ถล่ม “พงศ์พร” เป็นระลอก หลังแตะ 3 กรรมการในมหาเถรสมาคม ทั้งเสนอ “ปลด-ทุบหลังบ้าน-วางยา” ฆราวาสหน้าคุ้น ๆ เดินเครื่องแทนพระผู้ใหญ่ กลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดินเดินตามแนวศูนย์พิทักษ์ฯ วิชัย-สมนึก สัมพันธ์คัมภีร์ คัมภีรญาณนนท์ ที่เคยโดดมาปกป้องวัดพระธรรมกาย จนวัดต้องออกแถลงการณ์ไม่เกี่ยวข้อง งานนี้วัดใจรัฐบาลอุ้มหรือลอยแพพงศ์พร

แรงต้านพันตำรวจโทพงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) นับวันจะมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากแจ้งกล่าวโทษต่อพระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูป เมื่อ 11 เมษายน 2561 โดย 3 รูปแรกเป็นกรรมการในมหาเถรสมาคม ประกอบด้วย พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) และเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม กรรมการ มส.พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กรรมการ มส. และเจ้าคณะภาค 10
เริ่มที่กลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดิน นำโดย ดร.จรูญ วรรณกสิณานนท์ ศิษย์มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ผู้ศึกษาเรื่องการปฏิเสธอัตตาในพระพุทธศาสนาเถรวาท ที่ยื่นเรื่องต่อกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(บก.ปปป.) และที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เมื่อ 24 เมษายน 2561 เพื่อเอาผิดต่อพันตำรวจโทพงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ในความผิด มาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีได้เข้าร้องทุกข์กล่าวหาพระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูปมีส่วนเกี่ยวข้องการทุจริตเงินทอนวัด
ถล่มหลังบ้านพงศ์พร
ตามมาด้วย 2 พฤษภาคม 2561 องค์กรส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนาพร้อมเครือข่ายองค์กรชาวพุทธ(อสคพ) โดยนายวิชัย ประเสริฐสุดศิริ ผู้ประสานงาน อสคพ พร้อมด้วยเครือข่ายองค์กรชาวพุทธ ร่วมกันยื่นหนังสือต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ท้วงถาม การเดินทางไปนมัสการสังเวชนียสถานประเทศอินเดีย-เนปาล ของนางกนิษฐา พราหมณ์เสน่ห์ ภรรยา พันตำรวจโทพงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ด้วยงบประมาณสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งขาติ ระหว่าง 29 มีนาคม-5 เมษายน 2561
แม้ว่า 3 พฤษภาคม 2561 ทางสำนักพุทธฯ ได้ออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าวว่า นางกนิษฐา เป็นบุคคลหนึ่งซึ่งสนับสนุนและทำประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา จึงมีคุณสมบัติตามประกาศและวัตถุประสงค์ของการจัดสรรงบประมาณดังกล่าว และในการประชุมคณะกรรมการคัดเลือก ฝ่ายเลขานุการได้เสนอชื่อนางกนิษฐา
แต่ 7 พฤษภาคม 2561 องค์กรส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา พร้อมด้วยเครือข่ายองค์กรชาวพุทธ เดินหน้าต่อด้วยการเข้ายื่นหนังสือต่อประธานกรรมการ ป.ป.ช. เรื่อง การปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการของพันตำรวจโทพงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพุทธฯ กรณีการเดินทางไปนมัสการสังเวชนียสถานของนางกนิษฐา พราหมณ์เสน่ห์ ภรรยาพันตำรวจโทพงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ด้วยงบประมาณสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

