xs
xsm
sm
md
lg

เล็งเป้าเจาะหัว....ลั่นกระสุน ขู่เอาชีวิตแกนนำต้านเทสโก้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชัญญา ผู้ถูกข่มขู่หลังเคลื่อนไหวคัดค้านห้างยักษ์
“ดีที่ตอนนั้นเราไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้น” ชัญญา ลิมปธนากุล เจ้าของร้านขายน้ำดื่ม หนึ่งในแกนนำคัดค้านการสร้างห้างเทสโก้ โลตัส ในเขตอ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เล่าถึงวินาทีที่กระสุนปริศนา ฝ่าทะลุกระจกเข้ามายังจุดเหนือโต๊ะทำงาน และเป็นการเล็งเป้า “ตรงหัว” พอดี

โต๊ะทำงานตัวนี้ นอกจากจะใช้เป็นที่ประชุมของคณะทำงานคัดค้านเทสโก้ โลตัส แล้ว เธอเองก็มักง่วนอยู่กับงานที่โต๊ะตัวนี้ โดยเฉพาะการรวบรวมเอกสารเกี่ยวกับการคัดค้านการก่อสร้างห้างยักษ์ข้ามชาติอย่างเทสโก้ โลตัสที่ ต.ทุ่งกระพังโหม อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ซึ่งเป็นเขตรอยต่อ ต.กำแพงแสน พอดิบพอดี

เธอเชื่อว่าการเคลื่อนไหวในเรื่องนี้น่าจะเป็นที่มาของกระสุนปริศนานั้น แม้ว่าจะไม่ได้มุ่งหวังปลิดชีพเธอในบัดนั้น ทว่าเธอก็รับรู้เจตนาการข่มขู่นั้นได้เป็นอย่างดี “ชัญญา” รุดเข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน และล่าสุดเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายพิสูจน์หลักฐาน เพิ่งแจ้งยืนยันว่า รอยแตกของกระจกมาจากกระสุนปืนจริง

“ชัญญา” เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญของกลุ่มผู้คัดค้านเทสโก้ ครอบครัวของเธอทำธุรกิจค้าขายกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่และอาจสืบทอดถึงรุ่นลูก รุ่นหลาน หาก เทสโก้ ไม่มาทำให้เกิดผลกระทบจนต้องเลิกกิจการกันไปเสียก่อน
 
วันนี้เธอจึงได้แต่สอนลูกสอนหลานว่าอย่าไปนิยมซื้อของจากห้างเหล่านี้ เพราะถ้าคนไปซื้อของที่ห้างกันหมด ร้านของครอบครัวเราเอง และร้านของลุงป้าน้าอาขายของไม่ได้ก็ต้องเลิกขาย แล้วพวกหนูๆ และเพื่อนๆ จะเอาเงินที่ไหนไปเรียนหนังสือ

“เราคิดว่าเราทำเพื่อส่วนรวม ไม่ใช่ความสุขส่วนตัว มาถึงนาทีนี้ต้องเดินหน้าต่อ เพราะจากการศึกษาหาข้อมูล ทำให้รู้ปัญหาดีว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต” ชัญญา กล่าว
พิชัย เจอเลือดหมูสาดหน้าบ้าน
ขณะที่ “พิชัย สุชีวะกุล” แกนนำชาวตลาดตรีสุขอีกคน ก็ถูกข่มขู่คล้อยหลังจาก “ชัญญา” ถูกยิงขู่ แต่เจอเพียงการเอาเลือดหมูสาดหน้าบ้านเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าจะถูกสาดด้วยเลือด “พิชัย” ได้รับโทรศัพท์โทรมาข่มขู่บอกว่าอย่าเพิ่งเคลื่อนไหว ให้รับเงินก่อนแล้วค่อยพากันเดินขบวน ซึ่งตัวเขาเองคาดว่าคงเป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการขายที่ดินให้กับเทสโก้ โลตัส

