xs
xsm
sm
md
lg

การเมืองถึงจุดเดือด! ตั้ง “ไซเบอร์ เรนเจอร์” ปลุกกระแส “หนุน-ต้าน” บิ๊กตู่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ยุคสงครามสื่อโซเชียล มีการปั้นทั้ง “เพจหนุน-เพจต้าน” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สำรวจเพจไหนมาแรง เพจไหนจริงและแต่ละเพจมีเป้าหมายและพันธกิจอย่างไร ที่สำคัญ “ใครอยู่เบื้องหลัง” ด้าน “ดร.รัชดา ธนาดิเรก” เผยกลยุทธ์สื่อโซเชียลในยุคการเมืองเดือด ปั่นเพจ ซื้อยอดไลค์ ตั้งทีม “ไซเบอร์ เรนเจอร์” ปลุกกระแสที่ต้องการ

ต้องยอมรับว่าโลกโซเชียลมีบทบาทอย่างยิ่งต่อวิถีชีวิตของคนไทยในปัจจุบัน และทรงอิทธิพลถึงขั้นที่สามารถชี้นำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกร่วมไปกับกระแสโซเชียล แม้แต่บนวิถีการเมืองในช่วงหลายปีที่ผ่านมาสื่อโซเชียลก็ถูกนำมาใช้ในการสื่อสารและการวางกลยุทธ์หลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแนวร่วม ประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์เรียกคะแนนนิยม ไปจนถึงการดิสเครดิตฝ่ายตรงข้าม ยิ่งห้วงเวลาที่การเมืองนับถอยหลังสู่การเลือกตั้งเช่นในปัจจุบัน การดำเนินกลยุทธ์ผ่านสื่อโซเซียลก็ยิ่งทวีความร้อนแรงด้วยการเปิดเพจบนเฟซบุ๊กเพื่อสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายนับเป็นช่องทางหนึ่งที่ทั้งกลุ่มการเมืองและผู้ที่มีความสนใจทางการเมืองนิยมใช้

แน่นอนว่าเพจที่จะขาดเสียมิได้คือเพจที่เกี่ยวข้องกับผู้นำระดับประเทศอย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งก็มีทั้งเพจหนุนและเพจต้าน

ในส่วนของเพจที่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์นั้น ด้วยสัจธรรมทางการเมืองแล้วต้องยอมรับแบบตรงไปตรงมาว่ามีทั้งเพจที่สร้างโดยแฟนคลับที่รักชอบพลเอกประยุทธ์ และเพจที่สร้างโดยทีมงานการเมืองที่มีเครือข่ายโยงใยกับพลเอกประยุทธ์ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าปัจจุบันมีเพจที่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์อยู่ไม่ต่ำกว่า 23 เพจ

เพจที่น่าสนใจได้แก่ เพจ ขอล้าน Like สนับสนุนให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ปัจจุบันมียอดไลค์ 297,604 ไลค์ และผู้ติดตาม 296,362 คน เริ่มเปิดเพจช่วงปลายปี 2557 พันธกิจหลักคือ “เชียร์ลุงตู่เป็นนายกฯ โจมตีเพื่อไทย-เครือข่าย และนักการเมืองคู่แข่ง พร้อมโปรโมตนโยบายร้อนของรัฐบาล คสช.”

เพจนี้ถือเป็นเพจแรกที่เปิดขึ้นเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะ เพจถูกเปิดมาพร้อมกับการจัดตั้งรัฐบาล คสช. เพจนี้นอกจากจะโปรโมตผลงานของนายกฯ ประยุทธ์อย่างออกหน้าออกตาแล้ว ยังโจมตีนักการเมืองว่าเป็นพวกโกงกินทำให้ชาติเสียหาย ซึ่งกลุ่มที่ถูกกระหน่ำมากที่สุดคือพรรคเพื่อไทยและเครือข่ายทักษิณ พร้อมชี้ว่าหากมีการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยกลับมามีอำนาจ จึงสนับสนุนให้บิ๊กตู่นั่งบริหารประเทศต่อไปเรื่อยๆโดยไม่มีการเลือกตั้ง

