พบกลุ่มฆราวาสต้านปฏิรูปสงฆ์ ที่แท้นิยมพุทธหัวรุนแรงสายพม่า เดินสายเสวนาพุทธศาสนากำลังมีภัย เพจในเครือข่ายบิดเบือนข้อมูลเรื่องต่างศาสนา สร้างเรื่องป่วนรณรงค์ต่อต้าน 1111 กด 2 หรืออ้างสนช.ต่างศาสนาแก้กฎหมายสงฆ์ เป้าใหญ่คือถล่มรัฐบาล พระปลัดธันยากร อธิปญฺโญ โพสต์เหตุการณ์ภาคใต้-ยอมตายแทน ที่แท้เคยมาให้กำลังใจพระธัมมชโย ส่วนวุฒิสาร พนารี เคยร่วมกับ พรชัย พิญญพงษ์ มอบสถานีวิทยุให้พระพม่าหัวรุนแรง ฝ่ายความมั่นคงหวั่นเพิ่มความขัดแย้งประกบติดทุกเวที
ยังคงเดินหน้าจัดงานเสวนาเรื่องพระพุทธศาสนาเป็นครั้งที่ 4 ไปเมื่อ 16 สิงหาคม 2561 สำหรับกลุ่มฆราวาสที่มีแกนนำในการจัดคือ สมาคมสื่อมวลชนพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรมไทยแห่งชาติ โดยนายวุฒิสาร พนารี นายกสมาคมฯ ลูกศิษย์ของวัดพระธรรมกายที่มีบทบาทในการชุมนุมที่ตลาดกลางคลองหลวง ในช่วงต้นปี 2560 ที่รัฐบาลใช้มาตรา 44 ควบคุมพื้นที่วัดพระธรรมกายเพื่อตามหาพระธัมมชโยมาดำเนินคดี
เป็นที่น่าสังเกตว่า งานเสวนาของกลุ่มนี้ต้องย้ายสถานที่มาแล้ว 2 ครั้ง โดยงานครั้งที่ 3 เมื่อ 4 สิงหาคม 2561 เดิมกำหนดไว้ที่วัดชลประทานรังสฤษฏ์ ปากเกร็ด นนทบุรี แต่ต้องเปลี่ยนมาเป็นที่โรงแรมรัตนโกสินทร์แทน เช่นเดียวกับครั้งล่าสุดที่จังหวัดขอนแก่น เดิมกำหนดไว้ที่วัดธาตุ พระอารามหลวง และเปลี่ยนสถานที่เป็นโรงแรมอำนวยสุข แต่ยังยืนยันว่าจะจัดงานในครั้งต่อ ๆ ไปอีก
แม้ด้านหนึ่งของทีมงานที่จัดเสวนาจะมุ่งไปที่หัวข้อภัยของพระพุทธศาสนาภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน แต่ในอีกด้านหนึ่งของแนวคิดของคณะวิทยากร ผู้ร่วมเสวนาและผู้จัดงานบางคน ที่เผยแพร่บนเฟสบุ๊คทั้งในนามบุคคลและรูปแบบแฟนเพจกลับพบว่า มุ่งนำเสนอเนื้อหาโจมตีต่างศาสนาอย่างชัดเจน ภายใต้มุมมองที่ว่าเป็นหนึ่งในขบวนการที่จะล้มพระพุทธศาสนาในประเทศไทย
พระปลัดธันยากรเคยมาให้กำลังใจพระธัมมชโย
ก่อนหน้านี้มีพระมหาอภิชาติ ปุณฺณจนฺโท วัดเบญจมบพิตรฯ ที่เปิดหน้าออกมาโจมตีต่างศาสนาอย่างรุนแรง จนต้องถูกจับสึก เรื่องจึงเงียบลงไประยะหนึ่ง แต่ตอนนี้กลุ่มที่จัดงานนี้เดินเครื่องในเรื่องนี้ไปพร้อม ๆ กันบนเฟสบุ๊ก หนักบ้าง เบาบ้างตามสไตล์ของแต่ละคน
“เราก็ติดตามคนกลุ่มนี้อยู่ เดิมพวกเขาจะโพสต์ในบางครั้งบางโอกาส แต่ระยะนี้โพสต์โจมตีต่างศาสนาอย่างต่อเนื่อง เหมือนมีการนัดแนะกันไว้ บางรายไม่ได้อยู่ในกลุ่มคณะจัดงาน แต่มีการโพสต์แสดงความเห็นถึงเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้เมื่อ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา” ฝ่ายความมั่นคงกล่าว
