xs
xsm
sm
md
lg

ศาลสั่ง “ทักษิณ-พวก” ชดใช้เงินหลวงแสนล้าน จี้ “บิ๊กตู่” สั่ง จนท.ทวงคืน!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คดีทุจริตคอร์รัปชันที่เกี่ยวข้องกับ ‘ทักษิณ ชินวัตรและพวก’ หลายคดี ศาลฯ ได้พิพากษาไปแล้ว และศาลฯ สั่งให้มีการยึดทรัพย์มูลค่านับแสนล้านบาท ถึงวันนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ แจงคดีผลประโยชน์ทับซ้อนและร่ำรวยผิดปกติ ที่ ‘ทักษิณ’ สั่งการเอื้อกลุ่มชินคอร์ป ยึดได้เฉพาะ 4.6 หมื่นล้านแล้ว ส่วนอีก 7.6 หมื่นล้าน ตั้งความหวัง ‘รัฐบาลบิ๊กตู่’ จัดการ สั่งเจ้าหน้าที่รัฐทวงคืน ใครไม่ดำเนินการเข้าข่ายผิดกฎหมายอาญา มาตรา 157
(ซ้ายบน)นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร, นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ( ล่าง)นายพานทองแท้ ชินวัตร
แม้ผลการสำรวจของสถาบันพระปกเกล้าร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสำนักงานสถิติแห่งชาติ ในเรื่องความเชื่อถือของนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ปี 2545-2560 พบว่า นายกรัฐมนตรีที่ได้รับความเชื่อมั่นสูงสุดในช่วง 15 ปีที่ผ่านมาคือ นายทักษิณ ชินวัตร ได้รับความนิยมถึง 92.9 % ในปี 2546 แต่ลดลงมาเหลือ 77.2 %ในปี 2549 ก่อนมีการรัฐประหารก็ตาม แต่ในความเป็นจริง นายทักษิณ ชินวัตร กลายเป็นบุคคลที่สังคมต้องเกาะติดข่าวสารตลอดมาในเรื่องของคดีความต่าง ๆ โดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชัน

กระทั่งมาถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็มีชะตากรรมไม่ต่างจากนายทักษิณ ต้องคดีทุจริตคอร์รัปชันในโครงการรับจำนำข้าวที่ทำให้รัฐเสียหายถึง 5.1 แสนล้านบาท และในเร็ว ๆ นี้ดูว่าจะมีนายพานทองแท้ ชินวัตร และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีคอร์รัปชันอื่น ๆ อีกหรือไม่?

อย่างไรก็ดีคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีจำนำข้าว และระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ที่มี นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และนายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ จากพรรคเพื่อไทย และพวกรวม 28 คน ซึ่งศาลฯ ได้ตัดสินจำคุกนายบุญทรง 42 ปี และให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่กระทรวงการคลัง 16,912,128,273.66 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 นับแต่วันที่รับมอบข้าว ตามสัญญาแต่ละฉบับ จำเลยอื่นให้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายตามส่วนเช่นเดียวกัน

ทุจริตจำนำข้าวแบบจีทูจี กระทรวงพาณิชย์ได้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากบุคคลที่เกี่ยวข้องไปแล้ว ถือเป็นความรับผิดชอบโดยตรงที่จะปกป้องทวงคืนเงินที่สูญเสียกลับคืนรัฐ เพราะการทุจริตที่เกิดขึ้นและสำเร็จได้ต้องร่วมกัน 3 ฝ่ายที่ได้ประโยชน์ ทั้งนักการเมือง ข้าราชการ และพ่อค้า ซึ่งจริง ๆ แล้วข้าราชการรู้ดีที่สุดว่ามีช่องทางหาประโยชน์ได้อย่างไร

ขณะเดียวกันยังมีอีกหลายคดีที่ศาลฯ มีคำพิพากษาไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับนิ่งเฉยไม่ไปดำเนินการฟ้องร้องทวงเงินคืนให้กับรัฐ และถ้าไปตามดูคดีต่าง ๆ ที่ศาลฯ ตัดสินไปแล้วรัฐน่าจะได้เงินคืนมีมูลค่านับแสนล้านบาท

