ศิษย์ธรรมกายส่งไลน์เชิญชวนเลือก 3 พรรคสายประชาธิปไตย เดิม “เพื่อไทย-ไทยรักษาชาติ-เพื่อชาติ” หลังไทยรักษาชาติถูกยุบ ปรับแผนใหม่เน้น “เพื่อไทย-เพื่อชาติ”และเพิ่มพรรคประชาชาติเข้ามาแทน ที่ไม่เลือกแน่ประชาชนปฏิรูปของไพบูลย์ นิติตะวันและพลังประชารัฐที่เชียร์ลุงตู่ ยกเหตุถล่มวัดพระธรรมกายจนพระธัมมชโยต้องคดีความและหายไปจากวัด
เหลือเวลาอีกไม่กี่วันภาคการเมืองกำลังจะเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง ในวันที่ 24 มีนาคม 2562 นี้ นอกเหนือไปจากการให้ความสำคัญกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีโอกาสได้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งเป็นครั้งแรกกว่า 7 ล้านเสียงแล้ว ยังมีฐานเสียงกลุ่มใหญ่อีกกลุ่มหนึ่งคือศิษย์วัดพระธรรมกาย ที่ประเมินกันว่าน่าจะมีราว 10 ล้านคน ซึ่งเป็นฐานเสียงที่มีบทบาทในการเลือกตั้งแทบทุกครั้ง
ที่ผ่านมาตระกูลชินวัตรและพรรคเพื่อไทย ต่างให้ความสำคัญกับวัดแห่งนี้เป็นอย่างมาก รวมทั้งผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบางคนก็เป็นศิษย์วัดพระธรรมกาย
แม้ในทางสงฆ์จะไม่มีพระรูปใดออกหน้ามาชี้นำว่าควรเลือกพรรคนั้นพรรคนี้ แต่เป็นที่รู้กันว่าบรรดาศิษย์เบอร์ต้น ๆ จะบอกต่อหรือส่งสัญญาณกันมาเป็นทอด ๆ ว่าเชียร์พรรคใด ไม่ชอบพรรคใด
ในการเลือกตั้งครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ท่ามกลางยุคสังคมออนไลน์ที่ช่องทางในการสื่อสารกระทำได้ในหลายช่องทาง มีทั้งการแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะผ่านเฟสบุ๊ก แม้อาจไม่ชัดเจนนักแต่ก็คาดเดาได้ว่าชอบหรือไม่ชอบพรรคการเมืองใด
ชวนเลือก “เพื่อไทย-ไทยรักษาชาติ-เพื่อชาติ”
แต่ที่เปิดเผยมากดำเนินการผ่านทางไลน์สนทนาแบบกลุ่มของบรรดาศิษย์วัดพระธรรมกาย ที่ได้เชิญชวนกันมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ก่อนที่จะมีการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีของแต่ละพรรค อย่างเช่น หลาย ๆ ท่านยังสงสัยว่า 3 พรรคนี้เป็นพรรคเดียวกันหรือไม่ ผมขอตอบเลยว่าใช่ครับ เหนุผลที่แยกเป็น 3 พรรค เพราะป้องกันการยุบพรรคเพื่อไทย และด้วยกฎกติกาการเลือกตั้งใหม่ทำให้พรรคเพื่อไทยจำเป็นต้องแยกพรรคออกเป็น 3 พรรค
1.พรรคเพื่อไทย เป็นทัพหลวง โดยจะส่ง สส.ลงแข่งในภาคเหนือกับภาพอีสานและภาคอื่น ๆ อีกบางส่วน
2.พรรคไทยรักษาชาติ เป็นทัพคนรุ่นใหม่ โดยจะส่ง สส.ลงชิงชัยในภาคใต้ทั้งหมดและภาคกลางบางส่วน
3.พรรคเพื่อชาติ เป็นทัพคนเสื้อแดง จะส่ง สส.ลงแข่งในภาคกลางตอนล่างและภาคตะวันออก
โดย 3 พรรคนี้จะไม่ส่งผู้สมัครทับซ้อนเพื่อตัดคะแนนกัน หลังเลือกตั้งเสร็จ ทั้ง 3 พรรคจะเอาจำนวน สส.มารวมกันเพื่อชิงชัยในการจัดตั้งรัฐบาลแข่งกับฝ่ายเผด็จการ
