำให้ท่านมีความทุกข์ขนาดนี้
ท่านบอกว่านับตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2561 พระพรหมดิลก พระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสามพระยา และวัดสระเกศ ได้ถูกจับกุมหลักฐานก็ยังไม่ชัดเจนแต่ว่า ให้ท่านสึกแล้วเดี๋ยวนี้ท่านก็ยังไม่ได้ประกันตัวออกมา ท่านทราบไหมครับว่าการที่ท่านได้นำมหาเถรสมาคมหรือพระผู้ใหญ่ในพระศาสนาถูกกลั่นแกล้ง หรือ อะไรก็ตามในข้อเท็จจริงอย่างนั้น โดยไม่ให้ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมันเกิดความทุกข์ระทมกับพุทธศาสนิกชน เป็นหมื่นๆคน เท่ากับว่าประชาชนทั้งหลายหมื่นคนถูกจองจำทางจิตใจกับท่านด้วย ฝากหารือกับท่านประธานนะครับว่า ทำไมสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ผู้ที่ยังไม่ได้กระทำผิดศาลยังไม่ได้ตัดสินถือเป็นผู้บริสุทธิ์
ทำอย่างไรที่จะทำให้ท่านได้รับอิสระ เฉกเช่นประชาชนทั่วไปก็พอให้ได้สามารถที่จะประกันได้ ผมเชื่อบารมีท่านประธาน และเชื่อบารมีพระพุทธศาสนา อยากให้ท่านประธานได้บอกไปทางผู้ที่รับผิดชอบว่าเห็นใจและปลดปล่อยจิตใจของพุทธศาสนิกชนทั้งเป็นหมื่นๆคน ให้เขาคลายความเศร้าสร้อยนี้ให้ได้
ถัดมา 11 กรกฎาคม 2562 หัวหน้าพรรคประชาภิวัฒน์ ได้หารือเรื่องดังกล่าวกับสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง ในการร้องทุกข์ให้กลับมหาเถรสมาคม ผมฝากให้ท่านประธาน ให้ส่งหนังสือไปให้กองทุนกระทรวงยุติธรรม ในการช่วยในการประกันให้ท่านด้วย และผมขอให้ข้าราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กลับมาเป็นสำนักงานที่รับใช้ดูแลเป็นพี่เลี้ยงให้กลับ พระสังฆาธิการทั้งประเทศ
สุดท้ายหมายถึงธัมมชโย
แหล่งข่าวกล่าวว่า ฝ่ายธรรมกายก็ประเมินสถานการณ์และเตรียมการมาเป็นอย่างดี ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งจนถึงได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล จะเห็นได้ว่านายสมเกียรติเดินเรื่องใช้เวทีสภาผู้แทนราษฎร ขอให้มีการช่วยเหลือพระผู้ใหญ่ที่ถูกสึกและถูกจำคุกคดีใช้เงินงบประมาณผิดวัตถุประสงค์ของนายสมเกียรตินั้น ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย
แต่หากทางสภาผู้แทนราษฎรรับเรื่องข้อหารือดังกล่าวนำไปแก้ไข จนอดีตพระทั้ง 2 รูปคือ อดีตพระพรหมดิลกและพระพรหมสิทธิ ได้รับการประกันตัวออกมาสู้คดี ก็จะเป็นการเปิดทางไว้สำหรับพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ที่ถูกดำเนินคดีในครั้งต่อไป ซึ่งจะรวมไปถึงพระพรหมเมธี ที่หลบหนีไปประเทศเยอรมัน และแน่นอนว่าท้ายที่สุดจะย่อมหมายถึงพระธัมมชโยที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดี
“สะท้อนถึงแนวทางในการดำเนินการกับอดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายในครั้งนี้ อาจไม่ใช้เรื่องการเข้าปิดล้อมเหมือนครั้งก่อน แต่อาจอยู่ในรูปของการเจรจาแบบมีเงื่อนไขที่ได้ประกันตัว แล้วเปิดทางให้สู้คดีกันในชั้นศาล โดยใช้สิ่งที่นายสมเกียรติขอเปิดทางไว้เป็นหลักประกัน ซึ่งที่ผ่านมาพระในวัดพระธรรมกายที่ถูกดำเนินคดีเมื่อมารับทราบข้อกล่าวหาต่างก็ได้ประกันตัวออกไปทั้งหมด”