13 สิงหาคม 2561 พระปลัดธันยากร อธิปญฺโญ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง วัดชลธาราสิงเห ฝ่ายเผยแผ่พระพุทธศาสนา ได้โพสต์เฟสบุ๊ก "ถ้าแลกได้ยอมตายแทน... 2 แม่ลูกชาวพุทธที่ถูกฆ่า" โดยศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ได้นำมาโพสต์ต่อ
เมื่อตรวจสอบพบว่า พระปลัดธันยากร อธิปญฺโญ ได้ร่วมคณะสงฆ์ 4 จังหวัดภาคใต้ มาถวายกำลังใจพระเทพญาณมหามุนีหรือพระธัมมชโย เมื่อ 17 มิถุนายน 2559 พร้อมทั้งกล่าวว่า วิกฤติปัญหาที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนใต้ ได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่วัด พุทธบริษัท มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นแทบทุกวัน เมื่อพระธัมชโยทราบความเดือดร้อน ก็ได้ให้ความช่วยเหลือทั้งในส่วนของวัด พุทธบริษัท รวมไปถึงข้าราการครูในพื้นที่
ภัยของพุทธศาสนามาทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ วัดพระธรรมกายก็ได้รับลกระทบนี้ด้วย จุดประสงค์ของผู้ไม่หวังดีคือมุ่งล้มทำลายศาสนาพุทธ โดยวัดพระธรรมกายเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มีบุคลากรที่มีคุณภาพจำนวนมาก หากสามารถทำลายวัดพระธรรมกายได้ วัดอื่นๆในประเทศก็ไม่สามารถที่จะรอดพ้นไปได้ รวมไปถึงพระมหาเถระก็ถูกจาบจ้วงใส่ความต่างๆนานา
พร้อมกล่าวทิ้งท้าว่า หากวัดพระธรรมกายมีภัย วัดในจังหวัดชายแดนใต้ไม่นิ่งดูดายแน่นอน
นอกจากนี้พระปลัดธันยากร ยังเป็นตัวแทนมอบข้าวสารอาหารแห้ง จากมูลนิธิธรรมกาย วัดพระธรรมกาย ให้กับสถานีตำรวจ โรงเรียน ทหาร ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เมื่อเดือนพฤษภาคม 2561
ป่วนแก้กฎหมายสงฆ์-1111
อีกกรณีหนึ่งที่โจมตีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ช่วงมีนาคม 2560 ขณะที่แก้พระราชบัญญัติสงฆ์เรื่องสมเด็จพระสังฆราย โดยระบุว่าในมีผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามมากถึง 63 คน เป็นผู้ยื่นเรื่องขอแก้ไข
จนนายสมชาย แสวงการ เลขานุการวิป สนช.ต้องออกมาแถลงว่า สนช.มี 250 ท่าน มี สนช ไทยมุสลิมเพียง 4 ท่าน ผมในฐานะเลขานุการวิป สนช. ยืนยัน 100% ครับ ทั้ง รายชื่อ 63 คนที่มั่วเมคขึ้นเอามาบอกเป็น สนช มุสลิม ที่ร่วมลงชื่อใน 84 สนช เสนอแก้กฎหมายพรบสงฆ์ เรื่องสมเด็จพระสังฆราชที่ผ่าน3วาระรวด นั่นเป็นเรื่องบิดเบือนโกหกมดเท็จทั้งสิ้น
ข้อมูลที่พวกเขานำมาโจมตีต่างศาสนานั้น ส่วนใหญ่เป็นข้อมูลเก่าแล้วนำไปบิดเบือน เน้นไปที่การทำงานของรัฐบาลต่อการแก้ปัญหาในพื้นที่ภาคใต้ หรือกฎเกณฑ์บางประการที่มีต่อต่างศาสนา พวกเขาจะนำมาบิดเบือนกล่าวหาว่าภาครัฐให้การสนับสนุนศาสนาอื่นมากกว่าพุทธศาสนา หรือพยายามปลุกกระแสอย่างที่ผ่านมามีการรณรงค์กันทางไลน์ว่า หากไม่เห็นด้วยกับเรื่องการจัดตั้งศาลต่างศาสนาให้โทรศัพท์ไปที่หมายเลข 1111 กด 2 ซึ่งเป็นสายด่วน 1111 ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน จนทำให้ภาครัฐต้องออกมาปฏิเสธในเรื่องดังกล่าว
