ร้าวลึก ศศินภา นิติธรรมปพน หันหลังให้ฝ่ายกุมอำนาจในวัดพระธรรมกายเข้าร่วมอัยย์ เพชรทอง คนในเผยรับไม่ได้ไล่พระ 2 รูปไร้ข้อหาออกกลางพรรษา เดินเครื่องร้องเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี หลังข้อเรียกร้องสอบอธิกรณ์พระผู้ใหญ่ 6 รูปไร้วี่แวว พระทัตตชีโวแย้มมีหน่วยงานรัฐแฝงตัวมาบวชในวัด 7 พรรษา
ศึกวัดพระธรรมกายระหว่างลูกศิษย์อย่างนายอัยย์ เพชรทอง ที่นำขบวนขับไล่พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายถึงอารามปริสุทโธ ที่กลุ่มของอัยย์เชื่อว่าเป็นพญาหนอน ไม่ทำงานให้กับวัดเต็มที่จนพระธัมมชโยต้องถูกดำเนินคดีในช่วงที่ผ่านมา แถมยังเป็นผู้กุมอำนาจบริหารวัดพระธรรมกายในเวลานี้
ขณะที่ฝ่ายพระที่ถูกตั้งข้อสงสัยต่างนิ่งเงียบกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แม้ว่าจะถูกรุกหนักด้วยการยกขบวนมาขับไล่ก็ตาม จากเดิมที่สำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย มักจะออกประกาศมาปฏิเสธหรือตอบโต้การเคลื่อนไหวของทีมงานของอัยย์ เพชรทอง อยู่เสมอ
ตอนนี้ทีมของอัยย์ เริ่มมีแนวร่วมมากขึ้นทุกขณะ หลังจากเกิดเหตุการณ์ฝ่ายที่กุมอำนาจในวัดมีคำสั่งไล่พระ 2 รูปออกจากวัดในระหว่างช่วงเข้าพรรษา โดยที่ไม่แจ้งความผิดที่ชัดเจน อีกทั้งยังมีฆราวาสจำนวนหนึ่งที่พร้อมเป็นพยานให้กับพระที่ถูกขับออกจากวัด ที่ร้องขอความเป็นธรรมต่อพระครูสังฆรักษ์รังสฤษดิ์ อิทธิจินตโก เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย
ศศินภาร่วมมืออัยย์
นอกจากนี้แนวร่วมของอัยย์ เพชรทอง ยังมีนางสาวศศินภา นิติธรรมปพน ศิษย์วัดพระธรรมกายคนสำคัญที่เคยปะทะกันมาก่อน ช่วงที่อัยย์เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนตัวทีมบริหารของวัดพระธรรมกายตั้งแต่กันยายน 2560 ครั้งนั้นศศินภา ยืนในฝั่งของฝ่ายบริหารวัด แต่วันนี้ทั้งคู่กลับมาเดินในแนวทางเดียวกัน
“จริงอยู่ ดิฉันเคยกล่าวหากลุ่มคุุณอัยย์ว่าเป็นร่างทรงใครหรือเปล่า (ซึ่งต้องขออภัยท่านเหล่านั้นไว้ ณ ที่นี้) แต่นั่นเป็นเพราะเราปิดใจ ไม่เปิดใจรับฟังข้อมูลที่เขามี ที่มันผิดไปจากฐานข้อมูลเดิมของเรา แต่พอเราเปิดใจรับฟัง เราก็เปลี่ยนทัศนคติที่เคยตำหนิเขา เคยว่าเขา เราก็กลับมาลองให้โอกาสเขาพิสูจน์ตนเอง ให้เขาเข้าสู่เวทีสานเสวนาปรองดองแบบพี่น้อง หรือให้เขาได้มีโอกาสปกป้องตนเองด้วยการพิสูจน์ความจริง”
การขับเคลื่อนของศศินภา ได้ดำเนินการทำหนังสือถึงพระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2561 เรื่อง ขอให้พักงานคณะกรรมการบริหารวัดพระธรรมกายที่ต้องอธิกรณ์ และขอให้เปิดเวทีเจรจาสันติวิธีเชิงพุทธ