วางยาคำถวายรายงาน
ในวันเดียวกันนั้นทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้มีการจัดประชุมพระสังฆาธิการทั่วประเทศ โดยมีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริฯายก เสด็จมาเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นผู้กราบทูลถวายรายงาน
แต่ปรากฏว่าเมื่อใกล้ถึงกำหนดการได้มีผู้เสนอเอกสารอื่นมาให้พิจารณาแทน ไม่มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับคำกล่าวกราบทูลถวายรายงานแต่อย่างใด ทำให้ผู้อำนวยการสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ ไม่มีข้อมูลกราบทูลถวายรายงานได้อย่างเพียงพอและถูกต้อง เป็นเหตุให้พิธีเปิดการประชุมไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมา
หลังจากนั้นเครือข่ายขององค์กรต่าง ๆ ที่ออกมาปกป้องพระเถระชั้นผู้ใหญ่ก็แพร่เหตุการณ์ดังกล่าวพร้อมด้วยคำตำหนิติเตียน มีทั้งเอกสารที่พงศ์พรอ่านและคลิปที่ถวายรายงาน
สายหนุนศูนย์พิทักษ์ฯ
เป็นอันว่านับตั้งแต่พันตำรวจโทพงศ์พรกล่าวโทษพระผู้ใหญ่ระดับกรรมการมหาเถรสมาคม โดนเอาคืนแล้ว 3 เรื่อง ทั้งยื่นเรื่องว่าผิดมาตรา 157 เปิดประเด็นเรื่องหลังบ้าน รวมถึงวางยาเรื่องเอกสารถวายรายงาน เป้าหมายคือลดความน่าเชื่อถือของผู้อำนวยการสำนักพุทธฯ ลง เพื่อหวังให้รัฐบาลเปลี่ยนตัวพงศ์พรออกจากตำแหน่ง
เมื่อไล่เรียงแต่ละเหตุการณ์ เริ่มที่ ดร.จรูญ วรรณกสิณานนท์ จากกลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดิน เคยยื่นหนังสือต่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ขอให้ชะลอหรือระงับร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการฮัจย์ เมื่อปี 2559 และยื่นเรื่องต่อศาลปกครองกลางเพื่อขอให้มีคำสั่งว่าตราสัญลักษณ์ฮาลาลเป็นสิ่งผิดกฎหมายพร้อมเพิกถอนตราสัญลักษณ์ฮาลาลออกจากสินค้าทั้งหมดทั่วราชอาณาจักร เมื่อ 10 มีนาคม 2560
แนวทางต่อต้านต่างศาสนาของกลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดิน สอดรับกับองค์กรอื่น ๆ ที่สนับสนุนวัดพระธรรมกาย เช่น สมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย เพจตื่นเถิดชาวพุทธ และศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศ ที่สนับสนุนแนวทางของวัดพระธรรมกาย
จนสำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกายต้องออกมาปฏิเสธเมื่อ 13 มีนาคม 2560 ว่า กรณีมีข่าวอ้างว่ากลุ่มลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย ร้องศาลปกครอง เรียกร้องถอนตราฮาลาลนั้น วัดพระธรรมกาย ขอปฏิเสธว่า ไม่เป็นความจริงแต่ประการใด

หน้าเก่าที่เคยร้องพระพุทธอิสระ
ส่วนกลุ่มองค์กรส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา โดยนายวิชัย ประเสริฐสุดศิริ และเครือข่ายชาวพุทธเพื่อคุ้มครองส่งเสริมพระพุทธศาสนา (คพศ.) มีนายสมนึก ระฆัง เป็นประธาน ที่เปิดเรื่องภรรยาพันตำรวจโทพงศ์พร เดินทางไปอินเดีย-เนปาล ด้วยงบของสำนักพุทธฯ นั้น
