xs
xsm
sm
md
lg

ตัดตอนขบวนการขับไล่ทักษิณ ฟ้องดะสนธิ - เครือผู้จัดการ - พันธมิตรฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศึกขับไล่ทักษิณ กระทั่งท่านผ้นำถูกต้อนใกล้จนตรอก นำมาซึ่งคดีความต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะการไล่ฟ้องดะ สนธิ ลิ้มทองกุล และสื่อในเครือผู้จัดการ รวมทั้งระดับแกนนำในกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยฝ่ายทักษิณและพวก ใส่ไฟฝ่ายขับไล่ในข้อหาหมิ่นประมาทไปจนถึงเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย

นับจากนี้ กระบวนการพิสูจน์ความจริงในชั้นศาลจะเผยให้เห็นตัวตนที่แท้จริงของทักษิณและพวก การต่อสู้ครั้งนี้ยังเปลือยธาตุแท้ของทักษิณให้คนในสังคมเห็นว่า ลุแก่อำนาจเพียงใด

คดีรับ

ก. คดีเครือผู้จัดการและนักวิจารณ์

เป็นสิ่งที่คาดหมายไว้อยู่แล้วสำหรับหนังสือพิมพ์ผู้จัดการและสื่อในเครือผู้จัดการที่ถูกขนานนามว่าใช้แนวทาง "วารสารศาสตร์แนวพลีชีพ (suicide-bomb journalism)" ในสถานการณ์สู้รบกับ “ระบอบทักษิณ” ที่มีมีโครงร่างเป็นรัฐตำรวจ ไล่งับ ไล่ฟ้อง และใช้คดีปิดปากสื่อมวลชน

***แม้วฟ้องดะตัดกำลังพันธมิตรฯ

ท่ามกลางกระแสการเมืองที่ร้อนแรงและมวลชนก็สุกงอมพร้อมจะชุมนุมใหญ่อีกครั้ง การตัดตอนแขนขาของสื่อและขาประจำจึงเป็นกลยุทธที่ “ระบอบทักษิณ” หยิบใช้ จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่า คดีดังต่อไปนี้ที่ร้องทุกข์กล่าวโทษบรรดาสื่อมวลชน นักวิชาการ คอลัมนิสต์ และนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามไว้นานนม แต่ถูกหยิบขึ้นมาจากก้นแฟ้มของพนักงานสอบสวนเพื่อมาปัดฝุ่นออกหมายเรียกในวันเดียวกัน นั่นก็คือเมื่อวานนี้ (28 เม.ย.) เพื่อหวังจะบ่อนเซาะพลังค้ดค้าน

1. คดีแรก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ร้องทุกข์กล่าวโทษนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และนายขุนทอง ลอเสรีวาณิช บก.ผู้พิมพ์ฯ ผู้จัดการรายวัน ในฐานร่วมกันหมิ่นประมาทฯ กรณีที่ผู้จัดการรายวัน ฉบับ 16 ม.ค.2549 ตีพิมพ์ข่าวจากรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 14 สวัสดีปีใหม่ ทักษิณ ชินวัตร” และ ชินคอร์ปสมบัติของคนไทย

2. คดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนเมื่อกลางเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา กล่าวหานายขุนทองฯ บก.ผู้พิมพ์ฯ ผู้จัดการรายวัน และนายสุรวิชช์ วีรวรรณ คอลัมนิสต์ฯ ในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท กรณี น.ส.พ.ผู้จัดการรายวัน ฉบับวันที่ 17 ก.พ.2549 ตีพิมพ์คอลัมน์ “หน้ากระดานเรียงห้า” ในหัวข้อ “โค่น “ทักษิณ” ก่อนสิ้นชาติ”

3.คดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเมื่อ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา กล่าวหานายธีรยุทธ บุญมี นักวิชาการขาประจำท่านผู้นำ และนายขุนทองฯ บก.ผู้พิมพ์ฯ ผู้จัดการรายวัน ด้วยข้อหาหมิ่นประมาทฯ กรณีผู้จัดการรายวัน ฉบับวันที่ 23 ม.ค.2549 ตีพิมพ์ข่าวนำ “ชูป๋าเปรมปราบโคตรโกง”

4.นายธีรยุทธ และนายขุนทอง ยังถูกกล่าวโทษอีกคดีหนึ่งในข้อหาเดียวกันจากการตีพิมพ์ข่าว “จวกรัฐบาลเสียสติแห่งชาติ ‘ธีรยุทธ’ ให้ฉายา ‘แม้วจ๊กมก’” ในผู้จัดการรายวัน ฉบับวันที่ 28 มี.ค.2549

5. คดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกล่าวหานายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์และนายขุนทอง บก.ผู้พิมพ์ฯ ผู้จัดการรายวัน ด้วยข้อหาหมิ่นประมาท กรณีผู้จัดการรายวัน ฉบับวันที่ 30 ม.ค.2549 ตีพิมพ์ข่าว “เทียบ"แม้ว"ร้ายกว่า ‘ซัดดัม’ งกเงินยอมขายสมบัติชาติ”

6.คดีที่นายโภคิน พลกุล รอง หน.พรรคไทยรักไทย ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา กล่าวหานายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ และนายขุนทอง บก.ผู้พิมพ์ฯ ผู้จัดการรายวัน ด้วยข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทฯ กรณีผู้จัดการรายวัน ฉบับนวันเดียวกันนั้น ตีพิมพ์ข่าว “ตำรวจปัดสวะคดีจับแม้ว” ในหัวข้อย่อย “อัด “โภคิน” นักการเมืองสัมภเวสี”

ทั้งหมดนี้เป็นการเชคบิลครั้งแรกในรอบนี้ ซึ่งไทยโพสต์ โพสต์ทูเดย์ และกรุงเทพธุรกิจก็แบ่งๆ กันไปตามอัตภาพ สำหรับเครือผู้จัดการนั้นมีอยู่ในบัญชีทั้งหมดรวม 21 คดี คาดว่าคงจะแพลมออกมาไม่ช้านี้

***ซ้ายก็ด่า – ขวาก็ตี

7. คดีหมายเลขดำที่ 628/2549 วันที่ 24 ก.พ.2549 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองเลขาฯ พรรคไทยรักไทย ยื่นฟ้องต่อ บ.ไทยเดย์ด๊อทคอม จำกัด กับพวกรวม 10 คน ฐานหมิ่นประมาทฯ กรณีสื่อในเครือผู้จัดการเผยแพร่เนื้อหาในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 10 และผู้จัดการรายวัน ฉบับวันที่ 26 – 27 พ.ย.2549 ตีพิมพ์ข่าว “แฉนายหญิง เบื้องหลังภูมิธรรมโยงมนุษยดอทคอม” และฉบับวันที่ 28 พ.ย.2549 ตีพิมพ์ข่าว “คำถามที่ภูมิธรรมต้องตอบ” ศาลอาญานัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 3 ก.ค.นี้

8. คดีหมายเลขดำที่ 528/2549 วันที่ 17 ก.พ.2549 นายภูมิธรรม ยื่นฟ้องต่อบริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) กับพวกรวม 6 คน ฐานหมิ่นประมาทด้วยฯ กรณีผู้จัดการรายวัน ฉบับวันที่ 23 พ.ย.2549 ตีพิมพ์หมายเหตุผู้จัดการ ในหัวเรื่อง “'ภูมิธรรม เวชยชัย' คำพูดที่ต้องจดจำ” ศาลอาญานัดฟังคำสั่งว่าจะรับฟ้องหรือไม่ในวันที่ 5 ก.ค.นี้

9. คดีหมายเลขดำที่ 3584/2548 วันที่ 17 ต.ค.2548 นายสมัคร สุนทรเวช และนายดุสิต ศิริวรรณ พิธีกรชื่อดังในอดีต ยื่นฟ้องต่อนายประสาร มฤคพิทักษ์, บริษัท แมเนเจอร์ฯ และนายขุนทอง ลอเสรีวาณิช บก.ผู้พิพม์ฯ ผู้จัดการรายวัน เป็นจำเลยที่ 1 – 3 ในฐานหมิ่นประมาทฯ กรณีผู้จัดการรายวัน ฉบับ 8 – 9 ต.ค.2548 ตีพิมพ์ข่าว “คนเดือนตุลาถล่ม ‘สมัคร’ บิดเบือนชี้ฟ้องปิดปาก ‘สนธิ’ กระทบเสรีสื่อ” ศาลอาญานัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 3 และ 17 ก.ค.นี้