หลังจากที่อัยย์ เพชรทอง ทำหนังสือถึงพระครูสังฆรักษ์รังสฤษฎ์ เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย พร้อมสำเนาถึงหลวงพ่อทัตตชีโว เมื่อ 11 กันยายน 2561 ในเรื่องขอให้ตั้งคณะกรรมการเพื่อระงับอนุวาทาธิกรณ์ตามพระธรรมวินัยกับพระในวัดพระธรรมกาย 6 รูป แต่เรื่องเงียบหายไป
ร้องเจ้าคณะจังหวัดปทุมฯ
ดิฉัน นางสาวศศินภา นิติธรรมปพน ใคร่ขอโอกาสจากพระเดชพระคุณ พระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ผู้มีจิตเมตตาและมีความเที่ยงธรรมเป็นที่ประจักษ์ ได้โปรดลงมาระงับอธิกรณ์ที่มีผู้ร้องเรียน ร้องทุกข์กล่าวโทษพระเถระระดับผู้บริหารของวัดพระธรรมกาย
ตามหนังสือที่กล่าวอ้างถึงแล้วนั้น ซึ่งมีทั้งพระและฆราวาสเป็นผู้ร้องทุกข์ เนื้อความในหนังสือได้กล่าวอธิบายเหตุแห่งปัญหาไว้โดยละเอียด และขอความเมตตาจากพระเดชพระคุณได้ลงมาเป็นคนกลางเจรจาไกล่เกลี่ยปัญหาในครั้งนี้
ก่อนอื่น ดิฉันมีความประสงค์ให้อธิกรณ์นี้มีความเที่ยงธรรม โปร่งใส และไม่เป็นที่หวาดระแวงของฝ่ายที่เกี่ยวข้องเนื่องจาก ท่านที่ถูกกล่าวหาเป็นพระเถระที่มีอำนาจบริหารองค์กรวัดพระธรรมกาย
ดังนั้น จึงเป็นความชอบโดยธรรมที่พระเดชพระคุณจะต้องใช้พระเดชในฐานะที่ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัด ขอร้อง บอกกล่าว ท่านเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และทีมบริหาร ให้เห็นแก่ความถูกต้องชอบธรรมที่ชาวโลกเขาพากันดำเนินมา นั่นคือการแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการลงจากตำแหน่งบริหารงานทุกๆฝ่ายภายในวัดพระธรรมกายเป็นการชั่วคราว เรียกว่าเป็นการพักงานชั่วคราว จนกว่าจะชำระความให้เสร็จสิ้น คืนความชอบธรรมกลับมาสู่แต่ละฝ่ายตามกรรมของตนของตน และเปิดเวทีเจรจาแบบสันติวิธีเชิงพุทธ โดยมีพระเดชพระคุณเป็นคนกลางในครั้งนี้
ดิฉัน มีความเชื่อมั่นว่า พระเดชพระคุณจะสามารถระงับดับไฟอธิกรณ์ในครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน และจะนำมาซึ่งคำสรรเสริญสาธุการ จากทั้งมนุษย์และเทวดา
พระทัตตชีโวแย้มมีแฝงตัวบวช
จากนั้นในวันออกพรรษา 24 ตุลาคม 2561 พระทัตตชีโว ได้ให้โอวาสที่อุโบสถวัดพระธรรมกาย บันทึกโดยภูริวโร ดังนี้ พระพุทธเจ้าจึงได้มีการกำหนดการปวารณาขึ้นเพื่อให้เตือนกันได้ให้สติกันได้ ถ้าอยู่ร่วมกันแล้วเตือนกันไม่ได้กำลังก็จะแตกสลายเหมือนเม็ดกรวดเม็ดทราย
ในหมู่สงฆ์มีการเคารพกันตามอาวุโส ตามพรรษา ซึ่งมีความจำเป็น และสำหรับผู้ที่มีอาวุโสมากโดยพรรษา ต้องเกาะพระธรรมวินัยให้แน่น ไม่อย่างนั้นตัวเองก็จะพลาดได้ และในเรื่องการติกัน ก็ฝากไว้ว่า ให้เช็คดูก่อนเค้าผิดพลาดจริงไหม และก่อนจะเตือนกัน ให้ถามตัวเองก่อน ว่าที่จะเตือนเพราะจิตเมตตา หรือเพราะความโกรธต้องการจะเอาคืน ถ้าด้วยความโกรธ ไม่เอา
