xs
xsm
sm
md
lg

ศรีสุวรรณ จรรยา มี 'นายดี' หมดยุค 'ม.44' ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


จับตา ศรีสุวรรณ จรรยา นักร้อง(เรียน) คนดัง ที่สังคมให้ความสนใจ ชี้มี 'นายดี' คอยดูแล แม้จะถูกขู่ ขูดรถ ขับรถตาม แต่ไม่เคยถูก 'รุมตื้บ' ขณะที่ทีมงานล้วนเป็นมือกฎหมายที่เชี่ยวชาญ ทั้งทนาย อดีตอัยการ อดีตตุลาการ ที่ไม่เคยเปิดตัว ขณะที่ศรีสุวรรณ ยัน ทุกคดีที่ร้องเรียนไม่เคยกลัวอิทธิพล บารมี ทั้งคนในเครื่องแบบและรัฐบาล ระบุ หมดยุค 'ม.44' ยิ่งไม่ต้องกลัวอะไร แจง 3 คดีดังพัวพัน พปชร.ต้องเกาะติดไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นคลื่นกระทบฝั่ง!

หลากหลายประเด็นที่สังคมยังเคลือบแคลงกรณี นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ผู้โลดเล่นและปรากฏบนหน้าสื่อต่างๆ ในฐานะนักร้อง (เรียน) ได้ทุกวัน มีรายได้จากที่ไหน ข้อมูลต่างๆ มีที่มาที่ไปอย่างไร และที่สำคัญใครอยู่เบื้องหลัง หรือเขาทำงานให้กับใครกันแน่?

เพราะที่ผ่านมาไม่ว่านายศรีสุวรรณจะยื่นร้องเรียน หรือตรวจสอบเรื่องใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับคนมีอำนาจ บารมี หรือรัฐบาลก็ตาม แต่ก็ดูเหมือนว่าเขายังอยู่รอดปลอดภัยและยังคงทำหน้าที่เป็นนักร้อง(เรียน)ได้อย่างไม่เกรงกลัวอิทธิพลใดๆ ซึ่งในปี 2562 มีเรื่องตรวจสอบ ร้องเรียนกว่า 100 เรื่อง ที่เกี่ยวพันทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน
โดยเฉพาะเรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีพี่ใหญ่อย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ครม.บิ๊กตู่ 2/1 ต้องตกเป็นเป้าหรือเป็นจำเลยในสายตาของสังคม ที่เกี่ยวข้องกับคดีทุจริตคอร์รัปชันมาอย่างต่อเนื่อง

รวมทั้งคดีที่เกี่ยวข้องกับพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ที่กำลังเป็นข่าวโด่งดังด้วยการร้องเรียน กกต.ให้เสนอศาลรัฐธรรมนูญ ยุบพรรค พปชร.เหตุไปจัดสัมมนาที่ 88 การ์มองเต้ รีสอร์ต อ.วังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นรีสอร์ตที่มีปัญหาถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทับลานจับกุมดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกพื้นที่ในเขตอุทยานฯ มาแล้วถึง 2 ครั้ง

ดังนั้น การที่พรรคพลังประชารัฐไปใช้พื้นที่รุกป่าจัดสัมมนา ในช่วงที่กำลังจะมีการแถลงนโยบายวันที่ 25-26 นี้ และหนึ่งในนโยบายหลังของรัฐบาลในข้อ 10 คือการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและการรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ

“การกระทำเช่นนี้มันย้อนแย้ง ไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง เพราะถือเป็นการส่งเสริม สนับสนุน ให้รีสอร์ตนี้กระทำการอันเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ”
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย
นายศรีสุวรรณ บอกว่าในข้อกฎหมายและเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทับลานก็ได้ยืนยันหลักฐานชัดเจนว่ารีสอร์ตนี้อยู่บนพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน รวมถึงกฤษฎีกาก็ได้มีการตีความมาแล้วว่าพื้นที่อุทยานฯ เอาไปออกเป็นที่ดิน ส.ป.ก.ไม่ได้ แต่การที่บิ๊กป้อมและพรรค พปชร.ไปใช้พื้นที่บุกรุกก็เท่ากับสนับสนุนการทำลายทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ ซึ่งต้องห้ามตามมาตรา 45 แห่ง พรป.พรรคการเมือง 2560 มีความผิดตาม ม.92(3) อันเป็นเหตุให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค พปชร.และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองได้ ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของนายทะเบียนพรรคการเมืองและคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามบทบัญญัติดังกล่าว เพราะมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรค พปชร.ได้กระทำการฝ่าฝืนจริง

“เรื่องนี้ผมจะตามจี้ ตามจิก ให้กรมอุทยานฯ ต้องรื้อฟื้นคดีนี้อย่างจริงจัง ต้องให้รัฐมนตรีลูกท็อป(วราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ดำเนินการ เพราะถ้าไม่จิกไม่ตาม เรื่องก็จะแผ่วไป กลายเป็นคลื่นกระทบฝั่งเท่านั้น”

'88 การ์มองเต้ รีสอร์ต' จึงกลายเป็นประเด็นร้อนที่สังคมต้องจับตาดูว่า รัฐบาลบิ๊กตู่จะจัดการแก้ปัญหานี้อย่างไร และจะนำไปสู่การทุบทิ้งรีสอร์ตแห่งนี้หรือไม่?

ยังมีประเด็นที่น่าสนใจที่ นายศรีสุวรรณ ยืนยันว่าต้องเดินหน้า เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติและประชาชน คือเรื่องของกระทรวงพลังงานตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินแจ้งไว้ว่าตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 56 วรรคสอง รัฐมีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 51% ปัจจุบันรัฐมีสัดส่วนเพียง 34% ดังนั้นนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน จะต้องไปดำเนินการในเรื่องนี้ตามกรอบเวลา 120 วันที่ผู้ตรวจการแจ้งมา ไม่เช่นนั้นนายศรีสุวรรณจะยื่นร้องศาลปกครองแน่นอน

สำหรับประเด็นนี้เชื่อว่าอุปรรคที่สำคัญคือสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ กฟผ. ทำกับเอกชนซึ่งผูกมัดถึง 20 ปี ทำให้การแก้ไขแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561-2580 (PDP2018) เป็นเรื่องยากเช่นกัน

“ผมทำแน่ถ้าไม่แก้ไข ก็ไปเจอกันที่ศาล”

อีกเรื่องที่สำคัญและกระทบพรรค พปชร.โดยตรงคือเรื่องโต๊ะจีน ระดมทุน 600 ล้านบาท แม้ว่า กกต.จะระบุว่าไม่เข้าข่ายความผิดที่นำไปสู่การยุบพรรค เนื่องจากไม่มีต่างชาติร่วมบริจาค แต่นายศรีสุวรรณ จรรยา แย้งว่าสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ไม่ได้ร้องเรื่องการบริจาคของต่างชาติ แต่ขอให้ตรวจสอบว่ามีข้าราชการและหรือหน่วยงานรัฐร่วมบริจาคให้พรรคพลังประชารัฐทั้งทางตรงหรือทางอ้อมหรือไม่ รวมถึงที่มาของเงินบริจาคของนิติบุคคลบางแห่งที่มีปัญหาขาดทุนซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 ทำให้เรื่องนี้ยังเป็นที่คาใจของสังคม

นั่นคือ 3 ตัวอย่างที่นายศรีสุวรรณ บอกเล่าว่าเป็นเรื่องของพรรคพลังประชารัฐโดยตรงที่จะต้องไม่เป็นคลื่นกระทบฝั่ง แต่จริงๆ ยังมีอีกหลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับบิ๊กป้อม เช่น ได้ยื่นให้กกต..ดำเนินการยุบพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากมีการกระทำในลักษณะที่ให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรคเข้ามาควบคุม ครอบงํา หรือชี้นํากิจกรรมของพรรค อันเป็นลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 28 แห่ง พ.ร.ป.พรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 92 (3) ซึ่งเป็นเหตุแห่งการยุบพรรคที่ชัดเจน

