xs
xsm
sm
md
lg

นักวิชาการกระตุกทีมเศรษฐกิจ “สมคิด” เกาะติดจีนปรับตัวอย่ามุ่งแค่อัดฉีดฐานราก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่เริ่มขยับอัดเงินผ่านกองทุนหมู่บ้าน ด้านเศรษฐศาสตร์จุฬาฯ แนะปลุกคนชั้นกลางที่มีกำลังซื้อ แต่ไม่กล้าจับจ่าย พร้อมกระตุ้นเอกชนเดินหน้าหมุนเศรษฐกิจ ทำควบคู่อัดฉีดรากหญ้า “สมภพ มานะรังสรรค์” รับจีนปรับตัวกระทบไทยเพิ่ม เป็นการบ้านให้รัฐบาลอ่านจีนให้ออก ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ค่ายอื่นไม่คาดหวัง เหตุปัจจัยแวดล้อมหนักหนาสาหัส

การปรับคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ครั้งนี้มีการปรับ 19 ตำแหน่ง โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจที่เปลี่ยนจาก ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจคนก่อน มาเป็น นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เข้ามารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจแทน พร้อมด้วยทีมงานที่เข้ามารับตำแหน่งในกระทรวงการคลังและกระทรวงเศรษฐกิจอื่นๆ

จากเดิมที่ประเทศไทยประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจ ทั้งจากปัจจัยภายในที่กำลังซื้อในประเทศหดหาย ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำตามตลาดโลก กลุ่มคนชนชั้นกลางกว่าล้านคนถูกล็อกรายได้จากการเข้าร่วมใช้สิทธิ์โครงการรถยนต์คันแรกของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ และประเทศคู่ค้าของไทยล้วนประสบปัญหาเศรษฐกิจภายในที่ยังไม่ฟื้นตัว ทำให้การส่งออกของไทยอยู่ในสภาพติดลบ กลายเป็นตัวฉุดความมั่นใจของประชาชนให้หดหายไป

ในช่วงที่มีการเตรียมการเพื่อปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ มีปัจจัยลบเพิ่มเติมเข้ามาจากเดิมอีก 17 สิงหาคม 2558 ช่วงค่ำเกิดเหตุระเบิดที่ศาลพระพรหม สี่แยกราชประสงค์ มีผู้เสียชีวิต 20 ราย บาดเจ็บกว่าร้อยราย โดยกลุ่มที่นิยมมาไหว้พระพรหมส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติเชื้อสายจีน ทำให้เกรงกันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะไปกระทบต่อความมั่นใจของนักท่องเที่ยวจีน ที่เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักที่เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย และอาจทำให้นักท่องเที่ยวประเทศต่างๆ กังวลและเปลี่ยนเป้าหมายไปเที่ยวประเทศอื่นแทน

เนื่องจากในเวลานี้รายได้จากการท่องเที่ยวนับว่าเป็นรายได้หลักที่ยังสร้างรายได้ให้กับประเทศได้ดี หลังจากที่การส่งออกของไทยถดถอย หากรายได้จากการท่องเที่ยวหายไปย่อมส่งผลลบต่อเศรษฐกิจไทยมากยิ่งขึ้น

ขณะที่ปัจจัยภายนอกยังคงมีความผันผวนตลอดเวลา 11 สิงหาคม 2558 ธนาคารกลางจีนได้ลดค่าเงินหยวนลงเกือบ 2% ส่งผลต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนทั่วโลกทันที

ก้าวเข้าสู่วันแรกของการทำงานของคณะรัฐมนตรีและทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ 24 สิงหาคม 2558 ถูกต้อนรับด้วยสถานการณ์หุ้นตกทั้งเอเชีย ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถูกนักลงทุนต่างชาติกระหน่ำขายอย่างหนักจนดัชนีลงมาปิดที่ระดับต่ำสุดของวันที่ 1,301.06 จุด ลดลง 64.55 จุด หรือลดลง 4.73% มูลค่าการซื้อขาย 60,491.34 ล้านบาท รุ่งขึ้น 25 สิงหาคมมีแรงขายกดให้ดัชนีลงมาอยู่ที่ระดับ 1,294.35 จุด ก่อนที่จะดีดตัวขึ้นไปปรับแดนบวกได้ ตามมาด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางจีนในช่วงค่ำวันเดียวกัน ทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ 1.75% นับเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งที่ 5 ในรอบ 10 เดือนของธนาคารกลางจีน

