xs
xsm
sm
md
lg

ธรรมกายล้ำลึก ปั้นธัมมจักฯ แค่สวดก็รวย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ธรรมกายเพิ่มมูลค่าสวดธัมมจักฯ สร้างสื่ออวดสรรพคุณสวดแล้วร่ำรวย ค้าขายรุ่งเรือง หายป่วยไข้ ไม่ต่างโฆษณาชวนเชื่อเลือกสื่อเฉพาะด้านบวก คนวงการแฉเดิมใช้ “สัมมา อะระหัง” เมื่อพระธัมมชโยถูกออกหมายจับ เบี้ยวมอบตัว ทีมยุทธศาสตร์วัดออกสวดธัมมจักฯ ทับ เริ่มที่ 1 ล้านจบดึงสาวกเป็นโล่มนุษย์ ลากยาวกว่า 333 ล้านจบ แถมเติมสาวกใหม่แทนของเก่าที่เสื่อมศรัทธา แนะเลิกหวังองค์กรสงฆ์จะเข้ามาจัดการ

เป้าของการสวดธัมมจักกัปปวัตนสูตรของวัดพระธรรมกายกำหนดให้ครบ 333,019,109 จบ เมื่อ 19 มกราคม 2561 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดครบ 109 ปี คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง หนึ่งในบุคคลสำคัญของวัดพระธรรมกาย ได้ผ่านพ้นไปอีกหนึ่งเหตุการณ์ และเป้าต่อไปของการสวดธัมมจักฯ จะเป็นยอดเท่าไหร่ อิงกับวันสำคัญใดของทางวัดคงต้องรอประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

ภายในการสวดธัมมจักฯ กิจกรรมหลักของวัดพระธรรมกายที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง กลับพบว่า ในบรรดาศิษย์วัดพระธรรมกายเองมีการสร้างเรื่องราวควบคู่กับการสวด ในนาม พลังบุญธรรมจักร มีการทำวิดีโอสัมภาษณ์ผู้ที่สวดธัมมจักฯ ขึ้นเผยแพร่บน Youtube และเปิดเฟซบุ๊กพลังบุญธรรมจักรขึ้นมา โดยมีสื่อออนไลน์ในเครือข่ายของวัดนำมาเผยแพร่ต่อ ๆ กันไป

“ผู้ให้สัมภาษณ์ทุกรายจะกล่าวถึงความอัศจรรย์ของการสวดธัมมจักฯ เน้นไปที่สวดแล้วร่ำรวย ค้าขายดี กิจการรุ่งเรือง พืชผลทางการเกษตรให้ผลผลิตมากขึ้น หรือใครที่เป็นโรคภัยไข้เจ็บเมื่อสวดแล้วอาการเหล่านั้นหายไป”

ทั้งนี้เพื่อสื่อให้เห็นว่า การสวดธัมมจักฯ นั้น ผลลัพธ์ที่ได้เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมาย ทำให้ชีวิตของผู้ที่สวดดียิ่งขึ้น

ทิ้งของเก่า “สัมมา อะระหัง”

นักวิชาการที่ติดตามเรื่องวัดพระธรรมกายมาโดยตลอดกล่าวว่า ถ้าย้อนกลับไปก่อนที่จะเกิดคดีกับพระธัมมชโย วัดพระธรรมกายไม่มีเรื่องของการสวดธัมมจักฯ มีแต่การปลุกกระแสให้ลูกศิษย์สวด สัมมา อะระหัง ที่ทำมาประมาณปี 2558 และทำต่อเนื่องมาจนถึงปลายปี 2559 แล้วไม่โปรโมตโครงการนี้ต่อ

ทุกอย่างมาสูตรเดียวกัน ผลที่ได้จากการสวดสัมมา อะระหัง คือร่ำรวย กิจการค้าขายดีขึ้น หายป่วย มีการสัมภาษณ์คนที่สวดสัมมา อะระหัง แล้วประสบความสำเร็จ ชีวิตดีขึ้น เหมือนกับสวดธัมมจักฯ ทุกประการ