ฉะนั้นไม่ต้องสงสัยครับว่าทำไมเขตของท่านไม่มีพรรคเพื่อไทย ถ้าเขตของท่านมีพรรคไทยรักษาชาติหรือพรรคเพื่อชาติ ท่านก็เลือกเลยครับ เพราะ 2 พรรคนี้คือพรรคเดียวกันกับเพื่อไทย
หรืออีกคำเชิญชวนหนึ่งที่แนะนำให้เลือก 1.พรรคเพื่อไทย 2.พรรคไทยรักษาชาติ 3.พรรคเพื่อชาติ ทุก ๆ คนควรเลือกแค่ 3 พรรคนี้เท่านั้นนะ เพื่อพระพุทธศาสนา เพื่อคืนความยุติธรรมให้เท่าเทียมกัน เพื่อประชาธิปไตยนะครับ เลือกพรรคตามที่เขาวางแผนในพื้นที่ของเราได้เลย เพื่อใช้ประชาธิปไตยล้มทรราช
ไม่เลือกประชาชนปฏิรูป
แน่นอนว่าเมื่อศิษย์ธรรมกายส่งเสียงเชียร์และเทน้ำหนักไปทางเพื่อไทยและเครือข่าย ย่อมสะท้อนถึงความไม่ชื่นชอบในพรรคอื่นโดยเฉพาะพรรคที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์วัดพระธรรมกายเมื่อปี 2559-2560 นั่นคือพรรคพลังประชารัฐ ที่ชูพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นพรรคคู่แข่งสำคัญกับพรรคที่สายธรรมกายชื่นชอบ
ทั้งนี้เป็นเพราะหลังจากที่มีการยึดอำนาจ 22 พฤษภาคม 2557 วัดพระธรรมกายเริ่มถูกตรวจสอบในคดีเดิม โดยเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2558 คณะกรรมาการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ โดยนายไพบูลย์ นิติตะวัน ประชุมเพื่อพิจารณาสถานภาพของพระธัมมชโย และเชิญผู้แทนมหาเถรสมาคมมาชี้แจง กรณีไชยบูลย์ สุทธิผล (พระธัมมชโย) ได้อาบัติปาราชิกขาดจากความเป็นภิกษุมาตั้งแต่ พ.ศ. 2542 ตามพระลิขิตสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก แต่สุดท้ายเรื่องก็จบโดยมหาเถรสมาคม
ดังนั้นพรรคประชาชนปฏิรูปของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ที่ประกาศชูพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี จึงเป็นอีกพรรคหนึ่งที่สายวัดพระธรรมกายไม่ชื่นชอบและมีการยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งให้ตรวจสอบพรรคนี้ในเรื่องป้ายหาเสียง
ไม่เอาพลังประชารัฐ
โฟกัสใหญ่สุดของศิษย์ธรรมกายคือไม่เลือกพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากถูกมองว่าเป็นต้นทางที่ทำให้พระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายต้องหนีไปจากวัด จากเรื่องคดีความ
ทั้งนี้เมื่อ 29 ตุลาคม 2558 ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าชุดตรวจสอบเส้นทางการเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ได้สรุปผลการสอบสวนเส้นทางเงินกรณีนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด สั่งจ่ายเช็ครวม 878 ฉบับ เป็นเงิน 11,367 ล้านบาท ให้กับกลุ่มบุคคลและนิติบุคคลรวม 7 กลุ่ม ซึ่งเข้าข่ายเป็นการยักยอกทรัพย์หรือสนับสนุนให้ลักทรัพย์ เนื่องจากกลุ่มดังกล่าวไม่มีมูลหนี้ต่อกันจริง
จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า เงินจำนวนหนึ่งได้โอนต่อมาที่วัดพระธรรมกาย ทั้งนี้ระหว่าง 5 มีนาคม 2552 - 15 กุมภาพันธ์ 2554 กลุ่มวัดพระธรรมกาย พระธัมมชโย และมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ได้รับเช็คจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น รวม 21 ครั้ง เป็นเงิน 1,205,160,000 บาท โดยที่ไม่มีมูลหนี้กับทางสหกรณ์ฯ
พฤติการณ์ดังกล่าวของพระเทพญาณมหามุณีกับพวก อาจมีส่วนเป็นผู้สนับสนุนนายศุภชัย ศรีศุภอักษร ในการยักยอกทรัพย์ของสหกรณ์ หรือสนับสนุนให้ลักทรัพย์นายจ้างหรือรับของโจร ความผิดฐานฟอกเงินและความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต
เมื่อมีการออกหมายเรียกให้มาพบพนักงานสอบสวน 2 ครั้งแล้ว พระธัมมชโยไม่มาพบ ศาลอาญาจึงได้อนุมัติหมายจับเมื่อ 17 พฤษภาคม 2559 ฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร จนกระทั่งนำไปสู่คำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ 5/2560 ควบคุมพื้นที่วัดพระธรรมกายเมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2560 เพื่อนำตัวพระธัมมชโยมาดำเนินคดี แต่ก็ไม่พบตัว จึงยกเลิกการกำหนดพื้นที่ควบคุมวัดพระธรรมกายเมื่อ 11 เมษายน 2560
แต่ในระหว่างนั้นมีพระบรมราชโองการถอดสมณศักดิ์(พระเทพญาณมหามุนี) พระธัมมชโย เมื่อ 4 มีนาคม 2560 และถอนสมณศักดิ์(พระราชภาวนาจารย์) พระทัตตชีโว เมื่อ 7 มีนาคม 2560
นอกจากนี้เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ได้มีการมอบตราตั้งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายแก่พระครูสังฆรักษ์รังสฤษฏ์ อิทธิจินตโก เมื่อ 7 ธันวาคม 2560
หนุนเพื่อชาติ-ประชาชาติแทน ทษช.
ทางธรรมกายเขามองว่าทางวัดถูกรังแกจากรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ ดังนั้นลูกศิษย์จำนวนไม่น้อยจึงต่อว่ารัฐบาลนี้ตลอดเวลา โดยไม่ได้พิจารณาจากข้อเท็จจริงของคดีความที่เกิดขึ้น กลุ่มที่ศรัทธาในพระธัมมชโยพยายามชี้แจงว่าเป็นเรื่องการกลั่นแกล้ง เป็นกลุ่มที่จ้องทำลายพระพุทธศาสนา ทั้ง ๆ ที่เรื่องในวงการพุทธต่างก็มีช่องโหว่มากมายให้พระสร้างความร่ำรวยให้กับตนเอง ในกรณีวัดพระธรรมกายก็มีหลักฐานเป็นเช็คที่โอนเงินเข้ามาในชื่อบัญชีของพระธัมมชโย
เมื่อการเลือกตั้งใกล้เข้ามาจึงได้โอกาสที่จะโพสต์ข้อความเชิญชวนให้บรรดาลูกศิษย์ด้วยกัน เลือกพรรคการเมืองที่พร้อมจะให้ความช่วยเหลือกับทางวัด แต่ศิษย์ธรรมกายบางส่วนก็ไม่ได้เชียร์พรรคของตระกูลชินวัตรเช่นกัน
อย่างไรก็ตามคำแนะนำให้เลือกพรรคสายประชาธิปไตยที่ศิษย์วัดเคยแนะนำในช่วงแรกหายไป 1 พรรค เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำพิพากษายุบพรรคไทยรักษาชาติเมื่อ 7 มีนาคม 2562 และตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค 10 ปี
ตอนนี้ได้มีคำแนะนำว่าพื้นที่เขตที่หายไปของพรรคไทยรักษาชาติ ที่ไม่มีพรรคเพื่อไทยลงสมัครนั้น เสนอให้พิจารณาผู้สมัครจากเพื่อชาติและพรรคประชาชาติแทน
เป็นที่ทราบกันดีว่าการเลือกตั้งรอบนี้พรรคเพื่อไทยส่งผู้สมัครไม่ครบทุกเขต เปิดพื้นที่ให้กับพรรคไทยรักษาชาติมิให้ทับซ้อนกัน มีพรรคสายนปช.อย่างเพื่อชาติเข้ามาเสริม เดิมศิษย์ธรรมกายไม่กล่าวถึงพรรคประชาชาติของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรค เพราะต่างศาสนากับสายพุทธและถือว่าอยู่คนละขั้ว แต่ในทางการเมืองแล้วประชาชาติกับเพื่อไทยถือว่ามีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน เมื่อขาดไทยรักษาชาติไปก็ต้องหันไปที่พรรคประชาชาติมาเป็นตัวเสริม
ส่วนพรรคอนาคตใหม่นั้น ศิษย์สายธรรมกายและสายพระผู้ใหญ่ ไม่ได้ชื่นชอบแนวทางของพรรคนี้มากนัก และเมื่อตอนลงไปพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดน คะแนนนิยมในพรรคอนาคตใหม่จากคนสายพุทธก็ลดลงทันที
แต่ถึงอย่างไรทั้งประชาชาติและอนาคตใหม่ ต่างก็อยู่ในสายเดียวกับเพื่อไทย ในระดับประชาชนอาจจะชอบหรือไม่ชอบ แต่ในระดับพรรคด้วยกันแล้วทั้ง 2 พร้อมที่จะเป็นพันธมิตรกับพรรคเพื่อไทย แต่ฐานเสียงราว 10 ล้านคนของวัดพระธรรมกายก็สำคัญไม่แพ้กับฐานเสียงของคนรุ่นใหม่ 7 ล้านเสียงที่พรรคอนาคตใหม่ครองใจคนกลุ่มนี้ไปได้มาก
การชี้เป็นชี้ตายในทางการเมืองฐานเสียงของธรรมกาย เคยส่งให้พรรคของตระกูลชินวัตรขึ้นเป็นรัฐบาลมาแล้วในแทบทุกครั้ง คราวนี้ต้องจับตาดูว่าผลการเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม 2562 จะออกมาอย่างไร
เหลือเวลาอีกไม่กี่วันภาคการเมืองกำลังจะเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง ในวันที่ 24 มีนาคม 2562 นี้ นอกเหนือไปจากการให้ความสำคัญกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีโอกาสได้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งเป็นครั้งแรกกว่า 7 ล้านเสียงแล้ว ยังมีฐานเสียงกลุ่มใหญ่อีกกลุ่มหนึ่งคือศิษย์วัดพระธรรมกาย ที่ประเมินกันว่าน่าจะมีราว 10 ล้านคน ซึ่งเป็นฐานเสียงที่มีบทบาทในการเลือกตั้งแทบทุกครั้ง
ที่ผ่านมาตระกูลชินวัตรและพรรคเพื่อไทย ต่างให้ความสำคัญกับวัดแห่งนี้เป็นอย่างมาก รวมทั้งผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบางคนก็เป็นศิษย์วัดพระธรรมกาย
แม้ในทางสงฆ์จะไม่มีพระรูปใดออกหน้ามาชี้นำว่าควรเลือกพรรคนั้นพรรคนี้ แต่เป็นที่รู้กันว่าบรรดาศิษย์เบอร์ต้น ๆ จะบอกต่อหรือส่งสัญญาณกันมาเป็นทอด ๆ ว่าเชียร์พรรคใด ไม่ชอบพรรคใด
ในการเลือกตั้งครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ท่ามกลางยุคสังคมออนไลน์ที่ช่องทางในการสื่อสารกระทำได้ในหลายช่องทาง มีทั้งการแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะผ่านเฟสบุ๊ก แม้อาจไม่ชัดเจนนักแต่ก็คาดเดาได้ว่าชอบหรือไม่ชอบพรรคการเมืองใด
ชวนเลือก “เพื่อไทย-ไทยรักษาชาติ-เพื่อชาติ”
แต่ที่เปิดเผยมากดำเนินการผ่านทางไลน์สนทนาแบบกลุ่มของบรรดาศิษย์วัดพระธรรมกาย ที่ได้เชิญชวนกันมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ก่อนที่จะมีการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีของแต่ละพรรค อย่างเช่น หลาย ๆ ท่านยังสงสัยว่า 3 พรรคนี้เป็นพรรคเดียวกันหรือไม่ ผมขอตอบเลยว่าใช่ครับ เหนุผลที่แยกเป็น 3 พรรค เพราะป้องกันการยุบพรรคเพื่อไทย และด้วยกฎกติกาการเลือกตั้งใหม่ทำให้พรรคเพื่อไทยจำเป็นต้องแยกพรรคออกเป็น 3 พรรค
1.พรรคเพื่อไทย เป็นทัพหลวง โดยจะส่ง สส.ลงแข่งในภาคเหนือกับภาพอีสานและภาคอื่น ๆ อีกบางส่วน
2.พรรคไทยรักษาชาติ เป็นทัพคนรุ่นใหม่ โดยจะส่ง สส.ลงชิงชัยในภาคใต้ทั้งหมดและภาคกลางบางส่วน
3.พรรคเพื่อชาติ เป็นทัพคนเสื้อแดง จะส่ง สส.ลงแข่งในภาคกลางตอนล่างและภาคตะวันออก
โดย 3 พรรคนี้จะไม่ส่งผู้สมัครทับซ้อนเพื่อตัดคะแนนกัน หลังเลือกตั้งเสร็จ ทั้ง 3 พรรคจะเอาจำนวน สส.มารวมกันเพื่อชิงชัยในการจัดตั้งรัฐบาลแข่งกับฝ่ายเผด็จการ
ฉะนั้นไม่ต้องสงสัยครับว่าทำไมเขตของท่านไม่มีพรรคเพื่อไทย ถ้าเขตของท่านมีพรรคไทยรักษาชาติหรือพรรคเพื่อชาติ ท่านก็เลือกเลยครับ เพราะ 2 พรรคนี้คือพรรคเดียวกันกับเพื่อไทย
หรืออีกคำเชิญชวนหนึ่งที่แนะนำให้เลือก 1.พรรคเพื่อไทย 2.พรรคไทยรักษาชาติ 3.พรรคเพื่อชาติ ทุก ๆ คนควรเลือกแค่ 3 พรรคนี้เท่านั้นนะ เพื่อพระพุทธศาสนา เพื่อคืนความยุติธรรมให้เท่าเทียมกัน เพื่อประชาธิปไตยนะครับ เลือกพรรคตามที่เขาวางแผนในพื้นที่ของเราได้เลย เพื่อใช้ประชาธิปไตยล้มทรราช
ไม่เลือกประชาชนปฏิรูป
แน่นอนว่าเมื่อศิษย์ธรรมกายส่งเสียงเชียร์และเทน้ำหนักไปทางเพื่อไทยและเครือข่าย ย่อมสะท้อนถึงความไม่ชื่นชอบในพรรคอื่นโดยเฉพาะพรรคที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์วัดพระธรรมกายเมื่อปี 2559-2560 นั่นคือพรรคพลังประชารัฐ ที่ชูพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นพรรคคู่แข่งสำคัญกับพรรคที่สายธรรมกายชื่นชอบ
ทั้งนี้เป็นเพราะหลังจากที่มีการยึดอำนาจ 22 พฤษภาคม 2557 วัดพระธรรมกายเริ่มถูกตรวจสอบในคดีเดิม โดยเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2558 คณะกรรมาการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ โดยนายไพบูลย์ นิติตะวัน ประชุมเพื่อพิจารณาสถานภาพของพระธัมมชโย และเชิญผู้แทนมหาเถรสมาคมมาชี้แจง กรณีไชยบูลย์ สุทธิผล (พระธัมมชโย) ได้อาบัติปาราชิกขาดจากความเป็นภิกษุมาตั้งแต่ พ.ศ. 2542 ตามพระลิขิตสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก แต่สุดท้ายเรื่องก็จบโดยมหาเถรสมาคม
