xs
xsm
sm
md
lg

‘ธาริต-สวัสดิ์’ เอี่ยวธรรมกาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ชะตากรรมร่วม ธาริต เพ็งดิษฐ์-สวัสดิ์ แสงบางปลา ร่วมอุ้มสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ใช้อำนาจอธิบดี DSI ส่วนอีกรายใช้เงินสหกรณ์จุฬาฯ อัดสภาพคล่อง ตั้งข้อสังเกตหลักประกันของสหกรณ์คลองจั่นเป็นที่ตั้งยูฟันด์แชร์ลูกโซ่รายใหญ่ที่เพิ่งถูกจับกุม สุดท้ายกรรมใคร-กรรมมัน ฝ่ายแรกถูกไล่ออก ฝ่ายหลังถูกออกหมายจับ

จากกรณีของพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ที่ถูกออกหมายจับข้อหาสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร จากการยักยอกทรัพย์ในสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ของนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์และเป็นไวยาวัจกรของวัดพระธรรมกาย

แม้รัฐบาลจะพยายามตรวจค้นภายในวัดโดยอาศัยมาตรา 44 อยู่ 23 วันแต่ก็ไม่พบตัวพระธัมมชโย เช่นเดียวกันการดำเนินการจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติที่เสนอเรื่องให้มีการสึกพระธัมมชโย แต่ก็ยังติดขัดที่เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เรื่องคดีของพระธัมมชโยจึงไม่มีความคืบหน้ามากนัก

แต่ในช่วงสัปดาห์นี้กลับพบว่ามีบุคคลที่เคยเกี่ยวข้องกับปัญหาในสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่เชื่อมโยงกันจนเป็นคดีกับวัดพระธรรมกาย 2 รายกำลังประสบปัญหา คือนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ถูกคำสั่งไล่ออกจากราชการ อีกราย รศ.ดร.สวัสดิ์ แสงบางปลา อดีตประธานสหกรณ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถูกออกหมายจับฐานฉ้อโกง

ทั้ง 2 รายแม้จะเผชิญกับมรสุมในชีวิตที่ต่างกรรมต่างวาระกัน แต่กลับพบว่าในช่วงการทำงานที่ผ่านมา ทั้งคู่ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ต้นทางของการยักยอกทรัพย์ที่เชื่อมต่อไปยังเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย

ธาริตถูกไล่ออกจากราชการ

เริ่มที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ คนที่ติดตามสถานการณ์บ้านเมืองจะทราบดีว่าเขามีบทบาทในทุกรัฐบาล เรียกว่ารัฐบาลพรรคไหนมาก็ทำงานตอบสนองพรรคนั้นอย่างเต็มที่ ทั้งรัฐบาลประชาธิปัตย์และรัฐบาลเพื่อไทย ชนิดที่เปลี่ยนแนวทางในการทำงานได้แบบหน้ามือเป็นหลังมือ

แต่ดูเหมือนว่าการเปลี่ยนรัฐบาลจากพรรคเพื่อไทยมาเป็นคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ธาริตไม่ได้รับโอกาสที่จะทำงานรับใช้รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพียง 2 วันหลังการยึดอำนาจเขาถูกย้ายไปเป็นที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อม ๆ กับมีการตรวจสอบจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรื่องร่ำรวยผิดปกติ

จนกระทั่ง 10 มีนาคม 2559 ป.ป.ช.มีมติเป็นเอกฉันท์ว่านายธาริต ร่ำรวยผิดปกติรวมมูลค่า 346 ล้านบาท จนเป็นเหตุให้หน่วยงานต้นสังกัด สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรีแจ้งว่าได้มีคำสั่งไล่นายธาริตออกจากราชการเมื่อ 3 เมษายน 2560
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ กับข้อหาร่ำรวยผิดปกติ จนถูกไล่ออกจากราชการ
อุ้มสหกรณ์คลองจั่น

การเข้าไปเกี่ยวข้องกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นนั้น อยู่ในช่วงที่นายธาริตดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ซึ่งขณะนั้นสหกรณ์ฯ คลองจั่นมีปัญหาในการบริหารงานอยู่ระหว่างการตรวจสอบคดียักยอกทรัพย์กว่าหมื่นล้านบาท โดยในวันที่ 12 เมษายน 2556 นายศุภชัย ศรีศุภอักษร ได้ส่งหนังสือสอบถามนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อขอทราบผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง และให้ยืนยันผลการร้องเรียนกล่าวหาสหกรณ์ฯ ปัญหาความผิดพลาดต่าง ๆ ในการบริหาร ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวนของดีเอสไอ

เพียง 7 วัน 19 เมษายน 2556 นายธาริต ทำหนังสือตอบกลับนายศุภชัยและสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ว่า ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว ไม่พบการกระทำความผิดตามข้อที่ได้ร้องเรียนแต่อย่างใด

