จับตาพระเลขาฯ “วัดปากน้ำ-วัดพิชยญาติ” หายตัวไป พบแค่หลวงพี่แป๊ะ ปากน้ำ ในสถานะฆราวาส ส่วนเจ้าคุณบุญเทียม พิชยญาติ ไม่มีใครพบ หวั่นตัดตอนคดีจนสาวไม่ถึง คนในวงการชี้เลขาฯ คือผู้ที่กุมความลับของเจ้าอาวาส ที่ผ่านมามีบางรูปใช้แสวงหาผลประโยชน์ แนะวิธีสังเกตหาพระผู้ใหญ่พ้นตำแหน่งแล้วไม่รุ่งนั่นคือสร้างวีรกรรมไว้เยอะ
คดีทุจริตเงินทอนวัดที่ดำเนินการไปในล็อตที่ 3 ทำเอาพระชั้นพรหม 3 รูป จาก 3 วัดดังเมืองกรุงถูกดำเนินคดีอดีตพระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร อดีตพระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา และอดีตพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม พร้อมด้วยพระระดับผู้ช่วยเจ้าอาวาสและพระเลขาถูกดำเนินคดีด้วย แต่อดีตพระพรหมเมธีหรือเจ้าคุณจำนงได้หลบหนีไประเทศเยอรมันนี
สำหรับวัดสระเกศนั้นมีผู้ช่วยเจ้าอาวาสอีก 3 รูปถูกดำเนินคดีประกอบด้วยอดีตพระศรีคุณาภรณ์ พระครูสิริวิหารการและพระวิจิตรธรรมาภรณ์ และภายหลังได้ทำการสึกพระวิสุทธิศาสนวิเทศ (กวีศิลป์ วิสุทธิกุโล) หรือเจ้าคุณปิง ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ และพระเลขานุการส่วนตัวของอดีตพระพรหมสิทธิเพิ่มอีก 1 ราย หลังพบภาพลามกอนาจารและภาพร่วมเพศกับฆราวาสชาย จากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นกุฎิเจ้าคุณปิง
ส่วนวัดสามพระยานอกจากอดีตพระพรหมดิลกแล้ว อดีตพระอรรถกิจโสภณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสและเลขานุการเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร ก็ถูกดำเนินคดีด้วย ขณะที่วัดสัมพันธวงศารามวรวิหารดำเนินคดีเพียงอดีตพระพรหมเมธีเท่านั้น ไม่มีพระรูปอื่นในวัดที่ถูกดำเนินคดี
เจ้าอาวาสโดน-พระเลขาฯโดน
ในทางปฏิบัติแล้วเจ้าอาวาสมักจะมีผู้ช่วยในการทำงานเสมอ ขึ้นอยู่กับจะเลือกใช้พระในวัดรูปใด แต่งตั้งขึ้นมาในตำแหน่งใด บางวัดอาจใช้ผู้ช่วยเจ้าอาวาสมาช่วยเหลืองานของเจ้าอาวาส หรือบางวัดอาจมีการแต่งตั้งพระเลขานุการเพิ่มเข้ามาขึ้นอยู่กับแต่ละวัด
สำหรับวัดใหญ่และเจ้าอาวาสมีตำแหน่งสูง ๆ ในมหาเถรสมาคม ย่อมมีงานมากกว่าวัดทั่วไปเป็นธรรมดา ดังนั้นย่อมต้องมีพระรูปอื่นมาช่วยงานเจ้าอาวาสมากขึ้นเป็นเรื่องปกติ ทำหน้าที่ในการคัดกรองงานกิจนิมนต์ต่าง ๆ งานด้านการปกครอง หรือกระทั่งงานบริหารงบประมาณเมื่อได้รับการจัดสรรมาจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
จะเห็นได้ว่ากรณีวัดสระเกศในรอบนี้ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสถูกดำเนินคดีถึง 4 ราย โดยรายหลังอย่างเจ้าคุณปิงนั้นแม้จะยังไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินทอนวัด แต่พบความผิดต่อพระธรรมวินัย เช่นเดียวกับวัดสามพระยา พระเลขาฯ ก็ถูกดำเนินคดีด้วยเช่นกัน
