xs
xsm
sm
md
lg

ชักดาบใช้ฟรีเงินทักษิณ ทุจริตรากหญ้าเบ่งบาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ข่าวเชิงวิเคราะห์ขอดเกล็ดประชานิยม “กองทุนหมู่บ้าน” (ตอนที่ 4)

ศูนย์ข่าวภูมิภาค/ผู้จัดการรายวัน – ลูกหนี้กองทุนชักดาบเบี้ยวหนี้ ซ้ำปล่อยข่าวเงินนายกฯทักษิณให้มาใช้ฟรีตอบแทนหลังเลือกตั้งกระทั่งหลายแห่งเจ๊งปิดตัวชั่วคราว หนี้เน่าพุ่งไล่ฟ้องเดือดทุกหย่อมหญ้าเหยื่อประชานิยม ประธานกองทุนฯ จ.ตาก ครวญลิ่วล้อ-สมาชิกไทยรักไทยกร่างเบ่งเบี้ยวหนี้ ผลพวงกองทุนเงินล้านบ่มเพาะทุจริตคอร์รัปชั่นระดับรากหญ้าเบ่งบาน

ผลพวงจากการทุ่มเงินล้านลงหมู่บ้านของรัฐบาลทักษิณ ขณะที่ยังไม่ได้เตรียมความพร้อมในพื้นที่อย่างเพียงพอ นอกจากจะก่อให้เกิดปัญหาวงจรหนี้ไม่สิ้นสุด ยังสร้างปัญหาในระดับลึกชุมชนแตกเป็นเสี่ยงจากความขัดแย้งที่มีสาเหตุมาจากเงินกองทุนหมู่บ้าน การเบี้ยวหนี้ใช้เงินคืนกองทุนไม่ได้เพราะนำไปใช้ผิดประเภท หรือลงทุนแล้วขาดทุน จนต้องงัดมาตรการฟ้องร้องไล่หนี้กำลังเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า

*** ปล่อยข่าวเงินฟรีนายกฯทำกองทุนเจ๊ง

นายทนง โตนด ประธานกองทุนหมู่บ้าน บ้านยอดเสน่ห์ หมู่ที่ 10 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต เปิดเผยว่า ขณะนี้กองทุนหมู่บ้านประสบปัญหาสภาพคล่องอย่างหนัก เนื่องจากสมาชิกกองทุนกู้แล้วไม่ยอมจ่ายเงินกู้คืน ทำให้กองทุนไม่มีเงินหมุนเวียนที่จะให้กู้ต่อไป จึงจำเป็นที่จะต้องปิดตัวลงชั่วคราวมาประมาณ 5-6 เดือน เพื่อขอความชัดเจนจากรัฐบาลว่าจะดำเนินการอย่างไรกับผู้ที่ไม่ยอมคืนเงินกู้คืน ขณะนี้มีเงินเหลือในบัญชีแค่ 100,000 กว่าบาทเท่านั้น

นายทนง กล่าวว่า สาเหตุสำคัญที่สมาชิกไม่ยอมผ่อนชำระเงินกู้ เกิดจากการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ เช่น ยื่นขอกู้เพื่อทำการค้าแต่จริงๆ แล้วร้อยละ 70 ไม่ได้นำไปทำ แต่กลับใช้เงินกู้ไปใช้หนี้นอกระบบ ซื้อจักรยานยนต์ ซื้อโทรศัพท์มือถือ ขายหวยหุ้น เมื่อเบี้ยวกันมากๆ ทำให้ไม่มีเงินให้สมาชิกในกลุ่มกู้ต่อ

“ที่สำคัญที่สุดคือ คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านบางรายที่ขอกู้ไปไม่ยอมจ่ายเงินคืน ได้ยุยงสมาชิกรายอื่นไม่ให้จ่ายเงินกู้คืนด้วย โดยอ้างว่าเป็นเงินของนายกฯทักษิณ ให้ประชาชนมาใช้ฟรีไม่เอาคืน และรัฐบาลทำอะไรชาวบ้านไม่ได้แน่นอน ทำให้คนที่ผ่อนชำระคืนอยู่บ้างเลิกไปหมด เพราะเห็นตัวอย่างคนไม่ผ่อนชำระก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น และยังท้าทายให้คณะกรรมการฯ ไปฟ้องร้องอีกด้วย เมื่อทวงถามมากๆ ชาวบ้านก็พาลโกรธและเกลียด ไม่มองหน้ากัน” นายทนง กล่าว