เทสโก้ ได้ซื้อที่ดินบริเวณรอยต่อเขตต.กำแพงแสน และต.ทุ่งกระพังโหม อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เนื้อที่ 26 ไร่ ราคาประมาณ 50 ล้านบาทจาก 5 เจ้าของที่ดินซึ่งเป็นคนทุ่งกระพังโหม ในราคาไร่ละ 1 ล้านบาทขึ้นไปถึงไร่ละ 4.8 ล้านบาท/ไร่ในแปลงที่ติดถนนใหญ่

“เป็นราคาที่แพงเมื่อเทียบกับปกติที่ซื้อขายกันประมาณไร่ละ 3 แสนบาทเท่านั้น แต่ราคาประเมินในบริเวณดังกล่าวก็ไม่ถึง 3 แสนบาทด้วยซ้ำ” หนึ่งในแกนนำให้ข้อมูลกับ “ผู้จัดการ”

ผลประโยชน์ที่บางกลุ่มได้รับจากการเข้ามาขยายสาขาของเทสโก้ โลตัส จึงทำให้บรรดาแกนนำที่เคลื่อนไหวคัดค้านถูกข่มขู่หมายปองเอาชีวิต และเมื่อเหตุการณ์ดูคุกรุ่นรุนแรงขึ้น แกนนำบางคนก็ถอดใจเลิกบทบาท แต่ก็ยังมีผู้ที่ยืนหยัดไม่หวั่นไหว

“พวกเขาแค่ขู่ให้พวกเรากลัวเท่านั้น” พิชัย กล่าวอย่างไม่แยแส เพราะสิ่งที่สำคัญและควรต้อง “กลัว” มากกว่านั้นสำหรับพวกเขา คือ การสูญสลายของอาชีพคนค้าคนขายในตลาด ซึ่งจะถูกห้างยักษ์เบียดขับในอนาคตอันใกล้ หากพ่อค้าซึ่งเป็นพลเมืองอย่างเขา “อนุญาต” ให้มันเกิดขึ้นได้

จะว่าไปแล้ว การเคลื่อนไหวของชาวกำแพงแสนเพื่อคัดง้างต่อกรกับทุนข้ามชาติที่มีหุ้นส่วนเป็นคนไทย เพิ่งจะเริ่มต้นได้เพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น หากเปรียบกับกระแสการต่อต้านห้างค้าปลีกเหล่านี้ซึ่งดำเนินมาแล้วหลายต่อหลายยก ทว่านับตั้งแต่ต้นปี 2550 เป็นต้นมา พื้นที่ใหม่ๆ ระดับอำเภอถูกพุ่งเป้าเป็นเป้าหมายการลงทุนสาขาที่สองที่สามของแต่ละจังหวัด

โดยเฉพาะเทสโก้ โลตัส ห้างค้าปลีกที่มีสัดส่วนกำไรจากประเทศไทยมากที่สุดแห่งหนึ่ง เมื่อเทียบกับกำไรจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก

“พิชัย” ได้วาดภาพความล้มเหลวของผู้ค้ารายย่อยหากปล่อยให้เทสโก้โลตัสมา “ลง” ที่กำแพงแสน ว่า ต่อไปครอบครัวค้าขายอย่างพวกเขาคงไม่มีความมั่นคงเกิดขึ้น หากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ลูกหลานที่อุตส่าห์ส่งไปร่ำเรียนและทำงานเป็นพนักงานบริษัทกินเงินเดือนก็อาจกลับคืนสู่รังอย่างจนตรอก แต่คราวนี้ที่รังเองก็โดนไฟใหม้เหมือนกัน ชีวิตต่อจากนี้จึงดูเหมือนไม่มีความมั่นคงใดๆ

“มันก็เหมือนกับที่ข้าราชการโดนให้ออกจากราชการนั่นแหละ ไม่มีรายได้ และต้องเรียนรู้การเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจต้องใช้เวลา 5 ถึง 10 ปี”