ที่จริงช่วงที่เริ่มโครงการสวดธัมมจักฯ นั้น โครงการสัมมา อะระหังก็ยังมีอยู่ พูดง่าย ๆ สร้างการสวดธัมมจักฯ ขึ้นมาทับสวดสัมมา อะระหัง ทำให้สัมมา อะระหัง เงียบหายไปในที่สุด และผู้ที่เขียนเนื้อหาทั้งเรื่องสัมมา อะระหังและสวดธัมมจักฯ ก็คือพระปลัดบริบูรณ์ ธมฺมวิชฺโช ที่เขียนลงวารสารอยู่ในบุญของวัดพระธรรมกาย แต่สวดธัมมจักฯ จะมีพระผู้ใหญ่ในวัดออกมาช่วยโปรโมตมากกว่าสัมมา อะระหัง
สัมมา อะระหังกลายเป็นสินค้าเก่าของวัดพระธรรมกาย
สวดธัมมจักฯ กลวิธีแยบยล

การริเริ่มให้มีโครงการสวดธัมมจักกัปปวัตนสูตร 1 ล้านจบ บูชาพระมหาธรรมกายเจดีย์ หรือพระมหาเจดีย์พระพุทธเจ้าล้านพระองค์ แจ้งโดยสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย เมื่อ 5 กรกฎาคม 2559 และแถลงอย่างเป็นทางการโดยนายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย กล่าวว่า เนื่องในวันอาสาฬหบูชา 19 กรกฎาคม 2559 หลวงพ่อธัมมชโยเชิญชวนคณะศิษยานุศิษย์ สวดธัมมจักกัปปวัตนสูตร 1 ล้านจบ ภายในพรรษานี้

“หลวงพ่ออยากให้ทุกคนร่วมกันสวดธัมมจักกัปปวัตนสูตร 1 ล้านจบ ภายในพรรษานี้ ถ้าทำได้ ลูกทุกคนจะปลื้ม สวดกันต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง ให้สวดอย่างสมัครใจ ปลื้มใจ เรื่องนี้สำคัญมาก”

ที่เจดีย์ตรงนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์ ผู้สวดจะมีสายบุญเชื่อมกับพระพุทธเจ้าทั้งล้านพระองค์เลย และยิ่งชักชวนมาสวดกันเยอะๆ บุญก็เกิดกับคนที่ไปชักชวนด้วย แต่ต้องให้อยู่บริเวณเจดีย์ ตรงวิหารคด และถ้าเห็นเจดีย์ได้จะยิ่งดี แต่ถ้าไม่ได้ก็ตรงไหนของเจดีย์ก็ได้

หากพิจารณาจากช่วงเวลาให้ดีจะพบว่า โครงการสวดธัมมจักฯ นี้เกิดขึ้นหลังจากพระธัมมชโยถูกออกหมายจับ และไม่เดินทางไปพบพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรคลองหลวง ปทุมธานี เมื่อ 26 พฤษภาคม 2559 หลังจากกรมสอบสวนคดีพิเศษแจ้งข้อกล่าวหาความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจร (คดีพิเศษที่ 27/2559)

ระหว่างนั้นทางอัยการได้เลื่อนการฟ้องออกไปถึง 5 ครั้ง จังหวะนั้นทางวัดพระธรรมกายจึงออกโครงการสวดธัมมจักฯ ขึ้นมา เริ่มต้นที่ 1 ล้านจบเมื่อเดือนกรกฎาคม 2559 และขยับเป้าต่อเนื่อง จนอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องเมื่อ 23 พฤศจิกายน 2559

จาก 1 ล้านจบเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านจบ ขยายเป็น 4 ล้านจบ 5.5 ล้านจบ เรื่อยมาจนเป็น 7.7 ล้านจบเมื่อเทศกาลลอยกระทงและเพิ่มเป็น 11.11 ล้านจบจนถึงสิ้นปี 2559 ซึ่งชัดเจนว่าโครงการสวดธัมมจักกัปปวัตนสูตรของวัดพระธรรมกายนั้น เป้าหมายที่แท้จริงคือการดึงทั้งพระและลูกศิษย์มาเป็นเวรยามป้องกันการจับกุมตัวพระธัมมชโย

