คนรักทักษิณเปิดปฏิบัติการสั่งสอนคนคุกคาม “นายหญิง” อดีตคนในพรรคเพื่อไทยเชื่อมีพวกเดือดร้อนแทน เอาใจนาย หากเข้าตาได้ดิบได้ดี ชี้ในพรรคไม่มีใครทรงอิทธิพลเท่าคุณหญิงพจมาน ทั้งเรื่องท่อน้ำเลี้ยง ประสานงานทุกเรื่องเพื่อให้พรรคเดินได้ แย้มทักษิณเกรงใจคุณหญิงอ้อมาก แม้โผแต่งตั้งที่ถึงมือทักษิณแล้วยังเปลี่ยนได้ เผยทักษิณรักครอบครัวมาก เมีย-ลูก-น้อง ใครอย่าแตะ
ทันทีที่คลิปเป่านกหวีดใส่คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยาของทักษิณ ชินวัตร โดยนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ และนางทยา ทีปสุวรรณ แกนนำ กปปส. ที่ไปเป่านกหวีดไล่คุณหญิงพจมานที่ห้างสรรพสินค้า ดิ เอ็มโพเรียม เมื่อ 26 กุมภาพันธ์ 2557 และได้เผยแพร่ออกสู่สาธารณะ หากพิจารณาจากคลิปที่เผยแพร่จบว่าแม้คุณหญิงพจมานจะไม่ได้วิ่งหนีกลุ่มที่เป่านกหวีดไล่ แต่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าคุณหญิงและผู้ติดตามเดินเร่งฝีเท้าเพื่อไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ โดยมีการ์ดคอยกันผู้ชุมนุมไม่ให้เข้าถึงตัว จนสามารถเคลื่อนรถออกไปได้
เมื่อภาพของนายหญิงถูกกระทำอย่างนี้ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับคนในตระกูลชินวัตร ยิ่งเป็นคุณหญิงอ้อภรรยาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ด้วยแล้วมีหรือที่เหล่าสาวกบริวารจะไม่เดือดร้อน
เหล่าองครักษ์พิทักษ์คุณหญิงดาหน้าออกมาถล่ม 2 สามีภรรยาคู่นี้ ทั้งในเรื่องความไม่เหมาะสมและการกระทำดังกล่าวถือเป็นการคุกคามสิทธิเสรีภาพ ทั้งนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายของทักษิณ
“การเป่านกหวีดถือว่าเป็นการทำร้ายบุคคลอื่น ละเมิดสิทธิ์ และเป็นการข่มขู่คุกคามฝ่ายตรงข้าม ซึ่งจะทำให้สังคมเกิดความเกลียดชังและแตกแยกกันมากขึ้น อยากถามนางทยา และนายณัฐพล ว่าถ้าพ่อแม่คุณถูกเป่านกหวีดและถูกคุกคามบ้าง คุณจะรู้สึกเช่นไร ดังนั้นตนจึงเรียกร้องให้ นายสุเทพ เรียกทั้งสองคนมาตักเตือน และยุติการคุกคามบุคคลอื่น เพราะมันจะทำให้บ้านเมืองเกิดความแตกแยกมากไปกว่านี้ อย่าลืมว่าคนเรามีทั้งคนรักและคนชังเป็นเรื่องปกติ แต่คนรักคุณหญิงพจมานมีจำนวนมาก มากกว่าคนในระบอบอำมาตย์ทั้งหมดรวมกันด้วยซ้ำ ก็อยู่ที่ กปปส.จะทำให้บ้านเมืองไทยแตกแยกมากขึ้นไปเรื่อยๆ หรือจะอยู่กับบ้านเมืองที่แม้คนกลุ่มต่างๆ ไม่รักกัน แต่ต้องยึดมั่นในกฎหมายและเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน ที่จะใช้ชีวิตในสังคมได้ตามปกติ ไม่ไปข่มขู่คุกคามบุคคลอื่น เพราะฝ่ายประชาธิปไตยและเสื้อแดง ก็มีเงินที่จะซื้อสิ่งของมากกว่านกหวีดมาเป่า แต่เขาไม่ทำเพราะเขายังไม่สิ้นคิด”
ตามมาด้วย พิณทองทา คุณากรวงศ์ หรือ พิณทองทา ชินวัตร บุตรสาวของทักษิณ ชินวัตร ที่โพสต์อินสตาแกรมโดยนำเอาข้อความของนายนพดลมากล่าวซ้ำอีกครั้ง และอดีต ส.ส.หญิง และสมาชิกพรรคเพื่อไทยได้ออกมาประณามการกระทำดังกล่าว