แน่นอนว่า พวกเขาคงไม่อยากจะ “เปลี่ยนแปลง” ด้วยความจำยอมต่อชะตากรรม ในเมื่อพวกเขายังเห็นช่องทางที่พอจะเคลื่อนไหวรับมือกับการรุกล้ำเข้ามาของทุนห้างข้ามชาติ ทั้งอำนาจศาลปกครอง อำนาจของพลังเท้าในการเดินขบวน และอำนาจของเครือข่ายผู้ค้าปลีกผู้ประสบชะตากรรมเดียวกันทั่วประเทศ ยิ่งเห็นภาพความล้มเหลวชัดเจนมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งทำให้พวกเขาต้องรวมตัวและฮึดสู้มากขึ้นเท่านั้น แม้คู่ต่อสู้จากมากด้วยทุนเพียงใดก็ตาม

***ถอดบทเรียนล่มสลาย

เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ “โสภา ณัฐวุฒิ” สาวเหนือจากลำปาง บัณฑิตคณะบริหารธุรกิจ รั้วมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ใช้ชีวิตเป็นสะไภ้กำแพงแสนอย่างมีความสุข พออยู่พอกินกับสามีและสองลูกสาววัยกำลังซนในตลาดตรีสุข ครอบครัวของเธอเปิดร้านขายปลีกข้าวสารที่ถือว่าใหม่สุดในย่านนี้

แต่ด้วยความที่เห็นภาพการล่มสลายของผู้ค้ารายย่อยจากการรุกของห้างยักษ์ในยุคแรกที่เชียงใหม่ประมาณปี 2539 ช่วงที่เธอใช้ชีวิตเป็นนักศึกษา มช. เรื่อยมาจนถึงบัดนี้ ทำให้เธอลุกขึ้นมาต่อสู้และเป็นกำลังสำคัญคนหนึ่งในกลุ่มผู้คัดค้าน

“แรกสุดที่จำได้คือแมคโคร” แต่แมคโครจำกัดลูกค้าที่เป็นสมาชิกและเน้นการขายส่งมากกว่า กระแสตอบรับในช่วงนั้นดี แม้แต่โชว์ห่วยก็ไปซื้อ ส่วนคนทั่วไปยังซื้อของที่ห้างเดิมในท้องถิ่นหรือร้านค้าปลีกทั่วไป

ทว่าในช่วงเวลาไม่กี่ปี การแข่งขันของโมเดิร์นเทรดที่ถาโถมเข้าสู่เชียงใหม่ก็ดึงดูดให้วัฒนธรรมการจับจ่ายของคนเมืองเปลี่ยนไป การเปิดสาขาของห้างคาร์ฟูร์ เทสโก้ โลตัส บิ๊กซี มีผลอย่างยิ่งให้ “ตลาดวโรรส” หรือ “กาดหลวง” ซึ่งเป็นตลาดกลางที่มีชื่อเสียงที่สุดในเชียงใหม่เงียบเหงาลงไม่ต่างกับบรรยากาศของตลาดนครปฐมเมื่อเทียบอดีตและทุกวันนี้

“แต่ก่อนคนเดินเบียดแน่น แทบไม่มีทางให้เดิน เศรษฐกิจดีมาก แต่ตอนนี้คนเดินกันน้อยลง” อดีตสาวบัญชี มช.บอก พร้อมระบุว่า ห้างโมเดิร์นเทรดเหล่านี้รุกเชียงใหม่หนัก กระทั่งปัจจุบันมีห้างทุกขนาดรวมกันกว่า 20 แห่ง

จังหวะเวลาที่ห้างข้ามชาติเหล่านี้ยกพลขึ้นบกยึดหัวหาดเมืองเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ และผลกระทบจากห้างยักษ์ที่ส่งผลโดยตรงต่อตลาดหลักกลางเมืองเชียงใหม่นี่เอง ที่ทำให้พอประเมินได้ว่าอนาคตของตลาดและผู้ค้ารายย่อยในเทศบาลกำแพงแสนจะเป็นอย่างไร