***ชินวัตร – ดามาพงษ์เจ็บ! ต้องฟ้อง

10. คดีหมายเลขดำที่ 550/2549 วันที่ 20 ก.พ.2549 พล.ร.ท.เกียรติศักดิ์ ดามาพงศ์ ที่ปรึกษากองทัพเรือ ญาติของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล และผู้บริหารเครือผู้จัดการรวม 10 คน ฐานหมิ่นประมาทฯ กรณีผู้จัดการรายวัน ฉบับวันที่ 24 ม.ค.2549 พาดหัวข่าวหน้าหนึ่งและระบุข้อความ “ดีลขายชิน ขายชาติ เลี่ยงภาษี เอาเปรียบรายย่อย บ่อนทำลายความมั่นคง ชินวัตรโกง 7.3 หมื่นล้าน” “ชินวัตร ดามาพงศ์ ขายหุ้นชินคอร์ปให้ร่างทรงเทมาเส็ก... ฯลฯ นอกจากนี้ ระหว่างวันที่ 4-5 ก.พ.2549 รายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรภาคพิเศษ ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า ได้รับการเผยแพร่ผ่านสื่อในเครือผู้จัดการ โดยนายสนธิได้ปราศรัยขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมทั้งพาดพิงว่าตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์ ร่วมกันโกงชาติบ้านเมือง ศาลอาญารับฟ้องแล้วและนัดสืบพยานโจทก์ที่เตรียมไว้ 20 ปากในวันที่ 8 – 10 พ.ค.2550 ในขณะที่นัดสืบพยานจำเลยที่เตรียมไว้ 20 ปากเช่นกันในวันที่ 11 และ 14 – 18 พ.ค.2550

11. คดีหมายเลขดำที่ 770/2549 วันที่ 9 มี.ค.2549 พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีต ผบ.สส. ลูกพี่ลูกน้องของ พ.ต.ท.ทักษิณ ยื่นฟ้องนายสนธิ กับผู้บริหารเครือผู้จัดการรวม 10 คน ฐานหมิ่นประมาทฯ กรณีเดียวกันกับคดีหมายเลขดำที่ 550/2549 ศาลอาญาได้อนุญาตให้เลื่อนการไต่สวนมูลฟ้องไปเป็นวันที่ 25 ก.ค.นี้ นอกจากจะเป็นผู้ฟ้องแยกในอีกคดีหนึ่งแล้ว พล.อ.ชัยสิทธิ์ยังมีรายชื่ออยู่ในบัญชีพยานฝ่ายโจทก์ของคดี พล.ร.ท.เกียรติศักดิ์ เป็นโจทก์ด้วย

12. ถัดจากฟ้องอาญาเพียง 1 สัปดาห์ คือในวันที่ 16 มี.ค. พล.อ.ชัยสิทธิ์ ก็ยื่นฟ้องทางแพ่งต่อจำเลยคดีอาญา ในคดีหมายเลขดำที่ 1197/2549 ฐานละเมิดโดยเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท ทั้งนี้ ศาลแพ่งนัดชี้สองสถานในวันที่ 21 ส.ค.2549 เวลา 9.00 น. และนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 11 ก.ย.นี้ เวลา 9.00 น.

13.ตระกูลดามาพงศ์ยังรุดเข้าแจ้งความเพิ่มอีกคดี โดยเมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา นางสุดา ดามาพงศ์ อายุ 61 ปี พร้อมด้วยนายชัชชัย ดามาพงศ์ อายุ 33 ปี บุตรชาย ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล ในข้อหาหมิ่นประมาท ระบุว่าตนเป็นญาติห่างๆ กับนางพจมาน ชินวัตร การที่นายสนธิการกล่าวหาคนในตระกูลดามาพงศ์ทั้งหมด สร้างความเสื่อมเสียให้กับครอบครัวของตน

***ปฏิญญาฟินแลนด์สุดฉาว

14.คดีหมายเลขดำที่ 1747/2549 วันที่ 30 พ.ค.2549 พรรคไทยรักไทยและ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องต่อนายปราโมทย์ นาครทรรพ คอลัมนิสต์ผู้จัดการรายวัน กับพวกรวม 5 คน ในฐานหมิ่นประมาทฯ กรณีผู้จัดการรายวัน ฉบับวันที่ 17 พ.ค.2549 ตีพิมพ์คอลัมภ์ “คิดถึงเมืองไทย” ในหัวข้อ “///ยุทธศาสตร์ฟินแลนด์ แผนการเปลี่ยนแปลงการปกครองไทย” ซึ่งถือเป็นต้นเรื่องของกระแสที่โหมกระพือในเวลาต่อมา ในขณะที่ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 7 ส.ค.2549 เวลา 9.00 น.