วุฒิสาร-พรชัยเคยมอบวิทยุให้พระพม่า
กลุ่มนี้เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มการเมือง ศิษย์พระผู้ใหญ่ในมหาเถรสมาคม ศิษย์วัดใหญ่ย่านปทุมธานี ในที่นี้พบว่าจำนวนหนึ่งที่มีแนวคิดไปในทางเดียวกับพระพม่าหัวรุนแรง
เนื่องจากพบว่าช่วง 19-21 มิถุนายน 2558 มีการประชุมที่ประเทศพม่าเรื่องภัยพระพุทธศาสนา ครั้งนั้นมีตัวแทนสื่อมวลชนพระพุทธศาสนาทั้งพระและฆราวาสจากประเทศไทยเข้าร่วมประชุมและสังเกตการณ์ด้วย หลังเสร็จสิ้นการประชุมได้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมเพื่อจัดตั้งสถานีวิทยุกระจายเสียงพระพุทธศาสนาเป็นแห่งแรกในประเทศเมียนมาร์ ครั้งนั้นมีนายวุฒิสาร พนารี อุปนายก สมาคมสื่อมวลชนพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรมไทยแห่งชาติ(สพวช.) เป็นตัวแทน
ฝ่ายไทยจะเป็นผู้บริจาคเครื่องส่งและอุปกรณ์ต่างๆที่รวมถึงเสาส่ง เพื่อจัดตั้งสถานีวิทยุกระจายเสียง และจะดำเนินการส่งช่างเทคนิคมาประกอบและติดตั้งสถานีวิทยุจนสามารถใช้ออกอากาศได้และจะดำเนินการอบรมเจ้าหน้าที่ของทางฝ่ายเมียนมาร์ให้สามารถดำเนินการและควบคุมการออกอากาศได้ด้วยตนเอง โดยทางฝ่ายเมียนมาร์จะเตรียมอาคารสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวก
ในครั้งนั้นมีนายแพทย์พรชัย พิญญพงษ์ ศิษย์วัดพระธรรมกายและประธานองค์การยุวพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก (ย.พ.ส.ล) เข้าร่วมประชุมด้วย จนเป็นที่มาของการปลดนายแพทย์พรชัยออกจากการเป็นประธาน ย.พ.ส.ล. ตั้งแต่ 4 เมษายน 2559 หลังพบพระธัมมชโยเกี่ยวข้องคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น
นอกจากนี้นายแพทย์พรชัย ตัดสินใจโดยพลการในนามของประธาน ย.พ.ส.ล. ในการมอบรางวัลผู้นำพุทธโลกให้แก่ มาบาทา โดยอ้างว่าเพื่อเป็นการสนับสนุนพุทธศาสนาในประเทศเมียนมาร์ มาบาทา เป็นที่รู้กันว่าเป็นองค์กรที่เหยียดชนชาติในพม่า มีพระวีระธุ เป็นผู้นำ ดังนั้นการกระทำของนายแพทย์พรชัย ไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ของ ย.พ.ส.ล. ซึ่งคนทั่วโลกทราบดีว่าพระวีระธุ เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ความรุนแรงหลายครั้งที่ต่อต้านชาวโรฮิงญาในพม่า