นอกจากนี้เมื่อธาริตพ้นจากตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ทางดีเอสไอได้ตรวจสอบพบว่านายธาริตเข้าไปเกี่ยวข้องกับการขายที่ดินของนายศุภชัย 1,822 ไร่ วงเงิน 477 ล้านบาท โดยระบุว่าเพื่อนำเงินมาใช้คืนสหกรณ์ แต่กลับคืนเงินให้กับสหกรณ์เพียง 100 ล้านบาท เนื่องจากนายธาริตเป็นผู้อนุมัติให้ดำเนินการขายที่ดินดังกล่าว จึงได้ส่งเรื่องเสนอต่อสำนักนายกรัฐมนตรี ดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยแก่นายธาริต

อัดฉีดเงินให้สหกรณ์คลองจั่น

อีกบุคคลหนึ่งที่ถูกกล่าวถึงในเวลานี้จากคดีฉ้อโกงด้วยการหลอกลวงให้มีการนำเงินไปร่วมลงทุนในสหกรณ์ลอตเตอรี่จนถูกออกหมายจับ คือ รศ.ดร.สวัสดิ์ แสงบางปลา อดีตประธาน สหกรณ์ออมทรัพย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

กองปราบปรามพบว่า ผู้ต้องหารายนี้มีพฤติกรรมหลอกกลุ่มอาจารย์ เพื่อนร่วมมหา'ลัย ลงทุนซื้อโควตาลอตเตอรี่แลกผลตอบแทนร้อยละ 1 ต่อเดือน มีผู้ตกเป็นเหยื่อมากกว่า 160 คน ความเสียหายกว่า 1,400 ล้านบาท ก่อนหอบเงินหลบหนีไป โดยสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล แจ้งว่าไม่มีการซื้อโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลแต่อย่างใดตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง จึงน่าเชื่อว่าเป็นการหลอกลวงให้ร่วมลงทุน จนนำไปสู่ความเสียหายและออกหมายจับ

ก่อนหน้านี้ ดร.สวัสดิ์ นั่งเป็นประธานสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาฯ และที่ปรึกษาอยู่หลายสมัย โดยใช้เงินของสหกรณ์จุฬาฯ ให้สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นกู้ยืม 1,431 ล้านบาท ฝากเงินกับสหกรณ์มงคลเศรษฐี 200 ล้านบาท ซึ่งสหกรณ์ทั้ง 2 มีนายศุภชัย ศรีศุภอักษร เป็นประธานในขณะนั้นและยังเป็นไวยาวัจกรของวัดพระธรรมกายอีกด้วย

โดยเฉพาะสหกรณ์มงคลเศรษฐีตั้งอยู่ในวัดพระธรรมกาย ที่เคยมีเรื่องฮือฮาว่าปล่อยเงินกู้ให้กับลูกศิษย์วัดพระธรรมกายเพื่อใช้ในการทำบุญ

สหกรณ์เคหสถานนพเก้ารวมใจมีการฝากเงินในครั้งแรก 100 ล้านบาทและฝากเพิ่มเป็น 915 ล้านบาท
นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น
ปล่อยกู้-น่าสงสัย

ในเวลานั้นทั้ง 3 สหกรณ์นี้กลับมีปัญหาไม่สามารถนำเงินมาชดใช้สหกรณ์จุฬาฯ ได้ จนต้องมีการฟ้องร้อง ทั้งนี้ ดร.สวัสดิ์ ขณะที่เป็นประธานสหกรณ์จุฬาฯ ชี้แจงว่า วงเงินกู้ 1,431 ล้านบาทของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น มีหลักทรัพย์ประกันเป็นโฉนดที่ดิน 28 ไร่ 2 งาน 96 ตารางวา พร้อมสิ่งปลูกสร้างอาคารยูทาวเวอร์ พร้อมศูนย์ประชุมติดถนนศรีนครินทร์ โดยมีกระบวนการฟื้นฟูและทยอยชำระหนี้ให้

ส่วนสหกรณ์มงคลเศรษฐี อยู่ในกระบวนการฟ้องร้องและเจรจา ขณะที่สหกรณ์นพเก้ารวมใจ อ้างว่ามีหลักประกันเป็นโฉนดที่ดินจำนวน 218 ไร่ 3 งาน 48 ตารางวา อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จ.มหาสารคาม นำมาจำนองเป็นประกัน ที่ดินดังกล่าวอยู่ระหว่างการพัฒนา อยู่ในขั้นตอนการฟ้องร้อง

ในเรื่องนี้อดีตประธานสหกรณ์จุฬาฯ ท่านอื่นได้ออกมาตั้งข้อสังเกตการบริหารงานของ ดร.สวัสดิ์ว่า การปล่อยกู้ให้กับสหกรณ์คลองจั่นเมื่อ 25 มิถุนายน 2556 นั้น เกิดขึ้นหลังจากผู้บริหารสหกรณ์คลองจั่นชุดนายศุภชัย ถูกแจ้งความดำเนินคดีข้อหายักยอกทรัพย์ฉ้อโกงประชาชนในเดือนเมษายน 2556 และการปล่อยกู้ในครั้งนี้เกิดขึ้นมีมติยึดอายัดทรัพย์เครือข่ายนายศุภชัย เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2556 เพียง 3 วัน

เช่นเดียวกับการฝากเงินเมื่อ 6 มีนาคม 2556 ในสหกรณ์มงคลเศรษฐีที่เป็นกลุ่มของนายศุภชัยและอยู่ในวัดพระธรรมกาย

ด้านหนึ่งเข้าใจได้ว่าในฐานะของผู้บริหารสหกรณ์ฯ จำเป็นต้องหาผลตอบแทนที่สูงเพื่อเป็นประโยชน์กับสหกรณ์ที่บริหารอยู่ แต่ในทางปฏิบัติแล้วก็ต้องคำนึงถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับสหกรณ์ด้วยเช่นกัน คนในวงการเดียวกันย่อมมองกันออกว่าสถานะของแต่ละสหกรณ์มีความมั่นคงเพียงใด

กรณีที่เกิดขึ้นกับสหกรณ์จุฬาฯ น่าสังเกตว่าเหตุใด ดร.สวัสดิ์จึงไปหาผลตอบแทนจากสหกรณ์ที่มีความเสี่ยงกับสหกรณ์คลองจั่นและสหกรณ์มงคลเศรษฐี เช่นเดียวกับการฝากเงินกับสหกรณ์นพเก้ารวมใจจาก 100 ล้านบาทเพิ่มเป็น 915 ล้านบาท โดยที่สถานะของสหกรณ์นพเก้าฯ มีสถานะขาดทุน แม้จะมีที่ดินที่มหาสารคามค้ำประกันก็ตาม

นอกจากนี้ยังพบว่าในขณะนั้นสหกรณ์นพเก้ารวมใจ เป็นหนี้เงินฝากชุมนุมสหกรณ์ธนกิจไทยราว 4,865 ล้านบาท แต่สหกรณ์ธนกิจไทยกลับมีปัญหาค้างดอกเบี้ยเงินฝากกับสหกรณ์จุฬาฯ ในวงเงิน 550 ล้านบาท แต่สามารถนำเงินไปฝากจำนวนมากกับสหกรณ์นพเก้าฯ ได้ และหากย้อนกลับไป ดร.สวัสดิ์ เคยเป็นประธานคนแรกของสหกรณ์ธนกิจไทย
รศ.ดร.สวัสดิ์ แสงบางปลา อดีตประธานสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาฯ
กรรมร่วม ‘ธาริต-สวัสดิ์’

“เราไม่พบว่า ดร.สวัสดิ์เป็นศิษย์ของวัดพระธรรมกายหรือไม่ แต่น่าจะสนิทสนมกับนายศุภชัย ศรีศุภอักษร เพราะอยู่ในวงการสหกรณ์ด้วยกัน หลายธุรกรรมจึงเกี่ยวข้องกับนายศุภชัย อีกทั้ง ดร.สวัสดิ์เคยได้รับตำแหน่งนักสหกรณ์แห่งชาติปี 2549 และนายศุภชัยได้รับในปี 2550”

หนึ่งในหลักทรัพย์ที่สหกรณ์คลองจั่นนำมาเป็นหลักประกันกับสหกรณ์จุฬาฯ คืออาคารยูทาวเวอร์ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของบริษัทยูฟันด์ แชร์ลูกโซ่ที่เพิ่งถูกจับกุมไป โดยหนึ่งในผู้ต้องหาคือนางสาวณมนพรรณ์ ธาราบัณฑิต ลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย

ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ ดร.สวัสดิ์ เมื่อพ้นจากประธานสหกรณ์จุฬาฯ แล้วจะมีทำสหกรณ์ลอตเตอรี่ จนเกิดความเสียหายในวงกว้าง ซึ่งในวัดพระธรรมกายนั้นมีกลุ่มแชร์ลูกโซ่เข้าไปหาสมาชิกในวัดไม่ต่ำกว่า 20 เจ้า

ส่วนกรณีคุณธาริตนั้น การเข้ามามีส่วนให้ความช่วยเหลือสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ขณะนั้นเป็นรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทยและคุณธาริตก็ทำงานตอบสนองทุกพรรคการเมืองอย่างสุดขั้วมาตลอด อีกทั้งวัดพระธรรมกายนั้นครอบครัวชินวัตรและสมาชิกพรรคเพื่อไทยมักจะไปทำบุญที่วัดแห่งนี้เป็นประจำ และภายในวัดยังเป็นฐานเสียงที่สำคัญของพรรคเพื่อไทย รวมไปถึงคุณศุภชัย ศรีศุภอักษร ก็เป็นศิษย์เอกคนหนึ่งของพระธัมมชโย

แม้ทั้ง 2 บุคคลจะประสบปัญหาในชีวิตที่ต่างกรรมต่างวาระกัน แต่ทั้ง 2 กลับมีจุดร่วมที่เหมือนกันคือเข้ามาเกี่ยวข้องกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของคดียักยอกทรัพย์และเกี่ยวข้องกับพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย

กำลังโหลดความคิดเห็น