15.กรณี “ปฎิญญาฟินแลนด์” ยังต่อเนื่องด้วยคดีหมายเลขดำที่ 1818/2549 เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.49 พรรคไทยรักไทยและ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นโจทก์ที่ 1 – 2 ยื่นฟ้องอาญาต่อนายสนธิ ลิ้มทองกุล และพวกรวม 11 คน ซึ่งรวมทั้งนายปราโมทย์ นาครทรรพ, นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง, นายชัยอนันต์ สมุทวณิช และผู้บริหารในเครือผู้จัดการ ในฐานหมิ่นประมาทฯ กรณีการเสวนา ปฏิญญาฟินแลนด์ ยุทธศาสตร์ครองเมืองของพรรคไทยรักไทย ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ในวันที่ 24 พ.ค.49 อาจกล่าวได้ว่าวงเสวนาดังกล่าวยิ่งตอกย้ำกระแสข่าวให้แรงมายิ่งขึ้น

ธนา เบญจาธิกุล ทนายความผู้รับมองอำนาจจากพรรคไทยรักไทยให้สัมภาษณ์ว่าโจทก์จะฟ้องเรียกค่าเสียหายในทางแพ่งถึง 1 พันล้านบาท แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีการดำเนินการแต่อย่างใด ในขณะที่ศาลอาญานัดไต่สวนมูลฟ้องคดีนี้ในวันที่ 4 ก.ย.2549 เวลา 9.00 น.

ข.คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

16.คดีนี้มีที่มาจากการให้สัมภาษณ์ของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ที่สะพานมัฆวาน เมื่อวันที่ 23 มี.ค. และหนังสือพิมพ์คมชัดลึกฉบับวันที่ 24 มี.ค. ได้นำไปตีพิมพ์ในหน้า 18 หลังจากนั้นก็มีการตั้งแถวกันเข้าแจ้งความรวมทั้งสิ้น 82 คดี ทั่วประเทศ

เมื่อวันที่ 10 เม.ย.พนักงานสอบสวนที่มี พล.ต.ท.ชลอ ชูวงษ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ออกหมายเรียกให้นายสนธิมารับแจ้งข้อกล่าวหาในวันที่ 17 เม.ย. ในขณะที่นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความของนายสนธิได้แจ้งต่อพนักงานสอบสวนว่านายสนธิติดภารกิจการปราศรัยในต่างจังหวัด ซึ่งต่อมาในวันที่ 28 เม.ย.ศาลได้มีคำสั่งให้ออก “หมายจับ” นายสนธิตามคำร้องของพนักงานสอบสวนด้วยเห็นว่าข้ออ้างของผู้ต้องหาไม่มีเหตุผลเพียงพอ

บ่ายวันเดียวกัน นายสนธิพร้อมด้วยทนายจึงเดินทางไปที่กองปราบปรามเพื่อมอบตัว แต่แกนนำพันธมิตรฯ ผู้นี้ก็ต้องถูกกักตัวอยู่นานกว่า 5 ชั่วโมง เนื่องจากต้องเสียเวลารอการอนุมัติการประกันตัวจาก พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. ทั้งๆ ที่อำนาจอยู่ที่พนักงานสอบสวนเอง

ต่อมาในวันที่ 10 พ.ค. พนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนจำนวน 20 แฟ้ม 5 ลังโดยระบุให้ พ.ต.ท.ทวี พรหมมาลี และ พล.ต.ท.ชลอ ชูวงษ์ เป็นผู้กล่าวหาให้กับนายวันชัย สร้อยทอง อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญาซึ่งเป็นหัวหน้าคณะทำงานฝ่ายอัยการ ในขณะที่อัยการก็กับปล่อยตัวนายสนธิและบรรณาธิการฯ ของคมชัดลึกโดยไม่ต้องประกันตัวเหมือนในชั้นพนักงานสอบสวน เนื่องจากไม่มีบันทึกการจับกุม เงินค่าประกันตัวจึงได้รับคืน ความคืบหน้าของคดีนี้ อัยการจะนัดฟังคำสั่งว่าจะฟ้องหรือไม่ในวันที่ 13 ก.ค.

