สมาคมฟุตบอลฯ เตรียมขยายลิขสิทธิ์ฟุตบอลไทยไปประเทศเพื่อนบ้าน ดันเงินหมุนเวียนทะลุหมื่นล้าน ด้านนายกคนใหม่ โละบริษัทไทยพรีเมียร์ลีกตั้งบริษัทใหม่เสียบแทนดึง “จักรทิพย์” นั่งประธาน จับตาเคลียร์บริหารสิทธิประโยชน์กันใหม่ วอนรัฐส่งเสริมฟุตบอลไทยสร้างผลบวกธุรกิจเกี่ยวเนื่อง อีกไม่นานนักฟุตบอลกลายเป็นสินค้าออก

ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลังจากนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยคนที่ 17 เป็นพลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เมื่อนายกสมาคมฯ คนใหม่ประกาศล้างบอร์ดของบริษัทไทยพรีเมียร์ลีกที่ทำหน้าที่จัดการแข่งขันฟุตบอลลีกสูงสุดของประเทศไทยและระดับดิวิชั่น 1 ด้วยการจัดตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมา 2 บริษัท
16 กุมภาพันธ์ 2559 มีการจัดตั้งบริษัท พรีเมียร์ ลีก (ไทยแลนด์) จำกัด และบริษัท ลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 จำกัด เพื่อมารับผิดชอบการจัดการแข่งขันฟุตบอลภายในประเทศแทนบริษัทเดิม โดยในเบื้องต้นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่ทั้ง 2 แห่ง มีคณะกรรมการชุดเดียวกันคือ นายวิโรจน์ แสงชัยทิพย์ นายนพดล กลิ่นเกษร นายสุทัศน์ โมงขุนทด นายตฤณ แก่นหิรัญ โดยได้แต่งตั้งพลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คนปัจจุบัน เป็นประธานบริษัท พรีเมียร์ ลีก ไทยแลนด์
ทั้งนี้เป็นไปตามคาดหมาย เนื่องจากบริษัทไทยพรีเมียร์ลีกเดิมนั้นถือหุ้นในนามบุคคลที่เป็นผู้บริหารสมาคมฯ ชุดเดิม ดังนั้นจึงต้องตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาและอาศัยอำนาจของนายกสมาคมฯ ที่เพิ่งได้รับการรับรองจากการกีฬาแห่งประเทศไทยเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมามอบสิทธิ์ในการจัดแข่งขันให้กับบริษัทใหม่เพื่อแก้ปัญหาเดิมๆ ที่เคยมี
จากนี้ไปต้องดูความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นว่าจะเป็นไปตามนโยบายที่เคยแถลงไว้ตามหลัก 5Fair หรือไม่ ตัวบริษัทใหม่คงเป็นการรีบดำเนินการจัดตั้งขึ้นมาก่อน จากนั้นคงเป็นการดำเนินการให้สมาคมฯ และสโมสรฟุตบอลเข้ามาถือหุ้นตามหลักการที่เป็นสากล
ตอนนี้บริษัทไทยพรีเมียร์ลีกของกลุ่มอดีตนายกคนเดิมก็ต้องหมดหน้าที่ไป ส่วนเรื่องของการจัดการสิทธิประโยชน์นั้น ก่อนหน้านี้ผู้บริหารของสมาคมฯ ชุดเดิมได้มอบให้บริษัทด้านกีฬารายหนึ่งดำเนินการ โดยเซ็นสัญญาไว้ 5 ปีสิ้นสุดในปี 2560 และลิขสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอลที่กลุ่มทรูได้ลิขสิทธิ์ในฤดูกาล 2560-2563 ด้วยวงเงิน 4,200 ล้านบาท ตรงนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเพราะที่ประชุมของผู้บริหารสมาคมฯ ชุดใหม่ยกเลิกมติของกรรมการชุดเดิมที่ทำไว้ตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2559 เป็นต้นไป