พุ่งเป้าช่วยรากหญ้า

นับเป็นปัจจัยลบรายการใหม่ที่เพิ่มเข้ามาจากเดิมต่อเศรษฐกิจไทย แน่นอนว่านี่คือภารกิจที่ท้าทายทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ที่จะต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคทางเศรษฐกิจที่หนักหนากว่าเดิม

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า สมัยปี 2540 ช่วงนั้นรากหญ้ายังสบายๆ การส่งออกยังดี ช่วงนั้นเป็นคนรวยที่ลำบาก แต่ครั้งนี้กลับกัน ไปดูในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทใหญ่ๆ มีผลประกอบการดีและแข็งแรง เพราะประสบการณ์ในอดีตทำให้เขารู้จักระวังตัว แต่ครั้งนี้รากหญ้าลำบาก ถ้าปล่อยให้รากหญ้าลำบากนานเกินไป ข้างบนก็จะลำบากไปด้วย ดังนั้นต้องสัมพันธ์และช่วยกัน

ในระยะสั้นจะทำอย่างไรที่จะลงไปช่วยเหลือรากหญ้า โดยเฉพาะเกษตรกรที่อยู่ในต่างจังหวัด ให้เศรษฐกิจพื้นฐานขับเคลื่อนได้ ซึ่งมีมาตรการที่ฟอร์มกันอยู่ จะพยายามเสนอเข้าคณะรัฐมนตรีให้เร็วที่สุด ซึ่งจะพอประทังให้กิจกรรมเศรษฐกิจท้องถิ่นและภูมิภาคขับเคลื่อนไปได้ จะช่วยทำให้เศรษฐกิจโดยทั่วไปเริ่มหมุนได้

พร้อมทั้งกล่าวต่อไปว่า ภารกิจไม่ใช่แค่กระตุ้นเศรษฐกิจ การกระตุ้นเป็นแค่การทำช่วงสั้นเพื่อประคองไม่ให้คนยากจนลำบาก แต่หัวใจสำคัญในช่วงเปลี่ยนผ่านที่จะทำให้ประเทศสามารถแข่งขันได้ภายในอนาคตข้างหน้าจะพยายามใช้เวลาช่วงที่มีอยู่ปีเศษๆ เริ่มแก้ไขและปฏิรูปเลย ไม่ต้องรอ

จากนั้นได้สร้างความมั่นใจให้กับภาคเอกชนในการบรรยายพิเศษ “นโยบายเศรษฐกิจและทิศทางประเทศไทย” เมื่อ 27 สิงหาคม 2558

เข่นเดียวกับนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ได้เตรียมเสนอเป็นแพกเกจเพื่อช่วยเหลือในหลายด้านให้มีกำลังซื้อเพิ่มเติม เช่น แผนเติมเงินผ่านกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ผ่านการใช้เงินงบประมาณ และเงินของแบงก์รัฐ เช่น ออมสิน ธ.ก.ส. ปล่อยกู้ให้กับกองทุนหมู่บ้านฯ ปลอดดอกเบี้ย หรือดอกเบี้ยต่ำ แล้วนำไปปล่อยกู้ให้ชาวบ้านผู้เป็นสมาชิกกองทุนในอัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยมีเงื่อนไขห้ามนำไปชำระหนี้เดิม แต่ให้นำไปใช้ในการประกอบอาชีพ เพราะไม่ต้องการให้เงินฟรีกับชาวบ้าน แต่ต้องการให้นำเงินไปใช้หมุนเวียนประกอบอาชีพ เพื่อให้ต้นทุนลดลง

นี่คือการขับเคลื่อนของทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ที่เร่งดำเนินการฟื้นเศรษฐกิจทันทีหลังจากเข้ารับตำแหน่ง
ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่เตรียมอัดฉีดเงินผ่านกองทุนหมู่บ้าน
ปลุกภาคเอกชน-ชนชั้นกลางร่วมฟื้น

ขณะที่ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่กำลังหาแนวทางในการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลายภาคส่วนฝากความหวังพร้อมทั้งเสนอแนะแนวทางและข้อสังเกตถึงการเปลี่ยนแปลงที่เข้ามากระทบต่อเศรษฐกิจ

รศ.ดร.สมประวิณ มันประเสริฐ รองคณบดี คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้ว่า ทีมเศรษฐกิจชุดนี้คนส่วนใหญ่ให้ความคาดหวังสูง แต่ตอนนี้เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งจึงยังไม่เห็นนโยบายเท่าไหร่

