เปิดความเคลื่อนไหวภายในวัดพระธรรมกาย ลูกศิษย์แบ่งเป็น 2 ขั้ว อัยย์ เพชรทอง เปิดฉากชนผู้มีอำนาจในวัด กล่าวหา “ซิกแซ็ก” ออกแถลงการณ์ปลุก 3 ฉบับ แต่ถูกโต้ด้วยศิษย์อีกกลุ่ม ส่วนด้านอื่นมีการเปลี่ยนตัวกรรมการมูลนิธิธรรมกายยกชุด ไร้พระคนสำคัญ แถมได้เจ้าอาวาสคนใหม่แบบเงียบ ๆ พระครูสังฆรักษ์รังสฤษฏ์ อิทธิจันตโก มือครัวคุณยายจันทร์

ภายใต้ความเงียบปราศจากการเคลื่อนไหวของวัดพระธรรมกาย หลังจากที่การบุกค้นเพื่อนำตัวพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย มาดำเนินคดี ด้วยมาตรการแรงสุดของรัฐบาลคือมาตรา 44 ก็ไม่สามารถควานหาตัวพระธัมมชโยมาดำเนินคดีได้ และกลายเป็นบททดสอบมาตรา 44 ว่าไม่สามารถใช้ได้ผลกับเรื่องของศาสนา
เรื่องราวของวัดพระธรรมกายหายไปจากความสนใจ หลังจากที่มีการใช้มาตรา 44 ย้ายนายพนม ศรศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ คนก่อน และมอบหมายให้พันตำรวจโทพงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ จากกรมสอบสวนคดีพิเศษเข้ามาทำหน้าที่แทน
แม้จะไม่สามารถนำตัวพระธัมมชโยมาดำเนินคดีได้ แต่ยังมีขั้นตอนอื่นที่ต้องดำเนินการต่อนั่นคือการส่งเรื่องสึกพระธัมมชโยให้กับมหาเถรสมาคมเป็นผู้พิจารณา และเรื่องก็ติดค้างอยู่ที่เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี
เช่นเดียวกับกรณีล่าสุดที่พันตำรวจโทพงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ เข้ามาเป็นผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ด้วยมาตรา 44 เช่นกัน แต่ก็นั่งเก้าอี้นี้ได้เพียงแค่ 6 เดือนก็ต้องถูกย้ายออกไปเป็นผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และถูกมอบหมายให้รับผิดชอบพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนใต้

เปลี่ยนกรรมการ-ตั้งเจ้าอาวาส
หลังจากที่มีการเลิกใช้มาตรา 44 ควบคุมพื้นที่วัดพระธรรมกาย กิจกรรมบุญของวัดพระธรรมกายก็ยังคงดำเนินต่อเนื่อง เพียงแต่จำนวนศิษยานุศิษย์อาจไม่คึกคักเหมือนเมื่อครั้งที่พระธัมมชโยยังไม่ถูกดำเนินคดี
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในวัดพระธรรมกาย ดำเนินไปอย่างเงียบ ๆ เริ่มที่มีการเปลี่ยนตัวกรรมการมูลนิธิธรรมกายชุดใหม่เมื่อ 27 เมษายน 2560
ด้วยนายพัฐจักร เทพษร ได้ยื่นคําขอจดทะเบียนการแต่งตั้งกรรมการของมูลนิธิธรรมกายขึ้นใหม่ทั้งชุด สำนักงานของมูลนิธิตั้งอยู่ที่ 40 หมู่ 8 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี มีใจความสำคัญ ดังนี้
พระวิเทศธรรมาภรณ์ (บัณฑิต วรปญโญ) ประธานกรรมการ พระครูวิบูลนิติธรรม (ไพบูลย์ ธมมวิปุโล) รองประธานธรรมการ พระวิชิต กิจจชโย (มุ่งการงาน) กรรมการและเลขานุการ พระสุรชัย ปัญญาธโร (สุธาชีวะ) กรรมการและเหรัญญิก กรรมการอีก 5 ท่านประกอบด้วยพระสุพจน์ มหาสกโก (คงสีพุฒ) นายปรีชา อุ่นรัศมีวงศ์ นายอาทิตย์ สีสุธก นายสิทธิศักดิ์ เทพเทพา และ น.ส.บุญจันทร์ บ่อไทย