โดยเรื่องนี้ ก็ได้มีกระแสข่าวออกมาแล้วว่า บิ๊กป้อม ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรค พปชร.และมีการอนุมัติเข้าเป็นสมาชิกตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค.จึงถือว่าไม่ได้เป็นการครอบงำแต่ประการใด

หรือกรณีที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด 3 ส.ส.พลังประชารัฐ อันได้แก่ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พร้อมด้วย ส.ส.นครราชสีมา อีก 2 คน ที่ว่ากันว่าล้วนเป็นคนในตระกูลรัตนเศรษฐ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตในการก่อสร้างสนามฟุตซอล ซึ่งอาจมีความผิดถึงขั้นถูกจำคุก โดยขณะนี้ ป.ป.ช.อยู่ระหว่างยื่นเรื่องให้อัยการพิจารณาส่งฟ้องต่อศาลคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ด้านแหล่งข่าวกลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม เล่าว่า นายศรีสุวรรณ เป็นนักเคลื่อนไหวตั้งแต่เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นนายกองค์การนักศึกษา ทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์ช่วยเหลือชาวบ้าน หากจะพูดถึงนิสัยจริงๆ เขาชอบเป็น 'คนดัง' ชอบ 'มีเรื่อง มีราว' ให้คนค้นหา แต่พูดรวมๆ ก็เป็นคนจัดว่าใช้ได้ รู้จักเลือกเรื่องราวที่จะนำเสนอ

ช่วงที่จบแม่โจ้ ก็ทำงานเป็นเอ็นจีโอ เคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม รณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ ในช่วงที่เขาเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมที่มาบตาพุด ที่องค์กรขนาดใหญ่ไปสร้างปัญหาไว้ ก็ทำให้ศรีสุวรรณได้เงินก้อนหนึ่งมาจัดทำเป็นกองทุนเพื่อสิ่งแวดล้อม และขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างดี

หากจะถามว่านายศรีสุวรรณ มีรายได้หลักมาจากไหน เพื่อนๆ หลายคนก็ไม่สามารถตอบได้ แต่ก็เห็นว่าเขามีรายได้จากการเปิด 'ร้านชา' อยู่ย่านสะพานใหม่ ตลาดยิ่งเจริญ ชื่อแบรนด์ 'ชาศรีสุวรรณ' ก็มีลูกค้าจำนวนมาก และที่นี่ได้กลายเป็นออฟฟิศ ที่บรรดาคนรู้ใจหรือสตาฟฟ์ที่ทำงานร่วมกับนายศรีสุวรรณ ไปใช้เป็นแหล่งพบปะ ปรึกษาหารือกันอยู่ตลอด

“ทีมงานของศรีสุวรรณ จะมีทั้งทนาย อดีตอัยการ อดีตผู้พิพากษา เป็นกุนซือ มาช่วยทำงาน มาช่วยเขียนสำนวน และสรุปประเด็นข้อกฎหมายต่างๆ คนกลุ่มนี้ไม่ออกหน้า แต่ก็ทำงานเต็มที่”

ขณะที่นายศรีสุวรรณ บอกว่าเขาทำงานคนเดียว เขียนสำนวนต่างๆ ที่ออกมาร้องเรียนแทบจะรายวันด้วยตัวเองล้วนๆ ที่สามารถทำได้ทุกวันเพราะตัวเองเป็น 'มนุษย์พันธุ์พิเศษ' จึงทำได้รวดเร็ว

แต่สิ่งที่เพื่อนๆ รู้สึกเห็นใจนายศรีสุวรรณ เพราะที่ผ่านมานายศรีสุวรรณต้องเปลี่ยนรถบ่อยมาก เพราะรถที่เขาใช้มักจะโดนขีด ข่วน และยังเจอเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องมีนายทหารมาเยือนอยู่ตลอด รวมทั้งการเรียกไปปรับทัศนคติก็มี