จากนั้น โอ๊ค-พานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย ได้ออกมาโพสต์บนเฟซบุ๊กเมื่อ 28 กุมภาพันธ์ 2557 ว่า “เมีย ส.ส.ประชาธิปัตย์ เป่านกหวีดใส่คุณแม่ผม แล้วทำเป็นมาพูดว่าคุณแม่ผมวิ่งหนี ซึ่งจริงๆ แล้วก็เป็นการเดินไปขึ้นรถ โดยมีการ์ดคอยกัน 2 คนผัวเมียจอมป่วนเมืองให้ไปห่างๆ พฤติกรรมก้าวร้าวของเมีย ส.ส.คนนี้ เดือดร้อนถึงผู้เป็นแม่ครับ ซึ่งหลังจากลูกสาวถูกปาของใส่หน้า จนนกหวีดหลุดจากปากได้ไม่ถึงชั่วโมง คุณแม่คือคุณหญิงศศิมา ศรีวิกรม์ ทราบเรื่อง จึงโทร.มาขอโทษคุณแม่ผม ที่ลูกสาวตัวเองมีพฤติกรรมเช่นนี้ ซึ่งคุณแม่ผมก็ให้อภัย ไม่ได้ว่าอะไร”
คืนดังกล่าวเกิดเหตุคนร้ายปาไปป์บอมบ์เข้าไปยังบ้านพักของนางทยาและนายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ แกนนำ กปปส. แต่ระเบิดไม่ทำงาน และต่อเนื่องในช่วงเช้าวันที่ 1 มีนาคม มีคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงใส่บ้านพักที่เขาใหญ่ของคุณหญิงศศิมา ศรีวิกรม์ มารดาของนางทยา ทีปสุวรรณ แกนนำ กปปส.
นับเป็นผลพวงหลังจากที่คุณหญิงพจมานถูกเป่านกหวีดใส่กลางห้างดัง ที่มีพลพรรคของคนเพื่อไทยและลูกๆ ต่างดาหน้าออกมาปกป้องและตำหนิการกระทำดังกล่าวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
เอาคืนแทนนายหญิง
นี่นับเป็นครั้งแรกที่คุณหญิงพจมานต้องเผชิญหน้ากับฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการบริหารงานของทักษิณ ชินวัตรและรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ปฏิบัติการเป่านกหวีดใส่ การแสดงออกเพื่อปกป้องนายหญิงจึงเป็นเรื่องที่บรรดาพลพรรคเพื่อไทยต้องออกมา อย่างน้อยก็แสดงให้นายใหญ่และนายหญิงเห็นว่าพวกเขาเหล่านี้ยังพร้อมที่จะเดินเคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับนายทั้งสอง เผื่อโชควาสนามาเกยจะได้เลื่อนชั้นขึ้นมารับตำแหน่งสำคัญกับเขาบ้าง
“คนที่ลงมือทำทั้งเรื่องปาระเบิดที่บ้านทยา ทีปสุวรรณ รวมไปถึงการยิงถล่มบ้านพักคุณหญิงศศิมาที่เขาใหญ่นั้น เป็นพวกลิ่วล้อทั้งนั้น คนอย่างคุณหญิงอ้อคงไม่สั่งใครให้ไปทำอย่างนั้น พวกนี้ทำเพื่อเอาใจคุณหญิงซึ่งมีอยู่เยอะ ทั้งทหาร ตำรวจหรือคนในพรรค ที่คุณหญิงผลักดันให้ใหญ่โตขึ้นในอดีต เรื่องอย่างนี้ไม่จำเป็นที่ใครจะต้องไปสั่งใคร ที่ผ่านมาคนเหล่านี้รู้อยู่แล้วว่า ทำอะไรให้นายก็มักจะได้ดิบได้ดีเสมอ ”แหล่งข่าวจากอดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทยกล่าว
ถามว่าทำไมคนเหล่านี้จึงตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามแทนนาย ก็ต้องกลับไปดูว่าที่ผ่านมาอดีตนายกฯ ทักษิณ เป็นคนรักลูกรักเมียและคนในครอบครัวมาก แตะต้องไม่ได้ อีกทั้งบทบาทสำคัญของคุณหญิงพจมานนอกจากสถานะความเป็นหลังบ้านของทักษิณแล้ว ต้องยอมรับว่ามีบทบาทสำคัญต่อพรรคเพื่อไทยมาก เห็นได้จากเงินบริจาคให้พรรคถือว่ามากที่สุด
หญิงอ้อคนที่ทักษิณเกรงใจ
ในพรรคเพื่อไทยมีผู้ทรงอำนาจอยู่ 3 รายคือทักษิณ พจมาน และเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ที่สนับสนุนเรื่องของท่อน้ำเลี้ยงสำหรับการเลือกตั้งทุกครั้ง โดยเฉพาะคุณหญิงอ้อแม้บางครั้งจะมีโผแต่งตั้งบางโผที่ส่งตรงถึงทักษิณ ชินวัตร แต่บางครั้งโผนี้ก็เปลี่ยนไปโดยมีคุณหญิงเป็นคนพิจารณาแทน นั่นเท่ากับเห็นชัดว่าเธอเป็นผู้ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดของพรรค
คนระดับผู้บริหารพรรคมักจะขึ้นตรงกับคุณหญิงเป็นหลัก อาจจะมีบ้างที่น้องสาวทักษิณอย่าง นางเยาวภา เข้ามาจัดการภายในพรรค แต่ส่วนใหญ่ก็จะหารือกันระหว่างคุณหญิงอ้อกับเยาวภา ดังนั้นสมาชิกในพรรคก็มีหน้าที่ปฏิบัติตามนโยบายของพรรคเป็นหลัก แม้จะเคยมีบางรายที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายต่างๆ แสดงความคิดเห็นออกไป สุดท้ายก็แพ้โหวต
ผลกระทบที่ตามมาสำหรับใครที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของพรรค มีทั้งไม่โตอยู่แค่ไหนก็อยู่แค่นั้น หากโชคร้ายอาจจะไม่มีโอกาสได้เกิดทางการเมืองอีกเลย เช่น ไม่ถูกส่งลงรับสมัคร ส.ส. ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าแตกแถว
“คุณหญิงอ้อเวลาไม่พอใจใครจะฝังใจไม่ลืม แล้วอย่าหวังว่าคนคนนั้นจะมีโอกาสเงยหน้าขึ้นมาได้อีก ในพรรคเพื่อไทยคนในรู้กันดีว่า คุณหญิงไม่ค่อยปลื้มกับคุณหญิงสุดารัตน์นัก แม้ว่าจะเคยเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงก่อตั้งพรรคร่วมกับคุณทักษิณมาก่อน ดังนั้นการลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครครั้งที่ผ่านมา แม้คุณหญิงสุดารัตน์เตรียมพร้อมที่จะลงสมัครหลังจากที่พ้นจากคดีบ้านเลขที่ 111 แต่สุดท้ายกลายเป็นพลตำรวจเอกพงศพัศ พงษ์เจริญ แทน”
นอกจากเรื่องบทบาทในพรรคเพื่อไทยแล้ว คุณหญิงพจมานนั้นถือว่าเป็นบุคคลที่อดีตนายกฯ ทักษิณ เกรงใจมากที่สุด ทั้งเรื่องในอดีตที่ต่อสู้สร้างธุรกิจร่วมกันมา ต้องยอมรับว่ากว่าอาณาจักรชินคอร์ปจะเติบโตมาได้นั้น คุณหญิงออกแรงประสานกับผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีอำนาจในขณะนั้นตลอด หรือแม้กระทั่งสัมปทานบางอย่างก็ได้คุณหญิงเป็นคนเจรจาปูทางให้จนประสบความสำเร็จ
อีกทั้งในยามที่ทักษิณมีปัญหาในทางการเมือง เช่น การขัดแย้งกับผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรค คุณหญิงก็เดินหน้าเป็นตัวประสานรอยร้าว หรือแม้กระทั่งหลังจากเกิดเหตุยึดอำนาจเมื่อปี 2549 ที่ทักษิณต้องอยู่ต่างประเทศ คุณหญิงก็ได้เข้ามาเจรจากับพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เมื่อ 26 ตุลาคม 2549 จากนั้นเมื่อเปิดให้เลือกตั้งครั้งใหม่พรรคของทักษิณก็กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง โดยมี นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี
เรียกได้ว่าคุณหญิงพจมานเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักในการช่วยเหลือทักษิณมาตั้งแต่ยุคสร้างตัว จนถึงเข้ามาสู่ภาคการเมือง แม้กระทั่ง พ.ต.ท.ทักษิณประสบชะตากรรมทางการเมือง คุณหญิงอ้อก็ต้องเข้ามาเคลียร์ปัญหาทุกอย่างให้
อย่าได้แตะคนชินวัตร
ขณะที่แหล่งข่าวอีกรายสะท้อนถึงบุคลิกของคุณหญิงพจมานว่า ด้วยความที่เป็นลูกสาวจากตระกูลดามาพงศ์ มีความเป็นผู้นำและเด็ดขาดในเรื่องการตัดสินใจ มีจุดเด่นเรื่องการทำธุรกิจเก่ง มีคุณวุฒิต่างๆ ครบ สายสัมพันธ์ที่รอบด้านและการทำให้อาณาจักรชินวัตรเติบโตจนประสบความสำเร็จ ทำให้แม้กระทั่งทักษิณ ชินวัตร ยังต้องเกรงใจ ถ้าชื่อบุคคลใดที่เธอเห็นแย้งทักษิณก็ต้องยอม
