แบงก์เร่งดูดเงินต้นทุนต่ำ ทยอยออกโปรโมชั่นเงินฝากชูดอก 1.5% ก่อนที่ดอกเบี้ยนโยบายจะปรับขึ้น ล็อก 3 ชั้น “ดอกเบี้ย-วงเงินสูง-ระยะฝากยาว” กสิกรไทยออกฝากประจำ 15 เดือน ต้องเสียภาษี ธนชาตเริ่มที่ 1 แสน ไทยพาณิชย์ให้ดอกเบี้ยแบบขั้นบันได แนะดูเงื่อนไขให้ดีก่อนตัดสินใจ หากทำผิดเงื่อนไขกลายเป็นเสียผลประโยชน์ ควรแบ่งเงินออมไว้บางส่วนไว้รอโปรโมชั่นปีหน้ารับดอกเบี้ยขาขึ้น
เริ่มกันแล้วสำหรับศึกอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก หลังจากพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ปีงบประมาณ 2562 ได้ปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น 0.31-0.61% จากช่วงต้นปี โดยพันธบัตรอายุ 3 ปี 1 เดือน ดอกเบี้ย 2.46% และอายุ 7 ปี 1 เดือน ดอกเบี้ย 3% จำหน่ายไปแล้ว 2 รอบคือ 19 ตุลาคมและ 16 พฤศจิกายน 2561 หมดลงภายในระยะเวลาไม่กี่นาทีจากเงื่อนไขที่ซื้อได้ไม่จำกัดจำนวน
อีกทั้งผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ครั้งที่ 7/2561 เมื่อ 14 พฤศจิกายน 2561 มีมติ 4 ต่อ 3 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อปี โดย 3 เสียงเห็นควรให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 1.50% เป็น 1.75% ต่อปี และจะมีการประชุมครั้งสุดท้ายของปีในวันที่ 19 ธันวาคม 2561 กลายเป็นเครื่องชี้ว่าอัตราดอกเบี้ยนับจากนี้ไปมีสิทธิ์ปรับขึ้น หลังจากที่ดอกเบี้ยในประเทศไทยต่ำและนิ่งมานาน
ชูดอกเบี้ย 1.5%
สัญญาณดังกล่าวส่งผลให้บรรดาธนาคารพาณิชย์ ได้ปรับผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ อย่างธนาคารกสิกรไทย ออกบัญชีเงินฝากประจำพิเศษ 15 เดือน ดอกเบี้ย 1.5% เปิดบัญชีขั้นต่ำ 200,000 บาท จ่ายดอกเบี้ยทุกเดือน ไม่จำกัดวงเงินฝากสูงสุด สามารถถอนเงินต้นบางส่วนก่อนครบระยะเวลาฝากได้ ต่ออายุเข้าเงินฝากประจำ 3 เดือน (ต่ออายุอัตโนมัติ) เมื่อครบกำหนดระยะเวลาการฝาก ไม่มีค่ารักษาบัญชี ดอกเบี้ยที่ได้รับจากเงินฝากประจำจะถูกหักภาษีในอัตรา 15% ของดอกเบี้ยที่ได้รับทั้งหมด
ธนาคารไทยพาณิชย์ออกบัญชีออมทรัพย์จัดเต็ม ดอกเบี้ย 1.5% เป็นบัญชีเงินฝากที่ให้ดอกเบี้ยสูง จากไทยพาณิชย์ สำหรับลูกค้าบริหารเงินได้ง่ายขึ้น เหมาะสำหรับเป็นบัญชีพักรอเพื่อการตัดสินใจลงทุนต่างๆ จ่ายดอกเบี้ยทุกวันที่ 25 มิถุนายน และ 25 ธันวาคม เปิดบัญชีขั้นต่ำ 500 บาท จำกัด 1 รายเปิดบัญชี 1 บัญชี เฉพาะลูกค้าบุคคลธรรมดาที่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย ไม่สามารถเปิดบัญชีร่วม หรือคณะบุคคลได้