ทั้งนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อ 29 มิถุนายน 2560
ขณะเดียวกันตำแหน่งของเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย แม้ไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการจากเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี แต่พบในใบอนุโมทนาบัตรของวัดพระธรรมกายว่า พระครูสังฆรักษ์รังสฤษฏ์ อิทธิจันตโก เป็นเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ไม่ใช่ตัวเต็งอย่างพระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ หรือพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ อย่างที่เคยคาดการณ์กันไว้
สถานการณ์ภายในวัดพระธรรมกาย เหมือนทุกอย่างจะนิ่งสงบ มีการเข้ามาตรวจตราของคณะสงฆ์ชั้นปกครอง กิจกรรมบุญต่าง ๆ ของทางวัดเดินหน้าต่อไปตามปกติ แม้จะไม่มีใครทราบว่าพระธัมมชโช อดีตเจ้าอาวาสยังอยู่ที่ใด

ลูกศิษย์แตก 2 ขั้ว
เมื่อตรวจสอบลงไปถึงกลุ่มลูกศิษย์ของวัดพระธรรมกาย กลับพบว่ามีความเคลื่อนไหวระหว่างบรรดาลูกศิษย์ด้วยกันอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะนายอัยย์ เพชรทอง ลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย ที่เคยเดินสายตามสื่อปกป้องวัดพระธรรมกาย จนมีการดีเบตที่โด่งดังกับนักร้องแร็ปอย่างอุ๋ย บุดดาเบลส โดยถูกประเมินว่าศิษย์วัดพระธรรมกายรายนี้พ่ายแพ้ในการดีเบต
หลังจากนั้นนายอัยย์ก็ถูกโจมตีจนมีกระแสข่าวออกมาว่าถูกขับจากทีมสถานีโทรทัศน์ DMC และการเคลื่อนไหวของอัยย์ต่อสาธารณะก็ลดลงตามลำดับ
แต่ในวงพูดคุยของบรรดาศิษย์วัดพระธรรมกายผ่านแอปพลิเคชันไลน์ กลับพบความขัดแย้งระหว่างลูกศิษย์ 2 กลุ่ม โดยพุ่งเป้าไปที่ผู้มีอำนาจในวัดพระธรรมกายรายหนึ่งระบุว่าเป็นพวกซิกแซ็ก จนมีการออกมาตอบโต้จากลูกศิษย์อีกกลุ่มหนึ่ง
อัยย์เปิดศึกพวก “ซิกแซ็ก”
เริ่มจากนายอัยย์ เพชรทอง ออกแถลงการณ์ ความในใจฉบับที่ 1 เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2560 ระบุว่า ผมขอชี้แจงเหตุผลและจุดประสงค์ของการออกมาเรียกร้องและเปิดเผยความจริงหลายสิ่งหลายอย่างให้ทุก ๆ ท่านได้ทราบ เพื่อจะได้เข้าใจถึงวัตถุประสงค์ของการออกมาของพวกเราในครั้งนี้
ทุก ๆ คนก็รู้ว่าเรามาวัดก็เพื่อสร้างบุญบารมี อบรมบ่มนิสัยให้ดียิ่งขึ้น พวกเรา*ฝ่ายเสบียงก็หาเงินมาทำบุญกันด้วยความยากลำบากทุ่มเทกันแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพันอย่างที่รู้ ๆ กันอยู่ เราหวังจะได้มีวัดที่ดีขยายไปทั่วโลก มีพระที่บริสุทธิ์เป็นเนื้อนาบุญที่ดีไว้เป็นที่พึ่งของชาวโลก มีเพียงบางท่านเท่านั้นที่ออกนอกลู่นอกทาง*ทำงานด้วยความ“ซิกแซ็ก”
แต่บังเอิญว่าบางท่านเหล่านี้กลับมีตำแหน่งสูงในองค์กร มีอำนาจในการตัดสินใจที่จะชี้ถูกชี้ผิดให้กับองค์กรและหลาย ๆ ครั้งก็ทำความเสียหายให้เกิดขึ้นด้วยความ“ซิกแซ็ก” โดยอ้างว่าไม่เจตนาอยู่บ่อย ๆ จนเป็นที่มาของความเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้กับหมู่คณะและช่วยกันปกปิดความผิดที่ก่อขึ้นไม่ให้หลุดออกมา