ค. คดี 5 แกนนำพันธมิตรฯ ล้มล้างประชาธิปไตย

17. คดีนี้เดิมเริ่มเดินเรื่องโดย ร.ต.ฉลาด วรฉัตร อดีตวีรบุรุษประชาธิปไตย เข้าแจ้งความร้องทุกข์แจ้งความดำเนินคดีต่อแกนนำพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 9 มี.ค. และ 12 มี.ค. ในฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีการอื่นใดฯ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาล เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน และเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 จากกรณีที่มีกรชุมนุมขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อย่างต่อเนื่อง

อันเป็นต้นเรื่องของคดีที่กลับกลายเป็นคดีที่พิลึกกึกกืออีกคดีหนึ่งในยุครัฐตำรวจภายใต้การนำอันเด็ดเดี่ยวของนายกรัฐมนตรีที่มีเป็นอดีตนายตำรวจ

ต่อมา สตช.ได้แต่งตั้งคณะทำงานของพนักงานสอบสวน โดยให้มีหัวหน้าเป็น พล.ต.ท.ชัยยันต์ มะกล่ำทอง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ผู้เคยมีประวัติคัดค้านการชุมนุมของพันธมิตรฯ อย่างโจ่งแจ้งด้วยการให้สัมภาษณ์แนะนำให้ประชาชนตั้งโต๊ะเข้าชื่อแจ้งความจับแกนนำพันธมิตรฯ เมื่อครั้งการชุมนุมที่หน้าสยามพารากอน

พนักงานสอบสวนชุดดังกล่าวออกหมายเรียกตัวแกนนำทั้ง 5 ให้มารับทราบข้อกล่าวหาครั้งแรกในวันที่ 20 เม.ย. แต่ทางแกนนำได้มอบอำนาจให้นายนิติธร ล้ำเหลือ หนึ่งในทีมทนายความจากสภาทนายความเดินทางมาขอเลื่อนนัด โดยระบุเหตุผลว่าแกนนำทั้ง 5 ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยยืนยันว่าการชุมนุมเป็นไปตามเจตนารมณ์และสิทธิตามรัฐธรรมนูญ อีกทั้งยังติดภารกิจการปราศรัยในต่างจังหวัด รวมทั้งมีผู้ถูกกล่าวหาบางรายยังไม่ได้รับหมายเรียกดังกล่าว แต่ที่สำคัญคือ “หมายเรียก” ดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจาก ร.ต.ฉลาดไม่อยู่ในฐานะของผู้ถูกกล่าวหา เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นความผิดอาญาต่อรัฐไม่ใช่ส่วนตัว

เรื่องที่เป็นประเด็นหมองคล้ำของคดีนี้ ไม่ได้มีเพียงการแต่งตั้งพนักงานสอบสวนผู้มีอคติและ “หมายเรียก” ที่พิการเท่านั้น ทว่าอยู่ที่การ “เปลี่ยนตัวผู้กล่าวหา” และ “ยัดข้อหาเพิ่ม” ซึ่งได้รับการเปิดเผยขณะที่ 5 แกนนำเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 1 พ.ค.

อาจเรียกได้ว่า การเปลี่ยนตัวผู้กล่าวหาจาก ร.ต.ฉลาด ไปเป็น ชัชวาลย์ สุขสมจิตร ผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็นหมากเกมที่ตำรวจสอดเข้ามาเพื่อให้หมายเรียกหรืออาจจะหมายถึงหมายจับมีน้ำหนักขึ้น และแก้ลำเมื่อครั้งที่ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาจับปมผิดได้ว่า ร.ต.ฉลาดไม่อยู่ในฐานะผู้เสียหาย

แต่ที่หนักข้อมากกว่านั้นคือการ “แอบ” ยัดข้อหาเพิ่มอีก 4 กระทง นอกเหนือจากฐานความผิดตามมาตรา 116 ทั้งที่ไม่อยู่ในหมายเรียกก่อนหน้านั้น อันได้แก่ 1.มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และมีผู้เป็นหัวหน้าหรือสั่งการ

 
2.ร่วมกันเดินแถว เดินเป็นขบวนแห่ หรือเดินเป็นขบวนใดๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจรโดยไม่ได้ใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานจราจร 3.ร่วมกันวาง ตั้ง ยื่น หรือแขวนสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือกระทำด้วยประการใดๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจรโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานจราจร และ 4.ร่วมกันกระทำการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่

อย่างไรก็ตาม แกนนำทั้ง 5 ได้ปฏิเสธทั้ง 5 ข้อกล่าวหาโดยยืนยันว่าการชุมนุมดังกล่าวเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 44 ในขณะเดียวกัน นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายผู้รับมอบอำนาจจากนายสนธิ ยืนยันว่าจะฟ้องดำเนินคดีกับ ร.ต.ฉลาด ฐานแจ้งความเท็จและกลั่นแกลังให้ผู้อื่นถูกดำเนินคดีอาญา รวมถึงฟ้องร้องต่อเจ้าพนักงานที่เกี่ยวข้องฐานปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบอีกด้วย จนเมื่อวันที่ 8 พ.ค. สำนวนก็ถึงมืออัยการ