ธนาคารธนชาต บัญชีอัลตร้าส์เซฟวิ่ง เปิดบัญชีขั้นต่ำ 500 บาท ลูกค้า 1 ราย เปิดบัญชีได้เพียง 1 บัญชีเท่านั้น (ทุกสาขารวมกัน) สามารถถอนได้ 2 ครั้งต่อเดือน โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม การถอนเงินครั้งต่อไปในเดือนนั้น จะเสียค่าธรรมเนียมครั้งละ 50 บาท ธนาคารคำนวณดอกเบี้ยให้ตามยอดเงินคงเหลือ ณ สิ้นวัน และสามารถเบิกถอนดอกเบี้ยให้ทุกวันที่ 10 ของเดือน
ตัวเลือกอื่น
ส่วนตัวเลือกอื่นมีธนาคารธนชาต เงินฝากประจำ 5 เดือน ดอกเบี้ย 1.35% เงินฝากประจำ 10 เดือน ดอกเบี้ย 1.45% เงินฝากประจำพิเศษ 17 เดือน ดอกเบี้ย 1.85% (ยังไม่หักภาษี 15%) วงเงินฝากตั้งแต่ 1 แสนบาทขึ้นไป
ส่วนธนาคารออมสิน มีผลิตภัณฑ์เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ ไม่เสียภาษี 3 ประเภท คือ 4 เดือน ดอกเบี้ย 1.15% บัญชี 9 เดือน ดอกเบี้ย 1.35% และบัญชี 14 เดือน เดอกเบี้ย 1.45%
นอกจากนี้ยังออกสลากออมสินพิเศษ 5 ปี งวดใหม่ งวดที่ 510 พร้อมจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเพื่อตอบแทนผู้ฝาก ด้วยการแจกของรางวัลอีกมากมายเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่า โดยจะเปิดรับฝากตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2561 เป็นต้นไป จนกว่าจะรับฝากครบวงเงิน 6 หมื่นล้านบาท พร้อมสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลพิเศษ รถเบนซ์ รถยนต์ รถกระบะ และรางวัลอื่นๆ เพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าตัว รวม 216 รางวัล มูลค่ารวมกว่า 28 ล้านบาท
ผลตอบแทนสลากออมสินพิเศษ 5 ปี หน่วยละ 100 บาท เมื่อฝากครบ 5 ปี จะได้ดอกเบี้ยหน่วยละ 4 บาท หรือคิดเป็น 0.8% ต่อปี(กรณีไม่ถูกรางวัล)
รางวัลที่ 1 มูลค่าเงินรางวัล 5 ล้านบาท หมุน 3 ครั้ง รางวัลที่ 2 มูลค่าเงินรางวัล 100,000 บาท หมุน 5 ครั้ง รางวัลที่ 3 มูลค่าเงินรางวัล 10,000 บาท หมุน 5 ครั้ง รางวัลที่ 4 มูลค่าเงินรางวัล 5,000 บาท หมุน 10 ครั้ง รางวัลที่ 5 มูลค่าเงินรางวัล 1,500 บาท หมุน 20 ครั้ง รางวัลเลขท้าย 6 ตัว มูลค่าเงินรางวัล 400 บาท หมุน 2 ครั้ง รางวัลเลขท้าย 5 ตัว มูลค่าเงินรางวัล 300 บาท หมุน 2 ครั้ง และรางวัลเลขท้าย 4 ตัว มูลค่าเงินรางวัล 150 บาทหมุน 4 ครั้ง (กำหนดงวดและหมวดอักษรเฉพาะรางวัลที่ 1 และ รางวัลที่ 2)
ล็อก 3 ชั้นต้นทุนเงินต่ำ