ดังนั้นภายใต้การจัดสรรผลประโยชน์ให้กับทีมในระดับไทยพรีเมียร์ลีก 18 ทีม ในปี 2560-2561 จะได้รับเงินสนับสนุนทีมละ 25 ล้านบาท ปี 2562 ได้ 27.5 ล้านบาท และปี 2563 ได้ 30 ล้านบาทต่อทีม ส่วนระดับดิวิชั่น 1 ปี 2560-2563 ได้รับเงินสนับสนุนทีมละ 5 ล้านบาท และดิวิชั่น 2 ปี 2560-2563 ได้รับเงินสนับสนุน ทีมละ 3 ล้านบาท นี่เป็นผลจากการทำสัญญาในยุคของนายวรวีร์ มะกูดี นอกจากนี้ยังเตรียมที่จะขยายฐานผู้ชมไปยังประเทศเพื่อนบ้านอีก แต่ไม่ได้รับความไว้วางใจให้กลับมาบริหารงานต่อจากการเลือกตั้งเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ทำตลาดเพื่อนบ้าน-เพิ่มรายได้
สำหรับทีมงานของนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยคนใหม่ ต่างก็มองตลาดในประเทศเพื่อนบ้านเช่นลาวและกัมพูชาเช่นเดียวกัน หลังจากที่โตโยต้าได้เข้ามาจัดการแข่งขันฟุตบอลแม่โขงคัพตั้งแต่ปี 2014 รวมถึงการรวมกันเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ทำให้ตลาดเพื่อนบ้านกลายเป็นเป้าหมายที่สมาคมฟุตบอลฯ เตรียมขยายฐานออกไป
สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนนั่นคือแผนการตลาดของทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก ที่มีรายการ ช้าง บุรีรัมย์ เอเชียนทัวร์ ครั้งที่ 1 วางโปรแกรมกับทีมออลสตาร์ลีกลาวและทีมออลสตาร์กัมพูชา ในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งผลตอบรับที่ออกมาดี นายเนวิน ชิดชอบ เจ้าของทีมบุรีรัมย์ ได้ออกมากล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่ไทยพรีเมียร์ลีกมีความแข็งแรงพอที่จะเปิดตลาดสู่อาเซียน
จะเห็นได้ว่าทีมบุรีรัมย์ฯ หัวหอกในการสนับสนุนพลตำรวจเอกสมยศได้นำร่องทดสอบตลาดเพื่อนบ้านไปแล้ว คาดว่าอีกไม่นานสมาคมฟุตบอลฯ จะต้องออกมาหารือเกี่ยวกับเรื่องลิขสิทธิ์การถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกไปยังประเทศเพื่อนบ้านแน่นอน
เมื่อตลาดเพื่อนบ้านเปิดช่องทางในการทำธุรกิจของผู้ที่มองเห็นโอกาสย่อมมีมากขึ้น ก่อนหน้านี้เคยมีการติดต่อมาขอลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดในบางแมตช์ หากทำอย่างเป็นระบบจะทำให้สมาคมฯ มีรายได้เพิ่มเข้ามานอกเหนือจากรายได้เดิมที่มีอยู่
นั่นหมายถึงโอกาสที่สโมสรฟุตบอลภายในประเทศไทย มีโอกาสที่จะได้รับเงินสนับสนุนทีมมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งอาจจะมากกว่า 30 ล้านบาทในอนาคต ย่อมทำให้แต่ละทีมสามารถพัฒนาทีมได้มากขึ้น สุดท้ายผลประโยชน์จะตกมาถึงทีมชาติไทย
ในเบื้องต้นนี้เห็นว่าทางผู้บริหารชุดใหม่ของสมาคมฯ จะทำ Academy ขึ้นมาโดยให้แต่ละสโมสรส่งนักฟุตบอล 2 คนต่อทีมเข้ามาฝึก โดยมีนายวิทยา เลาหกุล ประธานฝ่ายเทคนิคเป็นผู้ดูแล เพื่อเน้นไปที่การสร้างนักฟุตบอลทีมชาติไทยในอนาคต ซึ่งอาจจะซ้ำซ้อนกับบางสโมสรที่มี Academy ของตัวเอง แต่ในเมืองไทยทีมที่มี Academy นั้นค่อนข้างน้อย บางแห่งแค่เป็นความร่วมมือกับโรงเรียนบางแห่งที่ร่วมกันผลิตนักฟุตบอลร่วมกัน
การได้ผู้บริหารชุดใหม่เข้ามา หากมีความตั้งใจจริง เข้ามาเพื่อพัฒนาวงการฟุตบอลย่อมเป็นเรื่องดี แต่ควรมองถึงอนาคตของทีมชาติไทยด้วย เราอาจเห็นฟุตบอลที่ดูแล้วสนุกอย่างพรีเมียร์ลีกในอังกฤษ แต่เมื่อแข่งขันในนามทีมชาติแล้วกลับไม่ประสบความสำเร็จ ในประเทศไทยตอนนี้ดาวซัลโวส่วนใหญ่เป็นต่างชาติทั้งสิ้น สมาคมน่าที่จะให้ความสำคัญกับนักฟุตบอลไทยในตำแหน่งกองหน้าให้มากขึ้น
