xs
xsm
sm
md
lg

ศึกซักฟอกรมต.คมนาคม เอื้อเซ็นทรัลผูกขาดเช่าที่รถไฟ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คณะกรรมาธิการคมนาคม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มี พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน เป็นประธาน เดินหน้าล่าชื่อขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รมว.กระทรวงคมนาคม และ สรรเสริญ วงศชะอุ่ม รมช.กระทรวงคมนาคม
 
ซึ่งรัฐมนตรีทั้งสองมีพฤติกรรมละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ โดยละเลยตรวจสอบทุจริต ความไม่โปร่งใสในกระทรวงคมนาคมที่สนช.ส่งข้อมูลให้ตรวจสอบและจัดการแก้ไขปัญหา ทั้งกรณีเซ็นทรัลขอต่อสัญญาเช่าที่ดินการรถไฟฯ กรณีที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ที่นักการเมืองฮุบเอาเป็นของตนเอง และโครงการแอร์พอร์ตลิงค์

กล่าวจำเพาะกรณีการเข้ามาตรวจสอบการต่อสัญญาเช่าที่ดินรถไฟของเซ็นทรัล คณะกรรมการธิการคมนาคม พบเงื่อนงำความไม่โปร่งใส ไม่รักษาผลประโยชน์ของรัฐ เอื้อประโยชน์ให้เซ็นทรัลผูกขาดเช่าที่ดิน ย้ำชัดการต่อสัญญาครั้งที่สองถือเป็นโครงการใหม่ที่ต้องให้ครม.อนุมัติก่อน และต้องเปิดประมูลใหม่ตามขั้นตอนพ.ร.บ.ร่วมทุน งัดกม.ฮั้วเอาผิดผู้เกี่ยวข้องถึงติดคุก

รายงานผลการตรวจสอบการขอต่อสัญญาเช่าที่ดินรถไฟ-เซ็นทรัล มีประเด็นที่รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมทั้งสองในฐานะผู้กำกับดูแลการรถไฟฯ ต้องตอบคำถามต่อสังคมให้กระจ่างแจ้งอยู่หลายประเด็น ดังนี้

หนึ่ง การเอื้อประโยชน์ให้เซ็นทรัลผูกขาดการเช่าที่ดินต่อไปแทนที่จะเปิดประมูลให้เอกชนที่มีความสนใจเข้ามาแข่งขันเพื่อจะได้มีรายได้มากขึ้น และจะได้เป็นกรณีตัวอย่างทั้งเป็นบรรทัดฐานในการเช่าที่ดินรฟท.ที่อื่นๆ อีก

ทั้งนี้ เซ็นทรัลเช่าที่ดินรถไฟในอัตราปีละ 3 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 นับจากปีที่ 5 เป็นต้นไปจนสิ้นสุดสัญญา โดยระยะเวลาเช่า 30 ปี จากปี 2521 สิ้นสุดปี 2551

สอง การยึดมั่นผูกพันให้เซ็นทรัลเช่าที่ดินโดยอ้างการตีความของกฤษฎีกาและพ.ร.บ.ร่วมทุน คือ สัญญาเช่าที่ดินดังกล่าวเป็นสัญญาที่มีผลผูกพันก่อนที่พ.ร.บ.ร่วมทุน จะมีผลบังคับใช้ และตามข้อ 8 ของสัญญาเดิมเปิดช่องให้ทั้งสองฝ่ายเจรจาตกลงผลประโยชน์กันแต่หากตกลงกันไม่ได้จึงให้เซ็นทรัลส่งมอบอาคารและสิ่งก่อสร้างทั้งหมดในโครงการเซ็นทรัล ลาดพร้าว ให้แก่การรถไฟฯ