คุณหญิงเป็นคนที่หากใครเคยช่วยเหลือเธอแล้ว เธอจะไม่ลืมบุญคุณ เห็นได้จากในช่วงที่กลุ่มชินคอร์ปขายกิจการให้กับเทมาเส็กของสิงคโปร์ ครั้งนั้นทางกรมสรรพากรตัดสินใจว่าการขายในตลาดหุ้นนั้นไม่ต้องเสียภาษี รวมไปถึงกรณีอื่นๆ อย่างบริษัทแอมเพิลริชที่ขายหุ้นกันไปมากับลูกๆ ของเธอ แม้ข้าราชการกรมสรรพากรในขณะนั้นจะถูกลงโทษ แต่ท้ายที่สุดเธอก็ล้างมลทินให้พวกเขาเหล่านั้นได้ ศาลมีคำพิพากษาให้ยกฟ้องคดีภาษีหุ้นชินคอร์ป
นายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมสรรพากร ที่ถูกปลดออกจากกรณีไม่เก็บภาษีชินคอร์ป สุดท้ายศาลปกครองกลางได้สั่งคืนตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพากร ให้พร้อมด้วยสิทธิประโยชน์อื่น เช่นเดียวกับ น.ส.โมรีรัตน์ บุญญาศิริ อดีตนิติกร 8 ว. กรมสรรพากร กลับเข้ารับราชการในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนัก สังกัดส่วนกลาง กรมสรรพากร รวมทั้งได้รับผลประโยชน์ย้อนหลัง สุดท้าย น.ส.โมรีรัตน์ยื่นใบลาออก
นอกจากนี้อีกหลายคนที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวอย่างนางเบญจา หลุยเจริญ อดีตรองอธิบดีกรมสรรพากรในขณะนั้นที่ตอบข้อหารือ กรณีซื้อขายหุ้นชินคอร์ปว่าไม่ต้องเสียภาษี แม้จะไม่ได้ขึ้นถึงปลัดกระทรวงการคลัง แต่เธอก็ได้รับผลตอบแทนเป็นอธิบดีกรมสรรพสามิต นั่งบอร์ดรัฐวิสาหกิจมากมาย และยังได้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
เป็นอันว่าคุณหญิงอ้อแก้ปัญหาให้คนเหล่านี้ได้ทั้งหมด
อีกทั้งทักษิณเป็นคนที่รักครอบครัวมาก อย่างเรื่องการหย่านั้น ทุกคนก็รู้กันดีว่าเป็นเรื่องทางธุรกิจเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหากสถานการณ์ทางการเมืองไม่เป็นใจ เช่น ถ้ามีการยึดทรัพย์ต่างๆ คุณหญิงอ้อก็ไม่เกี่ยว ดังนั้นหากใครจะมาทำอะไรคนในครอบครัวของเขา ไม่มีทางที่จะยอม
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่คุณหญิงอ้อถูกเป่านกหวีดใส่นั้น เรื่องอย่างนี้ไม่จำเป็นที่คนระดับนี้ต้องลงไปสั่งการ มีวิธีการส่งสัญญาณตั้งมากมาย อีกทั้งคนรายรอบตัวก็มีมากมาย ใครจะเดินเรื่องเพื่อสั่งสอนคนที่ทำให้เจ้านายต้องตกใจก็ยากที่จะคาดเดา แต่แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นการทำเพื่อทดแทนเจ้านาย
“ในพื้นที่โคราชกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับบ้านคุณหญิงศศิมา พูดตามตรงว่าในพื้นก็รู้ว่าใครทำ แม้จะมีความพยายามตรวจสอบเรื่องกล้องวงจรปิดเพื่อหาตัวคนร้าย เป็นแค่เรื่องการลดกระแสสังคมเท่านั้น ตำรวจคงไม่มีทางที่จะจับตัวคนก่อเหตุได้แน่”
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าระบอบทักษิณเป็นอย่างไร ใครที่คิดจะไปแตะต้องครอบครัวชินวัตรคงจะต้องคิดหนัก เพราะผลที่จะตามมานั้นอาจมีทั้งหนักทั้งเบา รายที่คุ้นเคยกันก็จะเป็นลักษณะของการสั่งสอน เพื่อเตือนว่าทีหลังอย่าทำอีก ส่วนรายที่ตั้งตนเป็นศัตรูถาวรและมีแนวโน้มว่าจะไปแตะต้องคนในครอบครัวของเขาแล้ว อาจต้องพบกับรูปแบบการสั่งสอนที่หนักขึ้น
อันเป็นบทสรุปที่ว่าคนของทักษิณใครอย่าแตะ!!