และบางท่านเหล่านี้ก็ไม่เคยจะแสดงความรับผิดชอบใดๆ หรือจะแสดงสปิริตใด ๆ ออกมาเลย ทั้ง ๆ ที่ความเสียหายเหล่านั้นใหญ่หลวงยิ่งนัก นำมาซึ่งวัดเราต้องถูกปิดล้อม หลวงพ่อต้องโดนคดีมากมาย วัดเราเสียชื่อเสียงยับเยิน ซึ่งถ้าท่านเหล่านั้นทำตามคำสอนของยายหรือหลวงพ่อตั้งแต่แรกโดยไม่ “ซิกแซ็ก” เรื่องร้าย ๆ ทั้งหลายจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย ด้วยเหตุผลดังกล่าวมานี้
ยื่นข้อเรียกร้อง 5 ข้อ
พวกผมจึงต้องออกมาเรียกร้องและมีจุดประสงค์ดังต่อไปนี้ครับ
1.ขอให้บางท่านเหล่านี้ได้ “ขอขมา” ต่อหลวงพ่อ(ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ไหน)และมหาปูชนียาจารย์ของเรา
2.ขอให้บางท่านเหล่านี้ได้ยุติบทบาท เว้นวรรคการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว เพื่อเปิดโอกาสให้มีการแก้ปัญหาด้วยความบริสุทธิ์ โปร่งใส ตรงไปตรงมา
3.ขอให้มีการแต่งตั้งพระผู้ใหญ่ที่มีภูมิรู้ภูมิธรรม มีความโปร่งใส มีเมตตามีความบริสุทธิ์ มีความสามารถมาทำหน้าที่แทนชั่วคราว
4.ให้เปลี่ยนทีมทนายที่มีประวัติด่างพร้อยออกไปให้หมด ให้มีทนายชุดใหม่ที่มีจรรยาบรรณไม่ขายตัว รักบุญ เข้ามาดูแลงานด้านกฎหมายแทน
5.ขอให้ทีมทำงานชุดใหม่ รีบเร่งช่วยหลวงพ่อให้พ้นมลทินที่ท่านถูกใส่ร้าย ถูกกลั่นแกล้ง ให้เร็วที่สุด เพราะท่านไม่มีความผิด ท่านบริสุทธิ์
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพระผู้ใหญ่บางท่านเหล่านี้ที่ตั้งใจมาบวชเพื่อสร้างบารมี เอาบุญกับมหาปูชนียาจารย์คงจะไม่ยึดติดกับตำแหน่ง ไม่เสพติดกับอำนาจวาสนาภายในองค์กรจนละวางปล่อยวางไม่ได้นะครับ
ท่านคงจะเมตตายอมเว้นวรรคเพื่อเห็นแก่ส่วนรวม นี่คือสิ่งที่อยากจะสื่อสารทำความเข้าใจกับพระคุณเจ้า สามเณรและพี่น้องลูกพระธัมฯ ทั่วโลก ทุก ๆ ท่านให้ได้รับทราบโดยทั่วกันครับ ไม่ได้มีจุดประสงค์แอบแฝงใด ๆ ทั้งสิ้นครับ ขอบคุณครับ

ศิษย์อีกกลุ่มโต้อัยย์
ทันทีที่แถลงการณ์ของอัยย์ เพชรทอง ออกมา นางสาวศศินภา นิติธรรมปพน ธรรมทายาทหญิง รุ่นที่ 3 ได้ออกมาตอบแถลงการณ์ดังกล่าวในวันเดียวกัน
ตอบข้อเรียกร้องของพี่อัยย์ เพชรทอง ตามที่กล่าวหาว่ามีพระและกลุ่มบุคคลบางกลุ่มทำวัดเสียหาย
ข้อที่ 1 ขอให้บางท่านเหล่านี้ขอขมาต่อหลวงพ่อ ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ไหนและต่อมหาปูชนียาจารย์ของเรา
ตอบ พี่ช่วยบอกชื่อ ฉายาของบางท่านให้ชัด ๆ หน่อยสิคะ พวกเราจะได้ไปอัญเชิญท่านมาขอขมาได้ถูก และหากว่าท่านมาแล้วพี่จะหาหลวงพ่อเจอหรือคะ ขนาดดีเอสไอแห่กันมาหมดกองทัพยังหาหลวงพ่อไม่พบ พี่ทำ 2 ข้อนี้ให้ได้ก่อน น้องจะรอ
ข้อที่ 2 ขอให้บางท่านเว้นวรรคการปฏิบัติหน้าที่เพื่อเปิดโอกาสให้มีการแก้ปัญหาฯ
ตอบ พูดเหมือน คสช.ตอนจะคืนความสุขประเทศไทยเลยนะคะ แล้วเป็นไง ธุรกิจพี่เจ๊งไปกี่ตัว เอาเถิด ไปทำข้อที่ 1 ให้คนวัดเห็นก่อนแล้วพี่ค่อยมาทำข้อที่ 2