ให้ตั้งจิตเมตตาต่อท่าน และหมู่คณะด้วยว่า ทำด้วยจิตปรารถนาดีจริงๆ และก็ ให้ดูเวลาและอารมณ์ทั้งเค้าทั้งเราด้วย ถ้าอย่างนี้จึงจะเกิดประโยชน์ เอาความสามัคคีของหมู่คณะ เอาความยั่งยืนของหมู่สงฆ์เป็นตัวตั้ง ถ้าทำอย่างนี้การปวารณากันจะเป็นผลดีตามพุทธประสงค์ นี้คือเรื่องที่หนึ่ง
เรื่องที่สอง ในวาระที่พระพุทธศาสนากำลังมีภัย โดยเฉพาะวัดพระธรรมกายกำลังเป็นเป้าโจมตี วันนี้สมาชิกของเราในวัดมีเป็นพันๆ ต้องสารภาพว่าวันนี้พระในวัดก็จำหน้า จำชื่อกันได้ไม่หมด ดังนั้นจะไปไหนก็ต้องบอกกัน เพราะผู้ที่ไม่หวังดียังอยู่ อาจจะอยู่นอกวัด และอาจจะอยู่ในวัด อาจจะแฝงอยู่ในรูปแบบของพระก็ได้ เพราะที่ผ่านมาก็มีบวชมา 7 พรรษา วันหนึ่งก็มาสารภาพว่าเป็นข้าราชการอยู่หน่วยนั้นหน่วยนี้ มีหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ แต่ก็ไม่พบปัญหาอะไร ก็เลยขอลา
พวกโซเชียลก็ว่ากันไป เรื่องพี่อารีพันธุ์ ก็ว่ากันกลายเป็นฆาตกรรมในวัดไปอีก จริงๆ เพราะที่ผ่านมาพี่อารีพันธุ์ เป็นเลขามูลนิธิคุณยายฯ มีเหตุให้ต้องไปขึ้นศาลอย่างต่อเนื่อง ร่างกายจึงอ่อนแอมาก ด้วยความรับผิดชอบต่อหมู่คณะ แพทย์ก็เตือนแล้วว่าให้พัก แต่ในที่สุดก็ไม่ไหว หลวงพ่อไปถึงก็ตอนปั๊มหัวใจแล้ว ไม่ทัน แต่พวกที่ไม่หวังดี มันก็เอาไปเขียนเป็นเรื่องเป็นราว
ศิษย์สายแข็งรวมทีม
นับเป็นการข้ามขั้นตอนของพระปกครองในวัดพระธรรมกายไปที่เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีโดยตรง หลังจากที่อัยย์ เพชรทอง ยื่นเรื่องนี้ให้เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายไปแล้วตามหนังสือลงวันที่ 11 กันยายน 2561
“ศศินภาเดิมอยู่ในสายของพระมหาสมชาย เมื่อรับฟังข้อมูลของอัยย์ เพชรทอง พร้อมกับเห็นกรณีพระ 2 รูปที่ถูกไล่ออกจากวัด โดยไม่มีหลักฐานการกระทำผิดที่ชัดเจน จึงออกโรงเดินหน้าในเรื่องนี้ ทั้งเพราะพระที่กุมอำนาจหวาดระแวงว่า พระ 2 รูปล่วงรู้ความลับบางประการเลยดำเนินการให้ออกจากวัดและห้ามสาขาทั้งในและต่างประเทศรับเข้าสังกัด” แหล่งข่าวกล่าว
ตอนนี้เลยกลายเป็นฝ่ายที่ต่อต้านพระที่กุมอำนาจบริหารภายในวัดพระธรรมกายมีทั้งอัยย์และศศิประภา ทั้ง 2 นับเป็นศิษย์ที่มีบทบาทสำคัญในวัดพระธรรมกาย นับเป็นแรงขับเคลื่อนที่ทรงพลังไม่น้อย เพราะในทางหลักการแล้วทางศศินภามีความชำนาญ
ถูกสกัด-ฟ้องเจ้าคณะปทุมฯ