ประธานกองทุนบ้านยอดเสน่ห์ ยังบอกว่า เรื่องเงินกองทุนจะมาช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านดีขึ้นนั้นไม่ต้องพูดถึง เมื่อก่อนอยู่อย่างไรตอนนี้ก็อยู่อย่างนั้น เงินกองทุนไม่ได้ช่วยเสริมอาชีพอะไรเลย เพราะเงินที่ได้มากลับนำมาใช้จ่ายในสิ่งที่สร้างความฟุ่มเฟื่อย เพิ่มหนี้ให้กับชาวบ้าน เพราะชาวบ้านซอยยอดเสน่ห์นั้น ปกติชีวิตความเป็นอยู่ก็ไม่ได้ยากจนมากมาย มีรายได้เกิดขึ้นสม่ำเสมอ

ด้านนายสุเทพ เอนกธรรมพินิจ ที่ปรึกษาและอดีตประธานกองทุนหมู่บ้าน หมู่ที่ 2 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต บอกว่า ในปีแรก คือ ปี 45 สมาชิกกองทุนที่ขอกู้ไปประมาณ 30 ราย ประมาณ 70% นำไปลงทุนในอาชีพที่ทำอยู่แล้ว เช่น ซักรีดเสื้อผ้า เย็บผ้า ซ่อมรถจักรยานยนต์ ฯลฯ และใช้เงินคืนสม่ำเสมอ ส่วนอีก 30% ก็เอาไปใช้ซื้อโทรศัพท์มือถือ รถจักรยานยนต์ ใช้หนี้นอกระบบและเล่นการพนัน ซึ่งกลุ่มนี้มีปัญหาการคืนเงินกู้

“ทุกครั้งที่ทางคณะกรรมการบริหารกองทุนทวงเงินกู้คืนก็จะขอยืดเวลาไปบ้างหรือไม่ก็อ้างว่าไม่มีเงิน และแย่ที่สุดคืออ้างว่าเงินดังกล่าวเป็นเงินของรัฐบาลรัฐบาลไม่เอาคืน และรัฐบาลไม่ทำอะไรประชาชนอย่างแน่นอน" นายสุเทพ กล่าว

เขาบอกว่า กระแสรัฐบาลไม่เอาเงินคืนสร้างความปวดหัวให้กับคณะกรรมการกองทุนเป็นอย่างมาก เพราะไม่สามารถที่จะทวงเงินคืนได้ จนถึงขณะนี้ผู้ที่กู้เงินกองทุนของหมู่ที่ 2 เกือบทั้งหมดพยายามที่จะไม่จ่ายเงินคืน แม้ว่าคณะกรรมการจะเข้าไปทำความเข้าใจ แต่ชาวบ้านก็ยังดื้อไม่ยอมจ่ายเงินคืน เมื่อทวงมากๆ เข้า ชาวบ้านก็เริ่มที่จะเกียดชังคณะกรรมการฯที่พยายามจะทวงเงิน จนบางครั้งทำให้เกิดความแตกแยกเกิดขึ้นในหมู่บ้าน คนเคยพูดกันดีๆ เมื่อทวงเงินมากๆเข้า ก็เริ่มที่จะมองหน้ากันไม่ติด เมื่อทวงหนักเข้าก็พาลไม่พูดด้วย