ทันทีที่คลิปเป่านกหวีดใส่คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยาของทักษิณ ชินวัตร โดยนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ และนางทยา ทีปสุวรรณ แกนนำ กปปส. ที่ไปเป่านกหวีดไล่คุณหญิงพจมานที่ห้างสรรพสินค้า ดิ เอ็มโพเรียม เมื่อ 26 กุมภาพันธ์ 2557 และได้เผยแพร่ออกสู่สาธารณะ หากพิจารณาจากคลิปที่เผยแพร่จบว่าแม้คุณหญิงพจมานจะไม่ได้วิ่งหนีกลุ่มที่เป่านกหวีดไล่ แต่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าคุณหญิงและผู้ติดตามเดินเร่งฝีเท้าเพื่อไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ โดยมีการ์ดคอยกันผู้ชุมนุมไม่ให้เข้าถึงตัว จนสามารถเคลื่อนรถออกไปได้
เมื่อภาพของนายหญิงถูกกระทำอย่างนี้ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับคนในตระกูลชินวัตร ยิ่งเป็นคุณหญิงอ้อภรรยาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ด้วยแล้วมีหรือที่เหล่าสาวกบริวารจะไม่เดือดร้อน
เหล่าองครักษ์พิทักษ์คุณหญิงดาหน้าออกมาถล่ม 2 สามีภรรยาคู่นี้ ทั้งในเรื่องความไม่เหมาะสมและการกระทำดังกล่าวถือเป็นการคุกคามสิทธิเสรีภาพ ทั้งนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายของทักษิณ
“การเป่านกหวีดถือว่าเป็นการทำร้ายบุคคลอื่น ละเมิดสิทธิ์ และเป็นการข่มขู่คุกคามฝ่ายตรงข้าม ซึ่งจะทำให้สังคมเกิดความเกลียดชังและแตกแยกกันมากขึ้น อยากถามนางทยา และนายณัฐพล ว่าถ้าพ่อแม่คุณถูกเป่านกหวีดและถูกคุกคามบ้าง คุณจะรู้สึกเช่นไร ดังนั้นตนจึงเรียกร้องให้ นายสุเทพ เรียกทั้งสองคนมาตักเตือน และยุติการคุกคามบุคคลอื่น เพราะมันจะทำให้บ้านเมืองเกิดความแตกแยกมากไปกว่านี้ อย่าลืมว่าคนเรามีทั้งคนรักและคนชังเป็นเรื่องปกติ แต่คนรักคุณหญิงพจมานมีจำนวนมาก มากกว่าคนในระบอบอำมาตย์ทั้งหมดรวมกันด้วยซ้ำ ก็อยู่ที่ กปปส.จะทำให้บ้านเมืองไทยแตกแยกมากขึ้นไปเรื่อยๆ หรือจะอยู่กับบ้านเมืองที่แม้คนกลุ่มต่างๆ ไม่รักกัน แต่ต้องยึดมั่นในกฎหมายและเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน ที่จะใช้ชีวิตในสังคมได้ตามปกติ ไม่ไปข่มขู่คุกคามบุคคลอื่น เพราะฝ่ายประชาธิปไตยและเสื้อแดง ก็มีเงินที่จะซื้อสิ่งของมากกว่านกหวีดมาเป่า แต่เขาไม่ทำเพราะเขายังไม่สิ้นคิด”
ตามมาด้วย พิณทองทา คุณากรวงศ์ หรือ พิณทองทา ชินวัตร บุตรสาวของทักษิณ ชินวัตร ที่โพสต์อินสตาแกรมโดยนำเอาข้อความของนายนพดลมากล่าวซ้ำอีกครั้ง และอดีต ส.ส.หญิง และสมาชิกพรรคเพื่อไทยได้ออกมาประณามการกระทำดังกล่าว
จากนั้น โอ๊ค-พานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย ได้ออกมาโพสต์บนเฟซบุ๊กเมื่อ 28 กุมภาพันธ์ 2557 ว่า “เมีย ส.ส.ประชาธิปัตย์ เป่านกหวีดใส่คุณแม่ผม แล้วทำเป็นมาพูดว่าคุณแม่ผมวิ่งหนี ซึ่งจริงๆ แล้วก็เป็นการเดินไปขึ้นรถ โดยมีการ์ดคอยกัน 2 คนผัวเมียจอมป่วนเมืองให้ไปห่างๆ พฤติกรรมก้าวร้าวของเมีย ส.ส.คนนี้ เดือดร้อนถึงผู้เป็นแม่ครับ ซึ่งหลังจากลูกสาวถูกปาของใส่หน้า จนนกหวีดหลุดจากปากได้ไม่ถึงชั่วโมง คุณแม่คือคุณหญิงศศิมา ศรีวิกรม์ ทราบเรื่อง จึงโทร.มาขอโทษคุณแม่ผม ที่ลูกสาวตัวเองมีพฤติกรรมเช่นนี้ ซึ่งคุณแม่ผมก็ให้อภัย ไม่ได้ว่าอะไร”
คืนดังกล่าวเกิดเหตุคนร้ายปาไปป์บอมบ์เข้าไปยังบ้านพักของนางทยาและนายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ แกนนำ กปปส. แต่ระเบิดไม่ทำงาน และต่อเนื่องในช่วงเช้าวันที่ 1 มีนาคม มีคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงใส่บ้านพักที่เขาใหญ่ของคุณหญิงศศิมา ศรีวิกรม์ มารดาของนางทยา ทีปสุวรรณ แกนนำ กปปส.