โดยในวันที่ 25 ตุลาคม 2561 ศศินภาได้ทำจดหมายถึงพระทัตตชีโว ดังนี้ กราบนมัสการขอโอกาส ส่งจดหมายนำเรียนพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เพื่อขอความเมตตาให้เป็นสื่อกลาง นำคู่ขัดแย้งที่เป็นฝ่ายบรรพชิต และคฤหัสถ์ให้มีโอกาสมานั่งสนทนาปรับความเข้าใจกัน เพื่อยุติความไม่เข้าใจ เพื่อบรรเทาความไม่สบายใจให้กับพี่น้องของเราทั้งเขตในและเขตนอกทั่วโลก
เหตุผลที่ยื่นเรื่องให้ท่านเจ้าคณะจังหวัดพิจารณาเป็นเพราะ ทีมผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษพระเถระในวัด ได้ทำจดหมายนำเรียนท่านเจ้าอาวาสและติดตามทวงถามความคืบหน้าหลายรอบ แต่ได้รับความเงียบตอบกลับมาทุกครั้ง ไม่มีการชี้แจงใดๆ แม้จะเป็นข่าวออกสื่อโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และตามสื่อออนไลน์ครึกโครมเพียงใดก็ตาม
แต่ความสงบก็ไม่อาจสยบความเคลื่อนไหวได้ เพราะผู้ร้องทุกข์ที่เป็นพระก็มีตัวตนอยู่จริง(ถ้าไม่ถูกยาพิษมรณภาพไปเสียก่อน) ผู้กล่าวหาที่เป็นฆราวาสก็มีตัวตนอยู่จริง ดังนั้นความเคลื่อนไหวรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน จึงมีมาตลอด สร้างความร้าวฉานในระหว่างพี่น้องวงบุญที่ไม่เข้าใจเจตนาของอีกฝ่าย เพราะเราไม่เปิดโอกาสให้มีการสนทนาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อกัน ครั้นจะเข้ากราบพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ผู้ร้องทุกข์ก็บอกว่าถูกกีดกันมาโดยตลอด
ดังนั้น การเอาหูไปนาเอาตาไปแปลงเบญจทรัพย์ของท่านผู้บริหารวัด จึงเป็นเหตุให้ลูกต้องเข้ามาเรียกร้องให้เกิดเวทีสันติภาพ ให้หันหน้ามาเจรจากัน เราไม่ได้จะมาฆ่าแกงกัน เพื่อที่วัดจะได้สงบสุข เพื่อที่สังคมจะได้ไม่เกิดความเข้าใจผิด
จึงเป็นที่มาของจดหมายนำเรียนท่านเจ้าคณะจังหวัดดังกล่าว และท่านได้ให้ข้อแนะนำให้เราหันกลับมาเจรจากันฉันพี่น้องผู้เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขในการปกป้องวัดมาด้วยกัน
ลูกจึงใคร่กราบขอความเมตตาจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อ พร้อมทั้งท่านเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายได้โปรดเมตตานิมนต์พระเถระที่ท่านถูกร้องเรียนทั้ง 6 รูป ได้เข้าสู่เวทีเจรจาสันติวิธีด้วยเถิดเจ้าค่ะ
จดหมายฉบับนี้ ลูกจะฝากผู้ที่ร้องเรียนที่ประสงค์จะเข้าพบหลวงพ่อแต่ไม่มีโอกาสเข้าพบเพราะถูกกีดกันเป็นผู้นำมาถวาย เพราะจะได้มีโอกาสขอความเมตตาอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วจะได้หาวิธีช่วยกันนำพาวัดในพระพุทธศาสนาของเราให้อยู่รอดปลอดภัยจากภัยร้ายทั้งปวง
ทั้งนี้การมาร่วมทีมของศศินภา ทำให้การขับเคลื่อนของอัยย์ เพชรทอง แข็งแกร่งมากขึ้น เห็นได้จากการยื่นเรื่องถึงเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ทำจดหมายชี้แจงอุปสรรคต่าง ๆ ต่อพระทัตตชีโว และหากทุกอย่างยังนิ่งเป้าหมายต่อไปคือการร้องเรื่องนี้ไปยังหน่วยงานที่สูงขึ้น โดยปลายทางอยู่ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