จริง ๆ ถ้ารัฐมอบให้หน่วยงานใดเป็นผู้ดำเนินการฟ้องร้องทวงคืนเงินที่มีการทุจริตและทำให้รัฐเสียหายกลับคืนมาได้เป็นเรื่องที่ดี อาจมอบให้ ป.ป.ช. อัยการสูงสุด หรือหน่วยงานที่เสียหายไปฟ้อง หรือจะตั้งหน่วยงานขึ้นมาใหม่ ทำหน้าที่ทวงเงินแผ่นดิน ก็เป็นเรื่องที่ดี
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล บอกว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีนโยบายในการปราบทุจริตอยู่แล้ว และต้องการให้ฝ่ายการเมืองและผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานรัฐปฏิบัติตัวอยู่ในกรอบความซื่อสัตย์ ไม่ทุจริตคอร์รัปชั่น และมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม พ.ศ....เรียกง่าย ๆ ว่า กฎหมาย 4 ชั่วโคตร ที่จะนำมาใช้ควบคุมการทำงานต่อไป

นักการเมือง และข้าราชการทุกคน กลัวต้องมาชดใช้ค่าเสียหายมาก ๆ ตามยึดบ้าน ยึดทรัพย์สิน เงินทอง เพราะจะส่งผลให้ครอบครัว ลูกหลาน พวกเขาต้องเดือดร้อน ถ้ารัฐทำให้เห็นอย่างจริงจัง ว่าทรัพย์สินมีอยู่ตรงไหนตามยึดคืนให้หมดจะแก้ปัญหาทุจริตได้แน่

นอกจากนี้หากหน่วยงานใดที่เสียหายจากการทุจริต แต่ข้าราชการในสังกัดไม่ดำเนินการทวงคืน รัฐก็น่าจะดำเนินการเอาผิดตามมาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ก็จะทำให้หน่วยงานรัฐไม่เกียร์ว่างอีกต่อไป

สำหรับคดีทุจริตคอร์รัปชัน ที่ศาลฯ มีการตัดสินไปแล้วและรัฐน่าจะมีการไปดำเนินการทวงคืนได้ เช่น

1. คดีทุจริตโครงการออกสลากเลขท้าย 2 ตัวและ 3 ตัวหรือหวยบนดิน ที่มีผู้เกี่ยวข้องเป็นทั้งนักการเมืองและข้าราชการ ฝ่าฝืนกฎหมายที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ตาม พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่ง พ.ศ. 2517 มาตรา 5 และมาตรา 9 กรณี คณะรัฐมนตรีและคณะกรรมการสลากฯ ให้นำรายได้ในการออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 2 ตัวและ 3 ตัวคืนสู่สังคมนั้นถือเป็นการฝ่าฝืนต่อ พ.ร.บ.เงินคงคลัง พ.ศ. 2491 มาตรา 4 และมาตรา 13 และ พ.ร.บ.สำนักงานสลาก พ.ศ. 2517 มาตรา 23 และ 27 ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินจำคุก และปรับอดีตรัฐมนตรีและข้าราชการหลายคน
นายวราเทพ รัตนากร อดีต รมช.คลัง,
โดย นายทักษิณ ชินวัตร ศาลฯ ออกหมายจับและมีการจำหน่ายคดีเฉพาะเป็นการชั่วคราว

นายวราเทพ รัตนากร อดีต รมช.คลัง, นายสมใจนึก เองตระกูล อดีตปลัดกระทรวงการคลังและประธานบอร์ดกองสลาก, นายชัยวัฒน์ พสกภักดี จำคุกคนละ 2 ปี และรอลงอาญา อีกทั้งออกหมายจับอีก 4 คนที่ไม่มาฟังคำพิพากษา

สำหรับค่าเสียหายที่เกิดขึ้นในคดีหวยบนดิน ทั้งหมด 3.6 หมื่นล้าน แบ่งเป็นความเสียหายที่เกิดกับกระทรวงการคลัง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่ได้หักภาษี ณ ที่จ่าย จากส่วนลดการจำหน่ายสลากพิเศษ 8,970 ล้านบาท และยังเกิดความเสียหายจากที่กระทรวงมหาดไทยไม่ได้รับเป็นส่วนของภาษีตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. 2478 ที่ต้องชำระร้อยละ 10 ของราคาสลาก แต่หักไว้เพียงร้อยละ 0.5 รวมเป็นเงินค่าเสียหาย 12,792 ล้านบาท รวมทั้งความเสียหายที่กรุงเทพมหานครขาดรายได้จากภาษีท้องถิ่น ซึ่งต้องชำระร้อยละ 2.5 จากยอดที่ต้องเสียภาษี รวมเป็นเงิน 336,638 ล้านบาท

ความเสียหายที่เกิดขึ้นก็เป็นเรื่องที่ กระทรวงการคลัง มหาดไทยและกรุงเทพมหานคร ต้องไปฟ้องร้องเพื่อเรียกค่าเสียหายคืนให้กับรัฐ