ข้อที่ 3 ขอให้มีการแต่งตั้งพระผู้ใหญ่ที่มีภูมิรู้ ภูมิธรรม มีความโปร่งใส มีเมตตา มีความบริสุทธิ์ มีความสามารถ มาทำหน้าที่แทนชั่วคราว
ตอบ เอาพระอรหันต์ไหมพี่ พี่ไปคัดสรรมานะคะ ถ้าผ่านข้อ 1-2 มาได้ พี่เตรียมหาพระอรหันต์ไว้รอได้เลย แต่ว่าเอาแค่ทดสอบเล็ก ๆ พี่มานั่งเนสัชฯ ในวิหารหลวงปู่ด้วยกันไหม เอาแบบเรียลิตี้ สามวันสามคืน ใครนั่งโงกก่อนแพ้ ทดสอบพี่ไง พี่จะได้ไปหาพระที่บริสุทธิ์ได้ง่าย ๆ รับคำท้าเมื่อไหร่บอกด้วย
ข้อที่ 4 ให้เปลี่ยนทีมทนายที่มีประวัติด่างพร้อยออกให้หมด ให้มีทนายชุดใหม่ที่มีจรรยาบรรณไม่ขายตัว รักบุญ เข้ามาดูแลงานด้านกฎหมายแทน
ตอบ พี่เห็นเขาขายตัวหรือคะ เอาหลักฐานมา เอาชื่อมาด้วย จะได้จัดการถูกคน แล้วทีมทนายใหม่ของพี่ คุณสมบัติเลิศมาก เอาเป็นว่าพี่ทำข้อ 1-2-3 ผ่านมาได้ พี่ค่อยมาคิดข้อที่ 4 นะคะ
ข้อที่ 5 เฮือกสุดท้าย เอ๊ยข้อสุดท้าย พี่เสนอว่า ขอให้ทีมทำงานชุดใหม่รีบเร่งช่วยหลวงพ่อให้พ้นมลทิน ที่ท่านถูกใส่ร้าย กลั่นแกล้งให้เร็วที่สุด เพราะท่านไม่มีความผิด ท่านบริสุทธิ์
ตอบ เห็นด้วยค่ะพี่ พี่มีหัวใจตรงกันกับพวกเราเลยค่ะ พวกเราล้วนเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ แต่ข้อนี้ให้พี่ช่วยไปถาม คสช.ก่อนดีไหมคะว่า จะเป็นประชาธิปไตยเมื่อไหร่ ตราบใดที่ยังมี ม.44 พี่คิดหรือว่าจะมีเทวดาที่ไหนมาคืนความเป็นธรรมให้ท่านได้
รุกต่ออีก 2 ยก
จากนั้นนายอัยย์ เพชรทอง ได้ออกแถลงการณ์ ความในใจฉบับที่ 2 เมื่อ 15 กันยายน 2560 เนื้อหาไม่แตกต่างจากแถลงการณ์ฉบับแรก เป็นเพียงการอธิบายเหตุผลต่าง ๆ ที่ออกมาเรียกร้อง
ผมขอเรียกร้องมายังพี่น้องทั้งในวัดและนอกวัดที่รู้ความจริงเกี่ยวกับ “คนซิกแซ็ก” ผมขอให้ท่านได้กล้าที่จะออกมาบอกความจริงกับคน*ใกล้ตัวของท่าน ช่วยกันเปิดเผย*ความจริงให้พี่น้องเรา*ตาสว่างเสียทีเถอะครับ อย่าให้เขา*หลอกเราได้ทั้งวัด*ยิ่งเราออกกันมามากเท่าไหร่ เรื่องราวก็จะจบลงเร็วเท่านั้น
แถลงการณ์ความในใจฉบับที่ 3 ออกมาอีกครั้งในวันที่ 22 กันยายน 2560 ใจความไม่แตกต่างไปจากฉบับที่ 2 เพียงแต่แจ้งว่าได้มีหนึ่งในทีมงานของ “คนซิกแซ็ก” พร้อมที่จะหยุดและไม่ทำงานให้กับบุคคลที่ถูกกล่าวถึงดังกล่าวแล้ว และมีการตั้งหน่วยงานพิทักษ์พระพุทธศาสนาและวิชาธรรมกาย(พพธ.) โดยไม่รับเงินบริจาค เพื่อคอยสอดส่องดูแลวัดของเรา ไม่ให้บุคคลใด ๆ เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ในทางมิชอบทุก ๆ กรณี พร้อมประกาศหยุดภารกิจการปลุกพี่น้องให้ตื่นและรู้เท่ากัน “คนซิกแซ็ก”
แหล่งข่าวกล่าวว่า เวลานี้ภายในวัดพระธรรมกายมีความขัดแย้งกันในหมู่ลูกศิษย์กันมาก เพราะในบรรดาพระแกนนำต่างก็มีลูกศิษย์ในสายของตัวเอง เมื่อพระธัมมชโยไม่ปรากฏตัว จึงทำให้แต่ละฝ่ายต่างคาดหวังว่าจะได้ขึ้นมากุมอำนาจในวัด โดยมีการกล่าวหากันไปมา แต่เรื่องดังกล่าวยังไม่ขยายวงกว้างมากนัก แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนในขณะนี้คืออัยย์ เพชรทอง ก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญภายในวัดพระธรรมกาย
ภายใต้ความเงียบปราศจากการเคลื่อนไหวของวัดพระธรรมกาย หลังจากที่การบุกค้นเพื่อนำตัวพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย มาดำเนินคดี ด้วยมาตรการแรงสุดของรัฐบาลคือมาตรา 44 ก็ไม่สามารถควานหาตัวพระธัมมชโยมาดำเนินคดีได้ และกลายเป็นบททดสอบมาตรา 44 ว่าไม่สามารถใช้ได้ผลกับเรื่องของศาสนา
เรื่องราวของวัดพระธรรมกายหายไปจากความสนใจ หลังจากที่มีการใช้มาตรา 44 ย้ายนายพนม ศรศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ คนก่อน และมอบหมายให้พันตำรวจโทพงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ จากกรมสอบสวนคดีพิเศษเข้ามาทำหน้าที่แทน
แม้จะไม่สามารถนำตัวพระธัมมชโยมาดำเนินคดีได้ แต่ยังมีขั้นตอนอื่นที่ต้องดำเนินการต่อนั่นคือการส่งเรื่องสึกพระธัมมชโยให้กับมหาเถรสมาคมเป็นผู้พิจารณา และเรื่องก็ติดค้างอยู่ที่เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี
เช่นเดียวกับกรณีล่าสุดที่พันตำรวจโทพงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ เข้ามาเป็นผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ด้วยมาตรา 44 เช่นกัน แต่ก็นั่งเก้าอี้นี้ได้เพียงแค่ 6 เดือนก็ต้องถูกย้ายออกไปเป็นผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และถูกมอบหมายให้รับผิดชอบพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนใต้
เปลี่ยนกรรมการ-ตั้งเจ้าอาวาส
หลังจากที่มีการเลิกใช้มาตรา 44 ควบคุมพื้นที่วัดพระธรรมกาย กิจกรรมบุญของวัดพระธรรมกายก็ยังคงดำเนินต่อเนื่อง เพียงแต่จำนวนศิษยานุศิษย์อาจไม่คึกคักเหมือนเมื่อครั้งที่พระธัมมชโยยังไม่ถูกดำเนินคดี
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในวัดพระธรรมกาย ดำเนินไปอย่างเงียบ ๆ เริ่มที่มีการเปลี่ยนตัวกรรมการมูลนิธิธรรมกายชุดใหม่เมื่อ 27 เมษายน 2560
ด้วยนายพัฐจักร เทพษร ได้ยื่นคําขอจดทะเบียนการแต่งตั้งกรรมการของมูลนิธิธรรมกายขึ้นใหม่ทั้งชุด สำนักงานของมูลนิธิตั้งอยู่ที่ 40 หมู่ 8 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี มีใจความสำคัญ ดังนี้
พระวิเทศธรรมาภรณ์ (บัณฑิต วรปญโญ) ประธานกรรมการ พระครูวิบูลนิติธรรม (ไพบูลย์ ธมมวิปุโล) รองประธานธรรมการ พระวิชิต กิจจชโย (มุ่งการงาน) กรรมการและเลขานุการ พระสุรชัย ปัญญาธโร (สุธาชีวะ) กรรมการและเหรัญญิก กรรมการอีก 5 ท่านประกอบด้วยพระสุพจน์ มหาสกโก (คงสีพุฒ) นายปรีชา อุ่นรัศมีวงศ์ นายอาทิตย์ สีสุธก นายสิทธิศักดิ์ เทพเทพา และ น.ส.บุญจันทร์ บ่อไทย
ทั้งนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อ 29 มิถุนายน 2560