แต่ล่าสุด กระแสข่าวที่พนักงานสอบสวนซึ่งนำโดย พล.ต.ท.ชัยยันต์ เตรียมจะแจ้งข้อหากับแกนนำ “ระดับจัดการ” อีกประมาณ 10 กว่าคน ใน 5 ข้อหาเดิมที่เคยแจ้งต่อ 5 แกนนำมาแล้วก็เริ่มหนาหูขึ้น เป็นไปได้สูงที่การออกหมายเรียกครั้งนี้จะเป็นเป้าเดียวกันกับกระแสข่าวที่เคยรั่วก่อนหน้านี้ว่าจะรวบเพิ่มอีก 17 คน

เชื่อกันว่ามาตรการรอบนี้จะเป็นแผนล้อมกรอบเพื่อยุติการเคลื่อนไหวของพันธมิตรที่ร่ำๆ ว่าจะมีการชุมนุมใหญ่ต้นเดือน กค.นี้ ทั้งนี้ ผู้ที่อยู่ในโผมีอยู่หลายคน อาทิ สุริยะใส, การุณ ใสงาม, ไชยวัฒน์ สินสุวงษ์, ศิริชัย ไม้งาม, เพียร ยงหนู เป็นต้น อันเป็นหมากเกมในตาเดียวกันกับการริดำเนินคดีกับคอลัมนิสต์ นักวิชาการ และสื่อมวลชน

ง. คดีถล่ม “สนธิ”

18. คดีหมายเลขดำที่ 1062/2549 วันที่ 4 เม.ย.49 พ.ต.ท.ทักษิณ ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ในฐานหมิ่นประมาทฯ จากกรณีการปราศรัยในเวทีพันธมิตรฯ 5 วัน คือ วันที่ 6, 10, 13, 16, และ 22 มี.ค.49 คดีนี้ศาลอาญานัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 24 ก.ค.2549 และวันที่ 7 ส.ค.2549

19. คดีหมายเลขดำที่ 1397/2549 วันที่ 31 มี.ค.49 นายเก่งกาจ ศรีหาสาร ข้าราชการซี 8 แห่งกรมอุทยาน สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ยื่นฟ้องอาญาต่อนายสนธิ ในฐานหมิ่นประมาทฯ กรณีจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรนัดพิเศษที่ จ.ระยอง เมื่อวันที่ 21 มี.ค.49 และกล่าวว่าโจมตีโจทก์ และเผยแพร่ผ่านสื่อในเครือของผู้จัดการ ศาลจังหวัดเชียงรายนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 3 ก.ค.นี้

20.คดีกรมกร๊วก กรมประชาสัมพันธ์ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อบริษัท ไทยเดย์ ด๊อทคอม จำกัด และพวกรวม 5 ราย เมื่อ 3 ก.พ.49 ในความผิดร่วมกันดำเนินกิจการให้บริการวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์ไม่ได้รับอนุญาติ ตาม พ.ร.บ.วิทยุโทรทัศน์ พ.ศ.2598 ล่าสุด เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 เลื่อนัดฟังคำสั่งคดีว่าจะส่งฟ้องศาลหรือไม่ในวันที่ 16 ส.ค.2549 โดยในระหว่างนี้ให้พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม เจ้าของคดีไปสอบสวนเพิ่มเติมอีก 10 ประเด็น

คดีรุก

การ “เอาคืน” ระบอบทักษิณที่ใช้การฟ้องร้องดำเนินคดีเป็นอาวุธ คงจะไม่มีอะไรแหลมคมเท่ากับการใช้หนามนั้นทิ่มแทงกลับไป คติข้อนี้นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ และนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายกู้ชาติเพื่อนตายล้วนเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่ง และดูเหมือนว่าพวกเขายังต้องการให้ “จำเลย” ในคดีต่างๆ ที่จะร่ายต่อไปนี้ตระหนักรู้ลึกซึ้งถึงเส้นเลือดเช่นเดียวกัน

ก.ฟ้องลิ่วล้อสอพลอนาย

หลังจากกระแสข่าวการให้สัมภาษณ์ของนายสนธิ ลิ้มทองกุลเกี่ยวกับการเรียกร้องความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรีต่อการออกพระราชกฤษฎีการ 2 ฉบับที่ว่าด้วยการแปรรูป กฟผ.ซึ่งถูกศาลปกครองมีคำสั่งเพิกถอน การโหมกระพือประเด็น “หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” ได้ขจรขจายไปในทุกอณูของเครือข่ายสายงานของผู้ภักดีต่อท่านผู้นำ อันนำมาสู่การชักแถวกันเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สน.และ สภอ.ต่างๆ ทั่วราชอาณาจักร