ใกล้ชิดพระผู้ใหญ่โตเร็ว
พระเลขาฯ นั้นถือว่าเป็นหน้าด่านก่อนที่จะเข้าพบเจ้าอาวาสได้ ไม่ต่างจากรูปแบบของระบบงานทั่วไป ยิ่งถ้าเจ้าอาวาสวัดนั้นมีตำแหน่งสูงมาก ๆ บารมีของเจ้าอาวาสก็จะส่งมาถึงพระเลขาฯ ตามไปด้วย ยศ ตำแหน่ง มักจะเติบโตอย่างรวดเร็ว แซงหน้าพระรูปอื่น ทั้ง ๆ ที่พรรษาน้อยกว่า
อย่างในอดีตพระเลขาฯ ของวัดใหญ่ในกรุงเทพ ก็ได้รับยศ ตำแหน่งอย่างรวดเร็ว มีบทบาทในการปกครองคณะสงฆ์ในลำดับเจ้าคณะภาค เข้าไปคุมวัดดังในต่างจังหวัดที่มีปัญหาเรื่องเจ้าอาวาส สุดท้ายเข้าไปทำหน้าที่รักษาการเจ้าอาวาสเสียหาย เนื่องจากวัดดังกล่าวมีเงินทำบุญเป็นจำนวนมากและยังมีการเอื้อประโยชน์ให้กับเครือข่ายของพระเลขาฯ รูปดังกล่าว
อีกทั้งหากเจ้าอาวาสวัดได้เป็นพระราชาคณะ มีหน้าที่ดูแลสายงานบริหารพระสงฆ์ จะมีงบประมาณจากสำนักงานพระพุทธศาสนามาให้บริหารจัดการ ประกอบด้วยงบบูรณปฏิสังขรณ์และพัฒนาวัด งบอุดหนุนส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และเงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม เงินก้อนโตเหล่านี้หากบริหารงานไม่โปร่งใสก็อาจเกิดช่องทางในการทุจริตได้
ยุคก่อนอาจไม่พบความผิดในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากสำนักงานพระพุทธศาสนาเป็นสายเดียวกับพระผู้ใหญ่ที่ให้งบประมาณแล้วปล่อยให้เป็นเรื่องของพระผู้ใหญ่บริหารจัดการ หรือมีการชักหัวคิวตามที่มีการตรวจสอบพบในยุคผู้อำนวยการสำนักพุทธฯ คนปัจจุบัน
เจ้าอาวาสใหญ่-เลขาฯอำนาจเยอะ
ดังนั้นพระเลขาฯ ของพระผู้ใหญ่จึงมีบทบาทสำคัญ หากประพฤติตนไม่ดี นำเอาตำแหน่งที่ได้ไปใช้ในทางที่มิชอบ จึงกลายเป็นช่องทางในการแสวงหาผลประโยชน์เข้าตัวเองได้ง่าย
ที่ผ่านมาอย่างเลขาฯ พระสมเด็จ ยิ่งถ้าสมเด็จองค์นั้นมีตำแหน่งเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชด้วย ใครจะเข้าพบสมเด็จก็ต้องผ่านพระเลขาฯ การเจรจาจะต้องจบลงที่พระเลขาฯ ทั้งสิ้น อย่างกิจนิมนต์ที่จะเชิญท่านไป ใส่ซองเท่าไหร่ หรือเกิดปัญหาขึ้นในวัดบางแห่งต้องการให้ท่านเข้าไปยุติปัญหาในฐานะพระปกครอง บางครั้งก็ต้องมีเรื่องค่าใช้จ่าย หรือการเลื่อนขั้นเลื่อนยศของพระใต้ปกครอง หากกระทำโดยไม่โปร่งใสแล้วย่อมเป็นของทางในการแสวงหาผลประโยชน์โดยง่าย
ไม่นับกิจนิมนต์ส่วนตัวในฐานะเลขาฯ พระผู้ใหญ่ หรือการแต่งตั้งพระฐานานุกรมจากวัดอื่น อย่างวัดในกรุงเทพก็อาจตั้งพระจากนครปฐมขึ้นมาเป็นพระฐานานุกรม หมายถึงพระในต่างจังหวัดก็จะได้รับยศขึ้นมาทันทีเป็นพระครู หรือพระปลัด แล้วก็จะมีสิ่งอื่นๆ ตามมาในงานครบรอบวันเกิดของพระเลขาฯ
