ผู้จัดการรายวัน – “บิ๊กบัง”ยันเลือกยานเกราะล้อยางยูเครนเหมาะทั้งความต้องการและราคา ขณะที่ปฏิเสธไม่รู้เห็นค่าคอมมิชชั่น ไล่ไปถามคณะกรรมการฯ แทน ยันบริสุทธิ์ โปร่งใส และรถที่จัดซื้อมีสมรรถนะ แต่ยังอุบเงียบ ไม่ชี้แจง สตง.ที่ส่งหนังสือถึงผบ.ทบ.ตั้งแต่กลางเดือนก.ค.ขอให้แจง 7 ประเด็นสำคัญหวั่นมีปัญหาทำผิดพ.ร.บ.ฮั้ว ล่าสุดเจ้ากรมสรรพาวุธชงเรื่องอนุมัติแผนจัดหาเร่งเดินหน้าให้แล้วเสร็จทันกลางเดือน ส.ค. นี้พร้อมผูกพันงบข้ามปีถึง 2553
ความคืบหน้ากรณีการจัดหายานเกราะล้อยางเข้าประจำการในกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ของกองทัพบก โดยมีงบประมาณ 4,000 ล้านบาท ผูกพันตั้งแต่ปี 2551 – 2553 นั้น ล่าสุด วานนี้ (5 ส.ค.) ที่กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับค่าคอมมิชชั่นในโครงดังกล่าวข้างต้นว่า ต้องไปถามบริษัทดู เราไม่รู้ว่าตรงนี้ใครจะได้หรือไม่ได้ ต้องถามบริษัทดูว่าให้ใครหรือเปล่า
เมื่อผู้สื่อข่าวซักถามว่า ที่ผ่านมาหากมีการจัดซื้อผู้ที่อนุมัติมักจะได้ค่าคอมมิชชั่น พล.อ.สนธิกล่าวว่า ต้องไปดู ไปถามคณะกรรมการฯ ดู เพราะตอนนี้เรื่องยังไม่มาถึงตน
ตามกระบวนการจัดหายานเกราะฯ กองทัพบก ได้จัดตั้งคณะทำงานคัดเลือกแบบ ซึ่งมี พล.ต.นิวัตร มีนะโยธิน ผู้บัญชาการศูนย์การทหารราบ เป็นประธาน หลังคัดเลือกแบบเสร็จ ก็จะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการมาตรฐานยุทธโยปกรณ์กองทัพบก (กมย.) ที่มี พล.อ.ไพศาล กตัญญู รองผบ.ทบ. เป็นประธาน
ผบ.ทบ.ยังย้ำว่า การจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพที่ผ่านมากองทัพบกระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งเพราะส่วนใหญ่บริษัทจะเป็นผู้เลือกสเปคให้ แต่ครั้งนี้กองทัพเลือกเองโดยจะดูที่ขีดความสามารถของยุทโธปกรณ์และความต้องการของกองทัพ ซึ่งต้องการให้กองพลทหารราบที่ 2 จัดหน่วยทหารราบยานเกราะขึ้นมา 1 กองพันซึ่งมียานเกราะทั้งสิ้นกว่า 90 คัน
พล.อ.สนธิระบุว่า ปัจจัยต่อมา คืองบประมาณที่ได้มา 4,000 ล้านบาท ซึ่งบางบริษัทเสนอราคาคันละ 80 - 90 ล้านบาทบ้าง 15 ล้านบาท หรือ 20 ล้านบาทบ้าง ทางกองทัพ ก็นำวัตถุประสงค์ทั้งหมดและราคาต่างๆ รวมถึงขีดความสามารถไปให้คณะกรรมการพิจารณาแล้วนำปัจจัยที่มีอยู่เป็นตัวตั้ง คณะกรรมการฯ ก็มองเห็นว่า บริษัทนี้เป็นบริษัทที่สามารถซื้อทีเดียวได้ 1 กองพัน ในราคาคันละประมาณ 25 ล้านบาท และแม้จะมีการคัดเลือกแล้วแต่ยังไม่แน่ใจว่าดีหรือไม่ จึงได้ส่งคนไปดูที่โรงงานในประเทศยูเครน ซึ่งก็ได้เห็นจริงว่ามีโรงงาน มีการแสดงขีดความสามารถ และสามารถผลิตได้ในจำนวนและวงเงินที่กองทัพบกต้องการ
“เราพยายามระมัดระวังความไม่ชอบมาพากลอย่างยิ่ง เพราะประวัติศาสตร์สอนเรา ดังนั้น การจัดซื้อจัดหาครั้งนี้ยืนยันว่าดำเนินการโดยคณะกรรมการและเป็นการจัดซื้อแบบรัฐต่อรัฐ จึงคิดว่าเหมาะสมกับประเทศไทยในวงเงินเท่านี้ เราสามารถได้ขนาดนี้ก็คิดว่าเหมาะสมแล้ว งบประมาณ 4,000 ล้าน ซื้อได้ 96 คันพอดี” พล.อ.สนธิกล่าว
พล.อ.สนธิกล่าวต่อว่า ขณะนี้ยังไม่ได้เซ็นอนุมัติการจัดซื้อ เพราะอยู่ระหว่างที่กรมสรรพาวุธไปดูงานที่ยูเครนแล้ว กลับมาตั้งเรื่องผ่านการจัดซื้อแบบรัฐต่อรัฐ ผ่านกระทรวงกลาโหมอีกครั้ง ซึ่งยืนยันได้ว่าบริสุทธิ์ โปร่งใส และรถที่จัดซื้อมีสมรรถนะ
เมื่อถามว่าจะนำรถนี้ไปใช้ในการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ใช่หรือไม่ พล.อ.สนธิกล่าวว่า ไม่ใช่ คนละอย่างกัน รถนี้มีขีดความสามารถมากกว่าตรงนั้น