แต่ศรีสุวรรณ ไม่เคยโดนตื้บเหมือนนักเคลื่อนไหวคนอื่นๆ ที่ปรากฏให้เห็น
 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี

ส่วนประเด็นการข่มขู่นั้น นายศรีสุวรรณ บอกว่าโดนโทร.ขู่อยู่เป็นประจำ มีรถคอยติดตามอยู่ประจำ แต่ตัวเขาระมัดระวังคอยดูหน้าดูหลังเวลาขึ้นรถ ส่วนที่บ้านก็มีการติดกล้องวงจรปิดคอยตรวจสอบอยู่ตลอด และรถที่ใช้ก็มักถูกขูดอยู่บ่อยๆ

เมื่อถามว่าเดินหน้าร้องเรียนอยู่แบบนี้มีความกังวล หรือกลัวอิทธิพล โดยเฉพาะคนในเครื่องแบบหรือไม่? นายศรีสุวรรณ บอกว่า 'จะกลัวไปทำไม ยิ่งเวลานี้ไม่มี ม.44 แล้ว จะไปกลัวทำไมละ'

อย่างไรก็ดีคนในกลุ่มศรีสุวรรณ บอกว่า เพื่อนๆ ในกลุ่มมั่นใจว่า การเคลื่อนไหวของนายศรีสุวรรณ นั้น เป็นเพราะเขามี 'นาย' และนายก็คือ 'คนในรัฐบาล' และอยากให้สังคมได้ติดตามไปพร้อมๆ กัน จะเห็นว่าแต่ละเรื่องที่นายศรีสุวรรณร้องเรียนและปรากฏในสื่อ จะพบว่า ถ้าเป็นเรื่องที่ตรงกันข้ามกับฝ่ายรัฐบาล ทุกอย่างจะเดินหน้ารับลูกตรวจสอบได้อย่างรวดเร็วโดยเฉพาะถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพรรคอนาคตใหม่ เป็นต้น

“ศรีสุวรรณ จะเดินหน้าร้องเรียนโดยเลือกคนที่รัฐบาลจะหยิบฉวยได้ หรือพูดง่ายๆ ศรีสุวรรณชงมา และ(กู)ตบเอง หรือพูดง่ายๆ เอาเรื่องคนที่รัฐบาลจะเตะเข้าโกลได้ง่าย แต่ก็ต้องยอมรับว่านั่นเป็นผลงานศรีสุวรรณจริงๆ ที่ทำให้สังคมได้รับรู้”

แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลบิ๊กตู่ หรือพรรคพลังประชารัฐ จะเป็นไปในลักษณะร้องแก้เกี้ยว แต่จะไม่มีคดีใดที่จะเอาผิดได้จริงหรือไม่? ตัวอย่างเช่นปมนาฬิกาหรูของ 'บิ๊กป้อม' ที่นายศรีสุวรรณ ได้ยื่นให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบกรณีที่ บิ๊กป้อม ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินนาฬิกาหรูซึ่งอ้างว่ายืมมาจากเพื่อน ขณะที่ดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกฯ ในรัฐบาลบิ๊กตู่ 1 ซึ่งแม้ ป.ป.ช.จะมีมติว่าไม่มีมูลเพียงพอให้เชื่อว่าบิ๊กป้อมจงใจยื่นบัญชีทรัพย์อันเป็นเท็จหรือปกปิดทรัพย์สิน จึงให้คดียุติ ไม่ต้องตั้งกรรมการไต่สวนแต่เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นที่คลางแคลงใจของสังคมจนทุกวันนี้!

ทั้งหมดนี้เป็นแนวทางการทำงานของนายศรีสุวรรณ จรรยา นักร้อง(เรียน) ที่สังคมต้องจับตาดู!



กำลังโหลดความคิดเห็น