เคยยื่นเรื่องต่อกองปราบปรามเมื่อ 10 เมษายน 2560 เพื่อกล่าวโทษ พระสุวิทย์ ธีรธฺมโม หรือหลวงปู่พุทธอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จังหวัดนครปฐม ได้ประกอบพิธีปลุกเสกพระนาคปรก ที่ด้านหลังของพระมีการอัญเชิญพระปรมาภิไธย ภปร. ซึ่งเป็นการกระทำที่อาจเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
ส่วนนายสมนึก ยังเป็นประธานเครือข่ายชาวพุทธ ยะลา เคยเรียกร้องให้รัฐบาลใช้ มาตรา 44 ควบคุมสถานการณ์จังหวัดชายแดนใต้ เมื่อ 3 มีนาคม 2560 หลังเกิดเหตุร้ายกับชาวพุทธ
กลุ่มนายวิชัยทำงานร่วมกับนาวาเอก(พิเศษ) คัมภีร์ คัมภีรญาณนนท์ เลขาธิการ พรรคอธิปไตยปวงชนชาวไทย(พรรคที่ยังไม่ได้จดทะเบียน) ซึ่งเคยออกมาปกป้องวัดพระธรรมกายเมื่อครั้งที่ถูกรัฐบาลใช้มาตรา 44 ควบคุมพื้นที่วัดพระธรรมกาย
เครือข่ายนี้ยังมีพระอาจารย์สิทธิ์ศักดิ์ สิรินันโทภิกขุ ที่สนับสนุนกิจกรรมของวัดพระธรรมกายและมีความเห็นต่อพงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ในทิศทางเดียวกับกลุ่ม
ในเรื่องนี้ทางวัดพระธรรมกายได้ออกมาปฏิเสธเมื่อ 3 พฤษภาคม 2561 ว่าไม่เกี่ยวข้องกับข่าวเช็คบิลมือปราบเงินทอนวัด ตามที่มีสื่อมวลชนบางสำนักนำเสนอข่าวว่า ธรรมกายเชือดพงศ์พร เอื้อเมีย ผิดจรรยาบรรณ โดยผู้ดำเนินรายการเข้าใจว่าเป็นการกระทำของเครือข่ายวัดพระธรรมกาย วัดพระธรรมกายขอปฏิเสธว่าวัดไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกระทำตามที่ปรากฏในข่าวแต่อย่างใด

ที่แท้สายปกป้องธรรมกาย
ทั้ง 2 กลุ่มที่ยื่นเรื่องให้มีการตรวจสอบพันตำรวจโทพงศ์พร ล้วนแล้วแต่มีความสัมพันธ์ทั้งทางตรงและทางอ้อมกับวัดพระธรรมกาย
เห็นได้จากหลวงปู่พุทธะอิสระ ได้โพสต์เฟสบุ๊กเมื่อ 11 เมษายน 2017 ว่า น.อ.(พิเศษ) คัมภีร์ คัมภีรญาณนนท์ คนนี้แหละมาขอพบฉันเพื่อเคลียร์ปัญหากรณีธรรมกาย ฉันยังจำบทสนทนาที่นายทหารคนนี้มาพูดกับฉันได้ขึ้นใจ ช่วงหนึ่งเขาถามฉันว่า มีทางใดบ้างที่จะอยู่ร่วมกันได้โดยไม่มีข้อขัดแย้ง
ฉันตอบกลับไปว่า มี 2 ทาง คือ 1 ธรรมกายต้องเปลี่ยนแปลงตนเองและคำสอน ให้ตรงต่อหลักพระธรรมวินัยอย่างซื่อตรง สันโดษ ยินดีในสิ่งที่พึงมีพึงได้ ไม่ใช่มักมากอยากได้ ขายบุญ ขายสวรรค์ ไม่เลิกเช่นนี้ 2 หากเปลี่ยนไม่ได้ก็ให้ประกาศแยกนิกายออกไปเลย
ในเวลาต่อมานายทหารคนนี้แหละที่พยายามออกมาแก้ตัวให้กับธรรมกายบ่อยครั้ง ในช่วงที่ดีเอสไอปิดล้อมธรรมกายอยู่ ทีนี้ท่านทั้งหลายคงจะกระจ่างแล้วใช่ไหมว่า นายวิชัย ประเสริฐสุดสิริ ตัวแทนองค์กรส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา และ น.อ.(พิเศษ) คัมภีร์ คัมภีรญาณนนท์ เลขาพรรคอธิปไตยปวงชนชาวไทย(เถื่อน) กับลัทธิผีบุญทำจนตัวตาย มันมีเส้นสายเชื่อมสัมพันธ์กันอย่างไร
ส่วนกรณีที่มีการวางยาเรื่องเอกสารถวายรายงานต่อสมเด็จพระสังฆราช เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2561 นั้น เป็นเรื่องของข้าราชการภายในสำนักพุทธฯ ที่ส่วนหนึ่งยังเป็นขั้วอำนาจเดิมมุ่งรับใช้พระผู้ใหญ่ในมหาเถรสมาคม ต้องการทำให้เกิดภาพในด้านลบต่อพงศ์พร
เป็นที่น่าสังเกตว่ากลุ่มที่ออกมาเดินเครื่องชนพงศ์พรนั้น เคยเรียกร้องเรื่องต่าง ๆ ตามแนวทางของกลุ่มในช่วงที่วัดพระธรรมกายถูกมาตรา 44 ควบคุมพื้นที่ในช่วงปี 2560 และคราวนี้ออกมาเคลื่อนไหวพร้อม ๆ กัน