วิธีการดูว่าพระเลขารูปใดเป็นอย่างไร ให้ดูหลังจากพระผู้ใหญ่ที่พระเลขาฯทำงานให้มรณภาพลง หากยังคงเติบโตขึ้น ได้รับยศตำแหน่งเพิ่มขึ้น แสดงว่าท่านทำงานด้วยความรู้ความสามารถ แต่ถ้าถูกลดตำแหน่งหรือถูกลดบทบาทลงหรือถูกรื้อคดีต่าง ๆ ที่เคยมีวีรกรรมไว้ นั่นแสดงว่าที่ผ่านมามีเรื่องของผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง
พระเลขาฯ ปากน้ำ-พิชยญาติ หายตัว
สำหรับพระเลขาฯ ที่ถูกกล่าวถึงในขณะนี้มากเป็นพิเศษ หลังจากที่นายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร พนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) โพสต์ข้อความว่าจะมีการเตรียมจับเจ้าอาวาสวัดใหญ่ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีตำแหน่งถึงระดับพระสมเด็จ เมื่อ 8 มิถุนายน 2561 จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีข้อหานำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตามความผิด ตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์
ไม่นานนักก็พบภาพบุคคลหน้าคล้ายพระมหาศาสนมุนี หรือหลวงพี่แป๊ะ หรือ พระธนกิจ สุภาโว (ศรีอุ่นเรือน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ และเป็นเลขานุการ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์หรือสมเด็จช่วง ในสถานะฆราวาสถ่ายรูปกับผู้หญิงคนหนึ่ง กล่าวกันว่าถ่ายในต่างประเทศ
หลวงพี่แป๊ะเป็นที่รู้จักกันในฐานะผู้จัดหารถเบนซ์โบราณมาให้กับสมเด็จช่วง ทะเบียน ขม 99 จนถูกเข้ามาตรวจสอบแต่สุดท้ายอัยการสั่งไม่ฟ้อง พร้อม ๆ กับตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชที่หลุดลอยไป โดยมีสมเด็จช่วง จ่อคิวอยู่
“สายในวัดปากน้ำรายงานมาว่า มีความขัดแย้งระหว่างสมเด็จช่วงกับหลวงพี่แป๊ะ ตอนที่สมเด็จช่วงอาพาธหนัก มีเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เข้ามาเกี่ยว เมื่อสมเด็จช่วง อาการดีขึ้นจึงทราบปัญหาและเป็นที่มาของการห่างเหินระหว่างกัน”
อีกรายหนึ่งของพระเลขาฯ นั่นคือพระราชรัตนมุนี (บุญเทียม มุสุ หรือบุญเทียม ญานินโท) เลขานุการสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะหนกลาง ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการามวรวิหาร ที่ถูกกล่าวโทษล็อตที่ 2 ช่วงเดือนกันยายน 2560 หลังจากนั้นเรื่องก็เงียบหายไป ท่ามกลางกระแสข่าวที่ปูดออกมาช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2561 ว่า คนในวัดพิชยญาติไม่มีใครพบตัวเจ้าคุณบุญเทียม
กุมความลับ-ตัดตอน?