นับเป็นผลพวงหลังจากที่คุณหญิงพจมานถูกเป่านกหวีดใส่กลางห้างดัง ที่มีพลพรรคของคนเพื่อไทยและลูกๆ ต่างดาหน้าออกมาปกป้องและตำหนิการกระทำดังกล่าวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
เอาคืนแทนนายหญิง
นี่นับเป็นครั้งแรกที่คุณหญิงพจมานต้องเผชิญหน้ากับฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการบริหารงานของทักษิณ ชินวัตรและรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ปฏิบัติการเป่านกหวีดใส่ การแสดงออกเพื่อปกป้องนายหญิงจึงเป็นเรื่องที่บรรดาพลพรรคเพื่อไทยต้องออกมา อย่างน้อยก็แสดงให้นายใหญ่และนายหญิงเห็นว่าพวกเขาเหล่านี้ยังพร้อมที่จะเดินเคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับนายทั้งสอง เผื่อโชควาสนามาเกยจะได้เลื่อนชั้นขึ้นมารับตำแหน่งสำคัญกับเขาบ้าง
“คนที่ลงมือทำทั้งเรื่องปาระเบิดที่บ้านทยา ทีปสุวรรณ รวมไปถึงการยิงถล่มบ้านพักคุณหญิงศศิมาที่เขาใหญ่นั้น เป็นพวกลิ่วล้อทั้งนั้น คนอย่างคุณหญิงอ้อคงไม่สั่งใครให้ไปทำอย่างนั้น พวกนี้ทำเพื่อเอาใจคุณหญิงซึ่งมีอยู่เยอะ ทั้งทหาร ตำรวจหรือคนในพรรค ที่คุณหญิงผลักดันให้ใหญ่โตขึ้นในอดีต เรื่องอย่างนี้ไม่จำเป็นที่ใครจะต้องไปสั่งใคร ที่ผ่านมาคนเหล่านี้รู้อยู่แล้วว่า ทำอะไรให้นายก็มักจะได้ดิบได้ดีเสมอ ”แหล่งข่าวจากอดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทยกล่าว
ถามว่าทำไมคนเหล่านี้จึงตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามแทนนาย ก็ต้องกลับไปดูว่าที่ผ่านมาอดีตนายกฯ ทักษิณ เป็นคนรักลูกรักเมียและคนในครอบครัวมาก แตะต้องไม่ได้ อีกทั้งบทบาทสำคัญของคุณหญิงพจมานนอกจากสถานะความเป็นหลังบ้านของทักษิณแล้ว ต้องยอมรับว่ามีบทบาทสำคัญต่อพรรคเพื่อไทยมาก เห็นได้จากเงินบริจาคให้พรรคถือว่ามากที่สุด
หญิงอ้อคนที่ทักษิณเกรงใจ
ในพรรคเพื่อไทยมีผู้ทรงอำนาจอยู่ 3 รายคือทักษิณ พจมาน และเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ที่สนับสนุนเรื่องของท่อน้ำเลี้ยงสำหรับการเลือกตั้งทุกครั้ง โดยเฉพาะคุณหญิงอ้อแม้บางครั้งจะมีโผแต่งตั้งบางโผที่ส่งตรงถึงทักษิณ ชินวัตร แต่บางครั้งโผนี้ก็เปลี่ยนไปโดยมีคุณหญิงเป็นคนพิจารณาแทน นั่นเท่ากับเห็นชัดว่าเธอเป็นผู้ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดของพรรค
คนระดับผู้บริหารพรรคมักจะขึ้นตรงกับคุณหญิงเป็นหลัก อาจจะมีบ้างที่น้องสาวทักษิณอย่าง นางเยาวภา เข้ามาจัดการภายในพรรค แต่ส่วนใหญ่ก็จะหารือกันระหว่างคุณหญิงอ้อกับเยาวภา ดังนั้นสมาชิกในพรรคก็มีหน้าที่ปฏิบัติตามนโยบายของพรรคเป็นหลัก แม้จะเคยมีบางรายที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายต่างๆ แสดงความคิดเห็นออกไป สุดท้ายก็แพ้โหวต