2. คดีธนาคารกรุงไทยอนุมัติสินเชื่อให้บริษัทในเครือกฤษดามหานคร ศาลฯ ได้ตัดสินจำคุกผู้ที่เกี่ยวข้องคนละ 18 ปี และในส่วนของนายทักษิณ ชินวัตร ให้จำหน่ายคดีออกไปก่อนจนกว่าจะได้ตัวมาดำเนินคดี ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้น 1,185 ล้านบาท เป็นเรื่องที่ธนาคารกรุงไทยต้องไปดำเนินการเรียกคืน

3. คดีที่ธนาคารส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (คดีเอ็กซิมแบงก์) เป็นคดีที่นายทักษิณ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 และมาตรา 157 โครงการปล่อยกู้แก่รัฐบาลสหภาพพม่า จำนวน 4 พันล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 3/ปี ซึ่งต่ำกว่าราคาต้นทุนของเอ็กซิมแบงก์ ในระยะเวลา 12 ปี โดยรัฐบาลต้องตั้งงบประมาณชดเชยผลขาดทุนให้แก่เอ็กซิมแบงก์ในระยะเวลา 12 ปี เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 670,436,201.25 บาท และการปล่อยกู้ครั้งนี้เพื่อหวังประโยชน์ทางธุรกิจในการสั่งซื้ออุปกรณ์จากบริษัท ชินแซทเทลไลท์ ซึ่งศาลฎีกาฯ มีคำสั่งให้ออกหมายจับนายทักษิณและจำหน่ายคดีเฉพาะเป็นการชั่วคราว

ตรงนี้กระทรวงการคลังหรือจะเป็นเอ็กซิมแบงก์ก็ได้ ต้องไปไล่ทวงคืนความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ต่ำกว่า 670 ล้านบาท”

4. คดีรับจำนำข้าว ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญา ในฐานะนายกรัฐมนตรีจะต้องพิจารณายับยั้งโครงการตั้งแต่เริ่มรับทราบว่ามีการทุจริตในการดำเนินโครงการและความเสียหายต่าง ๆ จากการดำเนินโครงการ ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้มาฟังการพิจารณาคดีและหลบหนีออกนอกประเทศ ศาลฯ ได้ออกหมายจับและเลื่อนมาฟังคำพิพากษาในวันที่ 27 กันยายนนี้ และปรับเงินประกัน 30 ล้านบาท ส่วนมูลค่าความเสียหายครั้งนี้อยู่ที่ 5.1 แสนล้านบาท

เมื่อคดีถึงที่สุดและศาลฯ ตัดสินว่ายิ่งลักษณ์มีความผิดจริงก็ต้องดำเนินการตามคำสั่งศาลต่อไป”

5. คดีผลประโยชน์ทับซ้อนและร่ำรวยผิดปกติ มีมูลค่าความเสียหาย 76,000 ล้านบาท ซึ่งนางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ บอกว่า เป็นความเสียหายที่ระบุไว้ในท้ายคำพิพากษาของศาลในคดีนี้ ว่าเกิดความเสียหายจากคดีอาญา หรือจากการทุจริต จึงเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐที่จะต้องติดตาม นับตั้งแต่ปี พ.ศ 2555 จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ICT หรือ DE รายใด หรือปลัดกระทรวงรายใดติดตามค่าเสียหายคืนให้กับรัฐ ซึ่งมีคดีที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

คดีทุจริตแก้ไขสัญญาปรับลดอัตราส่วนแบ่งรายได้โทรศัพท์มือถือแบบจ่ายล่วงหน้า (Prepaid) ซึ่งนายทักษิณ ถูกกล่าวหามีส่วนในการแก้ไขสัญญาโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยปรับลดอัตราส่วนแบ่งรายได้จากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบใช้บัตรจ่ายเงินล่วงหน้า (Prepaid Card) ให้บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (AIS) มีผลให้ องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (เปลี่ยนเป็น ทศท.คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ปัจจุบันเป็น ทีโอที จำกัด (มหาชน) ) สูญเสียรายได้ 70,872 ล้านบาท

คดีแก้ไขสัญญาโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่ออนุญาตให้ใช้เครือข่ายร่วม (Roaming) นายทักษิณ ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนในการแก้ไขสัญญาโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่ออนุญาตให้ใช้เครือข่ายร่วม (Roaming) ปรับลดอัตราค่าใช้เครือข่ายร่วมเป็นการเอื้อประโยชน์แก่บริษัทชินคอร์ปฯ และบริษัทเอไอเอส ซึ่งการแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาที่ให้บริษัทเอไอเอส เข้าไปใช้เครือข่ายร่วมผู้ให้บริการรายอื่นมีผลต่อการจ่ายเงินผลประโยชน์ที่บริษัท เอไอเอส ต้องจ่ายให้กับ บริษัท ทศท.และบริษัท กสท ซึ่งเป็นกิจการของรัฐ ไม่น้อยกว่า 1.8 หมื่นล้าน กลายเป็นบริษัทเอไอเอสจะได้รับผลประโยชน์ที่ไม่ต้องจ่ายเงินจำนวนดังกล่าว