ทั้งวัดปากน้ำ วัดพิชยญาติ ก็ตกเป็นข่าวมาตลอดว่าอยู่ในข่ายที่อาจพบความผิดปกติเงินทอนวัด อย่างวัดพิชยญาติชัดเจนว่าเจ้าคุณบุญเทียมถูกกล่าวโทษไปแล้ว ส่วนวัดปากน้ำยังไม่พบ และการที่พระเลขาฯ ทั้ง 2 วัดหายไป จึงเป็นเรื่องที่น่าคิดไม่น้อยว่าเกิดอะไรขึ้นกับทั้ง 2 วัดดัง
พระเลขาฯ ย่อมต้องรู้ทุกเรื่องของทางวัด กุมความลับของเจ้าอาวาสไว้แทบจะทั้งหมด ดังนั้นการที่พระเลขาฯ หายออกไปจากวัดไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด ย่อมเป็นอุปสรรคต่อการสืบหาข้อมูลการทุจริตของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่น้อย หากพระเลขาฯ สึกออกไปแล้วเดินทางไปอยู่ในต่างประเทศ ยิ่งจะทำให้การสาวถึงผู้กระทำผิดยากยิ่งขึ้น ไม่ต่างไปจากการตัดตอนคดี
ดังนั้นการดำเนินคดีเงินทอนวัดในล็อตต่อ ๆ ไป ย่อมถูกจับตาจากสาธารณชนว่า วัดใหญ่ที่พระเลขาฯ หายตัวไปจะอยู่ในข่ายที่ถูกดำเนินคดีด้วยหรือไม่
คดีทุจริตเงินทอนวัดที่ดำเนินการไปในล็อตที่ 3 ทำเอาพระชั้นพรหม 3 รูป จาก 3 วัดดังเมืองกรุงถูกดำเนินคดีอดีตพระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร อดีตพระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา และอดีตพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม พร้อมด้วยพระระดับผู้ช่วยเจ้าอาวาสและพระเลขาถูกดำเนินคดีด้วย แต่อดีตพระพรหมเมธีหรือเจ้าคุณจำนงได้หลบหนีไประเทศเยอรมันนี
สำหรับวัดสระเกศนั้นมีผู้ช่วยเจ้าอาวาสอีก 3 รูปถูกดำเนินคดีประกอบด้วยอดีตพระศรีคุณาภรณ์ พระครูสิริวิหารการและพระวิจิตรธรรมาภรณ์ และภายหลังได้ทำการสึกพระวิสุทธิศาสนวิเทศ (กวีศิลป์ วิสุทธิกุโล) หรือเจ้าคุณปิง ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ และพระเลขานุการส่วนตัวของอดีตพระพรหมสิทธิเพิ่มอีก 1 ราย หลังพบภาพลามกอนาจารและภาพร่วมเพศกับฆราวาสชาย จากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นกุฎิเจ้าคุณปิง
ส่วนวัดสามพระยานอกจากอดีตพระพรหมดิลกแล้ว อดีตพระอรรถกิจโสภณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสและเลขานุการเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร ก็ถูกดำเนินคดีด้วย ขณะที่วัดสัมพันธวงศารามวรวิหารดำเนินคดีเพียงอดีตพระพรหมเมธีเท่านั้น ไม่มีพระรูปอื่นในวัดที่ถูกดำเนินคดี
เจ้าอาวาสโดน-พระเลขาฯโดน
ในทางปฏิบัติแล้วเจ้าอาวาสมักจะมีผู้ช่วยในการทำงานเสมอ ขึ้นอยู่กับจะเลือกใช้พระในวัดรูปใด แต่งตั้งขึ้นมาในตำแหน่งใด บางวัดอาจใช้ผู้ช่วยเจ้าอาวาสมาช่วยเหลืองานของเจ้าอาวาส หรือบางวัดอาจมีการแต่งตั้งพระเลขานุการเพิ่มเข้ามาขึ้นอยู่กับแต่ละวัด
สำหรับวัดใหญ่และเจ้าอาวาสมีตำแหน่งสูง ๆ ในมหาเถรสมาคม ย่อมมีงานมากกว่าวัดทั่วไปเป็นธรรมดา ดังนั้นย่อมต้องมีพระรูปอื่นมาช่วยงานเจ้าอาวาสมากขึ้นเป็นเรื่องปกติ ทำหน้าที่ในการคัดกรองงานกิจนิมนต์ต่าง ๆ งานด้านการปกครอง หรือกระทั่งงานบริหารงบประมาณเมื่อได้รับการจัดสรรมาจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