ศึกวัดพระธรรมกายระหว่างลูกศิษย์อย่างนายอัยย์ เพชรทอง ที่นำขบวนขับไล่พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายถึงอารามปริสุทโธ ที่กลุ่มของอัยย์เชื่อว่าเป็นพญาหนอน ไม่ทำงานให้กับวัดเต็มที่จนพระธัมมชโยต้องถูกดำเนินคดีในช่วงที่ผ่านมา แถมยังเป็นผู้กุมอำนาจบริหารวัดพระธรรมกายในเวลานี้
ขณะที่ฝ่ายพระที่ถูกตั้งข้อสงสัยต่างนิ่งเงียบกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แม้ว่าจะถูกรุกหนักด้วยการยกขบวนมาขับไล่ก็ตาม จากเดิมที่สำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย มักจะออกประกาศมาปฏิเสธหรือตอบโต้การเคลื่อนไหวของทีมงานของอัยย์ เพชรทอง อยู่เสมอ
ตอนนี้ทีมของอัยย์ เริ่มมีแนวร่วมมากขึ้นทุกขณะ หลังจากเกิดเหตุการณ์ฝ่ายที่กุมอำนาจในวัดมีคำสั่งไล่พระ 2 รูปออกจากวัดในระหว่างช่วงเข้าพรรษา โดยที่ไม่แจ้งความผิดที่ชัดเจน อีกทั้งยังมีฆราวาสจำนวนหนึ่งที่พร้อมเป็นพยานให้กับพระที่ถูกขับออกจากวัด ที่ร้องขอความเป็นธรรมต่อพระครูสังฆรักษ์รังสฤษดิ์ อิทธิจินตโก เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย
ศศินภาร่วมมืออัยย์
นอกจากนี้แนวร่วมของอัยย์ เพชรทอง ยังมีนางสาวศศินภา นิติธรรมปพน ศิษย์วัดพระธรรมกายคนสำคัญที่เคยปะทะกันมาก่อน ช่วงที่อัยย์เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนตัวทีมบริหารของวัดพระธรรมกายตั้งแต่กันยายน 2560 ครั้งนั้นศศินภา ยืนในฝั่งของฝ่ายบริหารวัด แต่วันนี้ทั้งคู่กลับมาเดินในแนวทางเดียวกัน
“จริงอยู่ ดิฉันเคยกล่าวหากลุ่มคุุณอัยย์ว่าเป็นร่างทรงใครหรือเปล่า (ซึ่งต้องขออภัยท่านเหล่านั้นไว้ ณ ที่นี้) แต่นั่นเป็นเพราะเราปิดใจ ไม่เปิดใจรับฟังข้อมูลที่เขามี ที่มันผิดไปจากฐานข้อมูลเดิมของเรา แต่พอเราเปิดใจรับฟัง เราก็เปลี่ยนทัศนคติที่เคยตำหนิเขา เคยว่าเขา เราก็กลับมาลองให้โอกาสเขาพิสูจน์ตนเอง ให้เขาเข้าสู่เวทีสานเสวนาปรองดองแบบพี่น้อง หรือให้เขาได้มีโอกาสปกป้องตนเองด้วยการพิสูจน์ความจริง”
การขับเคลื่อนของศศินภา ได้ดำเนินการทำหนังสือถึงพระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2561 เรื่อง ขอให้พักงานคณะกรรมการบริหารวัดพระธรรมกายที่ต้องอธิกรณ์ และขอให้เปิดเวทีเจรจาสันติวิธีเชิงพุทธ
หลังจากที่อัยย์ เพชรทอง ทำหนังสือถึงพระครูสังฆรักษ์รังสฤษฎ์ เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย พร้อมสำเนาถึงหลวงพ่อทัตตชีโว เมื่อ 11 กันยายน 2561 ในเรื่องขอให้ตั้งคณะกรรมการเพื่อระงับอนุวาทาธิกรณ์ตามพระธรรมวินัยกับพระในวัดพระธรรมกาย 6 รูป แต่เรื่องเงียบหายไป