หากมองไปถึงทีมเศรษฐกิจชุดก่อน จะเน้นไปที่นโยบายระยะยาว หรือพยายามกระตุ้นระยะสั้น เช่น ให้เงินช่วยเหลือเกษตรกรไร่ละ 1,000 บาทไม่เกินครอบครัวละ 15,000 บาท แต่ยังไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้

แต่เศรษฐกิจของประเทศไทยตอนนี้มีปัญหา ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ต้องดำเนินการกระตุ้นทั้งระยะสั้นและระยะยาว มองเฉพาะแค่โครงสร้างเพียงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดำเนินการกระตุ้นเรื่องดีมานด์ด้วย เครื่องมือที่มีอย่างเช่น การใช้นโยบายด้านการคลัง ทำได้ทั้งเรื่องการลดภาษีหรือการให้เงินช่วยเหลือ

นอกจากนี้รัฐบาลจะต้องกระตุ้นภาคเอกชน เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจ

ในการกระตุ้นเศรษฐกิจจะต้องทำทั้งการบรรเทาและกระตุ้นไปพร้อมๆ กัน การบรรเทาคือต้องลงไปช่วยกลุ่มคนที่มีปัญหา แรงงานนอกระบบ รากหญ้า เกษตรกรและคนยากคนจน ส่วนการกระตุ้นต้องไปกระตุ้นคนที่มีกำลังซื้อ ซึ่งเป็นคนชนชั้นกลาง จริงๆ แล้วคนกลุ่มนี้ยังมีกำลังซื้ออยู่เพียงแต่ไม่กล้านำเงินออกมาใช้ รัฐบาลต้องไปหาวิธีการเพื่อให้ทั้งการบรรเทาและกระตุ้นเดินหน้าไปได้

ส่วนเรื่องการใช้นโยบายระยะยาวควรทำควบคู่กับนโยบายระยะสั้น ของเดิมที่ดีอยู่แล้วหวังว่ารัฐบาลจะดำเนินการต่อและเสริมในส่วนที่ของเดิมไม่ได้ทำไว้

ตอนนี้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ต้องทำงานแข่งกับความคาดหวังของคน นโยบายที่ออกมาต้องชัดเจน และต้องคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนไปมาเร็วมาก ทำให้เราต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากเศรษฐกิจระหว่างประเทศมากขึ้น ดังนั้นมาตรการที่จะออกมาต้องคำนึงถึงเรื่องการใช้จ่ายด้วยเช่นกัน

อ่านจีนให้ออก

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่จีนมีการปรับตัวทางด้านเศรษฐกิจ ทั้งอัตราการเติบโตที่ลดน้อยลง การลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องและการลดค่าเงินหยวนนั้น ย่อมกระทบต่อแนวทางการฟื้นเศรษฐกิจของไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

รศ.ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ อธิการบดีสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ กล่าวว่า เราต้องตีโจทย์จีนให้แตกว่ามีผลต่อเศรษฐกิจโลกอย่างไร เพราะสิ่งที่จีนกำลังทำทั้งการลดอัตราดอกเบี้ย ลดค่าเงินหยวน อาจถึงเวลาเปิดตัวจีนต่อโลกภายนอก ดังนั้นต้องมีการปรับตัวให้เหมือนกับนานาชาติและพร้อมที่จะเข้าไปลงทุนในกิจการต่างๆ เช่นเดียวกับญี่ปุ่นที่ลงทุนในประเทศต่างๆ

ทั้งนี้สินค้าภายในประเทศของจีนเริ่มมีราคาแพง ส่งออกได้ลำบาก อีกทั้งคนสูงอายุในจีนมีมากขึ้น และสินทรัพย์ของจีนเองก็มีมาก จึงต้องออกมาลงทุนในต่างประเทศ หาประโยชน์จากเศรษฐกิจโลก ลงทุนในธุรกิจต่างๆ และรุกทางด้านการเงินมากขึ้น

ดังนั้นเมื่อจีนมีการปรับตัวจึงเกิดผลกระทบตามมา เช่น หุ้นตกทั้งภูมิภาคและกระทบไปถึงตลาดหุ้นสหรัฐฯ เพราะจีนถือว่าเป็นโรงงานและห่วงโซ่อุปทานของโลก สินค้าของสหรัฐฯ มีฐานการผลิตชิ้นส่วนอยู่ที่จีน จึงกระทบไปถึงบริษัทแม่ที่มีหุ้นในตลาดนิวยอร์กและแนสแด็ก

