xs
xsm
sm
md
lg

“ธวัชชัย อนุกูล” ตายเพราะ “บ่นดัง” หวั่นสาวถึง “นาย-ค่าคุ้มครอง”!?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตามล่าความจริงคดี นายธวัชชัย อนุกูล อดีตที่ดินจังหวัดภูเก็ต ผู้สร้างตำนานออก “สค.1 บิน” มูลค่านับหมื่นล้านบาท เสียชีวิตจากมีผู้กระทำจนตับแตกตายในดีเอสไอ ชี้เหตุถูกฆาตกรรมอำพราง เพราะหากปล่อยให้เปิดปาก...ใคร..ใคร ก็มีหนาวได้ ขณะที่คดีนี้ยาวนานนับ 10 ปี มีตำรวจเกี่ยวข้องหลายหน่วย ทั้งกองปราบ สอบสวนกลาง ปปง. และดีเอสไอ วงในเล่าลือ “ธวัชชัย” ยอมจ่ายค่าคุ้มครองให้คนมีสีแลกกับการไม่ถูกจับ!?

หลังศาลอาญามีคำสั่งว่า ผู้ตายคือนายธวัชชัย อนุกูล เสียชีวิตจากถูกของแข็งไม่มีคมกระแทก ตับแตก เลือดออกในช่องท้อง ร่วมกับการขาดอากาศหายใจจากการผูกคอ โดยยังไม่ทราบว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติตามหน้าที่

โดยนายธวัชชัย ถูกควบคุมที่ชั้น 6 ของอาคารดีเอสไอ ซึ่งเป็นห้องควบคุมของกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อรอนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญาในวันนี้ (30 สิงหาคม) 2559

พูดกันภาษาบ้าน ๆ คือ “ธวัชชัย อนุกูล” ตับแตกตาย!

ดังนั้นการตายของนายธวัชชัย จึงเป็นที่เคลือบแคลงสงสัย และนำไปสู่คำถามที่ต้องการคำตอบว่า ใครทำให้ตาย-เพราะเหตุใดจึงต้องตาย

หากจะไล่เรียงที่มาที่ไปพบว่า เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงประมาณปี 2542 และประมาณปี 2546 มีการฆาตกรรมนายพงษ์ธร หิรัญบูรณะ ผู้ช่วยเจ้าพนักงานที่ดิน 'ตงฉิน' สำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ซึ่งถูกโยกย้ายมาปฏิบัติงานแทนหลังจากนายธวัชชัย อนุกูล หลบหนีคดีเรื่องการออกเอกสารสิทธิไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขณะที่ นายพงษ์ธร ไม่ยอมเซ็นเอกสารใด ๆ ที่มีการกระทำไว้อย่างไม่ถูกต้องให้กับกลุ่มผู้มีอิทธิพลจึงเป็นที่มาของการฆาตกรรม และยังเป็นสาเหตุให้รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ขณะนั้นตั้งชุดเฉพาะกิจเข้าทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง การออกเอกสารสิทธิ และหนังสือ อนุญาตเข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินจังหวัดภูเก็ต โดยมีตำรวจหลายหน่วยงานเข้าไปดำเนินการตรวจสอบ ทั้งกองบังคับการปราบปราม ซึ่งอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ที่มี พล.ต.ต. ปานศิริ ประภาวัตร รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นเลขานุการคณะทำงาน ได้ข้อสรุปถึงเอกสารสิทธิที่ดินที่ออกโดยมิชอบ ล้วนแต่ลงนามโดยนายธวัชชัย อนุกูล อดีตผู้ช่วยเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต

“สค.1 บิน” จึงเกิดขึ้นทั่วพื้นที่ภูเก็ต !