ร้องเจ้าคณะจังหวัดปทุมฯ
ดิฉัน นางสาวศศินภา นิติธรรมปพน ใคร่ขอโอกาสจากพระเดชพระคุณ พระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ผู้มีจิตเมตตาและมีความเที่ยงธรรมเป็นที่ประจักษ์ ได้โปรดลงมาระงับอธิกรณ์ที่มีผู้ร้องเรียน ร้องทุกข์กล่าวโทษพระเถระระดับผู้บริหารของวัดพระธรรมกาย
ตามหนังสือที่กล่าวอ้างถึงแล้วนั้น ซึ่งมีทั้งพระและฆราวาสเป็นผู้ร้องทุกข์ เนื้อความในหนังสือได้กล่าวอธิบายเหตุแห่งปัญหาไว้โดยละเอียด และขอความเมตตาจากพระเดชพระคุณได้ลงมาเป็นคนกลางเจรจาไกล่เกลี่ยปัญหาในครั้งนี้
ก่อนอื่น ดิฉันมีความประสงค์ให้อธิกรณ์นี้มีความเที่ยงธรรม โปร่งใส และไม่เป็นที่หวาดระแวงของฝ่ายที่เกี่ยวข้องเนื่องจาก ท่านที่ถูกกล่าวหาเป็นพระเถระที่มีอำนาจบริหารองค์กรวัดพระธรรมกาย
ดังนั้น จึงเป็นความชอบโดยธรรมที่พระเดชพระคุณจะต้องใช้พระเดชในฐานะที่ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัด ขอร้อง บอกกล่าว ท่านเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และทีมบริหาร ให้เห็นแก่ความถูกต้องชอบธรรมที่ชาวโลกเขาพากันดำเนินมา นั่นคือการแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการลงจากตำแหน่งบริหารงานทุกๆฝ่ายภายในวัดพระธรรมกายเป็นการชั่วคราว เรียกว่าเป็นการพักงานชั่วคราว จนกว่าจะชำระความให้เสร็จสิ้น คืนความชอบธรรมกลับมาสู่แต่ละฝ่ายตามกรรมของตนของตน และเปิดเวทีเจรจาแบบสันติวิธีเชิงพุทธ โดยมีพระเดชพระคุณเป็นคนกลางในครั้งนี้
ดิฉัน มีความเชื่อมั่นว่า พระเดชพระคุณจะสามารถระงับดับไฟอธิกรณ์ในครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน และจะนำมาซึ่งคำสรรเสริญสาธุการ จากทั้งมนุษย์และเทวดา
พระทัตตชีโวแย้มมีแฝงตัวบวช
จากนั้นในวันออกพรรษา 24 ตุลาคม 2561 พระทัตตชีโว ได้ให้โอวาสที่อุโบสถวัดพระธรรมกาย บันทึกโดยภูริวโร ดังนี้ พระพุทธเจ้าจึงได้มีการกำหนดการปวารณาขึ้นเพื่อให้เตือนกันได้ให้สติกันได้ ถ้าอยู่ร่วมกันแล้วเตือนกันไม่ได้กำลังก็จะแตกสลายเหมือนเม็ดกรวดเม็ดทราย
ในหมู่สงฆ์มีการเคารพกันตามอาวุโส ตามพรรษา ซึ่งมีความจำเป็น และสำหรับผู้ที่มีอาวุโสมากโดยพรรษา ต้องเกาะพระธรรมวินัยให้แน่น ไม่อย่างนั้นตัวเองก็จะพลาดได้ และในเรื่องการติกัน ก็ฝากไว้ว่า ให้เช็คดูก่อนเค้าผิดพลาดจริงไหม และก่อนจะเตือนกัน ให้ถามตัวเองก่อน ว่าที่จะเตือนเพราะจิตเมตตา หรือเพราะความโกรธต้องการจะเอาคืน ถ้าด้วยความโกรธ ไม่เอา