ตอนนี้คุณพงศ์พรโดนถล่มหนัก เพราะไปแตะพระผู้ใหญ่ที่เป็นกรรมการในมหาเถรสมาคม และน่าจะมีการงัดเรื่องต่าง ๆ ออกมาทำลายความน่าเชื่อถือกันอีก แถมยังมีสายสระเกศทั้งโฆสิต สุวินิจจิตและพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เป็นกองหนุนอีกแรง ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจะสนับสนุนผู้อำนวยการสำนักพุทธฯ ต่อไปหรือไม่
แรงต้านพันตำรวจโทพงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) นับวันจะมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากแจ้งกล่าวโทษต่อพระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูป เมื่อ 11 เมษายน 2561 โดย 3 รูปแรกเป็นกรรมการในมหาเถรสมาคม ประกอบด้วย พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) และเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม กรรมการ มส.พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กรรมการ มส. และเจ้าคณะภาค 10
เริ่มที่กลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดิน นำโดย ดร.จรูญ วรรณกสิณานนท์ ศิษย์มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ผู้ศึกษาเรื่องการปฏิเสธอัตตาในพระพุทธศาสนาเถรวาท ที่ยื่นเรื่องต่อกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(บก.ปปป.) และที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เมื่อ 24 เมษายน 2561 เพื่อเอาผิดต่อพันตำรวจโทพงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ในความผิด มาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีได้เข้าร้องทุกข์กล่าวหาพระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูปมีส่วนเกี่ยวข้องการทุจริตเงินทอนวัด
ถล่มหลังบ้านพงศ์พร
ตามมาด้วย 2 พฤษภาคม 2561 องค์กรส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนาพร้อมเครือข่ายองค์กรชาวพุทธ(อสคพ) โดยนายวิชัย ประเสริฐสุดศิริ ผู้ประสานงาน อสคพ พร้อมด้วยเครือข่ายองค์กรชาวพุทธ ร่วมกันยื่นหนังสือต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ท้วงถาม การเดินทางไปนมัสการสังเวชนียสถานประเทศอินเดีย-เนปาล ของนางกนิษฐา พราหมณ์เสน่ห์ ภรรยา พันตำรวจโทพงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ด้วยงบประมาณสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งขาติ ระหว่าง 29 มีนาคม-5 เมษายน 2561
แม้ว่า 3 พฤษภาคม 2561 ทางสำนักพุทธฯ ได้ออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าวว่า นางกนิษฐา เป็นบุคคลหนึ่งซึ่งสนับสนุนและทำประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา จึงมีคุณสมบัติตามประกาศและวัตถุประสงค์ของการจัดสรรงบประมาณดังกล่าว และในการประชุมคณะกรรมการคัดเลือก ฝ่ายเลขานุการได้เสนอชื่อนางกนิษฐา
แต่ 7 พฤษภาคม 2561 องค์กรส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา พร้อมด้วยเครือข่ายองค์กรชาวพุทธ เดินหน้าต่อด้วยการเข้ายื่นหนังสือต่อประธานกรรมการ ป.ป.ช. เรื่อง การปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการของพันตำรวจโทพงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพุทธฯ กรณีการเดินทางไปนมัสการสังเวชนียสถานของนางกนิษฐา พราหมณ์เสน่ห์ ภรรยาพันตำรวจโทพงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ด้วยงบประมาณสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
วางยาคำถวายรายงาน