อีกทั้งนายแพทย์พรชัยได้บริจาคเงินมากกว่า 1 ล้านบาทสร้างสถานีวิทยุ มาบาทา ไม่มีการบันทึกในบัญชีหรือไม่ได้มีการอนุมัติจากคณะกรรมการในการบริจาคครั้งนี้ ที่ประชุมโดยสมาชิกทั้งหมดมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปลดนายแพทย์พรชัยออกจากประธาน ย.พ.ส.ล. และมีผลในทันที
หวังเปลี่ยนรัฐบาล
ฝ่ายความมั่นคงกล่าวว่า กลุ่มนี้บางทีก็นำเอาเหตุการณ์ในอดีต ข้อมูลเดิม ๆ ที่ทางการเคยชี้แจงไปแล้วมาโพสต์ใหม่เพื่อปลุกกระแสว่ามีขบวนการทำลายพระพุทธศาสนา ทั้งหมดก็เป็นคนกลุ่มเดิม ๆ ที่หวังจะแก้กฎหมายเพื่อให้สายของตัวเองที่กุมอำนาจในพระปกครองมาอย่างยาวนานนั้นกลับเข้ามามีบทบาทอีกครั้ง
ที่จริงพวกเขาก็อยากให้มีการเลือกตั้งเร็ว ๆ โดยหวังว่าพรรคการเมืองใหญ่ที่ให้การเกื้อหนุนกันอยู่จะกลับเข้ามาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง หากเป็นไปตามนั้นอำนาจของพวกเขาก็จะกลับคืนมา เขานำเอาเรื่องของศาสนามาปลุกกระแส โดยเฉพาะชาวพุทธที่ไม่ได้ติดตามข้อมูลที่แท้จริง เมื่ออ่านข้อมูลเหล่านี้ก็คล้อยตามได้ง่าย
ดังนั้นบุคคลทั่วไปควรต้องไตร่ตรองข้อมูลเหล่านี้ให้ดี ลองตรวจสอบย้อนหลังด้วยว่าสิ่งที่มีการหยิบยกขึ้นมากล่าวโจมตีกันนั้นเท็จจริงประการใด ปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องแก้ปัญหาด้วยความรอบคอบ เพราะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และนำเสนอข้อมูลโจมตีกันย่อมเป็นการเพิ่มความขัดแย้งให้กับคนในพื้นที่
“เราก็ส่งคนเข้าไปสังเกตการณ์ในการเสวนาของกลุ่มนี้ ซึ่งทางกลุ่มผู้จัดงานก็ทราบ อย่างที่ขอนแก่น ความคิดเห็นต่างๆ จึงไม่ล่อแหลมมากนัก แต่หากเลยเถิดจนกระทบต่อความมั่นคงแล้วก็คงต้องดำเนินการตามกฎหมาย”
ยังคงเดินหน้าจัดงานเสวนาเรื่องพระพุทธศาสนาเป็นครั้งที่ 4 ไปเมื่อ 16 สิงหาคม 2561 สำหรับกลุ่มฆราวาสที่มีแกนนำในการจัดคือ สมาคมสื่อมวลชนพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรมไทยแห่งชาติ โดยนายวุฒิสาร พนารี นายกสมาคมฯ ลูกศิษย์ของวัดพระธรรมกายที่มีบทบาทในการชุมนุมที่ตลาดกลางคลองหลวง ในช่วงต้นปี 2560 ที่รัฐบาลใช้มาตรา 44 ควบคุมพื้นที่วัดพระธรรมกายเพื่อตามหาพระธัมมชโยมาดำเนินคดี
เป็นที่น่าสังเกตว่า งานเสวนาของกลุ่มนี้ต้องย้ายสถานที่มาแล้ว 2 ครั้ง โดยงานครั้งที่ 3 เมื่อ 4 สิงหาคม 2561 เดิมกำหนดไว้ที่วัดชลประทานรังสฤษฏ์ ปากเกร็ด นนทบุรี แต่ต้องเปลี่ยนมาเป็นที่โรงแรมรัตนโกสินทร์แทน เช่นเดียวกับครั้งล่าสุดที่จังหวัดขอนแก่น เดิมกำหนดไว้ที่วัดธาตุ พระอารามหลวง และเปลี่ยนสถานที่เป็นโรงแรมอำนวยสุข แต่ยังยืนยันว่าจะจัดงานในครั้งต่อ ๆ ไปอีก