ผลกระทบที่ตามมาสำหรับใครที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของพรรค มีทั้งไม่โตอยู่แค่ไหนก็อยู่แค่นั้น หากโชคร้ายอาจจะไม่มีโอกาสได้เกิดทางการเมืองอีกเลย เช่น ไม่ถูกส่งลงรับสมัคร ส.ส. ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าแตกแถว
“คุณหญิงอ้อเวลาไม่พอใจใครจะฝังใจไม่ลืม แล้วอย่าหวังว่าคนคนนั้นจะมีโอกาสเงยหน้าขึ้นมาได้อีก ในพรรคเพื่อไทยคนในรู้กันดีว่า คุณหญิงไม่ค่อยปลื้มกับคุณหญิงสุดารัตน์นัก แม้ว่าจะเคยเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงก่อตั้งพรรคร่วมกับคุณทักษิณมาก่อน ดังนั้นการลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครครั้งที่ผ่านมา แม้คุณหญิงสุดารัตน์เตรียมพร้อมที่จะลงสมัครหลังจากที่พ้นจากคดีบ้านเลขที่ 111 แต่สุดท้ายกลายเป็นพลตำรวจเอกพงศพัศ พงษ์เจริญ แทน”
นอกจากเรื่องบทบาทในพรรคเพื่อไทยแล้ว คุณหญิงพจมานนั้นถือว่าเป็นบุคคลที่อดีตนายกฯ ทักษิณ เกรงใจมากที่สุด ทั้งเรื่องในอดีตที่ต่อสู้สร้างธุรกิจร่วมกันมา ต้องยอมรับว่ากว่าอาณาจักรชินคอร์ปจะเติบโตมาได้นั้น คุณหญิงออกแรงประสานกับผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีอำนาจในขณะนั้นตลอด หรือแม้กระทั่งสัมปทานบางอย่างก็ได้คุณหญิงเป็นคนเจรจาปูทางให้จนประสบความสำเร็จ
อีกทั้งในยามที่ทักษิณมีปัญหาในทางการเมือง เช่น การขัดแย้งกับผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรค คุณหญิงก็เดินหน้าเป็นตัวประสานรอยร้าว หรือแม้กระทั่งหลังจากเกิดเหตุยึดอำนาจเมื่อปี 2549 ที่ทักษิณต้องอยู่ต่างประเทศ คุณหญิงก็ได้เข้ามาเจรจากับพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เมื่อ 26 ตุลาคม 2549 จากนั้นเมื่อเปิดให้เลือกตั้งครั้งใหม่พรรคของทักษิณก็กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง โดยมี นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี
เรียกได้ว่าคุณหญิงพจมานเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักในการช่วยเหลือทักษิณมาตั้งแต่ยุคสร้างตัว จนถึงเข้ามาสู่ภาคการเมือง แม้กระทั่ง พ.ต.ท.ทักษิณประสบชะตากรรมทางการเมือง คุณหญิงอ้อก็ต้องเข้ามาเคลียร์ปัญหาทุกอย่างให้
อย่าได้แตะคนชินวัตร
ขณะที่แหล่งข่าวอีกรายสะท้อนถึงบุคลิกของคุณหญิงพจมานว่า ด้วยความที่เป็นลูกสาวจากตระกูลดามาพงศ์ มีความเป็นผู้นำและเด็ดขาดในเรื่องการตัดสินใจ มีจุดเด่นเรื่องการทำธุรกิจเก่ง มีคุณวุฒิต่างๆ ครบ สายสัมพันธ์ที่รอบด้านและการทำให้อาณาจักรชินวัตรเติบโตจนประสบความสำเร็จ ทำให้แม้กระทั่งทักษิณ ชินวัตร ยังต้องเกรงใจ ถ้าชื่อบุคคลใดที่เธอเห็นแย้งทักษิณก็ต้องยอม
คุณหญิงเป็นคนที่หากใครเคยช่วยเหลือเธอแล้ว เธอจะไม่ลืมบุญคุณ เห็นได้จากในช่วงที่กลุ่มชินคอร์ปขายกิจการให้กับเทมาเส็กของสิงคโปร์ ครั้งนั้นทางกรมสรรพากรตัดสินใจว่าการขายในตลาดหุ้นนั้นไม่ต้องเสียภาษี รวมไปถึงกรณีอื่นๆ อย่างบริษัทแอมเพิลริชที่ขายหุ้นกันไปมากับลูกๆ ของเธอ แม้ข้าราชการกรมสรรพากรในขณะนั้นจะถูกลงโทษ แต่ท้ายที่สุดเธอก็ล้างมลทินให้พวกเขาเหล่านั้นได้ ศาลมีคำพิพากษาให้ยกฟ้องคดีภาษีหุ้นชินคอร์ป
นายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมสรรพากร ที่ถูกปลดออกจากกรณีไม่เก็บภาษีชินคอร์ป สุดท้ายศาลปกครองกลางได้สั่งคืนตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพากร ให้พร้อมด้วยสิทธิประโยชน์อื่น เช่นเดียวกับ น.ส.โมรีรัตน์ บุญญาศิริ อดีตนิติกร 8 ว. กรมสรรพากร กลับเข้ารับราชการในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนัก สังกัดส่วนกลาง กรมสรรพากร รวมทั้งได้รับผลประโยชน์ย้อนหลัง สุดท้าย น.ส.โมรีรัตน์ยื่นใบลาออก
นอกจากนี้อีกหลายคนที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวอย่างนางเบญจา หลุยเจริญ อดีตรองอธิบดีกรมสรรพากรในขณะนั้นที่ตอบข้อหารือ กรณีซื้อขายหุ้นชินคอร์ปว่าไม่ต้องเสียภาษี แม้จะไม่ได้ขึ้นถึงปลัดกระทรวงการคลัง แต่เธอก็ได้รับผลตอบแทนเป็นอธิบดีกรมสรรพสามิต นั่งบอร์ดรัฐวิสาหกิจมากมาย และยังได้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
เป็นอันว่าคุณหญิงอ้อแก้ปัญหาให้คนเหล่านี้ได้ทั้งหมด
อีกทั้งทักษิณเป็นคนที่รักครอบครัวมาก อย่างเรื่องการหย่านั้น ทุกคนก็รู้กันดีว่าเป็นเรื่องทางธุรกิจเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหากสถานการณ์ทางการเมืองไม่เป็นใจ เช่น ถ้ามีการยึดทรัพย์ต่างๆ คุณหญิงอ้อก็ไม่เกี่ยว ดังนั้นหากใครจะมาทำอะไรคนในครอบครัวของเขา ไม่มีทางที่จะยอม
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่คุณหญิงอ้อถูกเป่านกหวีดใส่นั้น เรื่องอย่างนี้ไม่จำเป็นที่คนระดับนี้ต้องลงไปสั่งการ มีวิธีการส่งสัญญาณตั้งมากมาย อีกทั้งคนรายรอบตัวก็มีมากมาย ใครจะเดินเรื่องเพื่อสั่งสอนคนที่ทำให้เจ้านายต้องตกใจก็ยากที่จะคาดเดา แต่แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นการทำเพื่อทดแทนเจ้านาย
“ในพื้นที่โคราชกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับบ้านคุณหญิงศศิมา พูดตามตรงว่าในพื้นก็รู้ว่าใครทำ แม้จะมีความพยายามตรวจสอบเรื่องกล้องวงจรปิดเพื่อหาตัวคนร้าย เป็นแค่เรื่องการลดกระแสสังคมเท่านั้น ตำรวจคงไม่มีทางที่จะจับตัวคนก่อเหตุได้แน่”
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าระบอบทักษิณเป็นอย่างไร ใครที่คิดจะไปแตะต้องครอบครัวชินวัตรคงจะต้องคิดหนัก เพราะผลที่จะตามมานั้นอาจมีทั้งหนักทั้งเบา รายที่คุ้นเคยกันก็จะเป็นลักษณะของการสั่งสอน เพื่อเตือนว่าทีหลังอย่าทำอีก ส่วนรายที่ตั้งตนเป็นศัตรูถาวรและมีแนวโน้มว่าจะไปแตะต้องคนในครอบครัวของเขาแล้ว อาจต้องพบกับรูปแบบการสั่งสอนที่หนักขึ้น
อันเป็นบทสรุปที่ว่าคนของทักษิณใครอย่าแตะ!!