คนพรรคเพื่อไทยเปิดหน้าป้องวัดพระธรรมกาย วัฒนา เมืองสุข โต้หัวหน้า คสช.ไม่มีอำนาจออกคำสั่งควบคุมพื้นที่ ใช้อำนาจตามอำเภอใจ ด้านประธาน นปช. กังขาข้อหา 300 กว่าคดีมากเกินจริง ด้านศิษย์เอก ลีลาวดี ตอกผู้มีอำนาจใช้อำนาจที่ได้มาโดยการปล้นอำนาจของประชาชน สั่งจัดการกับพระชราอาพาธ
ปฏิบัติการตอบโต้ของวัดพระธรรมกายต่อการออกคำสั่งตามมาตรา 44 ที่ควบคุมพื้นที่วัดพระธรรมกาย เพื่อนำตัวพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมหลังจากที่ศาลออกหมายจับในคดีรับของโจรจากการทุจริตในสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ตั้งแต่ช่วงกลางคืนของวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
จากการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยังไม่พบตัวพระธัมมชโย ในช่วง 2-3 วันแรกการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่รัฐไม่มีปัญหาอะไร มีพระภายในวัดพระธรรมกายนำตรวจในหลายพื้นที่ แต่เหตุการณ์วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2560 กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ออกข้อกำหนดให้ขอให้พระภิกษุ ศิษยานุศิษย์ และประชาชนที่อยู่ในวัดทั้งหมด ออกจากพื้นที่วัด เว้นแต่เป็นพระภิกษุ หรือเจ้าหน้าที่ของวัดเท่านั้นที่จะสามารถอยู่ในวัดได้ ภายใน 15.00 น.
นอกจากนี้ยังออกคำสั่งให้พระระดับแกนนำของวัดพระธรรมกาย 13 รูปรวมถึงพระธัมมชโยด้วย เข้ารายงานตัวต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ณ กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1 ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา 18.00 น. แต่ก็ไม่มีพระรูปใดไปรายงานตัวตามคำสั่งดังกล่าว
สถานการณ์ของวัดพระธรรมกายจึงร้อนแรงขึ้นมาด้วยการที่เครือข่ายของวัดพระธรรมกายมีการส่งสัญญาณธงแดงผ่านทางเครือข่ายสังคมออนไลน์ ระดมคนเข้ามาที่วัดพระธรรมกายเป็นการด่วน และเป็นผลให้มีการกระทบกระทั่งกันเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 20 กุมภาพันธ์
ผลคือพระและลูกศิษย์ได้รับบาดเจ็บจากการเข้าสกัดกั้นพื้นที่จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถูกนำมาขยายผลผ่านทุกเครือข่ายของวัดพระธรรมกาย เพื่อฟ้องต่อภายนอกว่าถูกเจ้าหน้าที่ทำร้าย พร้อมกับการดึงเอาพันธมิตรของวัดพระธรรมกายในต่างประเทศเข้ามาร่วมกดดันการใช้อำนาจของรัฐบาลชุดนี้
วัฒนา เมืองสุข ยืนข้างธรรมกาย
แต่คงไม่ใช่พระในวัดพระธรรมกายจะต่อสู้ในเรื่องนี้อย่างเดียวดาย เพราะเริ่มมีแรงหนุนจากภายนอกเข้ามาแสดงความไม่เห็นด้วยกับแนวทางของรัฐบาลที่ใช้กับวัดพระธรรมกายอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะคนของพรรคเพื่อไทย
นายวัฒนา เมืองสุข อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก (21 ก.พ. 2560) แสดงความเห็นในเรื่องของการใช้อำนาจของรัฐบาลในกรณีวัดพระธรรมกายว่า วัดพระธรรมกายเป็นวัดที่ถูกต้องตามกฎหมาย พุทธศาสนิกชนจึงมีสิทธิ์ที่จะเข้าวัดเพื่อปฏิบัติศาสนกิจตามความเชื่อของตนโดยหัวหน้า คสช.ไม่มีอำนาจออกคำสั่งควบคุมพื้นที่ห้ามประชาชนหรือสงฆ์เข้าออกวัด ความผิดฐานฟอกเงินหรือรับของโจรเป็นคดีอาญาทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ในหมวดความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ
อีกทั้งยังเป็นการกล่าวหาต่อตัวบุคคลซึ่งไม่เกี่ยวกับวัดที่เป็นองค์กรทางศาสนาและการกระทำที่อ้างเป็นความผิดยุติลงเนิ่นนานแล้ว เหลือเพียงการนำตัวอดีตเจ้าอาวาสเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เหมือนคดีอาญาอื่นอีกนับหมื่นคดีที่ยังติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีไม่ได้ ซึ่งก็ไม่เคยมีการออกคำสั่งที่เลือกปฏิบัติเช่นนี้มาก่อน
การยกกำลังเจ้าหน้าที่หลายพันคนในชุดพร้อมรบไปปิดล้อมวัดเพื่อจับกุมพระที่มีอายุกว่า 70 ปี ห้ามคนเข้าออก ทำลายทรัพย์สินของวัด ทำร้ายประชาชนและพระสงฆ์ รวมทั้งออกคำสั่งให้พระกว่า 10 รูปมารายงานตัว หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกคือการใช้อำนาจตามอำเภอใจ ที่อ้างว่าต้องการดำเนินการกับผู้ที่ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ยิ่งรับฟังไม่ได้ เพราะรัฐต่างหากที่ฝ่าฝืนกฎหมาย
ส่วนที่ว่าต้องการปกป้องคุ้มครองผู้บริสุทธิ์จากสถานการณ์ความรุนแรงก็เป็นรัฐเองที่เป็นต้นเหตุ หากรู้จักเคารพสิทธิของผู้อื่นและปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายก็จะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น ฝ่ายที่ต้องถูกประณามคือรัฐที่เลือกปฏิบัติ ใช้อำนาจเกินเลยขอบเขต ยั่วยุให้เกิดความรุนแรงและละเมิดสิทธิมนุษยชนอันเป็นแนวทางของทรราช เพราะนอกจากจะเป็นการทำร้ายพระและประชาชนผู้บริสุทธิ์แล้วยังเป็นการสุมไฟความขัดแย้งให้ขยายตัวมากขึ้นอีกด้วย
จตุพร-ลีลาวดี ประสานเสียง
โดยที่ก่อนหน้านั้นนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ออกมาแสดงความเห็นถึงการเข้าไปตรวจค้นภายในวัดพระธรรมกายเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ผ่านรายการทิศทางประชาธิปไตยไทย สถานีโทรทัศน์พีซทีวี ว่าเสนอให้มีการดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา พร้อมทั้งตั้งข้อสงสัยว่าคดีที่วัดพระธรรมกายถูกกล่าวหากว่า 300 ข้อกล่าวหานั้นมันมากเกินความเป็นจริง
ทั้งนี้นายจตุพรเคยออกมาช่วยปกป้องวัดพระธรรมกาย หลังจากที่ศาลออกหมายจับพระธัมมชโยเมื่อ 17 พฤษภาคม 2559 ด้วยการออกมาโจมตีนายแพทย์มโน เลาหวนิช อดีตศิษย์วัดพระธรรมกายที่ออกมาเปิดเผยเรื่องต่าง ๆ ภายในวัดพระธรรมกาย
นางสาวลีลาวดี วัชโรบล อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย ศิษย์วัดพระธรรมกาย โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า วันนี้ พวกคุณอาจจะคิดว่ามีคำสั่งของผู้มีอำนาจสั่งการลงมา จึงต้องทำตามหน้าที่ คือ ยืนดูความวิบัติ ย่อยยับของเพื่อนร่วมชาติ ที่เป็นพระเณร เด็ก คนแก่ แม้แต่พ่อค้า แม่ค้าชาวบ้านแถวนั้น ต้องอดข้าวอดน้ำ หน้าที่ของพวกคุณที่ได้รับเงินเดือนจากภาษีของพี่น้องประชาชน
ใจของลูกศิษย์พระพุทธเจ้าที่ประกาศสร้างบารมีแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพันเพื่อปกป้องวัดพระธรรมกาย เขาต้องยอมอยู่แบบนั้นค่ะ เพื่อประกาศความจริงให้โลกรู้ ว่าวันนี้ประเทศเรามีผู้มีอำนาจที่ใจคออำมหิต มีคำสั่งที่ลิดรอนสิทธิมนุษยชน ใช้อำนาจที่ได้มาโดยการปล้นอำนาจของประชาชน สั่งจัดการกับพระชราอาพาธ ด้วยการปิดล้อมพุทธศาสนิกชนในวัดที่พวกเราร่วมสร้างกันขึ้นมา คนบริสุทธิ์ที่เคารพรักพระศาสนา รักพระรัตนตรัยที่ไปสวดมนต์ในวัด ต้องเจอเช่นนี้ หรือเกิดขึ้นได้เพราะที่นี่คือประเทศไทย?
ทั้งนี้เป็นที่ทราบกันดีว่าคนของพรรคเพื่อไทยจำนวนไม่น้อยที่เข้าไปทำบุญที่วัดแห่งนี้เป็นประจำ รวมไปถึงครอบครัวชินวัตร อีกทั้งศิษยานุศิษย์ของวัดแห่งนี้ยังเป็นฐานเสียงที่สำคัญ ซึ่งพรรคเพื่อไทยมิอาจจะทิ้งไปได้
ปฏิบัติการตอบโต้ของวัดพระธรรมกายต่อการออกคำสั่งตามมาตรา 44 ที่ควบคุมพื้นที่วัดพระธรรมกาย เพื่อนำตัวพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมหลังจากที่ศาลออกหมายจับในคดีรับของโจรจากการทุจริตในสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ตั้งแต่ช่วงกลางคืนของวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
จากการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยังไม่พบตัวพระธัมมชโย ในช่วง 2-3 วันแรกการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่รัฐไม่มีปัญหาอะไร มีพระภายในวัดพระธรรมกายนำตรวจในหลายพื้นที่ แต่เหตุการณ์วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2560 กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ออกข้อกำหนดให้ขอให้พระภิกษุ ศิษยานุศิษย์ และประชาชนที่อยู่ในวัดทั้งหมด ออกจากพื้นที่วัด เว้นแต่เป็นพระภิกษุ หรือเจ้าหน้าที่ของวัดเท่านั้นที่จะสามารถอยู่ในวัดได้ ภายใน 15.00 น.
นอกจากนี้ยังออกคำสั่งให้พระระดับแกนนำของวัดพระธรรมกาย 13 รูปรวมถึงพระธัมมชโยด้วย เข้ารายงานตัวต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ณ กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1 ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา 18.00 น. แต่ก็ไม่มีพระรูปใดไปรายงานตัวตามคำสั่งดังกล่าว
สถานการณ์ของวัดพระธรรมกายจึงร้อนแรงขึ้นมาด้วยการที่เครือข่ายของวัดพระธรรมกายมีการส่งสัญญาณธงแดงผ่านทางเครือข่ายสังคมออนไลน์ ระดมคนเข้ามาที่วัดพระธรรมกายเป็นการด่วน และเป็นผลให้มีการกระทบกระทั่งกันเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 20 กุมภาพันธ์
ผลคือพระและลูกศิษย์ได้รับบาดเจ็บจากการเข้าสกัดกั้นพื้นที่จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถูกนำมาขยายผลผ่านทุกเครือข่ายของวัดพระธรรมกาย เพื่อฟ้องต่อภายนอกว่าถูกเจ้าหน้าที่ทำร้าย พร้อมกับการดึงเอาพันธมิตรของวัดพระธรรมกายในต่างประเทศเข้ามาร่วมกดดันการใช้อำนาจของรัฐบาลชุดนี้
วัฒนา เมืองสุข ยืนข้างธรรมกาย
แต่คงไม่ใช่พระในวัดพระธรรมกายจะต่อสู้ในเรื่องนี้อย่างเดียวดาย เพราะเริ่มมีแรงหนุนจากภายนอกเข้ามาแสดงความไม่เห็นด้วยกับแนวทางของรัฐบาลที่ใช้กับวัดพระธรรมกายอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะคนของพรรคเพื่อไทย
นายวัฒนา เมืองสุข อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก (21 ก.พ. 2560) แสดงความเห็นในเรื่องของการใช้อำนาจของรัฐบาลในกรณีวัดพระธรรมกายว่า วัดพระธรรมกายเป็นวัดที่ถูกต้องตามกฎหมาย พุทธศาสนิกชนจึงมีสิทธิ์ที่จะเข้าวัดเพื่อปฏิบัติศาสนกิจตามความเชื่อของตนโดยหัวหน้า คสช.ไม่มีอำนาจออกคำสั่งควบคุมพื้นที่ห้ามประชาชนหรือสงฆ์เข้าออกวัด ความผิดฐานฟอกเงินหรือรับของโจรเป็นคดีอาญาทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ในหมวดความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ
อีกทั้งยังเป็นการกล่าวหาต่อตัวบุคคลซึ่งไม่เกี่ยวกับวัดที่เป็นองค์กรทางศาสนาและการกระทำที่อ้างเป็นความผิดยุติลงเนิ่นนานแล้ว เหลือเพียงการนำตัวอดีตเจ้าอาวาสเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เหมือนคดีอาญาอื่นอีกนับหมื่นคดีที่ยังติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีไม่ได้ ซึ่งก็ไม่เคยมีการออกคำสั่งที่เลือกปฏิบัติเช่นนี้มาก่อน
การยกกำลังเจ้าหน้าที่หลายพันคนในชุดพร้อมรบไปปิดล้อมวัดเพื่อจับกุมพระที่มีอายุกว่า 70 ปี ห้ามคนเข้าออก ทำลายทรัพย์สินของวัด ทำร้ายประชาชนและพระสงฆ์ รวมทั้งออกคำสั่งให้พระกว่า 10 รูปมารายงานตัว หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกคือการใช้อำนาจตามอำเภอใจ ที่อ้างว่าต้องการดำเนินการกับผู้ที่ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ยิ่งรับฟังไม่ได้ เพราะรัฐต่างหากที่ฝ่าฝืนกฎหมาย
ส่วนที่ว่าต้องการปกป้องคุ้มครองผู้บริสุทธิ์จากสถานการณ์ความรุนแรงก็เป็นรัฐเองที่เป็นต้นเหตุ หากรู้จักเคารพสิทธิของผู้อื่นและปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายก็จะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น ฝ่ายที่ต้องถูกประณามคือรัฐที่เลือกปฏิบัติ ใช้อำนาจเกินเลยขอบเขต ยั่วยุให้เกิดความรุนแรงและละเมิดสิทธิมนุษยชนอันเป็นแนวทางของทรราช เพราะนอกจากจะเป็นการทำร้ายพระและประชาชนผู้บริสุทธิ์แล้วยังเป็นการสุมไฟความขัดแย้งให้ขยายตัวมากขึ้นอีกด้วย
จตุพร-ลีลาวดี ประสานเสียง
โดยที่ก่อนหน้านั้นนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ออกมาแสดงความเห็นถึงการเข้าไปตรวจค้นภายในวัดพระธรรมกายเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ผ่านรายการทิศทางประชาธิปไตยไทย สถานีโทรทัศน์พีซทีวี ว่าเสนอให้มีการดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา พร้อมทั้งตั้งข้อสงสัยว่าคดีที่วัดพระธรรมกายถูกกล่าวหากว่า 300 ข้อกล่าวหานั้นมันมากเกินความเป็นจริง
ทั้งนี้นายจตุพรเคยออกมาช่วยปกป้องวัดพระธรรมกาย หลังจากที่ศาลออกหมายจับพระธัมมชโยเมื่อ 17 พฤษภาคม 2559 ด้วยการออกมาโจมตีนายแพทย์มโน เลาหวนิช อดีตศิษย์วัดพระธรรมกายที่ออกมาเปิดเผยเรื่องต่าง ๆ ภายในวัดพระธรรมกาย
นางสาวลีลาวดี วัชโรบล อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย ศิษย์วัดพระธรรมกาย โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า วันนี้ พวกคุณอาจจะคิดว่ามีคำสั่งของผู้มีอำนาจสั่งการลงมา จึงต้องทำตามหน้าที่ คือ ยืนดูความวิบัติ ย่อยยับของเพื่อนร่วมชาติ ที่เป็นพระเณร เด็ก คนแก่ แม้แต่พ่อค้า แม่ค้าชาวบ้านแถวนั้น ต้องอดข้าวอดน้ำ หน้าที่ของพวกคุณที่ได้รับเงินเดือนจากภาษีของพี่น้องประชาชน
ใจของลูกศิษย์พระพุทธเจ้าที่ประกาศสร้างบารมีแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพันเพื่อปกป้องวัดพระธรรมกาย เขาต้องยอมอยู่แบบนั้นค่ะ เพื่อประกาศความจริงให้โลกรู้ ว่าวันนี้ประเทศเรามีผู้มีอำนาจที่ใจคออำมหิต มีคำสั่งที่ลิดรอนสิทธิมนุษยชน ใช้อำนาจที่ได้มาโดยการปล้นอำนาจของประชาชน สั่งจัดการกับพระชราอาพาธ ด้วยการปิดล้อมพุทธศาสนิกชนในวัดที่พวกเราร่วมสร้างกันขึ้นมา คนบริสุทธิ์ที่เคารพรักพระศาสนา รักพระรัตนตรัยที่ไปสวดมนต์ในวัด ต้องเจอเช่นนี้ หรือเกิดขึ้นได้เพราะที่นี่คือประเทศไทย?
ทั้งนี้เป็นที่ทราบกันดีว่าคนของพรรคเพื่อไทยจำนวนไม่น้อยที่เข้าไปทำบุญที่วัดแห่งนี้เป็นประจำ รวมไปถึงครอบครัวชินวัตร อีกทั้งศิษยานุศิษย์ของวัดแห่งนี้ยังเป็นฐานเสียงที่สำคัญ ซึ่งพรรคเพื่อไทยมิอาจจะทิ้งไปได้
