xs
xsm
sm
md
lg

เพื่อไทยยิ้มแป้น “แม้ว” ส่งซิกสู้ไม่ถอย! มั่นใจฐานเสียง-กลุ่มทุนเหนียวแน่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สมาชิกพรรคเพื่อไทย มั่นใจ บิ๊ก “ตระกูลชินวัตร” ไม่วางมือทางการเมือง และยังคงเดินหน้าต่อสู้เพื่อกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง ระบุแม้ “เจ๊แดง” ไม่เหยียบพรรคนานนับปี ชี้ “คุณแป๋ว” น้องสาวอีกคน ขึ้นแท่นว่าที่หัวหน้าพรรคได้ ด้านแกนนำอีสานมั่นใจนโยบายคือ “จุดแข็ง” ที่มัดใจประชาชน เหนือ-อีสาน ฐานเสียงแน่น ด้านกลุ่มทุนใหญ่-ทุนท้องถิ่น ยังหนุนต่อเนื่อง หวั่นแจ้งรายชื่อสมาชิกไม่ทัน เหตุ คสช.ไม่ปลดล็อกการเมืองจะเป็นอุปสรรคใหญ่ เป็นที่ฮือฮาทีเดียวสำหรับกรณีที่ “โอ๊ค-พานทองแท้ ชินวัตร” บุตรชายของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ส่งสัญญาณว่า “ตระกูลชินวัตร” จะเลิกเล่นการเมือง !

แต่หลายฝ่ายต่างฟันธงตรงกันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากอุปนิสัย “สู้ไม่ถอย” ของนายทักษิณ ซึ่งเป็นเจ้าของพรรคตัวจริง โดยข่าววงในยืนยันว่าที่ผ่านมาทักษิณยังคงยืนกรานที่จะต่อสู้ในสนามการเมืองต่อไป แม้เขาจะไม่สามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้ แต่ก็ยังคงวิดีโอคอลพูดคุยกับบรรดาแกนนำและผู้ใหญ่ภายในพรรคอยู่ไม่ได้ขาด ที่สำคัญอดีตนายกฯ ทักษิณชอบฟังแต่ข่าวดี ใครที่บอกว่ากระแสพรรคเพื่อไทยยังดี ยังมีภาษีทางการเมือง เขาก็จะยินดีปรีดา แต่ถ้าหากใครรายงานว่าพรรคเพื่อไทยกำลังมีปัญหา หรือแนะนำว่าควรถอนตัวจากการเมือง ทักษิณก็จะไม่ฟังเสียง


มณฑาทิพย์  ชินวัตร
ขณะเดียวกันตระกูลชินวัตรก็ยังมีทายาทที่สามารถสืบทอดอำนาจทางการเมืองได้ โดยนอกจาก นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว ซึ่งมีบารมีที่สุดในขณะนี้ แต่ติดปัญหาเรื่องภาพลักษณ์ และนายพานทองแท้ บุตรชาย ที่ติดคดีปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทย และประกาศถอดใจผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวไปแล้วนั้น ยังปรากฏชื่อ “คุณแป๋ว” มณฑาทิพย์ ชินวัตร หรือชื่อเดิม เยาวมาลย์ บุตรคนที่ 8 ของตระกูลชินวัตร ซึ่งถูกคาดหวังว่าจะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ได้แม้จะไม่มีประสบการณ์ทางการเมือง แต่ในทางธุรกิจนั้นถือว่าเป็นคนที่กว้างขวางพอสมควร

ข้อสำคัญยังไม่มี “แผล” ให้โจมตี!

อีกทั้งปัจจุบันที่ทำการพรรคเพื่อไทยก็ยังอยู่ที่เดิม คือที่ “อาคารโอเอไอ ทาวเวอร์” ซึ่งเป็นทรัพย์สินของตระกูลชินวัตร โดยย่อมาจากอักษรย่อ“O-Oke, A-Aim, I-Ing” ...ชื่อเล่นของบุตรชายและบุตรสาวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยก่อนหน้านี้อาคารแห่งนี้ใช้ชื่อว่าอาคารไอเอฟซีที ที่เป็นที่ทำการของพรรคไทยรักไทย

ข้อมูลดังกล่าวนั้นสอดคล้องกับความเห็นของสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่คงแวะเวียนไปที่พรรคอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงเวลาที่รัฐบาล คสช.ยึดอำนาจและขึ้นบริหารประเทศ อย่าง นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย บอกว่า แนวคิดที่ตระกูลชินวัตรจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับการเมืองนั้นน่าจะเป็นความเห็นส่วนตัวของนายพานทองแท้ เหตุที่โพสต์เฟซบุ๊กในลักษณะดังกล่าวก็คงเกิดจากความท้อแท้เหนื่อยหน่ายกับเหตุการณ์ที่ต้องเผชิญในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ส่วนผู้หลักผู้ใหญ่ในตระกูลชินวัตร ไม่ว่าจะเป็นนายทักษิณ ชินวัตร นางเยาวภาและนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวและน้องเขยของนายทักษิณ รวมถึงคนอื่น ๆ ก็ยังไม่มีใครส่งสัญญาณอะไรในเรื่องนี้