ตอนนี้หลายธนาคารต่างออกผลิตภัณฑ์เงินฝากโดยอิงกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% ซึ่งเป็นดอกเบี้ยธนาคารแห่งประเทศไทยคงไว้เป็นเวลานาน โดยก่อนหน้านี้ธนาคารต่าง ๆ มักให้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า เวลานี้มีการส่งสัญญาณดอกเบี้ยขึ้นแน่นอน คาดว่าในปีหน้าอัตราดอกเบี้ยคงปรับขึ้นอีกครั้งละ 0.25% ไม่ต่ำกว่า 2 ครั้ง
ดังนั้นธนาคารจึงพยายามหาทางล็อกเงินฝากที่อัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.5% ไว้ก่อน วิธีการล็อกนอกจากตัวอัตราดอกเบี้ยแล้ว บางแห่งยังล็อกวงเงิน กำหนดที่วงเงินสูงไว้ก่อน เช่น ขั้นต่ำ 1-2 แสนบาทหรือหลักล้านบาท และยังล็อกด้วยระยะเวลาฝากให้เป็นเงินฝากระยะยาวข้ามปี เพราะหากในช่วงเวลาฝากที่ยังไม่ครบกำหนดแล้วอัตราดอกเบี้ยในตลาดปรับเพิ่มขึ้น ธนาคารจะได้ประโยชน์จากการมีเงินต้นทุนต่ำไว้ก่อนแล้ว นั่นหมายถึงผู้ฝากเงินเสียโอกาสจากหากอัตราดอกเบี้ยมีการปรับขึ้น ซึ่งในช่วงเวลานั้นเงินฝากรุ่นใหม่ ๆ ย่อมจะต้องขยับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก
ศึกษาให้ละเอียด
นอกจากนี้ผู้ที่ต้องการฝากเงินต้องศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขของโปรโมชั่นแต่ละธนาคารให้ดี เพราะมีทั้งเงินฝากที่ไม่ต้องเสียภาษีและเงินฝากที่เสียภาษี เช่น เงินฝากประจำต้องเสียภาษีจากดอกเบี้ยที่ได้รับ เช่น ดอกเบี้ย 1.5% เมื่อหักภาษี 15% แล้วจะเหลือดอกเบี้ยสุทธิที่รับจริง 1.275% และต้องดูเงื่อนไขเพิ่มเติมอีกว่าหากฝากไม่ครบกำหนดแล้ว ธนาคารจะคิดอัตราดอกเบี้ยให้ที่อัตราใด เช่น ปรับลงมาเป็นดอกเบี้ยฝากประจำ 3 เดือน ซึ่งต้องน้อยกว่าตัวเลขที่ 1.5% แน่นอน
เท่าที่เห็นธนาคารที่ลงมาเล่นดอกเบี้ย 1.5% มีกสิกรไทยเป็นเงินฝากประจำ ไทยพาณิชย์เป็นออมทรัพย์จัดเต็ม และธนาคารธนชาต อัลตราเซฟวิ่ง เป็นบัญชีออมทรัพย์ โดยบัญชีออมทรัพย์จะไม่ต้องเสียภาษี 15% กรณีได้รับดอกเบี้ยเงินฝากไม่เกิน 2 หมื่นบาท
แต่บัญชีออมทรัพย์ของไทยพาณิชย์กับธนชาตจะมีความแตกต่างกันที่วงเงินฝาก ดอกเบี้ย 1.5% ของธนชาตเริ่มที่ 1 แสนบาทแต่ไม่ถึง 10 ล้านบาท ส่วนของไทยพาณิชย์เริ่มตั้งแต่ส่วนที่เกิน 5 แสนบาทถึง 10 ล้านบาท และยังมีวิธีคิดอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกัน ธนชาตหากฝาก 1 แสนบาทขึ้นไปคิดดอกเบี้ยที่ 1.5% ให้ทันที แต่หากเบิกถอนจนเงินฝากลดลงต่ำกว่า 1 แสนบาทจะได้ดอกเบี้ยเพียง 0.8%