ปลุกธุรกิจเกี่ยวเนื่องโต
ปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้ฟุตบอลไทยกลายเป็นอีกธุรกิจหนึ่ง ที่มีเม็ดเงินมหาศาลเข้ามาให้การสนับสนุน หากภาครัฐจะให้ความสำคัญมองกีฬาอย่างฟุตบอลเป็นอุตสาหกรรมประเภทหนึ่งที่ควรให้การสนับสนุน ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ยืนอยู่ได้แม้เศรษฐกิจโดยรวมจะซบเซา
ดร.องอาจ ก่อสินค้า ประธานบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด ทีมบริหารชุดเก่าเคยประเมินว่า มีเงินหมุนเวียนในลีกฟุตบอลของไทยสูงถึงหมื่นล้านบาท นับว่าเป็นกีฬาประเภทเดียวที่สามารถดำเนินการในรูปของธุรกิจได้อย่างจริงจัง
ฟุตบอลอาชีพในประเทศไทยก็ไม่ต่างกับธุรกิจอื่นๆ ที่ต้องมีเงินลงทุน ทำตลาด สร้างฐานลูกค้า และยังมีความเชื่อมโยงไปยังธุรกิจอื่น สร้างงาน สร้างอาชีพให้กับคนไทยได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ที่ผ่านมาภาครัฐให้การสนับสนุนงบประมาณในวงการฟุตบอลราว 100 กว่าล้านบาท จากการกีฬาแห่งประเทศไทย สำนักงานสลากกินแบ่งฯและหน่วยงานอื่นๆ
ทีมในระดับพรีเมียร์ลีกและดิวิชั่น 1 จำนวน 36 ทีม ทีมดิวิชั่น 2 ลีกภูมิภาคอีก 83 ทีม ทุกปีทุกทีมจะต้องลงทุนมากน้อยแตกต่างกันไป ทีมในพรีเมียร์ลีกแต่ละทีมจะต้องใช้เงินลงทุนขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาทต่อฤดูกาล บางทีมอาจสูงถึง 200-300 ล้านบาท ทีมดิวิชั่น 1 ต้องมี 50-100 ล้านบาท ส่วนทีมดิวิชั่น 2 ขั้นต่ำต้องมีมากกว่า 20 ล้านบาท เฉลี่ยแล้วเฉพาะเงินลงทุนทำทีมทั้งระบบ 1 ฤดูกาลต้องมีราว 5,000 ล้านบาท
ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดที่ประมูลกันใหม่อยู่ที่ฤดูกาลละ 1,050 ล้านบาท เงินสนับสนุนจากโตโยต้า 100 ล้านบาท และสปอนเซอร์รายอื่นๆ อีกอย่างยามาฮ่า เอไอเอส ช้าง เงินสนับสนุนจากการกีฬาแห่งประเทศไทย 100 ล้านบาทและอื่นๆ
ขณะที่จำนวนผู้เข้าชมในแต่ละสนามฤดูกาล 2558 เฉลี่ยที่ 6,349 คน เทียบกับ 5,029 คนในปี 2557 เพิ่มขึ้น 26.2% ค่าบัตรผ่านประตูเฉลี่ยที่ประมาณ 100 บาท ที่ถือเป็นรายได้ของทีมเจ้าภาพ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของสินค้าที่ระลึก เสื้อที่ระลึกของแต่ละสโมสร มีตั้งแต่ 300-1,000 บาท ผ้าพันคอและสินค้าที่ระลึกต่างๆ
สินค้าเหล่านี้จะเปลี่ยนทุกปี มีทั้งชุดทีมเหย้าและเยือนให้เลือก ตอนนี้เริ่มมีชุดแข่งที่ 3 ออกมาทำตลาดอีกรูปแบบหนึ่ง เฉพาะสินค้าที่ระลึกก็จะเกี่ยวเนื่องไปยังผู้ผลิตทั้งรายใหญ่และรายย่อย เป็นการสร้างงานอีกรูปแบบหนึ่ง
ในการแข่งขันนั้นจะต้องมีเรื่องของการเดินทางเข้ามา ทั้งสายการบิน รถบัสที่รับส่งนักฟุตบอลและเจ้าหน้าที่ในทีม ทีมที่มีกองเชียร์ตามมาก็จะมีรถบัสอีกจำนวนหนึ่งไว้สำหรับการเดินทางมาเชียร์ บางรายอาจเดินทางเองทั้งทางเครื่องบิน ขับรถไปเองหรือเช่ารถเดินทางกันเป็นหมู่คณะ หากระยะทางไกลอาจต้องพักค้างคืนทั้งทีมฟุตบอลและแฟนบอล ธุรกิจโรงแรมในแต่ละจังหวัดก็ได้รับประโยชน์ไปด้วย
นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดนั้นๆ ไปในตัว เพราะแฟนบอลมักจะมาก่อนเวลา วางแผนไปเที่ยวตามที่ต่างๆ ก่อนชมฟุตบอล กิจกรรมเหล่านี้ย่อมเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจของจังหวัดนั้น

Academy สินค้าส่งออก
ประการต่อมาธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับทีมฟุตบอลคือการเปิด Academy สร้างนักฟุตบอลฝึกหัดของสโมสรขึ้นมา เพื่อทดแทนรุ่นพี่ที่ต้องเลิกเล่นไปในอนาคต ตอนนี้นักฟุตบอลของไทยอาจจะยังไม่เพียงพอสำหรับการแข่งขันภายในประเทศ แต่อีก 5-10 ปีที่ผลผลิตเหล่านี้มีมากขึ้น Academy จะเป็นตัวทำเงินให้กับสโมสรนั้นๆ ทั้งจากการขายนักเตะให้กับทีมอื่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ประเทศในแถบแอฟริกาที่เศรษฐกิจแย่กว่าประเทศไทย นักฟุตบอลถือเป็นสินค้าออกชั้นดีที่ลีกฟุตบอลอย่างอังกฤษ สเปน เยอรมันและที่อื่นๆ ให้ความสนใจ ค่าแรงไม่แพง นักแตะคุณภาพดี ทำให้คนในประเทศเขากลายเป็นสินค้าออกที่มีมูลค่าสูง รัฐบาลก็ได้ประโยชน์จากส่วนนี้ทั้งจากเรื่องภาษีหรือเงินที่พวกเขาส่งกลับมาให้ครอบครัว
แม้ว่านักเตะจากประเทศไทยอาจจะยังไม่ถึงระดับนั้น แต่ลีกฟุตบอลในแถบประเทศอาเซียนก็มีทุกประเทศ ในอดีตนักฟุตบอลไทยจำนวนไม่น้อยที่ไปค้าแข้งในต่างแดน ตอนนี้อาจจะน้อยลงไปเนื่องจากฟุตบอลภายในประเทศเป็นที่นิยม อีกระยะเมื่อมีนักฟุตบอลมากขึ้นก็ต้องขยับขยายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งสินค้าออกของไทย
หากเราให้ความสำคัญกับกีฬาฟุตบอลมองว่าเป็นอุตสาหกรรมหนึ่ง แล้วให้การส่งเสริมอย่างจริงจัง เมื่อเราพัฒนาคุณภาพของนักฟุตบอลได้ขึ้นมาเทียบเท่าสากล ตลาดค้าแข้งในต่างประเทศย่อมเปิดกว้างสำหรับนักฟุตบอลไทย
เชื่อว่าด้วยความสัมพันธ์ที่ดีของพลตำรวจเอกสมยศกับคุณเนวิน ชิดชอบ ที่สนับสนุนกันมา อาจจะช่วยให้การพัฒนานักฟุตบอลของไทยทำได้เร็วขึ้น นายใหญ่ของสโมสรบุรีรัมย์สนิทสนมกับกลุ่มคิงเพาเวอร์ ซึ่งเป็นเจ้าของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ที่เป็นทีมนำในพรีเมียร์ลีกของอังกฤษในเวลานี้
การส่งนักฟุตบอลไปฝึกหัดตอนนี้ถือเป็นเรื่องธรรมดา เพราะมีทั้งกลุ่มช้างที่สนับสนุนสโมสรเอฟเวอร์ตัน ค่ายสิงห์ก็สนับสนุนทีมใหญ่อย่างเชลซีและแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เชื่อคนไทยยังรอแค่ให้มีนักฟุตบอลไทยไปเล่นในพรีเมียร์ลีกของอังกฤษเท่านั้น แม้ที่ผ่านมาจะพอมีนักฟุตบอลไทยไปเป็นทีมสำรองในอังกฤษบ้าง แต่มักไม่ประสบความสำเร็จ หรือบางรายไปอยู่กับทีมในสเปนหรือเบลเยียมแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเช่นกัน
ในอนาคตคาดว่าทีมบริหารของสมาคมฯ ชุดใหม่ จะเริ่มขยายฐานการรับชมฟุตบอลลีกของไทยไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น เช่น การให้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดการแข่งขันกับบริษัทที่สนใจทำตลาดในประเทศเพื่อนบ้าน ด้านหนึ่งเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับสมาคมฯ อีกด้านเป็นการขยายฐานผู้ชมให้กว้างกว่าเดิม รวมไปถึงการเดินแผนพัฒนาวงการฟุตบอลในเมืองไทยอย่างเป็นระบบ เงินหมุนเวียนในธุรกิจฟุตบอลจากนี้ไปย่อมต้องสูงกว่าหมื่นล้านบาทแน่นอน