จะเห็นได้ว่ากรณีวัดสระเกศในรอบนี้ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสถูกดำเนินคดีถึง 4 ราย โดยรายหลังอย่างเจ้าคุณปิงนั้นแม้จะยังไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินทอนวัด แต่พบความผิดต่อพระธรรมวินัย เช่นเดียวกับวัดสามพระยา พระเลขาฯ ก็ถูกดำเนินคดีด้วยเช่นกัน
ใกล้ชิดพระผู้ใหญ่โตเร็ว
พระเลขาฯ นั้นถือว่าเป็นหน้าด่านก่อนที่จะเข้าพบเจ้าอาวาสได้ ไม่ต่างจากรูปแบบของระบบงานทั่วไป ยิ่งถ้าเจ้าอาวาสวัดนั้นมีตำแหน่งสูงมาก ๆ บารมีของเจ้าอาวาสก็จะส่งมาถึงพระเลขาฯ ตามไปด้วย ยศ ตำแหน่ง มักจะเติบโตอย่างรวดเร็ว แซงหน้าพระรูปอื่น ทั้ง ๆ ที่พรรษาน้อยกว่า
อย่างในอดีตพระเลขาฯ ของวัดใหญ่ในกรุงเทพ ก็ได้รับยศ ตำแหน่งอย่างรวดเร็ว มีบทบาทในการปกครองคณะสงฆ์ในลำดับเจ้าคณะภาค เข้าไปคุมวัดดังในต่างจังหวัดที่มีปัญหาเรื่องเจ้าอาวาส สุดท้ายเข้าไปทำหน้าที่รักษาการเจ้าอาวาสเสียหาย เนื่องจากวัดดังกล่าวมีเงินทำบุญเป็นจำนวนมากและยังมีการเอื้อประโยชน์ให้กับเครือข่ายของพระเลขาฯ รูปดังกล่าว
อีกทั้งหากเจ้าอาวาสวัดได้เป็นพระราชาคณะ มีหน้าที่ดูแลสายงานบริหารพระสงฆ์ จะมีงบประมาณจากสำนักงานพระพุทธศาสนามาให้บริหารจัดการ ประกอบด้วยงบบูรณปฏิสังขรณ์และพัฒนาวัด งบอุดหนุนส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และเงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม เงินก้อนโตเหล่านี้หากบริหารงานไม่โปร่งใสก็อาจเกิดช่องทางในการทุจริตได้
ยุคก่อนอาจไม่พบความผิดในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากสำนักงานพระพุทธศาสนาเป็นสายเดียวกับพระผู้ใหญ่ที่ให้งบประมาณแล้วปล่อยให้เป็นเรื่องของพระผู้ใหญ่บริหารจัดการ หรือมีการชักหัวคิวตามที่มีการตรวจสอบพบในยุคผู้อำนวยการสำนักพุทธฯ คนปัจจุบัน
เจ้าอาวาสใหญ่-เลขาฯอำนาจเยอะ
ดังนั้นพระเลขาฯ ของพระผู้ใหญ่จึงมีบทบาทสำคัญ หากประพฤติตนไม่ดี นำเอาตำแหน่งที่ได้ไปใช้ในทางที่มิชอบ จึงกลายเป็นช่องทางในการแสวงหาผลประโยชน์เข้าตัวเองได้ง่าย
ที่ผ่านมาอย่างเลขาฯ พระสมเด็จ ยิ่งถ้าสมเด็จองค์นั้นมีตำแหน่งเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชด้วย ใครจะเข้าพบสมเด็จก็ต้องผ่านพระเลขาฯ การเจรจาจะต้องจบลงที่พระเลขาฯ ทั้งสิ้น อย่างกิจนิมนต์ที่จะเชิญท่านไป ใส่ซองเท่าไหร่ หรือเกิดปัญหาขึ้นในวัดบางแห่งต้องการให้ท่านเข้าไปยุติปัญหาในฐานะพระปกครอง บางครั้งก็ต้องมีเรื่องค่าใช้จ่าย หรือการเลื่อนขั้นเลื่อนยศของพระใต้ปกครอง หากกระทำโดยไม่โปร่งใสแล้วย่อมเป็นของทางในการแสวงหาผลประโยชน์โดยง่าย
ไม่นับกิจนิมนต์ส่วนตัวในฐานะเลขาฯ พระผู้ใหญ่ หรือการแต่งตั้งพระฐานานุกรมจากวัดอื่น อย่างวัดในกรุงเทพก็อาจตั้งพระจากนครปฐมขึ้นมาเป็นพระฐานานุกรม หมายถึงพระในต่างจังหวัดก็จะได้รับยศขึ้นมาทันทีเป็นพระครู หรือพระปลัด แล้วก็จะมีสิ่งอื่นๆ ตามมาในงานครบรอบวันเกิดของพระเลขาฯ
วิธีการดูว่าพระเลขารูปใดเป็นอย่างไร ให้ดูหลังจากพระผู้ใหญ่ที่พระเลขาฯทำงานให้มรณภาพลง หากยังคงเติบโตขึ้น ได้รับยศตำแหน่งเพิ่มขึ้น แสดงว่าท่านทำงานด้วยความรู้ความสามารถ แต่ถ้าถูกลดตำแหน่งหรือถูกลดบทบาทลงหรือถูกรื้อคดีต่าง ๆ ที่เคยมีวีรกรรมไว้ นั่นแสดงว่าที่ผ่านมามีเรื่องของผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง
พระเลขาฯ ปากน้ำ-พิชยญาติ หายตัว
สำหรับพระเลขาฯ ที่ถูกกล่าวถึงในขณะนี้มากเป็นพิเศษ หลังจากที่นายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร พนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) โพสต์ข้อความว่าจะมีการเตรียมจับเจ้าอาวาสวัดใหญ่ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีตำแหน่งถึงระดับพระสมเด็จ เมื่อ 8 มิถุนายน 2561 จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีข้อหานำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตามความผิด ตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์
ไม่นานนักก็พบภาพบุคคลหน้าคล้ายพระมหาศาสนมุนี หรือหลวงพี่แป๊ะ หรือ พระธนกิจ สุภาโว (ศรีอุ่นเรือน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ และเป็นเลขานุการ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์หรือสมเด็จช่วง ในสถานะฆราวาสถ่ายรูปกับผู้หญิงคนหนึ่ง กล่าวกันว่าถ่ายในต่างประเทศ
หลวงพี่แป๊ะเป็นที่รู้จักกันในฐานะผู้จัดหารถเบนซ์โบราณมาให้กับสมเด็จช่วง ทะเบียน ขม 99 จนถูกเข้ามาตรวจสอบแต่สุดท้ายอัยการสั่งไม่ฟ้อง พร้อม ๆ กับตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชที่หลุดลอยไป โดยมีสมเด็จช่วง จ่อคิวอยู่
“สายในวัดปากน้ำรายงานมาว่า มีความขัดแย้งระหว่างสมเด็จช่วงกับหลวงพี่แป๊ะ ตอนที่สมเด็จช่วงอาพาธหนัก มีเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เข้ามาเกี่ยว เมื่อสมเด็จช่วง อาการดีขึ้นจึงทราบปัญหาและเป็นที่มาของการห่างเหินระหว่างกัน”
อีกรายหนึ่งของพระเลขาฯ นั่นคือพระราชรัตนมุนี (บุญเทียม มุสุ หรือบุญเทียม ญานินโท) เลขานุการสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะหนกลาง ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการามวรวิหาร ที่ถูกกล่าวโทษล็อตที่ 2 ช่วงเดือนกันยายน 2560 หลังจากนั้นเรื่องก็เงียบหายไป ท่ามกลางกระแสข่าวที่ปูดออกมาช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2561 ว่า คนในวัดพิชยญาติไม่มีใครพบตัวเจ้าคุณบุญเทียม
กุมความลับ-ตัดตอน?
ทั้งวัดปากน้ำ วัดพิชยญาติ ก็ตกเป็นข่าวมาตลอดว่าอยู่ในข่ายที่อาจพบความผิดปกติเงินทอนวัด อย่างวัดพิชยญาติชัดเจนว่าเจ้าคุณบุญเทียมถูกกล่าวโทษไปแล้ว ส่วนวัดปากน้ำยังไม่พบ และการที่พระเลขาฯ ทั้ง 2 วัดหายไป จึงเป็นเรื่องที่น่าคิดไม่น้อยว่าเกิดอะไรขึ้นกับทั้ง 2 วัดดัง
พระเลขาฯ ย่อมต้องรู้ทุกเรื่องของทางวัด กุมความลับของเจ้าอาวาสไว้แทบจะทั้งหมด ดังนั้นการที่พระเลขาฯ หายออกไปจากวัดไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด ย่อมเป็นอุปสรรคต่อการสืบหาข้อมูลการทุจริตของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่น้อย หากพระเลขาฯ สึกออกไปแล้วเดินทางไปอยู่ในต่างประเทศ ยิ่งจะทำให้การสาวถึงผู้กระทำผิดยากยิ่งขึ้น ไม่ต่างไปจากการตัดตอนคดี
ดังนั้นการดำเนินคดีเงินทอนวัดในล็อตต่อ ๆ ไป ย่อมถูกจับตาจากสาธารณชนว่า วัดใหญ่ที่พระเลขาฯ หายตัวไปจะอยู่ในข่ายที่ถูกดำเนินคดีด้วยหรือไม่