แม้ด้านหนึ่งของทีมงานที่จัดเสวนาจะมุ่งไปที่หัวข้อภัยของพระพุทธศาสนาภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน แต่ในอีกด้านหนึ่งของแนวคิดของคณะวิทยากร ผู้ร่วมเสวนาและผู้จัดงานบางคน ที่เผยแพร่บนเฟสบุ๊คทั้งในนามบุคคลและรูปแบบแฟนเพจกลับพบว่า มุ่งนำเสนอเนื้อหาโจมตีต่างศาสนาอย่างชัดเจน ภายใต้มุมมองที่ว่าเป็นหนึ่งในขบวนการที่จะล้มพระพุทธศาสนาในประเทศไทย
พระปลัดธันยากรเคยมาให้กำลังใจพระธัมมชโย
ก่อนหน้านี้มีพระมหาอภิชาติ ปุณฺณจนฺโท วัดเบญจมบพิตรฯ ที่เปิดหน้าออกมาโจมตีต่างศาสนาอย่างรุนแรง จนต้องถูกจับสึก เรื่องจึงเงียบลงไประยะหนึ่ง แต่ตอนนี้กลุ่มที่จัดงานนี้เดินเครื่องในเรื่องนี้ไปพร้อม ๆ กันบนเฟสบุ๊ก หนักบ้าง เบาบ้างตามสไตล์ของแต่ละคน
“เราก็ติดตามคนกลุ่มนี้อยู่ เดิมพวกเขาจะโพสต์ในบางครั้งบางโอกาส แต่ระยะนี้โพสต์โจมตีต่างศาสนาอย่างต่อเนื่อง เหมือนมีการนัดแนะกันไว้ บางรายไม่ได้อยู่ในกลุ่มคณะจัดงาน แต่มีการโพสต์แสดงความเห็นถึงเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้เมื่อ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา” ฝ่ายความมั่นคงกล่าว
13 สิงหาคม 2561 พระปลัดธันยากร อธิปญฺโญ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง วัดชลธาราสิงเห ฝ่ายเผยแผ่พระพุทธศาสนา ได้โพสต์เฟสบุ๊ก "ถ้าแลกได้ยอมตายแทน... 2 แม่ลูกชาวพุทธที่ถูกฆ่า" โดยศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ได้นำมาโพสต์ต่อ
เมื่อตรวจสอบพบว่า พระปลัดธันยากร อธิปญฺโญ ได้ร่วมคณะสงฆ์ 4 จังหวัดภาคใต้ มาถวายกำลังใจพระเทพญาณมหามุนีหรือพระธัมมชโย เมื่อ 17 มิถุนายน 2559 พร้อมทั้งกล่าวว่า วิกฤติปัญหาที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนใต้ ได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่วัด พุทธบริษัท มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นแทบทุกวัน เมื่อพระธัมชโยทราบความเดือดร้อน ก็ได้ให้ความช่วยเหลือทั้งในส่วนของวัด พุทธบริษัท รวมไปถึงข้าราการครูในพื้นที่
ภัยของพุทธศาสนามาทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ วัดพระธรรมกายก็ได้รับลกระทบนี้ด้วย จุดประสงค์ของผู้ไม่หวังดีคือมุ่งล้มทำลายศาสนาพุทธ โดยวัดพระธรรมกายเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มีบุคลากรที่มีคุณภาพจำนวนมาก หากสามารถทำลายวัดพระธรรมกายได้ วัดอื่นๆในประเทศก็ไม่สามารถที่จะรอดพ้นไปได้ รวมไปถึงพระมหาเถระก็ถูกจาบจ้วงใส่ความต่างๆนานา
พร้อมกล่าวทิ้งท้าว่า หากวัดพระธรรมกายมีภัย วัดในจังหวัดชายแดนใต้ไม่นิ่งดูดายแน่นอน
นอกจากนี้พระปลัดธันยากร ยังเป็นตัวแทนมอบข้าวสารอาหารแห้ง จากมูลนิธิธรรมกาย วัดพระธรรมกาย ให้กับสถานีตำรวจ โรงเรียน ทหาร ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เมื่อเดือนพฤษภาคม 2561