ส่วนของไทยพาณิชย์อัตราดอกเบี้ยจะคิดแบบขั้นบันได เริ่มที่ต่ำกว่า 1 แสนคิด 0.5% ระหว่าง 1-5 แสนบาท คิด 0.75% เกิน 5 แสนบาท-10 ล้านบาท คิด 1.5% และส่วนที่เกิน 10 ล้านบาทคิด 0.5% หากพิจารณาตารางผลตอบแทนเฉลี่ยสำหรับเงินฝาก 1 ล้านบาท ผลตอบแทนที่ได้รับอยู่ที่ 1.10% เท่านั้น หรือเงินฝาก 11 ล้านบาทจะได้ดอกเบี้ย 1.37%
ผู้มีเงินออมต้องศึกษาให้ดี ดูแค่ตัวเลข 1.5% กับยอดเงินฝากตั้งแต่ 5 แสนบาทอย่างเดียวคงไม่ได้ และต้องทราบเงื่อนไขอื่นอีก เช่น บัญชีออมทรัพย์ของทั้ง 2 ธนาคารเปิดให้ถอนเงินได้ 2 ครั้งต่อเดือน หากเกินก็จะมีค่าปรับครั้งละ 50 บาท
แบ่งเงินรอ
ที่จริงในตลาดเงินฝาก อาจมีบางรายที่ให้ผลตอบแทนสูงถึง 3.4% แต่วงเงินเริ่มต้นค่อนข้างสูง ระยะเวลาฝากนาน และผู้ออกเงินฝากไม่ใช่ธนาคาร เป็นหน้าที่ของผู้มีเงินออมต้องตัดสินใจกันเอง
เมื่อแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น ผู้ที่มีเงินออมควรประเมินว่าจะนำเงินออมไปหาผลตอบแทนจากดอกเบี้ยในที่ใด หากเกรงว่าจะเสียโอกาสในช่วงนี้ ควรแบ่งเงินออมบางส่วนเลือกฝากกับธนาคารที่มีโปรโมชั่นที่เราสามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขได้ เงินออมส่วนที่เหลืออาจเก็บไว้รอหรือพักไว้ในบัญชีที่ผลตอบแทนดีและเคลื่อนย้ายได้สะดวก เพื่อรอให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับขึ้น จากนั้นก็จะมีโปรโมชั่นเงินฝากรุ่นใหม่ ๆ ออกมาที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า แล้วจึงค่อยตัดสินใจ
เริ่มกันแล้วสำหรับศึกอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก หลังจากพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ปีงบประมาณ 2562 ได้ปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น 0.31-0.61% จากช่วงต้นปี โดยพันธบัตรอายุ 3 ปี 1 เดือน ดอกเบี้ย 2.46% และอายุ 7 ปี 1 เดือน ดอกเบี้ย 3% จำหน่ายไปแล้ว 2 รอบคือ 19 ตุลาคมและ 16 พฤศจิกายน 2561 หมดลงภายในระยะเวลาไม่กี่นาทีจากเงื่อนไขที่ซื้อได้ไม่จำกัดจำนวน
อีกทั้งผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ครั้งที่ 7/2561 เมื่อ 14 พฤศจิกายน 2561 มีมติ 4 ต่อ 3 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อปี โดย 3 เสียงเห็นควรให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 1.50% เป็น 1.75% ต่อปี และจะมีการประชุมครั้งสุดท้ายของปีในวันที่ 19 ธันวาคม 2561 กลายเป็นเครื่องชี้ว่าอัตราดอกเบี้ยนับจากนี้ไปมีสิทธิ์ปรับขึ้น หลังจากที่ดอกเบี้ยในประเทศไทยต่ำและนิ่งมานาน