ในวันเดียวกันนั้นทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้มีการจัดประชุมพระสังฆาธิการทั่วประเทศ โดยมีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริฯายก เสด็จมาเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นผู้กราบทูลถวายรายงาน
แต่ปรากฏว่าเมื่อใกล้ถึงกำหนดการได้มีผู้เสนอเอกสารอื่นมาให้พิจารณาแทน ไม่มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับคำกล่าวกราบทูลถวายรายงานแต่อย่างใด ทำให้ผู้อำนวยการสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ ไม่มีข้อมูลกราบทูลถวายรายงานได้อย่างเพียงพอและถูกต้อง เป็นเหตุให้พิธีเปิดการประชุมไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมา
หลังจากนั้นเครือข่ายขององค์กรต่าง ๆ ที่ออกมาปกป้องพระเถระชั้นผู้ใหญ่ก็แพร่เหตุการณ์ดังกล่าวพร้อมด้วยคำตำหนิติเตียน มีทั้งเอกสารที่พงศ์พรอ่านและคลิปที่ถวายรายงาน
สายหนุนศูนย์พิทักษ์ฯ
เป็นอันว่านับตั้งแต่พันตำรวจโทพงศ์พรกล่าวโทษพระผู้ใหญ่ระดับกรรมการมหาเถรสมาคม โดนเอาคืนแล้ว 3 เรื่อง ทั้งยื่นเรื่องว่าผิดมาตรา 157 เปิดประเด็นเรื่องหลังบ้าน รวมถึงวางยาเรื่องเอกสารถวายรายงาน เป้าหมายคือลดความน่าเชื่อถือของผู้อำนวยการสำนักพุทธฯ ลง เพื่อหวังให้รัฐบาลเปลี่ยนตัวพงศ์พรออกจากตำแหน่ง
เมื่อไล่เรียงแต่ละเหตุการณ์ เริ่มที่ ดร.จรูญ วรรณกสิณานนท์ จากกลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดิน เคยยื่นหนังสือต่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ขอให้ชะลอหรือระงับร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการฮัจย์ เมื่อปี 2559 และยื่นเรื่องต่อศาลปกครองกลางเพื่อขอให้มีคำสั่งว่าตราสัญลักษณ์ฮาลาลเป็นสิ่งผิดกฎหมายพร้อมเพิกถอนตราสัญลักษณ์ฮาลาลออกจากสินค้าทั้งหมดทั่วราชอาณาจักร เมื่อ 10 มีนาคม 2560
แนวทางต่อต้านต่างศาสนาของกลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดิน สอดรับกับองค์กรอื่น ๆ ที่สนับสนุนวัดพระธรรมกาย เช่น สมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย เพจตื่นเถิดชาวพุทธ และศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศ ที่สนับสนุนแนวทางของวัดพระธรรมกาย
จนสำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกายต้องออกมาปฏิเสธเมื่อ 13 มีนาคม 2560 ว่า กรณีมีข่าวอ้างว่ากลุ่มลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย ร้องศาลปกครอง เรียกร้องถอนตราฮาลาลนั้น วัดพระธรรมกาย ขอปฏิเสธว่า ไม่เป็นความจริงแต่ประการใด
หน้าเก่าที่เคยร้องพระพุทธอิสระ
ส่วนกลุ่มองค์กรส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา โดยนายวิชัย ประเสริฐสุดศิริ และเครือข่ายชาวพุทธเพื่อคุ้มครองส่งเสริมพระพุทธศาสนา (คพศ.) มีนายสมนึก ระฆัง เป็นประธาน ที่เปิดเรื่องภรรยาพันตำรวจโทพงศ์พร เดินทางไปอินเดีย-เนปาล ด้วยงบของสำนักพุทธฯ นั้น
เคยยื่นเรื่องต่อกองปราบปรามเมื่อ 10 เมษายน 2560 เพื่อกล่าวโทษ พระสุวิทย์ ธีรธฺมโม หรือหลวงปู่พุทธอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จังหวัดนครปฐม ได้ประกอบพิธีปลุกเสกพระนาคปรก ที่ด้านหลังของพระมีการอัญเชิญพระปรมาภิไธย ภปร. ซึ่งเป็นการกระทำที่อาจเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