“เผอิญเราเรียนมาทางบัญชีด้วย” นั่นทำให้เธอเป็นหนึ่งในผู้ที่พยายามค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจโมเดิร์นเทรดและการเคลื่อนไหวคัดค้านการขยายตัวของห้างยักษ์เหล่านี้ทั่วประเทศ ช่องทางที่เธอถนัดและเป็นหนุนเสริมทีมเครือข่ายพ่อค้าแม่ค้ากำแพงแสน ได้เป็นอย่างดี คือ อินเตอร์เน็ต

ช่วงแรกๆ ของการลุกขึ้นรวมตัวเคลื่อนไหวดูเหมือนจะมืดแปดด้าน เพราะไม่มีประสบการณ์มาก่อน ขณะที่สมาพันธ์ต้านค้าปลีกข้ามชาติ ก็เป็นเพียงข่าวสารที่เคยได้ยินมาบ้างเท่านั้น “โสภา” จึงกลายเป็นหนึ่งในหัวเรี่ยวหัวแรงในการรวบรวมข้อมูลบทเรียนในที่อื่นๆ ขณะที่แกนนำคนอื่นๆ ก็เล่นบทตามที่ตนถนัด

เธอบอกว่า การเคลื่อนไหวของผู้ค้ากำแพงแสน คงไม่มีพลังขนาดนี้ หากขาดการหนุนช่วยจากเครือข่ายผู้ค้านห้างยักษ์ข้ามชาติจากที่อื่นๆ โดยเอกสารรณรงค์ของกำแพงแสนชุดแรก เราเอามาจากแม่สอด จากนั้น ความช่วยเหลือจากเครือข่ายต้านห้างต่างชาติในพื้นที่ต่างๆ ก็หลั่งไหลเข้าหากัน และต่างถ่ายทอดบทเรียนกับปัญหาที่กำลังเผชิญร่วมกันในทุกด้าน ทั้งข้อมูล การเคลื่อนไหว การฟ้องร้อง การติดต่อประสานงาน ฯลฯ

อาจกล่าวได้ว่า บทเรียนของการต่อสู้ถูกถ่ายทอดผ่านโลกอินเตอร์เน็ตและสายโทรศัพท์จากจังหวัดหนึ่งสู่อีกจังหวัดหนึ่ง จากอำเภอหนึ่งสู่อีกอำเภอหนึ่ง เครือข่ายในลักษณะนี้เองที่อาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต หากข้อมูลและประสบการณ์เชื่อมต่อเชื่อมกันอย่างมีพลัง
ป้ายคัดค้านเทสโก้ โลตัส กำแพงแสน
สะไภ้กำแพงแสนรายนี้บอกด้วยว่า สำหรับธุรกิจขายข้าวสารของเธอเอง อาจไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการมีห้างยักษ์เทสโก้ชิดขอบเขตเทศบาล แต่คนที่รับเต็มๆ ในความหมายของเธอคือร้านขายของชำ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นลูกค้าของเธออีกทอดหนึ่ง

“คนที่จะโดนหนักเป็นลูกค้าเรา ยิ่งต้องออกมาช่วย เขาขอให้ช่วย เราก็ต้องช่วย” แม่ค้าขายข้าวสาร บัณฑิต ม.เชียงใหม่ เน้นย้ำให้เห็นความคาดหวังของชุมชนที่มีต่อเธอ

โสภา ทิ้งท้ายว่า การเคลื่อนไหวคัดค้านห้างยักษ์ในแทบจะทุกที่จะมีลูกหลานที่พอจะมีความรู้เหมือนเธออยู่ไม่มากก็น้อย เพียงแต่ว่าจะเข้ามามีส่วนร่วมในการเคลื่อนไหวหรือไม่ หรืออาจจะคิดเพียงแค่ว่าเป็นธุระไม่ใช่

“ถ้าหากคนอย่างเราเพิกเฉย สิ่งที่เรียนมาก็เสียเปล่า” แม่ค้าขายข้าวสาร บัณฑิตจากรั้วมช.ให้ข้อคิด
กำลังโหลดความคิดเห็น