ขณะที่ กมย. มีการพูดถึงการจัดหายานเกราะล้อยางดังกล่าว ว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในภารกิจ 3 จังหวัดชายแดนใต้
ส่วนความคืบหน้าของกระบวนการจัดหาและจัดซื้อยานเกราะล้อยางที่ทาง ผบ.ทบ.ได้ลงนามอนุมัติรับรองแบบยานเกราะล้อยางรุ่น BTR - 3E1 ของประเทศยูเครนให้เป็นมาตรฐานสำหรับนำมาใช้ในกองทัพบกไปเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด พล.ท.ธีระวัฒน์ บุณยะประดับ เจ้ากรมสรรพาวุธ กองทัพบก ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 2 ส.ค.2550 เพื่อขอให้ ผบ.ทบ.อนุมัติแผนจัดหาโครงการจัดหารถหุ้มเกราะที่ดำเนินการในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ 2550 – 2553 โดยการจัดหาด้วยวิธีการรัฐบาลต่อรัฐบาล เพื่อจัดหายานเกราะล้อยาง ตระกูล BTR – 3E1 แบบต่างๆ จำนวน 96 คัน พร้อมทั้งระบบการฝึกศึกษา การอบรม การถ่ายทอดเทคโนโลยี และระบบการซ่อมบำรุง ในวงเงินรวม 3,999,450,000 บาท โดยขออนุมัติให้ใช้ข้อเสนอการขายของรัฐบาลประเทศยูเครนซึ่งเสนอผ่านเอกอัครราชทูตยูเครนประจำประเทศไทยมาเป็นหลักในการจัดหา
หลังจากนี้ หาก พล.อ.สนธิลงนามเห็นชอบในหนังสือดังกล่าว กระบวนการต่อจากนี้คือการแต่งตั้งคณะกรรมการจัดหา ทำแผนจัดซื้อ และย้อนกลับมาให้ ผบ.ทบ. ลงนามอีกครั้งเพื่อเสนอต่อผู้บัญชาการทหารสูงสุด จากนั้นนำเรียนปลัดกระทรวงกลาโหมเพื่อเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อลงนามอนุมัติ ก่อนที่จะเข้าสู่คณะกรรมการกลั่นกรองเพื่อเสนอเรื่องเข้าสู่วาระการประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติ
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ระบุว่า พล.อ.สนธิ ในฐานะ ผบ.ทบ. ยังไม่ได้ตอบหนังสือชี้แจงอย่างเป็นทางการ ตามที่สตง.ได้ทำหนังสือด่วนมาก ที่ ตผ 0014/3165 ลงวันที่ 17 ก.ค. 2550 สอบถามถึงกรณีกองทัพบกประกาศเชิญชวนบริษัทต่างๆ เพื่อคัดเลือกแบบยานเกราะล้อยาง แต่มีการให้ยื่นเอกสารภายหลังจากวันเวลาที่กำหนด ซึ่งอาจก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อการเสนอราคาและการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม และอาจเป็นการกระทำที่เข้าข่ายตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 ซึ่งระบุประเด็นคำถามและเรียกข้อเท็จจริงไว้ 7 ข้อ ดังนี้
1) ประกาศเชิญชวนทำการคัดเลือกแบบยานเกราะล้อยางพร้อมรายละเอียด ซึ่งกำหนดให้ยื่นเอกสารในวันที่ 16 พ.ค. 2550 2) การประกาศเชิญชวนตามข้อ 1) ได้สำเนาส่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตามระเบียบหรือไม่ เพราะเหตุใด 3) ขอทราบที่มาพร้อมเหตุผลและความจำเป็นในการดำเนินการตามข้อแรก 4) ขอทราบจำนวนและรายชื่อบริษัทผู้มายื่นเอกสารทุกราย ในวันที่ 16 พ.ค. 2550
5) ขอทราบหลักเกณฑ์ในการพิจารณาคัดเลือกของคณะกรรมการ ทั้งด้านเอกสารเบื้องต้น ด้านเทคนิค ด้านการไปดูงาน และด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ประกอบการพิจารณาและให้ความเห็นต่อผลการคัดเลือก 6) ขอทราบสรุปผลการพิจารณาในเบื้องต้นของการคัดเลือกตามประกาศเชิญชวนครั้งนี้ และ 7) ขอทราบผลการดำเนินการ ณ ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนใด ได้ดำเนินการทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันหรือไม่ประการใด