ล่าสุดเพจดังกล่าวได้ขึ้นรูปหน้าปกระบุว่าหากการเลือกตั้งครั้งหน้าได้นักการเมืองกลับมาบริหารประเทศจะทำให้เกิดความขัดแย้งจนบ้านเมืองลุกเป็นไฟ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ พล.อ.ประยุทธ์ออกมาเปิดตัวว่าจะเข้ามาเป็นนักการเมือง นอกจากนั้นเพจนี้ยังคอยสนับสนุนนโยบายร้อนที่สังคมบางส่วนไม่เห็นด้วยแต่รัฐบาลลุงตู่ยืนกรานจะทำให้ได้ อาทิ สนับสนุนการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน การออก พ.ร.บ.ควบคุมสื่อ หรือการปิดล้อมวัดพระธรรมกาย โดยแอดมินมักใช้ถ้อยคำที่รุนแรงและมีลักษณะเสียดสีต่อกลุ่มที่คัดค้านนโยบาย มากกว่าจะให้ข้อมูลด้วยเหตุผล

เพจ “เปรี้ยง” ที่ใช้สโลแกนว่า “เพิ่มเสียงดัง ให้ความจริง” มียอดไลค์ 21,327 ไลค์ มีผู้ติดตาม 24,553 คน เริ่มเปิดเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2559 เป็นที่รู้จักในวงกว้างหลังจากสื่อหลายสำนักเสนอข่าวว่าเพจเปรี้ยง ได้โพสต์บทกลอน “หายใจเป็นไทย” ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ เขียนให้กำลังใจข้าราชการในการทำงาน เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 2559 แปลว่าเพจนี้โด่งดังหลังจากเปิดได้เพียง 9 วันเท่านั้น พันธกิจหลักคือ “เชียร์นายกฯประยุทธ์ โจมตีพรรคเพื่อไทยและเครือข่ายทักษิณ” กล่าวได้ว่าเพจเปรี้ยงนับเป็นเพจที่โปรโมตการทำงานและภาพลักษณ์ของนายกฯ ลุงตู่อย่างชัดเจน โดยมีจุดขายตรงที่สามารถนำภาพส่วนตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ในแง่มุมต่าง ๆ มานำเสนอ แบบที่ไม่มีเพจใดสามารถทำได้ จึงเป็นที่จับตาของบรรดาแฟนคลับลุงตู่ และสื่อมวลชนที่ติดตามนำเสนอข่าวเกี่ยวกับนายกฯ อยู่เนืองๆ

เมื่อพิจารณาจากภาพและเนื้อหาที่อินไซด์สุดๆ แล้วเชื่อว่าทีมงานจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากทีมประชาสัมพันธ์ของนายกรัฐมนตรี ซึ่งสังคมพุ่งเป้าไปที่ “กลุ่มสื่อสารเชิงกลยุทธ์” ที่มี พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด หรือ เสธ.ไก่อู โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ปลุกปั้น โดยจากผลงานด้านการประชาสัมพันธ์ของ เสธ.ไก่อูนับตั้งแต่ คสช.เข้ายึดอำนาจ กระทั่งจัดตั้งรัฐบาลทหาร และสามารถยืนระยะอยู่ได้นานเกือบ 4 ปี อีกทั้งยังได้รับความไว้วางใจให้ควบเก้าอี้รักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์อีกตำแหน่งนั้น ย่อมเป็นเครื่องการันตีถึงฝีมือในการทำหน้าที่องครักษ์พิทักษ์รัฐบาลของเพจนี้

อย่างไรก็ดีช่วงที่เพจนี้โด่งดังเป็นที่จับตาของสังคม เสธ.ไก่อูออกมาปฏิเสธว่าเพจดังกล่าวเป็นของอดีตนักข่าวที่มีแหล่งข่าววงในคอยให้ข้อมูล ไม่ใช่ฝีมือของทีมงานรัฐบาล ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันว่าไม่รู้จักเพจเปรี้ยง พร้อมทั้งระบุว่า “อาจจะมีคนหวังดีกับรัฐบาลเลยสร้างเพจขึ้นมา” …

แต่ข้ออ้างดังกล่าวดูจะไม่มีน้ำหนัก เนื่องจากทั้งภาพและข้อมูลหลาย ๆ  เรื่องเกี่ยวกับนายกฯ ลุงตู่ที่นำมาโพสต์ในเพจนี้นั้นต้องเป็นคนใกล้ตัวเท่านั้นที่จะสามารถมีภาพและข้อมูลนี้ได้ อาทิ กล่องข้าวมื้อกลางวันและผลไม้ที่นายกฯพกไปกินในรถ ข้อความอวยพรวันเด็กที่นายกฯ เขียนลงบนไวท์บอร์ดด้วยมือตัวเอง ภาพนายกฯ เมื่อครั้งบวชเป็นพระสมัยหนุ่มๆ ถามว่าใครจะมีภาพเหล่านี้ถ้าไม่ใช่ตัวนายกฯ?