แต่คณะกรรมาธิการฯ ชี้ว่า การตีความของคณะกรรมการกฤษฎีกาไม่ถูกต้อง มุ่งเน้นตีความแต่เฉพาะมาตรา 25 แห่งพ.ร.บ.ร่วมทุน ว่าเป็นสัญญาที่มีอยู่ก่อนพ.ร.บ.ร่วมทุน ปี 2535 ประกาศใช้ ความจริงแล้วการทำสัญญาครั้งใหม่หลังสัญญาครั้งแรกสิ้นสุดในปี 2551 ต้องถือว่าเป็นสัญญาที่จะเกิดขึ้นหลังพ.ร.บ.ร่วมทุนมีผลบังคับใช้แล้ว

ทั้งนี้ โครงการของเซ็นทรัลฯ เป็นโครงการที่มีมูลค่าเกิน 5,000 ล้านบาท รฟท.ในฐานะหน่วยงานเจ้าของโครงการต้องไปว่าจ้างบริษัทเอกชนศึกษาและประเมินโครงการตามที่สภาพัฒน์กำหนดไว้ และนำเสนอกระทรวงการคลัง คณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการก่อน และต้องเปิดประมูลใหม่ เพื่อประโยชน์สูงสุดของรัฐ และขอคัดค้านการเจรจาต่อรองใดๆ

การกระทำของ รฟท. ภายใต้สังกัดกระทรวงคมนาคม เป็นการกระทำข้ามขั้นตอน ไม่รักษาผลประโยชน์ของรัฐ ไม่เป็นไปตามเจตนารมย์ของพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ เห็นควรที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะสั่งการให้รฟท.ไปดำเนินการใหม่ให้ถูกต้อง

สาม การส่งข้อมูลไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อหารือข้อกฎหมายไม่สมบูรณ์ โดยละเว้นไม่นำการขอต่อสัญญาของเซ็นทรัล เมื่อปี 2543 ที่การรถไฟฯปฏิเสธการพิจารณาส่งไปประกอบด้วย ซึ่งเข้าเงื่อนไขที่ว่าคู่สัญญาตกลงกันไม่ได้เซ็นทรัลต้องส่งมอบอาคารและสิ่งก่อสร้างทั้งหมดแก่การรถไฟฯ

สี่ การทำหนังสือผูกมัดตัวเองของรฟท.จะต้องต่อสัญญาให้เซ็นทรัล โดยนายอนุวงศ์ สุขศรีวงศ์ รองผู้ว่าการ รฟท. ทำหนังสือเมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2550 แจ้งเซ็นทรัลว่ามีการตั้งคณะกรรมการตามมาตรา 13 ของ พ.ร.บ.ร่วมทุน เพื่อดำเนินการพิจารณาต่ออายุสัญญาเช่าให้กับกลุ่มเซ็นทรัลโดยพลการ ทั้งที่คณะกรรมการตามมาตรา 13 ไม่เคยมีมติดังกล่าว

คณะกรรมาธิการฯ มีข้อสรุปในเรื่องนี้ว่า จากการศึกษาข้อมูลข้อเท็จจริงเห็นได้ว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการทำให้รัฐได้รับความเสียหายและเสียประโยชน์มาก จึงมีหนังสือถึงรมว.คมนาคม ให้สั่งการดำเนินการในการสัญญาเช่าที่ดินผืนดังกล่าวให้เป็นไปในแนวทางที่ถูกต้องและรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดิน แต่รมว.คมนาคม ไม่ได้ดำเนินการใดๆ

คณะกรรมาธิการฯ ยังเห็นพ้องว่าจะนำเรื่องดังกล่าวให้ศาลปกครองตีความเพื่อให้ได้ข้อยุติเป็นที่สุดในการตรวจสอบการเช่าที่ดินระหว่างรฟท.และเซ็นทรัลอีกด้วย

การเดินหน้าขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ และ นายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม ของคณะกรรมาธิการคมนาคม จึงนับเป็นโอกาสดีที่สังคมไทยจะได้เปิดหูเปิดตาสดับรับฟังการหมกเม็ดซ่อนเร้นไม่รักษาผลประโยชน์ของรัฐของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ขาดทุนมาโดยตลอดอย่าง รฟท.และการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ของรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม ผู้กำกับดูแลควบคุม

กำลังโหลดความคิดเห็น