ขณะเดียวกันตำแหน่งของเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย แม้ไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการจากเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี แต่พบในใบอนุโมทนาบัตรของวัดพระธรรมกายว่า พระครูสังฆรักษ์รังสฤษฏ์ อิทธิจันตโก เป็นเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ไม่ใช่ตัวเต็งอย่างพระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ หรือพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ อย่างที่เคยคาดการณ์กันไว้
สถานการณ์ภายในวัดพระธรรมกาย เหมือนทุกอย่างจะนิ่งสงบ มีการเข้ามาตรวจตราของคณะสงฆ์ชั้นปกครอง กิจกรรมบุญต่าง ๆ ของทางวัดเดินหน้าต่อไปตามปกติ แม้จะไม่มีใครทราบว่าพระธัมมชโช อดีตเจ้าอาวาสยังอยู่ที่ใด
ลูกศิษย์แตก 2 ขั้ว
เมื่อตรวจสอบลงไปถึงกลุ่มลูกศิษย์ของวัดพระธรรมกาย กลับพบว่ามีความเคลื่อนไหวระหว่างบรรดาลูกศิษย์ด้วยกันอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะนายอัยย์ เพชรทอง ลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย ที่เคยเดินสายตามสื่อปกป้องวัดพระธรรมกาย จนมีการดีเบตที่โด่งดังกับนักร้องแร็ปอย่างอุ๋ย บุดดาเบลส โดยถูกประเมินว่าศิษย์วัดพระธรรมกายรายนี้พ่ายแพ้ในการดีเบต
หลังจากนั้นนายอัยย์ก็ถูกโจมตีจนมีกระแสข่าวออกมาว่าถูกขับจากทีมสถานีโทรทัศน์ DMC และการเคลื่อนไหวของอัยย์ต่อสาธารณะก็ลดลงตามลำดับ
แต่ในวงพูดคุยของบรรดาศิษย์วัดพระธรรมกายผ่านแอปพลิเคชันไลน์ กลับพบความขัดแย้งระหว่างลูกศิษย์ 2 กลุ่ม โดยพุ่งเป้าไปที่ผู้มีอำนาจในวัดพระธรรมกายรายหนึ่งระบุว่าเป็นพวกซิกแซ็ก จนมีการออกมาตอบโต้จากลูกศิษย์อีกกลุ่มหนึ่ง
อัยย์เปิดศึกพวก “ซิกแซ็ก”
เริ่มจากนายอัยย์ เพชรทอง ออกแถลงการณ์ ความในใจฉบับที่ 1 เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2560 ระบุว่า ผมขอชี้แจงเหตุผลและจุดประสงค์ของการออกมาเรียกร้องและเปิดเผยความจริงหลายสิ่งหลายอย่างให้ทุก ๆ ท่านได้ทราบ เพื่อจะได้เข้าใจถึงวัตถุประสงค์ของการออกมาของพวกเราในครั้งนี้
ทุก ๆ คนก็รู้ว่าเรามาวัดก็เพื่อสร้างบุญบารมี อบรมบ่มนิสัยให้ดียิ่งขึ้น พวกเรา*ฝ่ายเสบียงก็หาเงินมาทำบุญกันด้วยความยากลำบากทุ่มเทกันแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพันอย่างที่รู้ ๆ กันอยู่ เราหวังจะได้มีวัดที่ดีขยายไปทั่วโลก มีพระที่บริสุทธิ์เป็นเนื้อนาบุญที่ดีไว้เป็นที่พึ่งของชาวโลก มีเพียงบางท่านเท่านั้นที่ออกนอกลู่นอกทาง*ทำงานด้วยความ“ซิกแซ็ก”
แต่บังเอิญว่าบางท่านเหล่านี้กลับมีตำแหน่งสูงในองค์กร มีอำนาจในการตัดสินใจที่จะชี้ถูกชี้ผิดให้กับองค์กรและหลาย ๆ ครั้งก็ทำความเสียหายให้เกิดขึ้นด้วยความ“ซิกแซ็ก” โดยอ้างว่าไม่เจตนาอยู่บ่อย ๆ จนเป็นที่มาของความเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้กับหมู่คณะและช่วยกันปกปิดความผิดที่ก่อขึ้นไม่ให้หลุดออกมา