ให้ตั้งจิตเมตตาต่อท่าน และหมู่คณะด้วยว่า ทำด้วยจิตปรารถนาดีจริงๆ และก็ ให้ดูเวลาและอารมณ์ทั้งเค้าทั้งเราด้วย ถ้าอย่างนี้จึงจะเกิดประโยชน์ เอาความสามัคคีของหมู่คณะ เอาความยั่งยืนของหมู่สงฆ์เป็นตัวตั้ง ถ้าทำอย่างนี้การปวารณากันจะเป็นผลดีตามพุทธประสงค์ นี้คือเรื่องที่หนึ่ง
เรื่องที่สอง ในวาระที่พระพุทธศาสนากำลังมีภัย โดยเฉพาะวัดพระธรรมกายกำลังเป็นเป้าโจมตี วันนี้สมาชิกของเราในวัดมีเป็นพันๆ ต้องสารภาพว่าวันนี้พระในวัดก็จำหน้า จำชื่อกันได้ไม่หมด ดังนั้นจะไปไหนก็ต้องบอกกัน เพราะผู้ที่ไม่หวังดียังอยู่ อาจจะอยู่นอกวัด และอาจจะอยู่ในวัด อาจจะแฝงอยู่ในรูปแบบของพระก็ได้ เพราะที่ผ่านมาก็มีบวชมา 7 พรรษา วันหนึ่งก็มาสารภาพว่าเป็นข้าราชการอยู่หน่วยนั้นหน่วยนี้ มีหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ แต่ก็ไม่พบปัญหาอะไร ก็เลยขอลา
พวกโซเชียลก็ว่ากันไป เรื่องพี่อารีพันธุ์ ก็ว่ากันกลายเป็นฆาตกรรมในวัดไปอีก จริงๆ เพราะที่ผ่านมาพี่อารีพันธุ์ เป็นเลขามูลนิธิคุณยายฯ มีเหตุให้ต้องไปขึ้นศาลอย่างต่อเนื่อง ร่างกายจึงอ่อนแอมาก ด้วยความรับผิดชอบต่อหมู่คณะ แพทย์ก็เตือนแล้วว่าให้พัก แต่ในที่สุดก็ไม่ไหว หลวงพ่อไปถึงก็ตอนปั๊มหัวใจแล้ว ไม่ทัน แต่พวกที่ไม่หวังดี มันก็เอาไปเขียนเป็นเรื่องเป็นราว
ศิษย์สายแข็งรวมทีม
นับเป็นการข้ามขั้นตอนของพระปกครองในวัดพระธรรมกายไปที่เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีโดยตรง หลังจากที่อัยย์ เพชรทอง ยื่นเรื่องนี้ให้เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายไปแล้วตามหนังสือลงวันที่ 11 กันยายน 2561
“ศศินภาเดิมอยู่ในสายของพระมหาสมชาย เมื่อรับฟังข้อมูลของอัยย์ เพชรทอง พร้อมกับเห็นกรณีพระ 2 รูปที่ถูกไล่ออกจากวัด โดยไม่มีหลักฐานการกระทำผิดที่ชัดเจน จึงออกโรงเดินหน้าในเรื่องนี้ ทั้งเพราะพระที่กุมอำนาจหวาดระแวงว่า พระ 2 รูปล่วงรู้ความลับบางประการเลยดำเนินการให้ออกจากวัดและห้ามสาขาทั้งในและต่างประเทศรับเข้าสังกัด” แหล่งข่าวกล่าว
ตอนนี้เลยกลายเป็นฝ่ายที่ต่อต้านพระที่กุมอำนาจบริหารภายในวัดพระธรรมกายมีทั้งอัยย์และศศิประภา ทั้ง 2 นับเป็นศิษย์ที่มีบทบาทสำคัญในวัดพระธรรมกาย นับเป็นแรงขับเคลื่อนที่ทรงพลังไม่น้อย เพราะในทางหลักการแล้วทางศศินภามีความชำนาญ
ถูกสกัด-ฟ้องเจ้าคณะปทุมฯ
โดยในวันที่ 25 ตุลาคม 2561 ศศินภาได้ทำจดหมายถึงพระทัตตชีโว ดังนี้ กราบนมัสการขอโอกาส ส่งจดหมายนำเรียนพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เพื่อขอความเมตตาให้เป็นสื่อกลาง นำคู่ขัดแย้งที่เป็นฝ่ายบรรพชิต และคฤหัสถ์ให้มีโอกาสมานั่งสนทนาปรับความเข้าใจกัน เพื่อยุติความไม่เข้าใจ เพื่อบรรเทาความไม่สบายใจให้กับพี่น้องของเราทั้งเขตในและเขตนอกทั่วโลก