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลังจากนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยคนที่ 17 เป็นพลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เมื่อนายกสมาคมฯ คนใหม่ประกาศล้างบอร์ดของบริษัทไทยพรีเมียร์ลีกที่ทำหน้าที่จัดการแข่งขันฟุตบอลลีกสูงสุดของประเทศไทยและระดับดิวิชั่น 1 ด้วยการจัดตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมา 2 บริษัท
16 กุมภาพันธ์ 2559 มีการจัดตั้งบริษัท พรีเมียร์ ลีก (ไทยแลนด์) จำกัด และบริษัท ลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 จำกัด เพื่อมารับผิดชอบการจัดการแข่งขันฟุตบอลภายในประเทศแทนบริษัทเดิม โดยในเบื้องต้นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่ทั้ง 2 แห่ง มีคณะกรรมการชุดเดียวกันคือ นายวิโรจน์ แสงชัยทิพย์ นายนพดล กลิ่นเกษร นายสุทัศน์ โมงขุนทด นายตฤณ แก่นหิรัญ โดยได้แต่งตั้งพลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คนปัจจุบัน เป็นประธานบริษัท พรีเมียร์ ลีก ไทยแลนด์
ทั้งนี้เป็นไปตามคาดหมาย เนื่องจากบริษัทไทยพรีเมียร์ลีกเดิมนั้นถือหุ้นในนามบุคคลที่เป็นผู้บริหารสมาคมฯ ชุดเดิม ดังนั้นจึงต้องตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาและอาศัยอำนาจของนายกสมาคมฯ ที่เพิ่งได้รับการรับรองจากการกีฬาแห่งประเทศไทยเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมามอบสิทธิ์ในการจัดแข่งขันให้กับบริษัทใหม่เพื่อแก้ปัญหาเดิมๆ ที่เคยมี
จากนี้ไปต้องดูความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นว่าจะเป็นไปตามนโยบายที่เคยแถลงไว้ตามหลัก 5Fair หรือไม่ ตัวบริษัทใหม่คงเป็นการรีบดำเนินการจัดตั้งขึ้นมาก่อน จากนั้นคงเป็นการดำเนินการให้สมาคมฯ และสโมสรฟุตบอลเข้ามาถือหุ้นตามหลักการที่เป็นสากล
ตอนนี้บริษัทไทยพรีเมียร์ลีกของกลุ่มอดีตนายกคนเดิมก็ต้องหมดหน้าที่ไป ส่วนเรื่องของการจัดการสิทธิประโยชน์นั้น ก่อนหน้านี้ผู้บริหารของสมาคมฯ ชุดเดิมได้มอบให้บริษัทด้านกีฬารายหนึ่งดำเนินการ โดยเซ็นสัญญาไว้ 5 ปีสิ้นสุดในปี 2560 และลิขสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอลที่กลุ่มทรูได้ลิขสิทธิ์ในฤดูกาล 2560-2563 ด้วยวงเงิน 4,200 ล้านบาท ตรงนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเพราะที่ประชุมของผู้บริหารสมาคมฯ ชุดใหม่ยกเลิกมติของกรรมการชุดเดิมที่ทำไว้ตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2559 เป็นต้นไป
ดังนั้นภายใต้การจัดสรรผลประโยชน์ให้กับทีมในระดับไทยพรีเมียร์ลีก 18 ทีม ในปี 2560-2561 จะได้รับเงินสนับสนุนทีมละ 25 ล้านบาท ปี 2562 ได้ 27.5 ล้านบาท และปี 2563 ได้ 30 ล้านบาทต่อทีม ส่วนระดับดิวิชั่น 1 ปี 2560-2563 ได้รับเงินสนับสนุนทีมละ 5 ล้านบาท และดิวิชั่น 2 ปี 2560-2563 ได้รับเงินสนับสนุน ทีมละ 3 ล้านบาท นี่เป็นผลจากการทำสัญญาในยุคของนายวรวีร์ มะกูดี นอกจากนี้ยังเตรียมที่จะขยายฐานผู้ชมไปยังประเทศเพื่อนบ้านอีก แต่ไม่ได้รับความไว้วางใจให้กลับมาบริหารงานต่อจากการเลือกตั้งเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ทำตลาดเพื่อนบ้าน-เพิ่มรายได้
สำหรับทีมงานของนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยคนใหม่ ต่างก็มองตลาดในประเทศเพื่อนบ้านเช่นลาวและกัมพูชาเช่นเดียวกัน หลังจากที่โตโยต้าได้เข้ามาจัดการแข่งขันฟุตบอลแม่โขงคัพตั้งแต่ปี 2014 รวมถึงการรวมกันเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ทำให้ตลาดเพื่อนบ้านกลายเป็นเป้าหมายที่สมาคมฟุตบอลฯ เตรียมขยายฐานออกไป
สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนนั่นคือแผนการตลาดของทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก ที่มีรายการ ช้าง บุรีรัมย์ เอเชียนทัวร์ ครั้งที่ 1 วางโปรแกรมกับทีมออลสตาร์ลีกลาวและทีมออลสตาร์กัมพูชา ในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งผลตอบรับที่ออกมาดี นายเนวิน ชิดชอบ เจ้าของทีมบุรีรัมย์ ได้ออกมากล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่ไทยพรีเมียร์ลีกมีความแข็งแรงพอที่จะเปิดตลาดสู่อาเซียน
จะเห็นได้ว่าทีมบุรีรัมย์ฯ หัวหอกในการสนับสนุนพลตำรวจเอกสมยศได้นำร่องทดสอบตลาดเพื่อนบ้านไปแล้ว คาดว่าอีกไม่นานสมาคมฟุตบอลฯ จะต้องออกมาหารือเกี่ยวกับเรื่องลิขสิทธิ์การถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกไปยังประเทศเพื่อนบ้านแน่นอน
เมื่อตลาดเพื่อนบ้านเปิดช่องทางในการทำธุรกิจของผู้ที่มองเห็นโอกาสย่อมมีมากขึ้น ก่อนหน้านี้เคยมีการติดต่อมาขอลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดในบางแมตช์ หากทำอย่างเป็นระบบจะทำให้สมาคมฯ มีรายได้เพิ่มเข้ามานอกเหนือจากรายได้เดิมที่มีอยู่
นั่นหมายถึงโอกาสที่สโมสรฟุตบอลภายในประเทศไทย มีโอกาสที่จะได้รับเงินสนับสนุนทีมมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งอาจจะมากกว่า 30 ล้านบาทในอนาคต ย่อมทำให้แต่ละทีมสามารถพัฒนาทีมได้มากขึ้น สุดท้ายผลประโยชน์จะตกมาถึงทีมชาติไทย
ในเบื้องต้นนี้เห็นว่าทางผู้บริหารชุดใหม่ของสมาคมฯ จะทำ Academy ขึ้นมาโดยให้แต่ละสโมสรส่งนักฟุตบอล 2 คนต่อทีมเข้ามาฝึก โดยมีนายวิทยา เลาหกุล ประธานฝ่ายเทคนิคเป็นผู้ดูแล เพื่อเน้นไปที่การสร้างนักฟุตบอลทีมชาติไทยในอนาคต ซึ่งอาจจะซ้ำซ้อนกับบางสโมสรที่มี Academy ของตัวเอง แต่ในเมืองไทยทีมที่มี Academy นั้นค่อนข้างน้อย บางแห่งแค่เป็นความร่วมมือกับโรงเรียนบางแห่งที่ร่วมกันผลิตนักฟุตบอลร่วมกัน
การได้ผู้บริหารชุดใหม่เข้ามา หากมีความตั้งใจจริง เข้ามาเพื่อพัฒนาวงการฟุตบอลย่อมเป็นเรื่องดี แต่ควรมองถึงอนาคตของทีมชาติไทยด้วย เราอาจเห็นฟุตบอลที่ดูแล้วสนุกอย่างพรีเมียร์ลีกในอังกฤษ แต่เมื่อแข่งขันในนามทีมชาติแล้วกลับไม่ประสบความสำเร็จ ในประเทศไทยตอนนี้ดาวซัลโวส่วนใหญ่เป็นต่างชาติทั้งสิ้น สมาคมน่าที่จะให้ความสำคัญกับนักฟุตบอลไทยในตำแหน่งกองหน้าให้มากขึ้น
ปลุกธุรกิจเกี่ยวเนื่องโต
ปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้ฟุตบอลไทยกลายเป็นอีกธุรกิจหนึ่ง ที่มีเม็ดเงินมหาศาลเข้ามาให้การสนับสนุน หากภาครัฐจะให้ความสำคัญมองกีฬาอย่างฟุตบอลเป็นอุตสาหกรรมประเภทหนึ่งที่ควรให้การสนับสนุน ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ยืนอยู่ได้แม้เศรษฐกิจโดยรวมจะซบเซา
ดร.องอาจ ก่อสินค้า ประธานบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด ทีมบริหารชุดเก่าเคยประเมินว่า มีเงินหมุนเวียนในลีกฟุตบอลของไทยสูงถึงหมื่นล้านบาท นับว่าเป็นกีฬาประเภทเดียวที่สามารถดำเนินการในรูปของธุรกิจได้อย่างจริงจัง
ฟุตบอลอาชีพในประเทศไทยก็ไม่ต่างกับธุรกิจอื่นๆ ที่ต้องมีเงินลงทุน ทำตลาด สร้างฐานลูกค้า และยังมีความเชื่อมโยงไปยังธุรกิจอื่น สร้างงาน สร้างอาชีพให้กับคนไทยได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ที่ผ่านมาภาครัฐให้การสนับสนุนงบประมาณในวงการฟุตบอลราว 100 กว่าล้านบาท จากการกีฬาแห่งประเทศไทย สำนักงานสลากกินแบ่งฯและหน่วยงานอื่นๆ
ทีมในระดับพรีเมียร์ลีกและดิวิชั่น 1 จำนวน 36 ทีม ทีมดิวิชั่น 2 ลีกภูมิภาคอีก 83 ทีม ทุกปีทุกทีมจะต้องลงทุนมากน้อยแตกต่างกันไป ทีมในพรีเมียร์ลีกแต่ละทีมจะต้องใช้เงินลงทุนขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาทต่อฤดูกาล บางทีมอาจสูงถึง 200-300 ล้านบาท ทีมดิวิชั่น 1 ต้องมี 50-100 ล้านบาท ส่วนทีมดิวิชั่น 2 ขั้นต่ำต้องมีมากกว่า 20 ล้านบาท เฉลี่ยแล้วเฉพาะเงินลงทุนทำทีมทั้งระบบ 1 ฤดูกาลต้องมีราว 5,000 ล้านบาท
ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดที่ประมูลกันใหม่อยู่ที่ฤดูกาลละ 1,050 ล้านบาท เงินสนับสนุนจากโตโยต้า 100 ล้านบาท และสปอนเซอร์รายอื่นๆ อีกอย่างยามาฮ่า เอไอเอส ช้าง เงินสนับสนุนจากการกีฬาแห่งประเทศไทย 100 ล้านบาทและอื่นๆ
ขณะที่จำนวนผู้เข้าชมในแต่ละสนามฤดูกาล 2558 เฉลี่ยที่ 6,349 คน เทียบกับ 5,029 คนในปี 2557 เพิ่มขึ้น 26.2% ค่าบัตรผ่านประตูเฉลี่ยที่ประมาณ 100 บาท ที่ถือเป็นรายได้ของทีมเจ้าภาพ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของสินค้าที่ระลึก เสื้อที่ระลึกของแต่ละสโมสร มีตั้งแต่ 300-1,000 บาท ผ้าพันคอและสินค้าที่ระลึกต่างๆ
สินค้าเหล่านี้จะเปลี่ยนทุกปี มีทั้งชุดทีมเหย้าและเยือนให้เลือก ตอนนี้เริ่มมีชุดแข่งที่ 3 ออกมาทำตลาดอีกรูปแบบหนึ่ง เฉพาะสินค้าที่ระลึกก็จะเกี่ยวเนื่องไปยังผู้ผลิตทั้งรายใหญ่และรายย่อย เป็นการสร้างงานอีกรูปแบบหนึ่ง
ในการแข่งขันนั้นจะต้องมีเรื่องของการเดินทางเข้ามา ทั้งสายการบิน รถบัสที่รับส่งนักฟุตบอลและเจ้าหน้าที่ในทีม ทีมที่มีกองเชียร์ตามมาก็จะมีรถบัสอีกจำนวนหนึ่งไว้สำหรับการเดินทางมาเชียร์ บางรายอาจเดินทางเองทั้งทางเครื่องบิน ขับรถไปเองหรือเช่ารถเดินทางกันเป็นหมู่คณะ หากระยะทางไกลอาจต้องพักค้างคืนทั้งทีมฟุตบอลและแฟนบอล ธุรกิจโรงแรมในแต่ละจังหวัดก็ได้รับประโยชน์ไปด้วย
นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดนั้นๆ ไปในตัว เพราะแฟนบอลมักจะมาก่อนเวลา วางแผนไปเที่ยวตามที่ต่างๆ ก่อนชมฟุตบอล กิจกรรมเหล่านี้ย่อมเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจของจังหวัดนั้น