สำหรับประเทศไทยถือว่าเป็นเศรษฐกิจเปิด คือ เปิดเรื่องการค้ากับต่างประเทศ เปิดให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนได้ทั้งทางตรงและในตลาดทุน รวมถึงการเปิดภาคบริการระหว่างประเทศ เมื่อจีนมีการปรับตัวจึงทำให้การฟื้นเศรษฐกิจของไทยยากขึ้น ทั้งเรื่องความเสี่ยงในภาคการเงิน ภาคการผลิต อัตราแลกเปลี่ยน ภาคบริการท่องเที่ยว ผลกระทบอาจจะยาวนาน

ประเทศไทยจะต้องหาทางบริหารกับตัวแปรภายนอกอย่างไร ผู้ที่ขึ้นมาดำรงตำแหน่งใหม่ ต้องคิดทางหนีทีไล่ให้ดี เพราะจากนี้ไปปัญหาในลักษณะนี้จะมีให้เห็นมากขึ้น
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษณ์ รองนายกรัฐมตรี หัวเรือใหญ่ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่
ไม่คาดหวัง-ปัจจัยลบหนัก

นักเศรษฐศาสตร์อีกรายกล่าวถึงการเข้ามาทำหน้าที่ของทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ว่า ใครจะมาทำหน้าที่แก้ปัญหาเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในเวลานี้ก็ไม่ง่ายทั้งนั้น เพราะเครื่องมือที่มีทีมเศรษฐกิจชุดก่อนก็ใช้ไปแล้วเช่นกัน เช่นการเพิ่มกำลังซื้อให้กับรากหญ้า แต่ยังไม่สามารถกระตุ้นได้ หากพิจารณาลงไปในเรื่องการอัดเงินลงสู่รากหญ้าที่ผ่านมานั้น จะเห็นได้ว่าเงินไปถึงมือปลายทางช้า เนื่องจากไม่มีการลงไปเร่งรัดจากฝ่ายบริหาร ตรงนี้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องไปหาทางแก้ไข

เมื่อมีปัจจัยลบเพิ่มเข้ามาอีกตอนนี้คงทำได้แค่ประคองสถานการณ์ไป อาจมีมาตรการกระตุ้นในระยะสั้น คงต้องรอดูว่าจะมีอะไรออกมาบ้าง แต่ในภาพรวมแล้วทีมเศรษฐกิจชุดนี้ค่อนข้างจะมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับภาคธุรกิจอยู่ไม่น้อย มีการมองภาพรวมดำเนินแผนที่มีกลยุทธ์บวกแนวทางการตลาดที่ชุดนี้มีความเชี่ยวชาญ น่าจะทำให้เศรษฐกิจของไทยผ่านพ้นวิกฤตไปได้

ตอนนี้คนไทยคงต้องร่วมแรงร่วมใจกัน เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นต่อภาคเศรษฐกิจในเวลานี้หนักหนาสาหัส แม้ค่าเงินบาทที่อ่อนเกินระดับ 35 บาทต่อดอลลาร์ก็ไม่ได้ทำให้ภาคการส่งออกของไทยดีขึ้น กำลังซื้อของประเทศคู่ค้าก็ถดถอยลง อีกทั้งค่าเงินของไทยไม่ได้อ่อนลงประเทศเดียว ค่าเงินทุกประเทศก็อ่อนลงเช่นกัน ดังนั้นความได้เปรียบในส่วนนี้จึงแทบไม่มี

แม้จะมีความพยายามที่จะปลุกกำลังซื้อและความเชื่อมั่นในประเทศ แต่ไม่ประสบความสำเร็จนัก อย่างเรื่องการอนุญาตให้นำเอาค่าใช้จ่ายด้านห้องพักมาหักลดหย่อนภาษีได้สำหรับท่องเที่ยวในประเทศ ก็ยังไม่จูงใจนัก ควรมีมาตรการอื่นเพิ่มเข้ามา อย่างตอนนี้ราคาน้ำมันในประเทศลดลงไปมาก รัฐต้องหาวิธีการเพื่อใช้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ลดลงให้ได้มากที่สุด ทั้งวิธีการด้านภาษีหรือการให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้กับภาคธุรกิจและประชาชนเพื่อให้กลุ่มที่มีกำลังซื้อส่วนนี้ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้

กำลังโหลดความคิดเห็น