และบางท่านเหล่านี้ก็ไม่เคยจะแสดงความรับผิดชอบใดๆ หรือจะแสดงสปิริตใด ๆ ออกมาเลย ทั้ง ๆ ที่ความเสียหายเหล่านั้นใหญ่หลวงยิ่งนัก นำมาซึ่งวัดเราต้องถูกปิดล้อม หลวงพ่อต้องโดนคดีมากมาย วัดเราเสียชื่อเสียงยับเยิน ซึ่งถ้าท่านเหล่านั้นทำตามคำสอนของยายหรือหลวงพ่อตั้งแต่แรกโดยไม่ “ซิกแซ็ก” เรื่องร้าย ๆ ทั้งหลายจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย ด้วยเหตุผลดังกล่าวมานี้
ยื่นข้อเรียกร้อง 5 ข้อ
พวกผมจึงต้องออกมาเรียกร้องและมีจุดประสงค์ดังต่อไปนี้ครับ
1.ขอให้บางท่านเหล่านี้ได้ “ขอขมา” ต่อหลวงพ่อ(ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ไหน)และมหาปูชนียาจารย์ของเรา
2.ขอให้บางท่านเหล่านี้ได้ยุติบทบาท เว้นวรรคการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว เพื่อเปิดโอกาสให้มีการแก้ปัญหาด้วยความบริสุทธิ์ โปร่งใส ตรงไปตรงมา
3.ขอให้มีการแต่งตั้งพระผู้ใหญ่ที่มีภูมิรู้ภูมิธรรม มีความโปร่งใส มีเมตตามีความบริสุทธิ์ มีความสามารถมาทำหน้าที่แทนชั่วคราว
4.ให้เปลี่ยนทีมทนายที่มีประวัติด่างพร้อยออกไปให้หมด ให้มีทนายชุดใหม่ที่มีจรรยาบรรณไม่ขายตัว รักบุญ เข้ามาดูแลงานด้านกฎหมายแทน
5.ขอให้ทีมทำงานชุดใหม่ รีบเร่งช่วยหลวงพ่อให้พ้นมลทินที่ท่านถูกใส่ร้าย ถูกกลั่นแกล้ง ให้เร็วที่สุด เพราะท่านไม่มีความผิด ท่านบริสุทธิ์
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพระผู้ใหญ่บางท่านเหล่านี้ที่ตั้งใจมาบวชเพื่อสร้างบารมี เอาบุญกับมหาปูชนียาจารย์คงจะไม่ยึดติดกับตำแหน่ง ไม่เสพติดกับอำนาจวาสนาภายในองค์กรจนละวางปล่อยวางไม่ได้นะครับ
ท่านคงจะเมตตายอมเว้นวรรคเพื่อเห็นแก่ส่วนรวม นี่คือสิ่งที่อยากจะสื่อสารทำความเข้าใจกับพระคุณเจ้า สามเณรและพี่น้องลูกพระธัมฯ ทั่วโลก ทุก ๆ ท่านให้ได้รับทราบโดยทั่วกันครับ ไม่ได้มีจุดประสงค์แอบแฝงใด ๆ ทั้งสิ้นครับ ขอบคุณครับ
ศิษย์อีกกลุ่มโต้อัยย์
ทันทีที่แถลงการณ์ของอัยย์ เพชรทอง ออกมา นางสาวศศินภา นิติธรรมปพน ธรรมทายาทหญิง รุ่นที่ 3 ได้ออกมาตอบแถลงการณ์ดังกล่าวในวันเดียวกัน
ตอบข้อเรียกร้องของพี่อัยย์ เพชรทอง ตามที่กล่าวหาว่ามีพระและกลุ่มบุคคลบางกลุ่มทำวัดเสียหาย
ข้อที่ 1 ขอให้บางท่านเหล่านี้ขอขมาต่อหลวงพ่อ ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ไหนและต่อมหาปูชนียาจารย์ของเรา
ตอบ พี่ช่วยบอกชื่อ ฉายาของบางท่านให้ชัด ๆ หน่อยสิคะ พวกเราจะได้ไปอัญเชิญท่านมาขอขมาได้ถูก และหากว่าท่านมาแล้วพี่จะหาหลวงพ่อเจอหรือคะ ขนาดดีเอสไอแห่กันมาหมดกองทัพยังหาหลวงพ่อไม่พบ พี่ทำ 2 ข้อนี้ให้ได้ก่อน น้องจะรอ
ข้อที่ 2 ขอให้บางท่านเว้นวรรคการปฏิบัติหน้าที่เพื่อเปิดโอกาสให้มีการแก้ปัญหาฯ
ตอบ พูดเหมือน คสช.ตอนจะคืนความสุขประเทศไทยเลยนะคะ แล้วเป็นไง ธุรกิจพี่เจ๊งไปกี่ตัว เอาเถิด ไปทำข้อที่ 1 ให้คนวัดเห็นก่อนแล้วพี่ค่อยมาทำข้อที่ 2
ข้อที่ 3 ขอให้มีการแต่งตั้งพระผู้ใหญ่ที่มีภูมิรู้ ภูมิธรรม มีความโปร่งใส มีเมตตา มีความบริสุทธิ์ มีความสามารถ มาทำหน้าที่แทนชั่วคราว