ที่น่าสังเกตคือเพจนี้ชื่นชมเฉพาะตัวนายกฯ ไม่ใช่รัฐบาลทั้งคณะ และภาพของบุคคลในรัฐบาลที่ปรากฏในเพจนี้มีเพียง 2 คนเท่านั้น คือ พล.อ.ประยุทธ์ และ เสธ.ไก่อู   นอกจากนี้ยังมีเพจสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ที่มียอดไลค์สูงสุดคือ เพจนายกฯ เป็นคนตลก ซึ่งเน้นภาพและเนื้อหาเบาๆ โดยปัจจุบันมียอดไลค์ถึง 1,197,697 ไลค์

ส่วนเพจที่ติดตามตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล หรือที่เรียกกันว่าเพจแฉ เพจต้าน ก็มีไม่น้อยเช่นกัน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าปัจจุบันมีเพจต้านพลเอกประยุทธ์อยู่ไม่น้อยกว่า 7 เพจ โดยเพจที่มีบทบาทชัดเจนและน่าจับตาได้แก่

เพจ KonthaiUK เป็นเพจที่เปิดตัวชัดเจนว่าสนับสนุนเครือข่ายทักษิณ และวิพากษ์โจมตีการทำงานของรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งถือว่าเป็นขั้วตรงข้ามกับพรรคเพื่อไทย ปัจจุบันมียอดไลค์ 404,084 ไลค์ และผู้ติดตาม 411,228 คน    พันธกิจหลัก “หนุนเครือข่ายทักษิณ โจมตีรัฐบาล คสชฺ และประชาธิปัตย์”  โดยเพจ KonthaiUK  มีการหยิบยกประเด็นที่เป็นปัญหาของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์ ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาการคอร์รัปชัน การใช้อำนาจโดยมิชอบของรัฐบาลและเหล่าสีกากี พร้อมทั้งเปรียบเทียบการดำเนินคดีกับเครือข่ายทักษิณและกลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาลว่ามีลักษณะสองมาตรฐาน     นอกจากนั้นยังเปิดพื้นที่ให้บรรดาแกนนำเพื่อไทยได้แสดงความเห็นในการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างเต็มที่

เพจต่อมาคือ เพจประชาไท Prachathai.com ซึ่งต่อยอดมาจากเว็บไซต์ประชาไท ปัจจุบันมียอดไลค์ 250,857 ไลค์ และมีผู้ติดตาม 253,600 คน พันธกิจหลักคือ “การต่อต้านรัฐบาลเผด็จการ และการละเมิดสิทธิมนุษยชน

เพจนี้แม้จะไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อตรวจสอบหรือต่อต้านพลเอกประยุทธ์โดยตรง แต่ด้วยพันธกิจหลักที่มุ่งต่อต้านรัฐบาลเผด็จการซึ่งมักใช้อำนาจพิเศษในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อจัดการกับกลุ่มต่อต้านและขั้วอำนาจอื่น รวมทั้งเป็นกระบอกเสียงให้แก่กลุ่มที่เรียกร้องประชาธิปไตย และเปิดพื้นที่ให้นักการเมืองในเครือข่ายทักษิณ ตลอดจนนักวิชาการที่แอนตี้เผด็จการเสนอมุมมองความเห็นอยู่บ่อยครั้ง เพจนี้จึงกลายเป็นไม้เบื่อไม้เมาของพลเอกประยุทธ์และรัฐบาล คสช. อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ขณะเดียวกันก็เป็นที่ชื่นชอบของคนเสื้อแดงเพราะสามารถเข้ามาแสดงความเห็นได้อย่างเต็มที่ โดยเพจประชาไทมิได้วิพากษ์เฉพาะการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นกระบอกเสียงให้แก่ชนกลุ่มน้อยในประเทศต่าง ๆ ที่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนอีกด้วย