ชูดอกเบี้ย 1.5%
สัญญาณดังกล่าวส่งผลให้บรรดาธนาคารพาณิชย์ ได้ปรับผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ อย่างธนาคารกสิกรไทย ออกบัญชีเงินฝากประจำพิเศษ 15 เดือน ดอกเบี้ย 1.5% เปิดบัญชีขั้นต่ำ 200,000 บาท จ่ายดอกเบี้ยทุกเดือน ไม่จำกัดวงเงินฝากสูงสุด สามารถถอนเงินต้นบางส่วนก่อนครบระยะเวลาฝากได้ ต่ออายุเข้าเงินฝากประจำ 3 เดือน (ต่ออายุอัตโนมัติ) เมื่อครบกำหนดระยะเวลาการฝาก ไม่มีค่ารักษาบัญชี ดอกเบี้ยที่ได้รับจากเงินฝากประจำจะถูกหักภาษีในอัตรา 15% ของดอกเบี้ยที่ได้รับทั้งหมด
ธนาคารไทยพาณิชย์ออกบัญชีออมทรัพย์จัดเต็ม ดอกเบี้ย 1.5% เป็นบัญชีเงินฝากที่ให้ดอกเบี้ยสูง จากไทยพาณิชย์ สำหรับลูกค้าบริหารเงินได้ง่ายขึ้น เหมาะสำหรับเป็นบัญชีพักรอเพื่อการตัดสินใจลงทุนต่างๆ จ่ายดอกเบี้ยทุกวันที่ 25 มิถุนายน และ 25 ธันวาคม เปิดบัญชีขั้นต่ำ 500 บาท จำกัด 1 รายเปิดบัญชี 1 บัญชี เฉพาะลูกค้าบุคคลธรรมดาที่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย ไม่สามารถเปิดบัญชีร่วม หรือคณะบุคคลได้
ธนาคารธนชาต บัญชีอัลตร้าส์เซฟวิ่ง เปิดบัญชีขั้นต่ำ 500 บาท ลูกค้า 1 ราย เปิดบัญชีได้เพียง 1 บัญชีเท่านั้น (ทุกสาขารวมกัน) สามารถถอนได้ 2 ครั้งต่อเดือน โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม การถอนเงินครั้งต่อไปในเดือนนั้น จะเสียค่าธรรมเนียมครั้งละ 50 บาท ธนาคารคำนวณดอกเบี้ยให้ตามยอดเงินคงเหลือ ณ สิ้นวัน และสามารถเบิกถอนดอกเบี้ยให้ทุกวันที่ 10 ของเดือน
ตัวเลือกอื่น
ส่วนตัวเลือกอื่นมีธนาคารธนชาต เงินฝากประจำ 5 เดือน ดอกเบี้ย 1.35% เงินฝากประจำ 10 เดือน ดอกเบี้ย 1.45% เงินฝากประจำพิเศษ 17 เดือน ดอกเบี้ย 1.85% (ยังไม่หักภาษี 15%) วงเงินฝากตั้งแต่ 1 แสนบาทขึ้นไป
ส่วนธนาคารออมสิน มีผลิตภัณฑ์เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ ไม่เสียภาษี 3 ประเภท คือ 4 เดือน ดอกเบี้ย 1.15% บัญชี 9 เดือน ดอกเบี้ย 1.35% และบัญชี 14 เดือน เดอกเบี้ย 1.45%
นอกจากนี้ยังออกสลากออมสินพิเศษ 5 ปี งวดใหม่ งวดที่ 510 พร้อมจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเพื่อตอบแทนผู้ฝาก ด้วยการแจกของรางวัลอีกมากมายเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่า โดยจะเปิดรับฝากตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2561 เป็นต้นไป จนกว่าจะรับฝากครบวงเงิน 6 หมื่นล้านบาท พร้อมสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลพิเศษ รถเบนซ์ รถยนต์ รถกระบะ และรางวัลอื่นๆ เพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าตัว รวม 216 รางวัล มูลค่ารวมกว่า 28 ล้านบาท