“คดีนี้ ทศท.สูญเสียรายได้ 6,960 ล้านบาท กสท สูญเสียรายได้ 796 ล้านบาท"

คดีทุจริตแปลงสัมปทานมือถือดาวเทียมเป็นภาษีสรรพสามิต นายทักษิณ  ถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจตำแหน่งนายกฯ ผ่านกระบวนการตรากฎหมายแก้ไขพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตโดยให้ลดอัตราและยกเว้นภาษีสรรพสามิตสำหรับกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (AIS) จากอัตราร้อยละ 50 เหลือร้อยละ 10 เป็นผลให้รัฐเสียหายถึง 6 หมื่นล้านบาท 

คดีเอื้อประโยชน์โครงการไอพีสตาร์ นายทักษิณ ถูกข้อหาปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจในตำแหน่งที่เอื้อประโยชน์ให้บริษัทไทยคม เป็นการอนุมัติโครงการดาวเทียม IP STAR โดยอนุมัติแก้ไขสัญญาสัมปทาน ครั้งที่ 5 วันที่ 27 ตุลาคม 2547 ลดสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทชินคอร์ปฯ ในบริษัท ชินแซทเทลไลท์ ที่เป็นผู้ขออนุมัติสร้างและส่งดาวเทียมไทยคม และการอนุมัติให้ใช้เงินค่าสินไหมทดแทนของดาวเทียมไทยคม 3 จำนวน 6.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ไปเช่าช่องสัญญาณต่างประเทศ ซึ่งเป็นการอนุมัติการดำเนินการอย่างผิดปกติ เป็นผลให้รัฐเสียหาย 1.6 หมื่นล้านบาทและเป็นการเอื้อประโยชน์กับบริษัทชินคอร์ปฯ และชินแซทฯ
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีต รมว.ไอซีที
กรณีการอนุมัติแก้ไขสัญญาสัมปทานโครงการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ (ฉบับที่5) คดีนี้ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีต รมว.ไอซีที ถูกข้อหาฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติตามมาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญา ได้อนุมัติให้แก้ไขสัญญาสัมปทานกิจการดาวเทียมภายในประเทศโดยเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) คดีนี้ศาลตัดสินให้จำคุก นพ.สุรพงษ์ 1 ปี และ นพ.สุรพงษ์ ก็ถูกจำคุกและได้รับการพักโทษเรียบร้อยแล้ว ส่วนนายไกรสร พรสุธี อดีตปลัดกระทรวงและนายไชยยันต์ พึ่งเกียรติ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักกิจการอวกาศแห่งชาติ ศาลตัดสินจำคุกคนละ 1 ปี และปรับคนละ 2 หมื่นบาท ซึ่งโทษจำคุกศาลรอลงอาญาไว้มีกำหนดคนละ 5 ปี คดีนี้ทำให้เกิดความเสียหายแก่สำนักกิจการอวกาศแห่งชาติและทางราชการ

ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ มีคำพิพากษายึดทรัพย์มูลค่า 4.6 หมื่นล้านบาท ให้ตกเป็นของแผ่นดิน เป็นหนึ่งในคดีร่ำรวยผิดปกติของนายทักษิณ ซึ่งคดียึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านได้ทำไปในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่มูลค่าความเสียหายอีกจำนวนกว่า 76,000 ล้านบาท เป็นหน้าที่ของหน่วยงานรัฐต้องไปติดตามเอาคืน และถ้านายกฯ ไม่สั่งการ พรรคประชาธิปัตย์ก็จะพิจารณาว่าจะดำเนินการฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางต่อไปหรือไม่

จากนี้ไปต้องจับตาดูว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะดำเนินการทวงคืนเงินที่รัฐต้องสูญเสียไปจากการทุจริตคอร์รัปชันตามที่ศาลฯ มีคำพิพากษาให้บุคคลต้องชดใช้ค่าเสียหายในคดีต่าง ๆ ได้หรือไม่? และหากรัฐทวงคืนได้จะมีเงินเข้าคลังไม่ต่ำกว่าแสนล้านเพื่อใช้ในการพัฒนาประเทศต่อไป !

กำลังโหลดความคิดเห็น