ตอบ เอาพระอรหันต์ไหมพี่ พี่ไปคัดสรรมานะคะ ถ้าผ่านข้อ 1-2 มาได้ พี่เตรียมหาพระอรหันต์ไว้รอได้เลย แต่ว่าเอาแค่ทดสอบเล็ก ๆ พี่มานั่งเนสัชฯ ในวิหารหลวงปู่ด้วยกันไหม เอาแบบเรียลิตี้ สามวันสามคืน ใครนั่งโงกก่อนแพ้ ทดสอบพี่ไง พี่จะได้ไปหาพระที่บริสุทธิ์ได้ง่าย ๆ รับคำท้าเมื่อไหร่บอกด้วย
ข้อที่ 4 ให้เปลี่ยนทีมทนายที่มีประวัติด่างพร้อยออกให้หมด ให้มีทนายชุดใหม่ที่มีจรรยาบรรณไม่ขายตัว รักบุญ เข้ามาดูแลงานด้านกฎหมายแทน
ตอบ พี่เห็นเขาขายตัวหรือคะ เอาหลักฐานมา เอาชื่อมาด้วย จะได้จัดการถูกคน แล้วทีมทนายใหม่ของพี่ คุณสมบัติเลิศมาก เอาเป็นว่าพี่ทำข้อ 1-2-3 ผ่านมาได้ พี่ค่อยมาคิดข้อที่ 4 นะคะ
ข้อที่ 5 เฮือกสุดท้าย เอ๊ยข้อสุดท้าย พี่เสนอว่า ขอให้ทีมทำงานชุดใหม่รีบเร่งช่วยหลวงพ่อให้พ้นมลทิน ที่ท่านถูกใส่ร้าย กลั่นแกล้งให้เร็วที่สุด เพราะท่านไม่มีความผิด ท่านบริสุทธิ์
ตอบ เห็นด้วยค่ะพี่ พี่มีหัวใจตรงกันกับพวกเราเลยค่ะ พวกเราล้วนเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ แต่ข้อนี้ให้พี่ช่วยไปถาม คสช.ก่อนดีไหมคะว่า จะเป็นประชาธิปไตยเมื่อไหร่ ตราบใดที่ยังมี ม.44 พี่คิดหรือว่าจะมีเทวดาที่ไหนมาคืนความเป็นธรรมให้ท่านได้
รุกต่ออีก 2 ยก
จากนั้นนายอัยย์ เพชรทอง ได้ออกแถลงการณ์ ความในใจฉบับที่ 2 เมื่อ 15 กันยายน 2560 เนื้อหาไม่แตกต่างจากแถลงการณ์ฉบับแรก เป็นเพียงการอธิบายเหตุผลต่าง ๆ ที่ออกมาเรียกร้อง
ผมขอเรียกร้องมายังพี่น้องทั้งในวัดและนอกวัดที่รู้ความจริงเกี่ยวกับ “คนซิกแซ็ก” ผมขอให้ท่านได้กล้าที่จะออกมาบอกความจริงกับคน*ใกล้ตัวของท่าน ช่วยกันเปิดเผย*ความจริงให้พี่น้องเรา*ตาสว่างเสียทีเถอะครับ อย่าให้เขา*หลอกเราได้ทั้งวัด*ยิ่งเราออกกันมามากเท่าไหร่ เรื่องราวก็จะจบลงเร็วเท่านั้น
แถลงการณ์ความในใจฉบับที่ 3 ออกมาอีกครั้งในวันที่ 22 กันยายน 2560 ใจความไม่แตกต่างไปจากฉบับที่ 2 เพียงแต่แจ้งว่าได้มีหนึ่งในทีมงานของ “คนซิกแซ็ก” พร้อมที่จะหยุดและไม่ทำงานให้กับบุคคลที่ถูกกล่าวถึงดังกล่าวแล้ว และมีการตั้งหน่วยงานพิทักษ์พระพุทธศาสนาและวิชาธรรมกาย(พพธ.) โดยไม่รับเงินบริจาค เพื่อคอยสอดส่องดูแลวัดของเรา ไม่ให้บุคคลใด ๆ เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ในทางมิชอบทุก ๆ กรณี พร้อมประกาศหยุดภารกิจการปลุกพี่น้องให้ตื่นและรู้เท่ากัน “คนซิกแซ็ก”
แหล่งข่าวกล่าวว่า เวลานี้ภายในวัดพระธรรมกายมีความขัดแย้งกันในหมู่ลูกศิษย์กันมาก เพราะในบรรดาพระแกนนำต่างก็มีลูกศิษย์ในสายของตัวเอง เมื่อพระธัมมชโยไม่ปรากฏตัว จึงทำให้แต่ละฝ่ายต่างคาดหวังว่าจะได้ขึ้นมากุมอำนาจในวัด โดยมีการกล่าวหากันไปมา แต่เรื่องดังกล่าวยังไม่ขยายวงกว้างมากนัก แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนในขณะนี้คืออัยย์ เพชรทอง ก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญภายในวัดพระธรรมกาย