xs
xsm
sm
md
lg

'เกษตรพันธสัญญา : ใครอิ่ม ..... ใครอด?'

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการออนไลน์ - คณะทำงานเครือข่ายเกษตรพันธสัญญาซึ่งได้ทำการศึกษาและติดตามสถานการณ์ความไม่เป็นธรรมที่เกษตรกรกำลังเผชิญภายใต้ระบบเกษตรพันธสัญญา ได้เสนอแนวทางและข้อเรียกร้องถึงผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องในการร่วมกันสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นแก่เกษตรกรผู้เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของชาติ แต่กลับถูกเอารัดเอาเปรียบจากนายทุน ระบบโครงสร้างรัฐที่ไม่เป็นธรรมและสัญญาผูกขาดนานัปการ

สำหรับข้อเสนอแนะ-ข้อเรียกร้องจากเวทีสัมมนาวิชาการเกษตรพันธสัญญาประจำปี 2555 ภายใต้หัวข้อ "เกษตรพันธสัญญา ใครอิ่ม...ใครอด" ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 - 27 มิถุนายน 2555 ณ ห้องประชุมจุมภฎ-พันธุ์ทิพย์ อาคารประชาธิปก-รำไพพรรณี คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีเนื้อหาดังต่อไปนี้

1. ภายใต้โครงสร้างระบบเศรษฐกิจ ระบบการเมือง ระบบการเกษตรของประเทศอยู่ภายใต้โครงสร้างธุรกิจอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร โดยโครงสร้างดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ซึ่งนำไปสู่โครงสร้างที่เกิดการผูกขาดอันเป็นสาเหตุของความไม่เป็นธรรมที่เกษตรกร ผู้บริโภค และสังคมไทยกำลังได้รับ

2. จากโครงสร้างธุรกิจอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร ทำให้เกษตรกรซึ่งตกอยู่ภายใต้กระบวนการผลิตของระบบเกษตรพันธสัญญา ซึ่งนำไปสู่ความไม่เป็นธรรมที่เกษตรกรจะต้องแบกรับ

หากจะตั้งคำถามว่า โครงสร้างระบบการผลิตและระบบการตลาดภายใต้เกษตรพันธสัญญาสร้างความไม่เป็นธรรมอย่างไรต่อเกษตรกร จากการศึกษาของเครือข่ายเกษตรพันธสัญญา พบสาเหตุแห่งความไม่เป็นธรรม ดังต่อไปนี้

1. เกษตรกรถูกชักนำโดยไม่รู้เท่าทันเกี่ยวกับระบบธุรกิจอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร ให้เข้าสู่การทำสัญญา โดยไม่มีกลไกใดๆ ของภาครัฐในการดูแลให้เกิดความเป็นธรรมแก่เกษตรกร

2. ความไม่เป็นธรรมจากกระบวนการในการทำสัญญา

2.1 ปัญหาพื้นฐานทั่วๆ ไปเกี่ยวกับการทำสัญญา จากการศึกษาพบว่าในการทำสัญญาของเกษตรกรเป็นการทำสัญญากันด้วยวาจา หรือเกษตรกรไม่เคยได้รับสัญญาคู่ฉบับหรือมีการทำสัญญาย้อนหลัง

2.2 การกดดันโดยวิธีการต่างๆ ทั้งไม่ชอบด้วยกฎหมาย และทั้งวิธีการข่มขู่ว่าจะดำเนินคดีเพื่อให้ลูกหลานของเกษตรกรจำต้องแบกรับภาระหนี้สินเกษตรกรในรุ่นพ่อแม่ โดยบริษัทธุรกิจอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร

2.3 บริษัทใช้วิธีการปล่อยเงินกู้นอกระบบในอัตราดอกเบี้ยสูง การปล่อยสินเชื่อภายใต้ระบบการผลิตในรูปแบบและวิธีการต่างๆ

2.4 บริษัทธุรกิจอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหารใช้ประโยชน์จากโครงสร้างระบบการผลิตแบบผูกขาด ดำเนินการให้มีผู้อื่นทำหน้าที่เป็นคู่สัญญากับเกษตรกรเพื่อตัดตอนความรับผิดตามสัญญา

2.5 การไม่ปฏิบัติตามข้อสัญญาและการเพิ่มเติมข้อสัญญาด้วยวาจาในภายหลัง โดยบริษัทมักจะมีข้ออ้างต่างๆ ที่จะไม่ปฏิบัติตามสัญญา เช่น อ้างว่าผลผลิตไม่ได้มาตรฐาน ทั้งๆ ที่ในสัญญาไม่ได้กำหนดมาตรฐานไว้ หรือเกษตรกรไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของบริษัทหรือพนักงานของบริษัท ซึ่งทำให้เกษตรกรถูกตัดคะแนนความร่วมมือซึ่งมีผลต่อค่าตอบแทนที่ควรจะได้ เป็นต้น
ฟาร์มหมูของซีพี (ภาพจากไทยรัฐออนไลน์)
3. ความไม่สามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม และกระบวนการยุติธรรมที่ยากในการเข้าถึงของเกษตรกร

จากข้อมูลที่ได้จากการศึกษาของเครือข่ายเกษตรพันธสัญญา พบว่า มีเกษตรกรที่อยู่ภายใต้ระบบการผลิตแบบพันธสัญญาจำนวนมากที่ได้รับความไม่เป็นธรรม แต่ไม่ปรากฏว่ามีเกษตรกรนำข้อสัญญาเกี่ยวกับการผลิตในระบบเกษตรพันธสัญญาไปสู่กระบวนการยุติธรรม(เลย)
 
แต่พบข้อมูลว่า บริษัทธุรกิจอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหารใช้ช่องทางต่างๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อม และโดยอาศัยอำนาจอิทธิพลเหนือระบบราชการในทุกระดับตั้งแต่ระดับชาติจนถึงระดับท้องถิ่น ให้ส่วนราชการต่างๆ พยายามใช้กฎระเบียบในการดำเนินการต่อเกษตรกรที่ลุกขึ้นมาเรียกร้องความเป็นธรรม

ข้อเรียกร้องเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้แก่เกษตรกรและผู้บริโภค

คณะทำงานเครือข่ายเกษตรพันธสัญญาขอเรียกร้องต่อฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้แก่เกษตรกรและผู้บริโภค ดังต่อไปนี้

1. ข้อเสนอประเด็นเร่งด่วน

1.1 จากการศึกษาความไม่เป็นธรรมของเครือข่ายเกษตรพันธสัญญาประกอบกับงานศึกษาเกี่ยวกับการผูกขาดของธุรกิจอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหารของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) พบว่า มีเกษตรกรจำนวนมากที่ได้รับความไม่เป็นธรรม ประสบปัญหาหนี้สินจากการทำการเกษตรแบบพันธสัญญา รวมทั้งมีเกษตรกรที่ถูกบริษัทธุรกิจอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร และสถาบันการเงินดำเนินคดี เพื่อให้เกิดความชัดเจนของข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความไม่เป็นธรรมซึ่งเกษตรกรได้รับ จึงขอเสนอให้แต่งตั้งคณะทำงานในการศึกษา รวบรวมข้อมูลความเดือดร้อนและความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้น

1.2 ให้รัฐตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินการตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรในกรณีที่เกษตรกรถูกดำเนินคดีด้วยความไม่เป็นธรรม

2. ข้อเสนอเชิงมาตรการ

2.1 จากการศึกษาของเครือข่ายเกษตรพันธสัญญา พบว่า มีระบบของกลุ่มอิทธิพลภายใต้ธุรกิจอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหารพยายามขัดขวาง ห้าม และทำลายการรวมกลุ่มของเกษตรกร ดังนั้น รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการป้องปรามการกระทำดังกล่าว พร้อมทั้งรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องให้การสนับสนุนและส่งเสริมให้เกษตรกรเกิดการรวมกลุ่ม

2.2 รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพของเกษตรกรอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรมเพื่อให้สามารถเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตและสามารถแก้ปัญหาของตนเองได้

2.3 เร่งดำเนินการให้มีการจัดทำและกำหนดค่ามาตรฐานกลางของปัจจัยการผลิต เช่น พันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ ปุ๋ย ยา อาหาร ในลักษณะทำนองเดียวกับมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) มาตรฐานการประหยัดพลังงาน เป็นต้น

2.4 พัฒนาระบบการตรวจสอบสินค้าที่เป็นปัจจัยการผลิตทางการเกษตรและสินค้าทางการเกษตรให้เป็นไปตามค่ามาตรฐาน โดยมีตัวแทนเกษตรกร ผู้บริโภค หน่วยงานภาครัฐ และผู้รับซื้อ ร่วมในการตรวจสอบ

2.5 ส่งเสริมผลักดันให้เกิดความยุติธรรมในระบบการทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรภายใต้ระบบเกษตรพันธสัญญา โดยนำหลัก “การค้าที่ยุติธรรม” (Fair Trade) มาเป็นแนวทางในการดำเนินการที่สอดคล้องกับบริบทสังคมไทย

2.6 เพื่อแก้ปัญหาเรื่องการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม ในระยะเฉพาะเร่งด่วนกระทรวงยุติธรรมร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทย ต้องรีบดำเนินการจัดตั้งระบบการไกล่เกลี่ยและการระงับข้อพิพาทที่เกิดจากความขัดแย้ง หรือการไม่ปฏิบัติตามข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมจากระบบเกษตรพันธสัญญา

2.7 กำหนดให้ข้อตกลงที่เกี่ยวข้องกับระบบเกษตรพันธสัญญาเป็นสัญญาที่มีแบบมาตรฐาน และกำหนดให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจะต้องเข้ามาติดตาม กำกับให้เป็นตามที่กฎหมายกำหนด

2.8 ส่งเสริมให้เกษตรกรมีความรู้ มีข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการตัดสินใจในการทำการเกษตร

2.9 ปรับปรุงและพัฒนาระบบการประกอบกิจการธุรกิจการเกษตรแบบพันธสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ให้เกิดความรับผิดชอบต่อเกษตรกร ผู้บริโภค ชุมชน และสังคม

2.10 ส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานด้านการอำนวยความยุติธรรมและการค้าที่เป็นธรรมในระดับพื้นที่ และหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับการประกอบกิจการธุรกิจการเกษตรแบบพันธสัญญา มีการบูรณาการปฏิบัติงานร่วมกัน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต และดูแลระบบสวัสดิการของครอบครัวเกษตรกร

2.11 สภาเกษตรกรแห่งชาติ ในฐานะที่มีหน้าที่ทั้งโดยสำนึกและโดยกฎหมายต่อปัญหา ความเดือดร้อน ความไม่เป็นธรรมของเกษตรกร ควรเป็นองค์กรหลักในการรับผิดชอบ เพื่อติดตาม ดำเนินการพัฒนาระบบการแก้ปัญหา และการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และกฎหมายให้ความเป็นธรรมแก่เกษตรกร

3. ข้อเสนอเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับโครงสร้าง

ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นว่า ระบบการเกษตรของประเทศไทยตกอยู่ภายใต้โครงสร้างของธุรกิจอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร และไม่มีกฎหมายในการควบคุมกำกับให้เกิดความเป็นธรรมต่อเกษตรกรและผู้บริโภค ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องปฏิรูประบอบกฎหมายที่ว่าด้วย “ความเป็นธรรมในธุรกิจอุตสาหกรรมทางการเกษตรและอาหาร” ขึ้นมาเป็นอีกระบอบหนึ่งเพื่อสร้างความเป็นธรรม และมีประสิทธิภาพให้แก่ระบบการเกษตรและอาหารในอนาคต ซึ่งควรจะประกอบด้วยชุดของพระราชบัญญัติดังต่อไปนี้เป็นอย่างน้อย คือ

1. พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาสถาบันเกษตรกร โดยคาดหวังให้กฎหมายฉบับนี้ทำหน้าที่สร้างเครือข่ายเกษตรกร ซึ่งนำไปสู่ประโยชน์หลายด้านต่อเกษตรกรทั้งที่อยู่ในระบบพันธสัญญาและนอกระบบพันธสัญญา เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูล การรวมกลุ่มต่อรองผลประโยชน์จากการผลิต และการผลักดันสิทธิเกษตรกร เป็นต้น

2. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกำหนดเขตพื้นที่เพาะปลูกพืชตามพันธสัญญา เนื่องจากระบบเกษตรพันธสัญญาเป็นรูปแบบการผลิตที่รุกคืบและครอบงำเกษตรกร โดยอาศัยอำนาจที่เหนือกว่าทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง อย่างไรก็ตาม ระบบเกษตรพันธสัญญายังมีความจำเป็นในด้านประสิทธิภาพ จึงมีความจำเป็นต้องควบคุม การควบคุมนั้นทำได้ง่ายขึ้นเมื่อมีพื้นที่ที่ชัดเจน นอกจากนี้ยังเป็นการทอนอำนาจต่อรองของธุรกิจการเกษตรต่อเกษตรกรที่ลงทุนไปแล้วด้วยวิธีการย้ายฐานการผลิต

3. พระราชบัญญัติการตลาดปัจจัยและสินค้าเกษตรพันธสัญญา ความเสียเปรียบของเกษตรกรในระบบพันธสัญญาที่สำคัญประการหนึ่ง คือ การไม่สามารถจัดหาปัจจัยการผลิตได้เอง และไม่สามารถควบคุมหรือรับรู้ราคา รวมทั้งคุณภาพของปัจจัยการผลิต และความสามารถในการแสวงหาตลาดสินค้า ในระบบการผลิตที่ต้องผลิตและขายตลอดเวลานี้ ความสามารถในการขายของธุรกิจการเกษตรเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นไม่แพ้การผลิตของเกษตรกร การสมดุลอำนาจด้านการตลาดของเกษตรกรและธุรกิจจึงมีความสำคัญต่อชีวิตและรายได้ของเกษตรกรในระบบพันธสัญญา

4. พระราชบัญญัติระบบสินเชื่อเพื่อการเกษตรแบบพันธสัญญา เงินทุนกลายเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญของสังคมเศรษฐกิจ ที่ดินได้กลายเป็นทุน การพึ่งพาทางด้านการเงินจึงกลายเป็นปัจจัยพื้นฐานในสังคมเศรษฐกิจยุคนี้ ไม่ว่าจะประกอบอาชีพอะไร หรืออยู่ในช่วงชั้นสังคมไหนก็ตาม ในมุมของเกษตรพันธสัญญาที่มีความจำเป็นต้องใช้ทุนสูง การจัดระบบความสัมพันธ์กันใหม่ให้เป็นธรรมและชอบธรรมในการกู้เงินจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

5. พระราชบัญญัติว่าด้วยการคุ้มครองเกษตรกรภายใต้ระบบการเกษตรแบบพันธสัญญา เกษตรกรในระบบพันธสัญญา ณ ปัจจุบันตกอยู่ภายใต้ความไม่เป็นธรรมในรูปแบบต่างๆ การคุ้มครองเกษตรกรในระบบพันธสัญญาเป็นพิเศษในระยะเริ่มต้นก่อนที่จะมีการต่อรองกันอย่างเป็นธรรมจริงๆ จึงมีความสำคัญ เพราะระบบกฎหมายไทยยังมืดบอดต่อปัญหาเกษตรพันธสัญญา โดยมองว่าเป็นเพียงสัญญาเอกชน ไม่ได้มองเป็นระบบการผลิตเหมือนระบบโรงงานที่ต้องการกฎหมายโรงงาน หรือกฎหมายแรงงาน เป็นต้น ขณะที่กฎหมายสัญญาเดิมขาดจุดยืนในการปกป้องเกษตรกรจากระบบพันธสัญญา

6. พระราชบัญญัติว่าด้วยความปลอดภัยและความมั่นคงทางอาหาร ประเด็นความมั่นคงและปลอดภัยทางอาหารเป็นประเด็นที่ยึดโยงเกษตรพันธสัญญากับสังคมในความหมายที่กว้าง และประชาชนทุกคนมีส่วนได้ส่วนเสียกับระบบพันธสัญญาในแง่นี้ และที่สำคัญประเด็นนี้เป็นเหตุผลหลักของการผลิตภาคเกษตร คือ ผลิตอาหารให้เพียงพอและปลอดภัยอย่างยั่งยืน ไม่ใช่การผลิตเพื่อเป็นสินค้าแลกเงิน เป้าหมายของกฎหมายนี้คือ กำหนดจุดยืนในการผลิตอาหารว่า สำคัญเหนืออื่นใดในการผลิตอาหารต้องคำนึงถึงปริมาณที่เพียงพอ (รวมถึงการกระจายอาหาร) และความปลอดภัย

4. ข้อเสนอต่อสังคมไทย ผู้บริโภค และพี่น้องเกษตรกร

ในฐานะเกษตรกรที่มีศักดิ์ศรี ไม่ควรฝากความหวังไว้กับผู้อื่น หากแต่ควรที่จะเริ่มต้นสร้างเครือข่ายกับผู้บริโภค และพันธมิตรต่างๆ ในสังคมไทยให้ร่วมกันจัดทำ “ธรรมนูญของเกษตรกร” เพื่อเป็นแนวทางในการสร้างความมั่นคงให้แก่เกษตรกรและทุกๆ ฝ่ายในสังคมไทย

อนึ่ง เครือข่ายเกษตรพันธสัญญา ประกอบด้วย เครือข่ายเกษตรกรพันธสัญญา (เครือข่ายเกษตรกรผู้เลี้ยงหมู, เกษตรกรผู้เลี้ยงปลากระชัง, เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด, เกษตรกรผู้ปลูกอ้อย) เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือกภาคอีสาน, มูลนิธิชีววิถี, สถาบันชุมชนเพื่อเกษตรกรรมยั่งยืน, มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค, คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, แผนงานคุณภาพชีวิตแรงงาน
กำลังโหลดความคิดเห็น