ป่วนแก้กฎหมายสงฆ์-1111
อีกกรณีหนึ่งที่โจมตีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ช่วงมีนาคม 2560 ขณะที่แก้พระราชบัญญัติสงฆ์เรื่องสมเด็จพระสังฆราย โดยระบุว่าในมีผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามมากถึง 63 คน เป็นผู้ยื่นเรื่องขอแก้ไข
จนนายสมชาย แสวงการ เลขานุการวิป สนช.ต้องออกมาแถลงว่า สนช.มี 250 ท่าน มี สนช ไทยมุสลิมเพียง 4 ท่าน ผมในฐานะเลขานุการวิป สนช. ยืนยัน 100% ครับ ทั้ง รายชื่อ 63 คนที่มั่วเมคขึ้นเอามาบอกเป็น สนช มุสลิม ที่ร่วมลงชื่อใน 84 สนช เสนอแก้กฎหมายพรบสงฆ์ เรื่องสมเด็จพระสังฆราชที่ผ่าน3วาระรวด นั่นเป็นเรื่องบิดเบือนโกหกมดเท็จทั้งสิ้น
ข้อมูลที่พวกเขานำมาโจมตีต่างศาสนานั้น ส่วนใหญ่เป็นข้อมูลเก่าแล้วนำไปบิดเบือน เน้นไปที่การทำงานของรัฐบาลต่อการแก้ปัญหาในพื้นที่ภาคใต้ หรือกฎเกณฑ์บางประการที่มีต่อต่างศาสนา พวกเขาจะนำมาบิดเบือนกล่าวหาว่าภาครัฐให้การสนับสนุนศาสนาอื่นมากกว่าพุทธศาสนา หรือพยายามปลุกกระแสอย่างที่ผ่านมามีการรณรงค์กันทางไลน์ว่า หากไม่เห็นด้วยกับเรื่องการจัดตั้งศาลต่างศาสนาให้โทรศัพท์ไปที่หมายเลข 1111 กด 2 ซึ่งเป็นสายด่วน 1111 ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน จนทำให้ภาครัฐต้องออกมาปฏิเสธในเรื่องดังกล่าว
วุฒิสาร-พรชัยเคยมอบวิทยุให้พระพม่า
กลุ่มนี้เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มการเมือง ศิษย์พระผู้ใหญ่ในมหาเถรสมาคม ศิษย์วัดใหญ่ย่านปทุมธานี ในที่นี้พบว่าจำนวนหนึ่งที่มีแนวคิดไปในทางเดียวกับพระพม่าหัวรุนแรง
เนื่องจากพบว่าช่วง 19-21 มิถุนายน 2558 มีการประชุมที่ประเทศพม่าเรื่องภัยพระพุทธศาสนา ครั้งนั้นมีตัวแทนสื่อมวลชนพระพุทธศาสนาทั้งพระและฆราวาสจากประเทศไทยเข้าร่วมประชุมและสังเกตการณ์ด้วย หลังเสร็จสิ้นการประชุมได้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมเพื่อจัดตั้งสถานีวิทยุกระจายเสียงพระพุทธศาสนาเป็นแห่งแรกในประเทศเมียนมาร์ ครั้งนั้นมีนายวุฒิสาร พนารี อุปนายก สมาคมสื่อมวลชนพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรมไทยแห่งชาติ(สพวช.) เป็นตัวแทน
ฝ่ายไทยจะเป็นผู้บริจาคเครื่องส่งและอุปกรณ์ต่างๆที่รวมถึงเสาส่ง เพื่อจัดตั้งสถานีวิทยุกระจายเสียง และจะดำเนินการส่งช่างเทคนิคมาประกอบและติดตั้งสถานีวิทยุจนสามารถใช้ออกอากาศได้และจะดำเนินการอบรมเจ้าหน้าที่ของทางฝ่ายเมียนมาร์ให้สามารถดำเนินการและควบคุมการออกอากาศได้ด้วยตนเอง โดยทางฝ่ายเมียนมาร์จะเตรียมอาคารสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวก
ในครั้งนั้นมีนายแพทย์พรชัย พิญญพงษ์ ศิษย์วัดพระธรรมกายและประธานองค์การยุวพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก (ย.พ.ส.ล) เข้าร่วมประชุมด้วย จนเป็นที่มาของการปลดนายแพทย์พรชัยออกจากการเป็นประธาน ย.พ.ส.ล. ตั้งแต่ 4 เมษายน 2559 หลังพบพระธัมมชโยเกี่ยวข้องคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น
นอกจากนี้นายแพทย์พรชัย ตัดสินใจโดยพลการในนามของประธาน ย.พ.ส.ล. ในการมอบรางวัลผู้นำพุทธโลกให้แก่ มาบาทา โดยอ้างว่าเพื่อเป็นการสนับสนุนพุทธศาสนาในประเทศเมียนมาร์ มาบาทา เป็นที่รู้กันว่าเป็นองค์กรที่เหยียดชนชาติในพม่า มีพระวีระธุ เป็นผู้นำ ดังนั้นการกระทำของนายแพทย์พรชัย ไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ของ ย.พ.ส.ล. ซึ่งคนทั่วโลกทราบดีว่าพระวีระธุ เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ความรุนแรงหลายครั้งที่ต่อต้านชาวโรฮิงญาในพม่า
อีกทั้งนายแพทย์พรชัยได้บริจาคเงินมากกว่า 1 ล้านบาทสร้างสถานีวิทยุ มาบาทา ไม่มีการบันทึกในบัญชีหรือไม่ได้มีการอนุมัติจากคณะกรรมการในการบริจาคครั้งนี้ ที่ประชุมโดยสมาชิกทั้งหมดมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปลดนายแพทย์พรชัยออกจากประธาน ย.พ.ส.ล. และมีผลในทันที
หวังเปลี่ยนรัฐบาล
ฝ่ายความมั่นคงกล่าวว่า กลุ่มนี้บางทีก็นำเอาเหตุการณ์ในอดีต ข้อมูลเดิม ๆ ที่ทางการเคยชี้แจงไปแล้วมาโพสต์ใหม่เพื่อปลุกกระแสว่ามีขบวนการทำลายพระพุทธศาสนา ทั้งหมดก็เป็นคนกลุ่มเดิม ๆ ที่หวังจะแก้กฎหมายเพื่อให้สายของตัวเองที่กุมอำนาจในพระปกครองมาอย่างยาวนานนั้นกลับเข้ามามีบทบาทอีกครั้ง
ที่จริงพวกเขาก็อยากให้มีการเลือกตั้งเร็ว ๆ โดยหวังว่าพรรคการเมืองใหญ่ที่ให้การเกื้อหนุนกันอยู่จะกลับเข้ามาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง หากเป็นไปตามนั้นอำนาจของพวกเขาก็จะกลับคืนมา เขานำเอาเรื่องของศาสนามาปลุกกระแส โดยเฉพาะชาวพุทธที่ไม่ได้ติดตามข้อมูลที่แท้จริง เมื่ออ่านข้อมูลเหล่านี้ก็คล้อยตามได้ง่าย
ดังนั้นบุคคลทั่วไปควรต้องไตร่ตรองข้อมูลเหล่านี้ให้ดี ลองตรวจสอบย้อนหลังด้วยว่าสิ่งที่มีการหยิบยกขึ้นมากล่าวโจมตีกันนั้นเท็จจริงประการใด ปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องแก้ปัญหาด้วยความรอบคอบ เพราะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และนำเสนอข้อมูลโจมตีกันย่อมเป็นการเพิ่มความขัดแย้งให้กับคนในพื้นที่
“เราก็ส่งคนเข้าไปสังเกตการณ์ในการเสวนาของกลุ่มนี้ ซึ่งทางกลุ่มผู้จัดงานก็ทราบ อย่างที่ขอนแก่น ความคิดเห็นต่างๆ จึงไม่ล่อแหลมมากนัก แต่หากเลยเถิดจนกระทบต่อความมั่นคงแล้วก็คงต้องดำเนินการตามกฎหมาย”