ผลตอบแทนสลากออมสินพิเศษ 5 ปี หน่วยละ 100 บาท เมื่อฝากครบ 5 ปี จะได้ดอกเบี้ยหน่วยละ 4 บาท หรือคิดเป็น 0.8% ต่อปี(กรณีไม่ถูกรางวัล)
รางวัลที่ 1 มูลค่าเงินรางวัล 5 ล้านบาท หมุน 3 ครั้ง รางวัลที่ 2 มูลค่าเงินรางวัล 100,000 บาท หมุน 5 ครั้ง รางวัลที่ 3 มูลค่าเงินรางวัล 10,000 บาท หมุน 5 ครั้ง รางวัลที่ 4 มูลค่าเงินรางวัล 5,000 บาท หมุน 10 ครั้ง รางวัลที่ 5 มูลค่าเงินรางวัล 1,500 บาท หมุน 20 ครั้ง รางวัลเลขท้าย 6 ตัว มูลค่าเงินรางวัล 400 บาท หมุน 2 ครั้ง รางวัลเลขท้าย 5 ตัว มูลค่าเงินรางวัล 300 บาท หมุน 2 ครั้ง และรางวัลเลขท้าย 4 ตัว มูลค่าเงินรางวัล 150 บาทหมุน 4 ครั้ง (กำหนดงวดและหมวดอักษรเฉพาะรางวัลที่ 1 และ รางวัลที่ 2)
ล็อก 3 ชั้นต้นทุนเงินต่ำ
ตอนนี้หลายธนาคารต่างออกผลิตภัณฑ์เงินฝากโดยอิงกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% ซึ่งเป็นดอกเบี้ยธนาคารแห่งประเทศไทยคงไว้เป็นเวลานาน โดยก่อนหน้านี้ธนาคารต่าง ๆ มักให้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า เวลานี้มีการส่งสัญญาณดอกเบี้ยขึ้นแน่นอน คาดว่าในปีหน้าอัตราดอกเบี้ยคงปรับขึ้นอีกครั้งละ 0.25% ไม่ต่ำกว่า 2 ครั้ง
ดังนั้นธนาคารจึงพยายามหาทางล็อกเงินฝากที่อัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.5% ไว้ก่อน วิธีการล็อกนอกจากตัวอัตราดอกเบี้ยแล้ว บางแห่งยังล็อกวงเงิน กำหนดที่วงเงินสูงไว้ก่อน เช่น ขั้นต่ำ 1-2 แสนบาทหรือหลักล้านบาท และยังล็อกด้วยระยะเวลาฝากให้เป็นเงินฝากระยะยาวข้ามปี เพราะหากในช่วงเวลาฝากที่ยังไม่ครบกำหนดแล้วอัตราดอกเบี้ยในตลาดปรับเพิ่มขึ้น ธนาคารจะได้ประโยชน์จากการมีเงินต้นทุนต่ำไว้ก่อนแล้ว นั่นหมายถึงผู้ฝากเงินเสียโอกาสจากหากอัตราดอกเบี้ยมีการปรับขึ้น ซึ่งในช่วงเวลานั้นเงินฝากรุ่นใหม่ ๆ ย่อมจะต้องขยับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก
ศึกษาให้ละเอียด
นอกจากนี้ผู้ที่ต้องการฝากเงินต้องศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขของโปรโมชั่นแต่ละธนาคารให้ดี เพราะมีทั้งเงินฝากที่ไม่ต้องเสียภาษีและเงินฝากที่เสียภาษี เช่น เงินฝากประจำต้องเสียภาษีจากดอกเบี้ยที่ได้รับ เช่น ดอกเบี้ย 1.5% เมื่อหักภาษี 15% แล้วจะเหลือดอกเบี้ยสุทธิที่รับจริง 1.275% และต้องดูเงื่อนไขเพิ่มเติมอีกว่าหากฝากไม่ครบกำหนดแล้ว ธนาคารจะคิดอัตราดอกเบี้ยให้ที่อัตราใด เช่น ปรับลงมาเป็นดอกเบี้ยฝากประจำ 3 เดือน ซึ่งต้องน้อยกว่าตัวเลขที่ 1.5% แน่นอน
เท่าที่เห็นธนาคารที่ลงมาเล่นดอกเบี้ย 1.5% มีกสิกรไทยเป็นเงินฝากประจำ ไทยพาณิชย์เป็นออมทรัพย์จัดเต็ม และธนาคารธนชาต อัลตราเซฟวิ่ง เป็นบัญชีออมทรัพย์ โดยบัญชีออมทรัพย์จะไม่ต้องเสียภาษี 15% กรณีได้รับดอกเบี้ยเงินฝากไม่เกิน 2 หมื่นบาท
แต่บัญชีออมทรัพย์ของไทยพาณิชย์กับธนชาตจะมีความแตกต่างกันที่วงเงินฝาก ดอกเบี้ย 1.5% ของธนชาตเริ่มที่ 1 แสนบาทแต่ไม่ถึง 10 ล้านบาท ส่วนของไทยพาณิชย์เริ่มตั้งแต่ส่วนที่เกิน 5 แสนบาทถึง 10 ล้านบาท และยังมีวิธีคิดอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกัน ธนชาตหากฝาก 1 แสนบาทขึ้นไปคิดดอกเบี้ยที่ 1.5% ให้ทันที แต่หากเบิกถอนจนเงินฝากลดลงต่ำกว่า 1 แสนบาทจะได้ดอกเบี้ยเพียง 0.8%
ส่วนของไทยพาณิชย์อัตราดอกเบี้ยจะคิดแบบขั้นบันได เริ่มที่ต่ำกว่า 1 แสนคิด 0.5% ระหว่าง 1-5 แสนบาท คิด 0.75% เกิน 5 แสนบาท-10 ล้านบาท คิด 1.5% และส่วนที่เกิน 10 ล้านบาทคิด 0.5% หากพิจารณาตารางผลตอบแทนเฉลี่ยสำหรับเงินฝาก 1 ล้านบาท ผลตอบแทนที่ได้รับอยู่ที่ 1.10% เท่านั้น หรือเงินฝาก 11 ล้านบาทจะได้ดอกเบี้ย 1.37%
ผู้มีเงินออมต้องศึกษาให้ดี ดูแค่ตัวเลข 1.5% กับยอดเงินฝากตั้งแต่ 5 แสนบาทอย่างเดียวคงไม่ได้ และต้องทราบเงื่อนไขอื่นอีก เช่น บัญชีออมทรัพย์ของทั้ง 2 ธนาคารเปิดให้ถอนเงินได้ 2 ครั้งต่อเดือน หากเกินก็จะมีค่าปรับครั้งละ 50 บาท
แบ่งเงินรอ
ที่จริงในตลาดเงินฝาก อาจมีบางรายที่ให้ผลตอบแทนสูงถึง 3.4% แต่วงเงินเริ่มต้นค่อนข้างสูง ระยะเวลาฝากนาน และผู้ออกเงินฝากไม่ใช่ธนาคาร เป็นหน้าที่ของผู้มีเงินออมต้องตัดสินใจกันเอง
เมื่อแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น ผู้ที่มีเงินออมควรประเมินว่าจะนำเงินออมไปหาผลตอบแทนจากดอกเบี้ยในที่ใด หากเกรงว่าจะเสียโอกาสในช่วงนี้ ควรแบ่งเงินออมบางส่วนเลือกฝากกับธนาคารที่มีโปรโมชั่นที่เราสามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขได้ เงินออมส่วนที่เหลืออาจเก็บไว้รอหรือพักไว้ในบัญชีที่ผลตอบแทนดีและเคลื่อนย้ายได้สะดวก เพื่อรอให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับขึ้น จากนั้นก็จะมีโปรโมชั่นเงินฝากรุ่นใหม่ ๆ ออกมาที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า แล้วจึงค่อยตัดสินใจ