การเคลื่อนไหวดังกล่าวดำเนินไปพร้อมกับการเคลื่อนไหวมวลชนในลักษณะการชุมนุมในนาม “คาราวานคนจน” ไปปิดล้อมสำนักงานเครือเนชั่น บางนาและการเคลื่อนพาเหรดรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างมาก่อกวนที่สำนักงานเครือผู้จัดการ ถ.พระอาทิตย์ ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าตัวละครที่ขับเคลื่อนเหล่านี้จะไม่ไดรับบทเรียนใดๆ

21. คดีหมายเลขดำที่ 1143/2549 วันที่ 7 เม.ย.49 นายสนธิ ยื่นฟ้องนายปลอดประสพ สุรัสวดี รักษาการผู้ช่วย รมว.กระทรวงทรัพยฯ ฐานแจ้งความเท็จฯ และฐานหมิ่นประมาทฯ กรณีที่นายปลอดประสพเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ สตช.เมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมาเพื่อให้ดำเนินคดีต่อนายสนธิในความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ฯ พร้อมทั้งให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในทำนองว่านายสนธิได้กระทำผิดจริง ทั้งๆ ที่คดีดังกล่าวยังศาลยังไม่มีคำพิพากษา ศาลอาญานัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 3 ก.ค.นี้

22. คดีหมายเลขดำที่ 1822/2549 วันที่ 4 เม.ย.49 นายสนธิ ยื่นฟ้องนายเนวิน ชิดชอบ รักษาการ รมต.สำนักนายกฯ ในฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กรณีให้สัมภาษณ์ในรายการ เรื่องเล่าเช้านี้ ทางสถานีโทรทัศน ช่อง 3 เมื่อวันที่ 31 มี.ค.49 โดยยืนยันว่าโจทก์กระทำความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หมวด 1 ความผิดต่อพระมหากษัตริย์ฯ จริง ทั้งที่ยังไม่มีคำพิพากษาของศาล หลังจากการไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา ศาลอาญากรุงเทพใต้จึงนัดฟังคำสั่งคดีในวันที่ 30 มิ.ย.นี้

23. นอกจากนี้ ยังมีคดีหมายเลขดำที่ 505/2549 ซึ่งบริษัท ไทยเดย์ ด๊อทคอม จำกัด และนายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นโจทก์ที่ 1- 2 ยื่นฟ้องอาญาเมื่อ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา กับนายยงยุทธ ติยะไพรัช และพวกรวม 9 คน ฐาน กรณีร่วมกันจัดตั้งม็อบพนักงานป่าไม้และตำรวจบ้านเพื่อสกัดกั้นกลุ่มผู้ชุมนุมแฟนรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ของนายสนธิ ระหว่างวันที่ 1 – 20 ม.ค.2549 ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง 6 ก.ค. และ 9,21 ส.ค.นี้

24. การหยิบยกเครื่องมือการฟ้องร้องยังเปรียบเปรยได้ดังหนามยอกเอาหนามบ่งได้ ดังกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล โดยมอบอำนาจให้นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความไปร้องทุกข์ต่อกองบัญชาการกองปราบปรามเมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา เพื่อเอาผิดกับนายชินวัฒน์ หาบุญพาด นายกสมาคมผู้พิทักษ์ผลประโยชน์คนขับแท็กซี่ ในฐานดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กรณีกล่าวยอมรับในรายการ “ถึงลูกถึงคน” วันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา ว่าเป็นได้นำคำสัมภาษณ์ของนายสนธิที่ตีพิมพ์ในคมชัดลึกไปอ่าน ซึ่งหากเทียบกับฎีกา 2822/2515 จะถือว่ามีความผิดเช่นกัน

ข.ฟ้องตำรวจหัวใหญ่

25. คดีหมายเลขดำที่ 1256/2549 วันที่ 20 เม.ย.49 นายสนธิ ฟ้องต่อ พล.ต.ท.มนตรี จำรูญ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ในฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏบัติหน้าที่โดยมิชอบและฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กรณีจำเลยให้สัมภาษณ์ชี้นำว่าโจทก์กระทำผิดจริงในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในวันที่ 11 เม.ย.2549 ลงหนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับวันที่ 12 เม.ย.2549 ในขณะที่จำเลยก็เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของพนักงานสอบสวน ศาลจึงอนุญาตให้เลื่อนการไต่สวนออกไปเป็นวันที่ 12 และ 13 ต.ค.นี้