วิธีการ สค.1 บิน ก็เป็นการนำ สค.1 แปลงอื่น มาสวมสิทธิ์ออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบ ที่สำคัญ นายธวัชชัย ยังหาญกล้าออกเอกสารสิทธิที่ดินขึ้นใหม่ให้กับนายทุนกลุ่มต่าง ๆ โดยมีอัตราการแลกเปลี่ยนที่สูงจนน่าตกใจ

การซื้อขายที่ดินสะพัดมากในจังหวัดภูเก็ต ธวัชชัยทำให้คนอื่นรวย เขาก็รวยด้วย เพราะต่างก็ตอบแทน เรื่องนี้คนภูเก็ตรู้กันดีว่า ใครอยากทำธุรกรรมด้านที่ดิน แบบง่าย ๆ แลกกับการจ่ายผลประโยชน์ต้องผ่านมือธวัชชัย สำเร็จทุกราย โดยเฉพาะ บุ่นเก้ง ศรีแสนสุชาติ ซึ่งเป็นลูกค้าชั้นดีของธวัชชัย ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และขนส่ง” นายเหมืองภูเก็ตเล่าให้ฟัง

หากย้อนไปดูข้อมูลที่คณะทำงานชุด พล.ต.ต.ปานศิริ เป็นเลขานุการฯ และมี พ.ต.ท.ทวี สอดส่อง รองผู้บังคับการตำรวจกองปราบ (ตำแหน่งขณะนั้น) เข้าร่วมได้สรุปไว้ว่าที่ดินที่ออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบที่ออกโดยนายธวัชชัย และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามจับกุม มีทั้งสิ้น 956 แปลง มูลค่านับหมื่นล้านบาท
พ.ต.ท.ทวี สอดส่อง
ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.พีรพันธุ์ เปรมภูติ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และ พล.ต.ต.โกสินทร์ หินเธาว์ ผู้บังคับการตำรวจกองปราบปราม ซึ่งอยู่ในคณะทำงานเข้าทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ด้วย ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ ปปง.และตำรวจกองปราบ เข้าบุกค้นสำนักงานขาย โครงการศรีสุชาติแกรนด์วิว และบริษัทภูเก็ตศรีสุชาติขนส่ง จำกัด ที่บริเวณถนนเฉลิมพระเกียรติ ต.รัษฎา อ.เมือง ภูเก็ต ของ นายบุ่นเก้ง และอายัดที่ดินเนื้อที่ประมาณ 80 ไร่ ซึ่งเป็นเทือกเขา ตรงถนนบายพาส มีมูลค่าสูงกว่า 1 พันล้านบาท

แหล่งข่าวจากกระทรวงยุติธรรม เล่าว่านายบุ่นเก้ง เป็นนักธุรกิจค้าที่ดินที่ฉลาด กล้าได้กล้าเสีย และมองการณ์ไกล มุ่งที่จะสร้างสัมพันธ์กับผู้ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมเป็นอย่างดี และในฝ่ายปกครองจะคบค้าสมาคมกับคนในกรมที่ดิน เพื่อจะช่วยนำพาให้ธุรกิจเดินหน้าได้สะดวก

“เช่นโครงการนี้ บุ่นเก้ง ต้องการจัดสรรที่ดินแบ่งแปลงขาย 100 แปลง เขาจะเก็บแปลงเด่น ๆ มุมดี ๆ ไว้ขายในราคาพิเศษ ให้กับผู้ใหญ่ ลูกค้าจึงมีทั้งอัยการ ผู้พิพากษา ตำรวจ ในราคาพิเศษ เช่นราคาขายทั่วไปไร่ละ 10 ล้าน เขาจะขายให้ผู้ใหญ่ในราคาเพียง 2-5 ล้านบาท บางแปลงก็ยกให้กันง่าย ๆ ขึ้นอยู่กับว่าจะพิเศษใครแค่ไหน ส่วนในเรื่องการออกโฉนดจะเป็นหน้าที่ของธวัชชัยโดยตรงและโฉนดที่ไม่ถูกต้องหลายแปลงก็ไปตกอยู่ในมือผู้ใหญ่เหล่านี้
 พล.ต.ต.พีรพันธุ์ เปรมภูติ  ( ซ้าย ) และ  พล.ต.ต.โกสินทร์ หินเธาว์
อย่างไรก็ดี ในช่วงที่นายธวัชชัยกำลังเผชิญมรสุม แม้จะมีเงินที่ได้มาจากการทำเอกสารสิทธิปลอม เป็นหลายร้อยล้านบาท แต่ใช่ว่าเขาจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุข เพราะเขาต้องหนีหัวซุกหัวซุน เพื่อหาความปลอมภัยให้กับตัวเอง ในที่สุดก็ต้องถูกออกจากราชการ และมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