Academy สินค้าส่งออก
ประการต่อมาธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับทีมฟุตบอลคือการเปิด Academy สร้างนักฟุตบอลฝึกหัดของสโมสรขึ้นมา เพื่อทดแทนรุ่นพี่ที่ต้องเลิกเล่นไปในอนาคต ตอนนี้นักฟุตบอลของไทยอาจจะยังไม่เพียงพอสำหรับการแข่งขันภายในประเทศ แต่อีก 5-10 ปีที่ผลผลิตเหล่านี้มีมากขึ้น Academy จะเป็นตัวทำเงินให้กับสโมสรนั้นๆ ทั้งจากการขายนักเตะให้กับทีมอื่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ประเทศในแถบแอฟริกาที่เศรษฐกิจแย่กว่าประเทศไทย นักฟุตบอลถือเป็นสินค้าออกชั้นดีที่ลีกฟุตบอลอย่างอังกฤษ สเปน เยอรมันและที่อื่นๆ ให้ความสนใจ ค่าแรงไม่แพง นักแตะคุณภาพดี ทำให้คนในประเทศเขากลายเป็นสินค้าออกที่มีมูลค่าสูง รัฐบาลก็ได้ประโยชน์จากส่วนนี้ทั้งจากเรื่องภาษีหรือเงินที่พวกเขาส่งกลับมาให้ครอบครัว
แม้ว่านักเตะจากประเทศไทยอาจจะยังไม่ถึงระดับนั้น แต่ลีกฟุตบอลในแถบประเทศอาเซียนก็มีทุกประเทศ ในอดีตนักฟุตบอลไทยจำนวนไม่น้อยที่ไปค้าแข้งในต่างแดน ตอนนี้อาจจะน้อยลงไปเนื่องจากฟุตบอลภายในประเทศเป็นที่นิยม อีกระยะเมื่อมีนักฟุตบอลมากขึ้นก็ต้องขยับขยายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งสินค้าออกของไทย
หากเราให้ความสำคัญกับกีฬาฟุตบอลมองว่าเป็นอุตสาหกรรมหนึ่ง แล้วให้การส่งเสริมอย่างจริงจัง เมื่อเราพัฒนาคุณภาพของนักฟุตบอลได้ขึ้นมาเทียบเท่าสากล ตลาดค้าแข้งในต่างประเทศย่อมเปิดกว้างสำหรับนักฟุตบอลไทย
เชื่อว่าด้วยความสัมพันธ์ที่ดีของพลตำรวจเอกสมยศกับคุณเนวิน ชิดชอบ ที่สนับสนุนกันมา อาจจะช่วยให้การพัฒนานักฟุตบอลของไทยทำได้เร็วขึ้น นายใหญ่ของสโมสรบุรีรัมย์สนิทสนมกับกลุ่มคิงเพาเวอร์ ซึ่งเป็นเจ้าของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ที่เป็นทีมนำในพรีเมียร์ลีกของอังกฤษในเวลานี้
การส่งนักฟุตบอลไปฝึกหัดตอนนี้ถือเป็นเรื่องธรรมดา เพราะมีทั้งกลุ่มช้างที่สนับสนุนสโมสรเอฟเวอร์ตัน ค่ายสิงห์ก็สนับสนุนทีมใหญ่อย่างเชลซีและแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เชื่อคนไทยยังรอแค่ให้มีนักฟุตบอลไทยไปเล่นในพรีเมียร์ลีกของอังกฤษเท่านั้น แม้ที่ผ่านมาจะพอมีนักฟุตบอลไทยไปเป็นทีมสำรองในอังกฤษบ้าง แต่มักไม่ประสบความสำเร็จ หรือบางรายไปอยู่กับทีมในสเปนหรือเบลเยียมแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเช่นกัน
ในอนาคตคาดว่าทีมบริหารของสมาคมฯ ชุดใหม่ จะเริ่มขยายฐานการรับชมฟุตบอลลีกของไทยไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น เช่น การให้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดการแข่งขันกับบริษัทที่สนใจทำตลาดในประเทศเพื่อนบ้าน ด้านหนึ่งเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับสมาคมฯ อีกด้านเป็นการขยายฐานผู้ชมให้กว้างกว่าเดิม รวมไปถึงการเดินแผนพัฒนาวงการฟุตบอลในเมืองไทยอย่างเป็นระบบ เงินหมุนเวียนในธุรกิจฟุตบอลจากนี้ไปย่อมต้องสูงกว่าหมื่นล้านบาทแน่นอน