เติมพระ 5,000 ในวัด
อย่างไรก็ตามเชื่อว่าทางวัดพระธรรมกายก็คงไม่ประมาทกับการรับมือหากภาครัฐจะใช้วิธีการปิดล้อมเหมือนเมื่อปี 2560 เพราะทุกวันนี้ทางวัดก็ยังเดินหน้าเพิ่มยอดการสวดธัมมจักรตลอดเวลาเป้าหมายที่ 1,527 ล้านจบ และยังมีการเชิญชวนให้กลุ่มลูกศิษย์ได้มาเดินเวียนรอบพระมหาธรรมกายเจดีย์ของทางวัดอยู่เสมอ นั่นหมายถึงที่วัดยังมีคนเข้าไปร่วมบุญจำนวนมากอยู่ตลอดเวลา
นอกจากนี้ทางวัดพระธรรมกายยังจัดโครงการอุปสมบทรุ่นบูชาธรรมมหาปูชนียาจารย์ เข้าโครงการตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม สิ้นสุดโครงการ ในวันที่ 12 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2562 เพื่อฉลองครบรอบ 50 ปีการอุปสมบทของพระธัมมชโย เป้าหมายระดมคนเข้ามาบวชให้ได้ 5,000 รูป ซึ่งเป็นโครงการบวชฟรี โดยมีผู้นำบุญตามสายต่าง ๆ เดินทางไปชักชวนให้คนมาร่วมบวชในครั้งนี้
เดิมกำหนดไว้ว่า 25 กรกฎาคมที่ผ่านมาจะบรรลุเป้า เพราะทางวัดได้กระตุ้นให้ผู้นำบุญต่างไปชักชวนคนที่มีคุณสมบัติครบเข้ามาบวช มีการจัดอบรมวิธีการชวนบวช สร้างสื่อชวนบวชต่าง ๆ ออกมาช่วย และยังมีการมอบดวงแก้วกายสิทธิ์ ธงชัยพระไตรรัตน์ ให้กับผู้ที่ทำหน้าที่ชักชวนให้คนมาบวชได้สำเร็จ
แต่ผลที่ออกมานั้นกลับต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ ตอนนี้ทางวัดจึงได้ขยายระยะเวลาในการชวนคนมาบวชออกไปจนถึงวันที่ 5 สิงหาคม 2562 เพื่อให้ทันพิธีบรรพชาวันที่ 10 สิงหาคม และพิธีอุปสมบทวันที่ 15 สิงหาคม 2562 ทั้งนี้จากข้อมูลของทางวัดพระธรรมกายเมื่อ 1 สิงหาคม 2562 แจ้งว่าใบสมัครทั้งประเทศ 9,449 ใบ มียอดผู้เข้าอบรม 2,502 คน ขาดอีก 2,498 คน ดังนั้นโอกาสที่โครงการนี้จะได้ผู้เข้าร่วมบวชคงไม่ครบ 5,000 คน
เท่าที่ทราบตอนนี้ทางวัดพระธรรมกายได้เตรียมแนวทางในการแก้ปัญหานี้ ด้วยการเปิดโอกาสให้ผู้นำบุญได้เข้ามาบวชในโครงการนี้ โดยเปิดให้เข้าร่วมพิธีสำคัญในอุโบสถพระไตรปิฎกในการประดิษฐานเสาสีมาบรมจักรพรรดิรัตนอนันต์ของทางวัดในที่ 27 สิงหาคม 2562 ซึ่งเป็นวันธรรมชัย กำหนดระยะเวลาบวชอย่างน้อย 3 สัปดาห์และเปิดโอกาสให้เข้าโครงการวันสุดท้าย 7 สิงหาคม 2562
ด้านหนึ่งถือเป็นกิจกรรมของทางวัด แต่อีกด้านหนึ่งย่อมทำให้ภายในวัดพระธรรมกายมีพระสงฆ์อยู่เป็นจำนวนมากตามระยะเวลาของโครงการบวชครั้งนี้ หากเกิดการปิดล้อมขึ้นมาภาพของพระสงฆ์จำนวนมากที่จะออกมาปกป้องวัดพระธรรมกายอีกครั้ง ย่อมไม่ใช่ภาพลักษณ์ที่ดีสำหรับรัฐบาล
อีกทั้งเมื่อพ้นจากโครงการนี้ไป ทางวัดพระธรรมกายก็มีกิจกรรรมเดิมที่ทำอยู่เป็นประจำทุกปีอย่างโครงการธรรมยาตรา ก็จะมีการชวนคนมาบวชอีกเช่นกัน ดังนั้นการหมุนเวียนของพระที่จะเข้ามาบวชทีวัดแห่งนี้จึงมีอย่างต่อเนื่อง ไม่นับรวมกิจกรรมอย่างสวดธัมมจักรและการเดินเวียนรอบพระมหาเจดีย์ที่ทำอย่างต่อเนื่อง ทั้งคนและพระในวัดพระธรรมกายจึงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง
ไม่ต่างจากเป็นการปิดเส้นทางของภาครัฐในการใช้กำลังพลเข้ามาปิดล้อมวัดพระธรรมกายเหมือนเมื่อครั้งก่อน