อีกเพจที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ เพจ CSI LA ถือเป็นเพจการเมืองที่มาแรงในช่วงนี้ จากการเปิดประเด็นเรื่องแหวนเพชรและนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จนกลายเป็นประเด็นร้อนข้ามปี และมีผู้ขุดคุ้ยปมนาฬิกาหรูของพลเอกประวิตรตามมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมียอดไลค์สูงถึง 771,355 ไลค์ ยอดผู้ติดตาม 765,345 คน

ยังมีเพจไข่แมว ซึ่งเป็นเพจการ์ตูนล้อเลียนพลเอกประยุทธ์และคณะรัฐมนตรี ที่มียอดไลค์ถึง 451,869 เพจพลเมืองต่อต้าน Single Gateway ที่เกิดจากการรวมตัวของคนรุ่นใหม่ที่ไม่พอใจการใช้อำนาจเกินขอบเขตของรัฐบาล คสช. โดยเฉพาะการออกพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 ซึ่งทางกลุ่มมองว่าเป็นการออกกฎหมายเพื่อควบคุมมิใช่ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล
ดร.รัชดา  ธนาดิเรก
ส่วนว่าเพจการเมืองดังกล่าวมีที่มาที่ไปอย่างไร และมีอะไรเป็นแรงขับเคลื่อนนั้น ดร.รัชดา ธนาดิเรก อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งกำลังศึกษาเรื่องสื่อโซเชียล ให้ข้อมูลว่า เพจการเมืองนั้นมีทั้งที่เกิดจากแฟนคลับที่รักชอบบุคคลที่มีบทบาททางการเมือง และเกิดจากทีมงานของบุคคลนั้น ๆ เอง ซึ่งจุดประสงค์ในการเปิดเพจก็แตกต่างกันไป มีทั้งเพื่อประชาสัมพันธ์การทำงาน เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดี หรือเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนะระหว่างกลุ่มคนที่มีความเห็นทางการเมืองไปในทิศทางเดียว แต่ก็ต้องยอมรับว่าหากเพจใดมีผู้ติดตามจำนวนมากก็จะสะท้อนให้เห็นถึงคะแนนนิยมที่มีต่อบุคคลนั้น ๆ ได้ ดังนั้น บางครั้งจึงมีการตั้ง “ไซเบอร์ เรนเจอร์” หรือกองทัพไซเบอร์เพื่อทำหน้าที่กดไลค์ กดแชร์ สร้างกระแสให้กับเพจ
“เทคนิคที่จะทำให้เพจเป็นที่สนใจ ต้องมีคอนเทนต์ที่ดี มีเป้าหมายที่ชัดเจน และมีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในสื่อโซเชียล ซึ่งเขาจะรู้ว่าจะเปิดประเด็นอย่างไรให้น่าสนใจ หัวข้อแบบนี้ต้องไปโพสต์ในกลุ่มไหนถึงจะกลายเป็นกระแส หรือหากต้องการให้เพจมียอดไลค์ขึ้นเร็วก็สามารถซื้อโฆษณาหรือซื้อยอดไลค์ได้ คือการซื้อโฆษณาในเฟซบุ๊กจะสามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายได้ว่าต้องการให้คนกลุ่มไหนเห็นเรื่องที่โพสต์ เช่น กลุ่มคนที่สนใจการเมือง เมื่อคนเหล่านี้เห็นโพสต์ดังกล่าวก็จะแชร์ต่อ ๆ กันไปจนกลายเป็นกระแส” ดร.รัชดากล่าว

แน่นอนว่าในโลกของการเมืองนั้นคงปฏิเสธไม่ได้ว่ากระแสที่เกิดจากสื่อโซเชียลย่อมมีผลต่อภาพลักษณ์ของบุคคลที่อาสาจะเข้ามารับใช้ประชาชน ไม่ว่าจะเข้ามาด้วยวิถีของการเลือกตั้ง หรือใช้ทางลัดวิธีใดวิธีหนึ่งก็ตาม



กำลังโหลดความคิดเห็น