26. คดีหมายเลขดำที่ 1280/2549 ถัดมาอีกหนึ่งวัน ในวันที่ 21 เม.ย. นายสนธิ ฟ้องต่อ พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) ในฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ กรณีที่จำเลยในฐานะพนักงานสอบสวนในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพให้สัมภาษณ์ชี้นำกับสื่อมวลชนทุกแขนงในวันที่ 18 เม.ย.2549 อย่างไรก็ตาม ศาลนัดไต่สวนพยานปากสนธิเพื่อตอบข้อซักค้านทนายจำเลยอีกครั้งในวันที่ 18 ก.ค.นี้ เวลา 9.00 น.

ค.หนี้เก่า อสมท. – กรมกร๊วก

27. คดีหมายเลขดำที่ 4421/2548 วันที่ 26 ก.ย.2548 นายสนธิ ฟ้องนายเรวัติ ฉ่ำเฉลิม, นายธงทอง จันทรางศุ, นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ และ อสมท.เป็นจำเลยที่ 1 – 4 ตามลำดับ ในฐานร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กรณีจำเลยทั้ง 4 ร่วมกันแถลงข่าวในวันที่ 15 ก.ย.2548 กรณีการถอดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ออกจากผังรายการ และเผยแพร่ในสื่อของ อสมท.โดยใส่ความโจทก์ว่าล่วงละเมิดสิทธิของผู้อื่น ไม่คำนึงถึงจรรยาบรรณสื่อมวลชนทั่วไป ไม่มีคุณธรรม ฯลฯ ทั้งที่โจทก์ไม่มีไม่มีเจตนาก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใด และปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนอย่างเคร่งครัด ฯลฯ ศาลอาญากรุงเทพใต้นัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 5 ก.ค.2549 เวลา 13.30 น.

28. คดีหมายเลขดำที่ 4262/2548 หรือ “คดี อสมท.บาทเดียว” เป็นคดีแพ่งซึ่งฟ้องในวันเดียวกัน โดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล ยื่นฟ้องต่อจำเลยทั้ง 4 รายเช่นเดียวกันกับคดีอาญา ในฐานร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาละเมิดค่าเสียหาย 1 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 75ต่อปี จากกรณีเดียวกันกับที่ฟ้องอาญา ศาลนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 6 – 8 และ 19 – 20 ธ.ค.ศกนี้ และนัดสืบพยานจำเลยในวันที่ 21 – 22 และ 26 – 28 ธ.ค.นี้

29. คดีหมายเลขดำที่ 409/2549 วันที่ 31 ม.ค.2549 บริษัท ไทยเดย์ ด๊อทคอม จำกัด เป็นโจทก์ยื่นฟ้องแพ่งบริษัท อสมท. จำกัด(มหาชน) ในฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมและฟ้องเรียกค่าเสียหายจำนวนทุนทรัพย์ 142.5 ล้านบาท กรณีการถอดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ออกจากผังของ อสมท. ศาลแพ่งนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 20 – 21 มี.ค.2550 และสืบพยานจำเลยในวันที่ 22 – 23 มี.ค.2550 ตั้งแต่เวลา

30. คดีหมายเลขดำที่ 164/2549 เป็นคดีในศาลปกครองที่บริษัท ไทยเดย์ ด๊อทคอม จำกัด กับพวกรวม 9 คน เป็นผู้ฟ้องคดีต่อกรมประชาสัมพันธ์และพวกรวม 6 คน เพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งของผู้ถูกฟ้องในการระงับการให้บริการอินเตอร์เน็ต

31.คดีอัดกรมกร๊วกปิดท้าย คดีหมายเลขดำที่ 1449/2549 วันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา บริษัท ไทยเดย์ ด๊อทคอม จำกัด และพวกรวม 4 คน เป็นโจทก์เข้าฟ้องอาญาต่อกรมประชาสัมพันธ์ และพวกรวม 4 คน ในฐานความผิดปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและแจ้งความเท็จให้ผู้อื่นได้รับโทษ กรณี บริษัท กสท.โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) มีหนังสือแจ้งยกเลิกการถ่ายทอดสัญญาณ และร่วมกันแจ้งความเท็จต่อพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ว่าร่วมกันจัดตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ล่าสุดศาลอาญากรุงเทพใต้นัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 3 ก.ค.2549

กำลังโหลดความคิดเห็น