เนื่องจากทางวัดกำหนดข้อควรปฏิบัติในการสวดธัมมจักฯ เน้นไปที่ให้มาสวดที่หน้าพระมหาธรรมกายเจดีย์ ซึ่งอยู่ภายในวัดพระธรรมกาย พร้อมด้วยการแจ้งให้เชิญชวนญาติหรือบุคคลที่รู้จักเข้ามาร่วมกันสวด ตรงกับช่วงที่เจ้าหน้าที่รัฐต้องนำตัวพระธัมมชโยมาดำเนินคดี และต่อเนื่องมาจนมีการใช้มาตรา 44 ควบคุมพื้นที่วัดพระธรรมกาย จวบจนปัจจุบันก็ยังมีการสวดอย่างต่อเนื่อง
สวดธัมมจักฯ กลวิธีที่แยบยล
แต่งเอง-อัศจรรย์-ขึ้นสวรรค์

บทสวดธัมมจักฯ เป็นปฐมเทศนา เทศนากัณฑ์แรก ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่พระปัญจวัคคีย์ เป็นการบอกกล่าวของพระอานนท์ เพื่อแสดงต่อที่ประชุมสังคายนาครั้งแรก เพื่อชี้แจงว่าพระสูตรนี้สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ ณ สถานที่แห่งใด และทรงตรัสแก่ผู้ใด เนื้อหาหลักคือ การหลีกเลี่ยงจากทางสุดโต่งทั้ง 2 ข้าง คือ การเพลิดเพลินในกามสุข และการทรมานตนเอง แต่ให้ปฏิบัติตามทางสายกลาง ได้แก่ อริยมรรคมีองค์ 8 และอริยสัจ 4 ซึ่งเป็นแม่บทในการปฏิบัติสู่ความหลุดพ้นในพระพุทธศาสนา

อาจมีตอนท้ายที่กล่าวถึงเทพยดาต่าง ๆ แต่เป็นเรื่องของการยอมรับในหลักธรรมดังกล่าว ทำให้มีการตีความว่าบทสวดดังกล่าวนั้นศักดิ์สิทธิ์ โดยทีมงานของวัดพระธรรมกายที่ระบุว่า

“ด้วยพระสูตรนี้ เป็นพระสูตรบทแรกจึงมีอานิสงส์ในการสวดมาก ตามคัมภีร์กล่าวไว้ดังนี้ ท่านใดได้สวดจะทำให้ชีวิตมีความเจริญรุ่งเรือง ไม่ว่าจะเป็นกิจการงานแขนงใดที่ทำอยู่จะได้เจริญก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น และยังเป็นบทสวดที่ปลดเปลื้องทุกข์ภัยต่างๆ นานาได้อีกด้วย สิ่งเลวร้ายจะกลายมาเป็นแก้วสารพัดนึกขึ้นมาได้และยังจะทำให้ผู้นั้นมีอายุยืน มีความสุขกาย สุขใจ ปราศจากทุกข์โศก โรคภัย เมื่อได้สวดประจำทุกคืน ทั้งตื่นและหลับจะกลับกลายเป็นมิ่งมงคลแก่ตัวเอง เมื่อยังมีชีวิตอยู่ก็ได้มีความเจริญก้าวหน้าสถาพร ทรัพย์สมบัติข้าวของบริบูรณ์ เมื่อละไปจากโลกจะได้ไปอยู่เป็นสุขในสรวงสวรรค์ชั้นใดชั้นหนึ่งดังที่จิตใจของเราได้เคยสวดสาธยายมาแล้ว”
การตลาดของทีมพลังบุญธรรมจักร
ภาวนาเชิงพาณิชย์