ส่วนนายสมนึก ยังเป็นประธานเครือข่ายชาวพุทธ ยะลา เคยเรียกร้องให้รัฐบาลใช้ มาตรา 44 ควบคุมสถานการณ์จังหวัดชายแดนใต้ เมื่อ 3 มีนาคม 2560 หลังเกิดเหตุร้ายกับชาวพุทธ
กลุ่มนายวิชัยทำงานร่วมกับนาวาเอก(พิเศษ) คัมภีร์ คัมภีรญาณนนท์ เลขาธิการ พรรคอธิปไตยปวงชนชาวไทย(พรรคที่ยังไม่ได้จดทะเบียน) ซึ่งเคยออกมาปกป้องวัดพระธรรมกายเมื่อครั้งที่ถูกรัฐบาลใช้มาตรา 44 ควบคุมพื้นที่วัดพระธรรมกาย
เครือข่ายนี้ยังมีพระอาจารย์สิทธิ์ศักดิ์ สิรินันโทภิกขุ ที่สนับสนุนกิจกรรมของวัดพระธรรมกายและมีความเห็นต่อพงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ในทิศทางเดียวกับกลุ่ม
ในเรื่องนี้ทางวัดพระธรรมกายได้ออกมาปฏิเสธเมื่อ 3 พฤษภาคม 2561 ว่าไม่เกี่ยวข้องกับข่าวเช็คบิลมือปราบเงินทอนวัด ตามที่มีสื่อมวลชนบางสำนักนำเสนอข่าวว่า ธรรมกายเชือดพงศ์พร เอื้อเมีย ผิดจรรยาบรรณ โดยผู้ดำเนินรายการเข้าใจว่าเป็นการกระทำของเครือข่ายวัดพระธรรมกาย วัดพระธรรมกายขอปฏิเสธว่าวัดไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกระทำตามที่ปรากฏในข่าวแต่อย่างใด
ที่แท้สายปกป้องธรรมกาย
ทั้ง 2 กลุ่มที่ยื่นเรื่องให้มีการตรวจสอบพันตำรวจโทพงศ์พร ล้วนแล้วแต่มีความสัมพันธ์ทั้งทางตรงและทางอ้อมกับวัดพระธรรมกาย
เห็นได้จากหลวงปู่พุทธะอิสระ ได้โพสต์เฟสบุ๊กเมื่อ 11 เมษายน 2017 ว่า น.อ.(พิเศษ) คัมภีร์ คัมภีรญาณนนท์ คนนี้แหละมาขอพบฉันเพื่อเคลียร์ปัญหากรณีธรรมกาย ฉันยังจำบทสนทนาที่นายทหารคนนี้มาพูดกับฉันได้ขึ้นใจ ช่วงหนึ่งเขาถามฉันว่า มีทางใดบ้างที่จะอยู่ร่วมกันได้โดยไม่มีข้อขัดแย้ง
ฉันตอบกลับไปว่า มี 2 ทาง คือ 1 ธรรมกายต้องเปลี่ยนแปลงตนเองและคำสอน ให้ตรงต่อหลักพระธรรมวินัยอย่างซื่อตรง สันโดษ ยินดีในสิ่งที่พึงมีพึงได้ ไม่ใช่มักมากอยากได้ ขายบุญ ขายสวรรค์ ไม่เลิกเช่นนี้ 2 หากเปลี่ยนไม่ได้ก็ให้ประกาศแยกนิกายออกไปเลย
ในเวลาต่อมานายทหารคนนี้แหละที่พยายามออกมาแก้ตัวให้กับธรรมกายบ่อยครั้ง ในช่วงที่ดีเอสไอปิดล้อมธรรมกายอยู่ ทีนี้ท่านทั้งหลายคงจะกระจ่างแล้วใช่ไหมว่า นายวิชัย ประเสริฐสุดสิริ ตัวแทนองค์กรส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา และ น.อ.(พิเศษ) คัมภีร์ คัมภีรญาณนนท์ เลขาพรรคอธิปไตยปวงชนชาวไทย(เถื่อน) กับลัทธิผีบุญทำจนตัวตาย มันมีเส้นสายเชื่อมสัมพันธ์กันอย่างไร
ส่วนกรณีที่มีการวางยาเรื่องเอกสารถวายรายงานต่อสมเด็จพระสังฆราช เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2561 นั้น เป็นเรื่องของข้าราชการภายในสำนักพุทธฯ ที่ส่วนหนึ่งยังเป็นขั้วอำนาจเดิมมุ่งรับใช้พระผู้ใหญ่ในมหาเถรสมาคม ต้องการทำให้เกิดภาพในด้านลบต่อพงศ์พร
เป็นที่น่าสังเกตว่ากลุ่มที่ออกมาเดินเครื่องชนพงศ์พรนั้น เคยเรียกร้องเรื่องต่าง ๆ ตามแนวทางของกลุ่มในช่วงที่วัดพระธรรมกายถูกมาตรา 44 ควบคุมพื้นที่ในช่วงปี 2560 และคราวนี้ออกมาเคลื่อนไหวพร้อม ๆ กัน
ตอนนี้คุณพงศ์พรโดนถล่มหนัก เพราะไปแตะพระผู้ใหญ่ที่เป็นกรรมการในมหาเถรสมาคม และน่าจะมีการงัดเรื่องต่าง ๆ ออกมาทำลายความน่าเชื่อถือกันอีก แถมยังมีสายสระเกศทั้งโฆสิต สุวินิจจิตและพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เป็นกองหนุนอีกแรง ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจะสนับสนุนผู้อำนวยการสำนักพุทธฯ ต่อไปหรือไม่