ธวัชชัย หนีคดีหายเงียบไปในช่วงที่เขาถูกออกจากราชการ เพื่อน ๆ รู้กันว่า เขาหายไปอยู่แถบๆ ประเทศเพื่อนบ้าน แต่เป็นการหายไปในช่วงที่เขาต้องเคลียร์คดีต่าง ๆ และเมื่อเคลียร์ได้ก็กลับมาอีก แต่การเคลียร์ของเขาต้องเสียค่าคุ้มครอง ตัวเลขที่ให้ก็สูงพอสมควร เพื่อแลกกับการไม่ถูกจับ เขาก็ให้กันเรื่อยมา เงินที่ได้มาก็เริ่มร่อยหรอ และช่วงหลังก็เริ่มเบี้ยว หมดแรงให้ ก็เริ่มผิดนัดคนมีสี พอให้ไม่ไหวเลยต้องถูกจับ

แหล่งข่าวจากกระทรวงยุติธรรม บอกอีกว่า ในข้อเท็จจริง นายธวัชชัย มาอยู่ที่จังหวัดนนทบุรีหลายปีแล้ว แต่ด้วยความเชื่อมั่นว่าการที่ตัวเองได้รับการคุ้มครองจึงไม่น่าจะมีปัญหาการจับกุมเกิดขึ้น เพราะคดีก็ใกล้จะหมดอายุความ 15 ปี แต่ก็มาถูกเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่มี พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง เป็นอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้าจับกุมที่บริเวณร้านตัดผม เลขที่ 61/55 ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2559 คดีนี้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขอให้ดีเอสไอดำเนินการกับเจ้าหน้าที่รัฐที่บุกรุกอุทยานแห่งชาติและมีการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบที่จังหวัดภูเก็ตและพังงา กว่าพันแปลง มีมูลค่าเป็นหมื่นล้านบาท ซึ่งดีเอสไอได้มีการสอบสวนและออกหมายจับนายธวัชชัยในคดีดังกล่าว พร้อมนำตัวมาควบคุมที่ห้องขังบริเวณชั้น 6 อาคารดีเอสไอ จนกระทั่งนายธวัชชัยใช้ถุงเท้าผูกคอตัวเองและขาดอากาศหายใจจึงนำตัวส่งโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา กระทั่งศาลอาญามีคำสั่งว่า ผู้ตายคือนายธวัชชัย อนุกูล เสียชีวิตจากการถูกของแข็งไม่มีคมกระแทก ตับแตก!
นายชัยณรงค์  อนุกูล  น้องชาย “ธวัชชัย”  เข้าพบ ผกก.ทุ่งสองห้อง โดย ตร.ขอรอสำนวนชันสูตรศพจากศาลเพื่อสืบหาผู้กระทำความผิด นับได้ว่าเป็นคดีประวัติศาสตร์อีกหนึ่งคดีที่ต้องนำพยานหลักฐานในสำนวนการชันสูตรมาใช้ในสำนวนคดีอาญา
การตายของธวัชชัย เป็นเรื่องที่ชัยณรงค์ ซึ่งเป็นน้องชายน่าจะรู้ดีว่าปมเกิดจากอะไร จึงต่อสู้มาจนทำให้สังคมได้เห็นว่าพี่ชายไม่ได้ฆ่าตัวตาย แต่มีคนพยายามทำให้ตาย เพราะในระหว่างที่ถูกจับมา ธวัชชัย ก็หลุดคำสำคัญออกมาที่น่าจะเป็นสาเหตุที่แท้จริง” แหล่งข่าวบอก

คนใกล้ชิดจึงเชื่อว่า นี่คือที่มาของการฆาตกรรมอำพราง..เพื่อไม่ให้เปิดปากได้อีก!

ดังนั้นนายธวัชชัยจึงกลายเป็นตัวการสำคัญที่ว่ากันว่าน่าจะมีหลักฐานเอาผิด 'ผู้ใหญ่' บางคนที่เกี่ยวข้องในเรื่องค่าคุ้มครองและเกี่ยวข้องกับการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ ที่พัวพันกับคนมีสี หรือไม่? รวมไปถึงคำถามที่ต้องการคำตอบก็คือ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอกระทำเอง หรือ ดีเอสไอ ได้รับใบสั่งจาก 'นาย' ให้ดำเนินการจัดการปิดปาก หรือมีคนนอก เข้ามากระทำการครั้งนี้

เพราะหากนายธวัชชัยยังอยู่ ใคร...ใคร ก็หนาวได้!

กำลังโหลดความคิดเห็น