ดังนั้นพรรคประชาชนปฏิรูปของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ที่ประกาศชูพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี จึงเป็นอีกพรรคหนึ่งที่สายวัดพระธรรมกายไม่ชื่นชอบและมีการยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งให้ตรวจสอบพรรคนี้ในเรื่องป้ายหาเสียง
ไม่เอาพลังประชารัฐ
โฟกัสใหญ่สุดของศิษย์ธรรมกายคือไม่เลือกพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากถูกมองว่าเป็นต้นทางที่ทำให้พระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายต้องหนีไปจากวัด จากเรื่องคดีความ
ทั้งนี้เมื่อ 29 ตุลาคม 2558 ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าชุดตรวจสอบเส้นทางการเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ได้สรุปผลการสอบสวนเส้นทางเงินกรณีนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด สั่งจ่ายเช็ครวม 878 ฉบับ เป็นเงิน 11,367 ล้านบาท ให้กับกลุ่มบุคคลและนิติบุคคลรวม 7 กลุ่ม ซึ่งเข้าข่ายเป็นการยักยอกทรัพย์หรือสนับสนุนให้ลักทรัพย์ เนื่องจากกลุ่มดังกล่าวไม่มีมูลหนี้ต่อกันจริง
จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า เงินจำนวนหนึ่งได้โอนต่อมาที่วัดพระธรรมกาย ทั้งนี้ระหว่าง 5 มีนาคม 2552 - 15 กุมภาพันธ์ 2554 กลุ่มวัดพระธรรมกาย พระธัมมชโย และมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ได้รับเช็คจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น รวม 21 ครั้ง เป็นเงิน 1,205,160,000 บาท โดยที่ไม่มีมูลหนี้กับทางสหกรณ์ฯ
พฤติการณ์ดังกล่าวของพระเทพญาณมหามุณีกับพวก อาจมีส่วนเป็นผู้สนับสนุนนายศุภชัย ศรีศุภอักษร ในการยักยอกทรัพย์ของสหกรณ์ หรือสนับสนุนให้ลักทรัพย์นายจ้างหรือรับของโจร ความผิดฐานฟอกเงินและความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต
เมื่อมีการออกหมายเรียกให้มาพบพนักงานสอบสวน 2 ครั้งแล้ว พระธัมมชโยไม่มาพบ ศาลอาญาจึงได้อนุมัติหมายจับเมื่อ 17 พฤษภาคม 2559 ฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร จนกระทั่งนำไปสู่คำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ 5/2560 ควบคุมพื้นที่วัดพระธรรมกายเมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2560 เพื่อนำตัวพระธัมมชโยมาดำเนินคดี แต่ก็ไม่พบตัว จึงยกเลิกการกำหนดพื้นที่ควบคุมวัดพระธรรมกายเมื่อ 11 เมษายน 2560
แต่ในระหว่างนั้นมีพระบรมราชโองการถอดสมณศักดิ์(พระเทพญาณมหามุนี) พระธัมมชโย เมื่อ 4 มีนาคม 2560 และถอนสมณศักดิ์(พระราชภาวนาจารย์) พระทัตตชีโว เมื่อ 7 มีนาคม 2560
นอกจากนี้เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ได้มีการมอบตราตั้งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายแก่พระครูสังฆรักษ์รังสฤษฏ์ อิทธิจินตโก เมื่อ 7 ธันวาคม 2560
หนุนเพื่อชาติ-ประชาชาติแทน ทษช.
ทางธรรมกายเขามองว่าทางวัดถูกรังแกจากรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ ดังนั้นลูกศิษย์จำนวนไม่น้อยจึงต่อว่ารัฐบาลนี้ตลอดเวลา โดยไม่ได้พิจารณาจากข้อเท็จจริงของคดีความที่เกิดขึ้น กลุ่มที่ศรัทธาในพระธัมมชโยพยายามชี้แจงว่าเป็นเรื่องการกลั่นแกล้ง เป็นกลุ่มที่จ้องทำลายพระพุทธศาสนา ทั้ง ๆ ที่เรื่องในวงการพุทธต่างก็มีช่องโหว่มากมายให้พระสร้างความร่ำรวยให้กับตนเอง ในกรณีวัดพระธรรมกายก็มีหลักฐานเป็นเช็คที่โอนเงินเข้ามาในชื่อบัญชีของพระธัมมชโย
เมื่อการเลือกตั้งใกล้เข้ามาจึงได้โอกาสที่จะโพสต์ข้อความเชิญชวนให้บรรดาลูกศิษย์ด้วยกัน เลือกพรรคการเมืองที่พร้อมจะให้ความช่วยเหลือกับทางวัด แต่ศิษย์ธรรมกายบางส่วนก็ไม่ได้เชียร์พรรคของตระกูลชินวัตรเช่นกัน
อย่างไรก็ตามคำแนะนำให้เลือกพรรคสายประชาธิปไตยที่ศิษย์วัดเคยแนะนำในช่วงแรกหายไป 1 พรรค เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำพิพากษายุบพรรคไทยรักษาชาติเมื่อ 7 มีนาคม 2562 และตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค 10 ปี
ตอนนี้ได้มีคำแนะนำว่าพื้นที่เขตที่หายไปของพรรคไทยรักษาชาติ ที่ไม่มีพรรคเพื่อไทยลงสมัครนั้น เสนอให้พิจารณาผู้สมัครจากเพื่อชาติและพรรคประชาชาติแทน
เป็นที่ทราบกันดีว่าการเลือกตั้งรอบนี้พรรคเพื่อไทยส่งผู้สมัครไม่ครบทุกเขต เปิดพื้นที่ให้กับพรรคไทยรักษาชาติมิให้ทับซ้อนกัน มีพรรคสายนปช.อย่างเพื่อชาติเข้ามาเสริม เดิมศิษย์ธรรมกายไม่กล่าวถึงพรรคประชาชาติของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรค เพราะต่างศาสนากับสายพุทธและถือว่าอยู่คนละขั้ว แต่ในทางการเมืองแล้วประชาชาติกับเพื่อไทยถือว่ามีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน เมื่อขาดไทยรักษาชาติไปก็ต้องหันไปที่พรรคประชาชาติมาเป็นตัวเสริม
ส่วนพรรคอนาคตใหม่นั้น ศิษย์สายธรรมกายและสายพระผู้ใหญ่ ไม่ได้ชื่นชอบแนวทางของพรรคนี้มากนัก และเมื่อตอนลงไปพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดน คะแนนนิยมในพรรคอนาคตใหม่จากคนสายพุทธก็ลดลงทันที
แต่ถึงอย่างไรทั้งประชาชาติและอนาคตใหม่ ต่างก็อยู่ในสายเดียวกับเพื่อไทย ในระดับประชาชนอาจจะชอบหรือไม่ชอบ แต่ในระดับพรรคด้วยกันแล้วทั้ง 2 พร้อมที่จะเป็นพันธมิตรกับพรรคเพื่อไทย แต่ฐานเสียงราว 10 ล้านคนของวัดพระธรรมกายก็สำคัญไม่แพ้กับฐานเสียงของคนรุ่นใหม่ 7 ล้านเสียงที่พรรคอนาคตใหม่ครองใจคนกลุ่มนี้ไปได้มาก
การชี้เป็นชี้ตายในทางการเมืองฐานเสียงของธรรมกาย เคยส่งให้พรรคของตระกูลชินวัตรขึ้นเป็นรัฐบาลมาแล้วในแทบทุกครั้ง คราวนี้ต้องจับตาดูว่าผลการเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม 2562 จะออกมาอย่างไร
