อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ยันยังไม่มีการเจรจานอกรอบคดีคลองด่าน ยอมรับมีการยื่นข้อเสนอจากบริษัทคู่สัญญา 8 ข้อจริงแต่ขอปิดเป็นความลับ เผยเตรียมชงเรื่องให้ “ยงยุทธ” ตัดสินชี้ขาดวันนี้จะนำเรื่องเข้าครม.ก่อนหรือไม่ อ้างหากยุติข้อพิพาทได้จะเปิดใช้ระบบบำบัดน้ำเสียเร็วขึ้นและลดค่าเสื่อมสภาพปีละพันล้าน
วันนี้ ( 31 พ.ค.) กรมควบคุมมลพิษ ( คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ( ทส.) ได้ประชุมหารือเรื่องความคืบหน้าคดีบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน จ.สมุทรปราการ โดยใช้เวลาร่วม 5 ชั่วโมง ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม นายอภิชัย ชวเจริญพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) แถลงข่าวว่า จากกรณีที่มีข่าวออกไปว่า ทาง คพ.จะเจรจากับบริษัทกิจการร่วมค้าที่เป็นคู่สัญญาบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่านนอกรอบ ก่อนกระบวนการศาลจะเสร็จสิ้นนั้น ตนยืนยันว่า ยังไม่มีการเจรจาตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
อธิบดี คพ. กล่าวต่อว่า ข้อเท็จจริงคือ ขณะนี้ คดีที่ คพ.ฟ้องบริษัททั้งแพ่งและอาญาก็ยังอยู่ในศาล และที่บริษัทยื่นต่ออนุญาโตตุลาการ ก็ยังอยู่ในกระบวนการ แต่เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ทางบริษัทได้ยื่นข้อเสนอผ่านอนุญาโตตุลาการ 8 ข้อ เพื่อขอเจรจาต่อรอง และทางอนุญาโตฯก็สอบถามมา ว่า คพ.พร้อมจะเจรจาหรือไม่ แต่ทาง คพ.ก็ต้องพิจารณาอย่างละเอียด เพราะโครงการนี้วงเงินสูงมาก การประชุมวันนี้ จึงได้นำเอาข้อเรียกร้องทั้ง 8 ข้อมาพิจารณา และจะนำเสนอต่อนายยงยุทธ ติยะไพรัช รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอทั้ง 8 ข้อ ยังเป็นความลับ
นายอภิชัย กล่าวต่อว่า ขั้นตอนคือเมื่อ คพ.เสนอต่อรัฐมนตรีแล้ว รัฐมนตรีจะไปพิจารณาว่า การตัดสินใจเป็นอำนาจของใคร ถ้าต้องให้ ครม.เห็นชอบ ก็เสนอไป จากนั้น จึงเจรจา และนำผลการเจรจามาเสนอ ครม.ให้เห็นชอบอีกครั้งหนึ่ง เมื่อ ครม.เห็นชอบ จึงยื่นผลการเจรจาให้อนุญาโตตุลาการสั่งเป็นทางการต่อไป อย่างไรก็ตามการจะเจรจา ต้องพิจารณาว่า การเรียกร้องค่าเสียหาย 6,000 ล้านบาทของบริษัทเหมาะสมและยอมรับได้หรือไม่ และค่าเสียหายที่แท้จริงควรจะเป็นเท่าไร เพราะบางเรื่องทางเอกชนก็เสียหาย เนื่องจากมีการส่งมอบงานไปแล้วบางส่วน และไม่มีข้อเสนอเรื่องถอนฟ้องคดีแต่อย่างใด
ส่วนการเจรจาหากเป็นที่ยอมรับตรงกันแล้ว รัฐฯจะได้ประโยชน์อะไรนั้น นายอภิชัย กล่าวว่า จะสามารถร่นเวลาการเปิดใช้ประโยชน์บ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่านได้ เพราะหากรอให้ผ่านกระบวนการศาล จะใช้เวลานาน อุปกรณ์ที่ทำเสร็จไปบ้างแล้วแต่ยังไม่ได้ใช้การเลยจะเสื่อมสภาพลงทุกวัน โดยเคยจ้างบริษัทสำรวจค่าเสื่อมสภาพถึงปีละ 1,000 ล้านบาท
อนึ่ง สำหรับสาระสำคัญหลักในข้อเสนอ 8 ข้อที่บริษัทเสนอนั้น มีอยู่ 3 ประเด็น คือ 1) ต้องการให้กรมควบคุมมลพิษ รับมอบสิ่งก่อสร้างคือระบบบำบัดน้ำเสียที่สร้างไปแล้วเอากลับคืนไปใช้งาน 2) ค่าเสียหายที่บริษัทผู้รับเหมาเรียกร้องจากกรมควบคุมมลพิษ 6,000 กว่าล้าน จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเจรจาตกลงกันอีกครั้งหลังกรมฯ รับมอบระบบบำบัดกลับคืนไปแล้ว 3) กรมควบคุมมลพิษ จะต้องสละข้อต่อสู้เรื่องสัญญาเป็นโมฆะในคดีความต่างๆ ซึ่งข้อเสนอของบริษัทดังกล่าวนายอภิชัย แถลงต่อคณะอนุญาโตฯ ว่านายยงยุทธ ติยะไพรัช รักษาการ รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เห็นชอบที่จะตกลงเจรจากับบริษัทเอกชนเพื่อยุติข้อพิพาท
อย่างไรก็ตาม คณะอัยการไม่เห็นด้วยที่กระทรวงฯ และกรมฯ จะเจรจากันเองกับบริษัทคู่สัญญาที่มีข้อพิพาทกัน จึงเสนอให้นำเรื่องเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติก่อน เนื่องจากเรื่องดังกล่าวมีความเกี่ยวพันกับหลายคดีที่อยู่ในกระบวนการฟ้องร้อง แต่ทางกรมควบคุมมลพิษและกระทรวงทรัพยากรฯ ก็ไม่รับฟังคำเสนอแนะกระทั่งมีข่าวเผยแพร่ต่อสาธารณะจึงหันกลับมาพิจารณาเรื่องนี้ใหม่และรอนายยงยุทธ ตัดสินใจอีกครั้งในวันนี้ ( 1 มิ.ย.)