เหตุผลที่ยื่นเรื่องให้ท่านเจ้าคณะจังหวัดพิจารณาเป็นเพราะ ทีมผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษพระเถระในวัด ได้ทำจดหมายนำเรียนท่านเจ้าอาวาสและติดตามทวงถามความคืบหน้าหลายรอบ แต่ได้รับความเงียบตอบกลับมาทุกครั้ง ไม่มีการชี้แจงใดๆ แม้จะเป็นข่าวออกสื่อโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และตามสื่อออนไลน์ครึกโครมเพียงใดก็ตาม
แต่ความสงบก็ไม่อาจสยบความเคลื่อนไหวได้ เพราะผู้ร้องทุกข์ที่เป็นพระก็มีตัวตนอยู่จริง(ถ้าไม่ถูกยาพิษมรณภาพไปเสียก่อน) ผู้กล่าวหาที่เป็นฆราวาสก็มีตัวตนอยู่จริง ดังนั้นความเคลื่อนไหวรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน จึงมีมาตลอด สร้างความร้าวฉานในระหว่างพี่น้องวงบุญที่ไม่เข้าใจเจตนาของอีกฝ่าย เพราะเราไม่เปิดโอกาสให้มีการสนทนาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อกัน ครั้นจะเข้ากราบพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ผู้ร้องทุกข์ก็บอกว่าถูกกีดกันมาโดยตลอด
ดังนั้น การเอาหูไปนาเอาตาไปแปลงเบญจทรัพย์ของท่านผู้บริหารวัด จึงเป็นเหตุให้ลูกต้องเข้ามาเรียกร้องให้เกิดเวทีสันติภาพ ให้หันหน้ามาเจรจากัน เราไม่ได้จะมาฆ่าแกงกัน เพื่อที่วัดจะได้สงบสุข เพื่อที่สังคมจะได้ไม่เกิดความเข้าใจผิด
จึงเป็นที่มาของจดหมายนำเรียนท่านเจ้าคณะจังหวัดดังกล่าว และท่านได้ให้ข้อแนะนำให้เราหันกลับมาเจรจากันฉันพี่น้องผู้เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขในการปกป้องวัดมาด้วยกัน
ลูกจึงใคร่กราบขอความเมตตาจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อ พร้อมทั้งท่านเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายได้โปรดเมตตานิมนต์พระเถระที่ท่านถูกร้องเรียนทั้ง 6 รูป ได้เข้าสู่เวทีเจรจาสันติวิธีด้วยเถิดเจ้าค่ะ
จดหมายฉบับนี้ ลูกจะฝากผู้ที่ร้องเรียนที่ประสงค์จะเข้าพบหลวงพ่อแต่ไม่มีโอกาสเข้าพบเพราะถูกกีดกันเป็นผู้นำมาถวาย เพราะจะได้มีโอกาสขอความเมตตาอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วจะได้หาวิธีช่วยกันนำพาวัดในพระพุทธศาสนาของเราให้อยู่รอดปลอดภัยจากภัยร้ายทั้งปวง
ทั้งนี้การมาร่วมทีมของศศินภา ทำให้การขับเคลื่อนของอัยย์ เพชรทอง แข็งแกร่งมากขึ้น เห็นได้จากการยื่นเรื่องถึงเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ทำจดหมายชี้แจงอุปสรรคต่าง ๆ ต่อพระทัตตชีโว และหากทุกอย่างยังนิ่งเป้าหมายต่อไปคือการร้องเรื่องนี้ไปยังหน่วยงานที่สูงขึ้น โดยปลายทางอยู่ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