จะเห็นได้ว่าวัดนี้ได้นำเอาบทสวดต่าง ๆ มาปรับใช้ให้เข้ากับสถานการณ์ อ้างเรื่องร่ำรวย ค้ารายรุ่งเรือง หายป่วย เป็นเรื่องของการข้ามขั้นตอนในความเป็นจริง การที่จะประสบความสำเร็จตามที่กล่าวอ้างมานั้นต้องประพฤติดี ปฏิบัติดี ขยัน อดทน มานะ พยายาม ไม่ใช่แค่สวดแล้วทุกอย่างจะดีอย่างน่าอัศจรรย์ แบบนี้ถือเป็น “ภาวนาเชิงพาณิชย์” ส่งเสริมให้คนเกิดความโลภ ไม่ได้ละกิเลส สวดเพื่อหวังความร่ำรวย

อีกทั้งการสวดนี้ยังออกแบบมามีนัยยะแฝง ในช่วงแรกนั้นเป็นการระดมคนเข้าไปที่วัด เพื่อป้องกันไม่ให้มีการบุกเข้ามาจับกุมตัวพระธัมมชโย โดยบอกเพียงเรื่องได้บุญกุศล ได้อานิสงส์ของการสวดเข้ามาเป็นเครื่องล่อใจ นอกจากนี้ภายใต้การสวดธัมมจักฯ นี้ยังเป็นการเติมลูกศิษย์ใหม่ของวัด ทดแทนลูกศิษย์เดิมที่หายไปจากการที่พระธัมมชโยถูกดำเนินคดี

คือ สัมมา อะระหังนั้น ทางวัดแนะนำว่าอยู่ที่ใดก็ภาวนาได้ เป้าหมายก็เพื่อให้นึกถึงพระธัมมชโยเป็นหลัก เมื่อพร้อมก็เข้ามาทำบุญที่วัด จะเรียกว่าเป็นการผูกลูกศิษย์ไว้ก็ได้ แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปพระธัมมชโยถูกออกหมายจับ แน่นอนว่าตำรวจและกรมสอบสวนคดีพิเศษต้องเข้ามาในวัดแน่ จึงเปลี่ยนมาใช้การสวดธัมมจักฯ แทน เพราะต้องเข้ามาสวดที่วัด(ช่วงแรก) ไม่ต่างกับการดึงมวลชนให้เข้าไปมาก ๆ ทำให้การดำเนินการใด ๆ ของเจ้าหน้าที่รัฐทำได้ลำบาก เพราะเกรงจะเกิดความวุ่นวายตามมา

เมื่อสถานการณ์ผ่อนคลายลง การสวดธัมมจักฯ ยังคงเป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่ยังใช้อยู่ ทุกอย่างเป็นกระบวนการ มีการวางแผน มีระบบการตลาด มีตัวแทนเข้าไปแนะนำ รวมถึงมีการใช้สื่อทำประชาสัมพันธ์ ด้วยการเลือกมาเฉพาะคนที่สวดธัมมจักฯ แล้วดีขึ้น ถือว่าเป็นการสื่อสารทางเดียวไม่ต่างกับการโฆษณาชวนเชื่อ และการเอาสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้เข้ามาจูงใจย่อมทำให้การเพิ่มฐานสมาชิกของวัดแห่งนี้ทำได้ง่ายขึ้น

ตอนนี้ไม่ต้องคาดหวังว่าจะมีหน่วยงานใดออกมาเตือนหรือห้ามปราม องค์กรปกครองสงฆ์ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นอย่างไร ระบบการบริหารมีความอ่อนแอและบ้านเรายังไม่ก้าวหน้าในเรื่องมาตรการเชิงป้องกันทั้งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและมหาเถรสมาคม นอกจากนี้ยังไม่มีพระรูปใด ที่จะกล้าออกมาเตือนสติสังคม เนื่องจากอำนาจของคณะสงฆ์ในระดับปกครองยังคงกุมเสียงข้างมากไว้ได้เหมือนเดิม



กำลังโหลดความคิดเห็น