“ผู้ใหญ่ยังไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้ ท่านทักษิณก็ยังนิ่ง ส่วนคุณสมชายกับคุณเยาวภา ซึ่งอยู่ที่เมืองไทยก็เงียบไปไม่ได้มาที่พรรคเป็นปีแล้ว ผมไปพบท่านทั้งสองที่บ้านตอนที่ศาลยกฟ้องคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตร เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา หลังจากนั้นก็ไม่เจออีกเลย ท่านคงรู้สึกว่าไม่อยากเข้ามายุ่ง ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะเลิกเล่นการเมืองหรือเปล่า” นายสมคิดกล่าว
( ซ้าย ) นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย,นายไพจิต ศรีวรขาน อดีต ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มอีสานพัฒนา
นายสมคิด ยังเชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยมีจุดแข็ง คือมีนโยบายที่โดนใจประชาชน พรรคไม่ได้ยึดติดตัวบุคคล   จะเห็นได้ว่าตลอดเวลาตั้งแต่เป็นพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน จนถึงพรรคเพื่อไทย   ก็เคยมีคนนอกที่ไม่อยู่ในตระกูลชินวัตรขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค และขึ้นเป็นนายกฯ ประชาชนก็ยังให้การสนับสนุนมาตลอด  เพราะเขามองว่านโยบายและการทำงานด้วยความจริงใจของ ส.ส.ในพรรคสามารถช่วยให้ประชานอยู่ดีกินดีได้

ตราบใดที่ยังไม่มีการปลดล็อกพรรคการเมือง พรรคเพื่อไทยก็ยังไม่สามารถประกาศนโยบายและทิศทางทางการเมืองให้ประชาชนรับทราบได้ ทำได้เพียงการพูดคุยกับกลุ่มย่อย ๆ เท่านั้น ตอนนี้ที่ทำได้คือคุยกันอยู่แค่ 4-5 คน ผมไปพรรคก็เจอแค่คุณภูมิธรรม เวชยธรรม เลขาธิการพรรค กับคุณชูศักดิ์ ศิรินิล หัวหน้าฝ่ายกฎหมายของพรรค เฝ้าพรรคกันอยู่ 2 คน ที่ผ่านมาคุณภูมิธรรมกับผู้ใหญ่ในพรรคก็พูดคุยกันถึงการเตรียมการเพื่อรองรับการเลือกตั้ง ก็ได้แค่คุยกัน ยังทำอะไรไม่ได้” นายสมคิดระบุ

ด้าน นายไพจิต ศรีวรขาน อดีต ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มอีสานพัฒนา ระบุว่า นายทักษิณเป็นผู้ก่อตั้งพรรคมาตั้งแต่ครั้งยังเป็นพรรคไทยรักไทยยังไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องการวางมือทางการเมือง ส่วนนางเยาวภา ประธาน ส.ส.ภาคเหนือ พรรคเพื่อไทย ก็ยังไม่มีท่าทีที่จะทิ้งพรรคแต่อย่างใด

เห็นมีแต่คุณโอ๊คที่ออกมาโพสต์ข้อความ อาจเป็นเพราะไม่อยากให้พรรคมีปัญหา คุณเยาวภาก็ยังทำหน้าที่เป็นผู้ใหญ่ในพรรค ยังไม่มีทีท่าว่าจะถอนตัว

ส่วนในเรื่องของกลุ่มทุนที่ให้การสนับสนุนพรรคนั้น นายไพจิต เชื่อว่ายังคงเหนียวแน่น ซึ่งมีทั้งทุนใหญ่ และกลุ่มทุนท้องถิ่น เพราะตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ผู้สมัครรับเลือกตั้งจะใช้งบประมาณ 1.5 ล้านบาท ดังนั้นแต่ละคนจะต้องรับผิดชอบตัวเองซึ่งผู้สมัครแต่ละคนก็ต้องมีผู้สนับสนุนของตัวเอง

ผมเองเวลาไปปราศรัยก็จะมีคนช่วยค่าน้ำมันบ้างอะไรบ้าง ทางพรรคก็จะช่วยเหลือค่าใช้จ่ายบางส่วน” นายไพจิต ระบุ และบอกอีกว่า ทันทีที่เห็นข้อความที่นายพานทองแท้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่าตระกูลชินวัตรจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับการเมืองก็ได้สอบถามความเห็นจากประชาชนในพื้นที่ว่าหากเป็นเช่นนั้นจริงจะยังคงสนับสนุนพรรคเพื่อไทยอยู่หรือไม่ ชาวบ้านต่างก็ยืนยันว่ายังคงศรัทธาในพรรค และจะเลือกพรรคเพื่อไทยต่อไปเพราะเป็นพรรคที่มีนโยบายช่วยเหลือประชาชน ขณะที่จากการสอบถามสมาชิกพรรคก็ยังยืนยันว่าไม่มีความคิดที่จะย้ายพรรค  ตอนนี้ฐานเสียงในภาคอีสานยังหนาแน่น รองลงมาคือภาคเหนือ พรรคเรายังได้รับความนิยมอยู่ ส่วนพื้นที่ภาคกลางพรรคก็พยายามรักษาฐานเดิมไว้ เท่าที่ทราบอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย แต่ลดลงไม่มาก” 

ดังนั้นเมื่อพรรคเพื่อไทย เชื่อว่าฐานเสียงยังคงแน่นและสถานการณ์ต่าง ๆ ที่สมาชิกพรรครับรู้ชี้ชัดว่านายทักษิณและตระกูลชินวัตรยังคงเดินเกมต่อสู้อยู่ในเวทีการเมืองเรื่องเงินทุนจึงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ทั้งนี้จากการประเมินโดย นิตยสารฟอร์บส์ของสหรัฐฯ ระบุว่า ทรัพย์สินของนายทักษิณ ซึ่งประเมินไว้เมื่อ 25 ก.ค. 2560 นั้นมีอยู่ประมาณ 1.72 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 5.76 หมื่นล้านบาท (1 เหรียญสหรัฐ = 33.5 บาท) และแน่นอนว่าตราบใดที่นายทักษิณยังคงยืนหยัดในเส้นทางนี้ เขาย่อมยินดีที่จะควักกระเป๋าจ่ายเพื่อผลักดันให้พรรคเพื่อไทยยังคงได้รับคะแนนนิยมตามเป้าหมายเพื่อให้พรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง

ขณะเดียวกันสิ่งที่ทำให้สมาชิกพรรคเพื่อไทยมั่นใจว่า นายทักษิณ ไม่มีวันถอนตัวจากการเมืองนั้น เพราะมีสัญญาณสู้ต่อมาจากข้อความที่นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ และเป็นหนึ่งในแกนนำพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Watana Muangsook เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2560 หลังจากเดินทางไปพบนายทักษิณ ว่า

“ผมเดินทางมาพบท่านอดีตนายกฯ ทักษิณที่สิงคโปร์ ได้ความรู้จากท่านมากมายทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง ที่สำคัญคือวิธีต่อสู้กับเผด็จการ ท่านยังแข็งแรง สุขภาพดี ดูตามภาพจะเห็นว่าท่านหนุ่มกว่าผมอีก วิธีคิดของท่านยิ่งหนุ่มกว่า เปรียบได้กับมนุษย์ดิจิตอล ส่วนพวกเผด็จการเป็นได้เพียงอะนาล็อก หรือกระดานชนวน ส่วนจะเป็นมนุษย์หรือไม่ก็แล้วแต่จะคิด เพราะคนที่กล้าทำลายระบบ ทำลายหลักนิติธรรม เพียงเพื่อให้ตัวเองได้มีและอยู่ในอำนาจโดยไม่ได้ดูสารรูปทางปัญญาของตัว สำหรับผมไม่เรียกว่ามนุษย์    ท่านอดีตนายกฯ ฝากความรัก ความเคารพและความปรารถนาดีมายังพี่น้องประชาชนที่รักประชาธิปไตยทุกท่าน ขอให้มีความหวัง เพราะเผด็จการไม่มีทางชนะประชาชน

ซึ่งชี้ให้เห็นว่าทักษิณยังคงมุ่งมั่นที่จะต่อสู้บนเส้นทางการเมือง ส่วนจะด้วยวิธีการใดนั้นคงต้องรอดูกันต่อไป

แต่สิ่งที่พรรคเพื่อไทยกังวลมากที่สุดนั้น นายไพจิต ระบุว่า เป็นเพราะพรรคไม่สามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองใด ๆได้เนื่องจากรัฐบาล คสช.ยังไม่ปลดล็อกพรรคการเมือง ซึ่งความจริงในวันที่ 5 ม.ค. 2561 จะครบกำหนด 90 วันที่ พ.ร.บ.พรรคการเมือง ระบุให้พรรคการเมืองแจ้งจำนวนสมาชิกพรรคที่เป็นจริง หลังจากที่กฎหมายฉบับนี้บังคับใช้ นอกจากนั้นกฎหมายดังกล่าวยังระบุให้พรรคการเมืองต้องหาสมาชิกที่จ่ายเงินบำรุงพรรคให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน หลังจากออก พ.รบ.พรรคการเมืองด้วย

ปัจจุบันพรรคเพื่อไทยมีสมาชิก 1.3 แสนคน ขณะที่ประชาธิปัตย์มีสมาชิกพรรค 2.3-2.4 ล้านคน แต่จนถึงปัจจุบันพรรคยังไม่สามารถจัดประชุมใด ๆ ได้ เนื่องจากรัฐบาล คสช.ยังไม่ปลดล็อกการเมือง จึงเกรงว่าจะไม่สามารถดำเนินการดังกล่าวได้ทันซึ่งจะส่งผลกระทบต่อพรรคการเมืองโดยตรง..

กำลังโหลดความคิดเห็น