ขณะนี้กองทุนหมู่บ้านหมู่ที่ 2 ต.วิชิต เหลือเงินในบัญชีที่เก็บมาได้แล้วประมาณ 500,000 กว่าบาท และได้หยุดการปล่อย เพื่อเรียกเก็บเงินที่ปล่อยกลับคืนมาก่อน และทางคณะกรรมการได้ตกลงกันแล้วว่าในการปล่อยกู้รอบต่อไป จะตรวจสอบคนกู้ให้มากขึ้น รวมทั้งจะต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันที่เหมาะสมกับจำนวนเงินกู้ เช่น การโอนลอยรถจักรายานยนต์ และจะไม่ให้สมาชิกค้ำประกันกันเอง เป็นต้น เพราะหากปล่อยกู้โดยไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันก็จะเกิดปัญหาไม่ยอมจ่ายเงินคืนอีก

นายสุเทพ ยังกล่าวถึงสภาพความเป็นอยู่ของชาวบ้านที่ขอกู้เงินกองทุนไป ไม่เห็นว่าชีวิตชาวบ้านจะดีขึ้นตรงไหน ประเภทจะพลิกฟื้นชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นกว่าเดิม เท่าที่เห็นไม่มี เมื่อก่อนอยู่กันอย่างไร ตอนนี้ก็อยู่กันอย่างนั้น เพราะเงินที่ให้กู้น้อยแค่ 10,000-20,000 บาทเท่านั้นเอง แต่อย่างไรก็ตาม มีอยู่ 1 ราย ที่กู้เงินไปทำอาชีพค้าขาย 2-3 ปี ก็สามารถที่จะซื้อที่ดินประมาณ 100,000 กว่าบาท

ด้านนายวิสุทธิ์ บุตรหลำ เลขานุการกองทุนหมู่บ้าน หมู่ที่ 3 ต.เขาคราม อ.เมือง จ.กระบี่ เล่าว่ากองทุนหมู่บ้าน ให้กู้ครั้งแรก เมื่อปี 2544 มีสมาชิกขอกู้เพื่อประกอบอาชีพ 73 รายละไม่เกิน 20,000 บาท ต่ำสุด 5,000 บาท คน โดยมีการขอกู้ยืมเงิน รายต่ำสุด ประมาณ 5,000 บาท เกือบทั้งหมดกู้เพื่อทำอาชีพทางการเกษตร และก็ได้มีผู้มาขอกู้เพิ่ม แต่ทางกองทุนต้องชะลอให้กู้ไว้ก่อนเพื่อต้องการให้ครบรอบปี จะได้นำเงินที่สมาชิกได้กู้ไปครั้งแรกนำมาคืนเสียก่อน

นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ปีแรกๆ ก็ราบรื่นดี มีการผ่อนชำระตามทีกำหนด แต่ก็ต้องมาสะดุดเมื่อมีสมาชิกบางกลุ่มปล่อยข่าว ว่าเงินที่กู้มาจากกองทุนไม่ต้องคืนก็ได้ เป็นเงินรัฐบาลให้ฟรี ทำให้สมาชิกบางคนหลงเชื่อไม่ยอมนำเงินที่กู้ไปมาคืน ซึ่งมีอยู่ประมาณ 20 กว่าราย เป็นเงินประมาณ 100,000 กว่าบาท ทำให้ปี 2545 -25 46 กองทุนต้องหยุดให้กู้ชั่วคราวและมาเปิดให้บริการใหม่อีกครั้ง เมื่อปี2547 ที่ผ่านมาปัจจุบันก็ยังดำเนินการอยู่ แต่ส่วนใหญ่ผู้ที่กู้เงินไปก็นำเงินมาชำระตามกำหนด

นายสมศักดิ์ ส่งนุ้ย พัฒนาการจังหวัดสุราษฏร์ธานี กล่าวว่า จังหวัดสุราษฏร์ธานีมีกองทุนหมู่บ้านละ 1 ล้านบาท ทั้งสิ้น 1,117 หมู่บ้าน จากการประเมินนั้นพบว่าประสบความสำเร็จประมาณ 80 % ส่วนอีก 20% นั้นล้มเหลวมีการนำเงินที่กู้จากกองทุนหมู่บ้านไปใช้ผิดประเภท และไม่มีการชำระเงินคืนกองทุน ซึ่งเป็นหนี้เสีย สำหรับกองทุนหมู่บ้านของจังหวัดที่ประสบความสำเร็จและพัฒนายกระดับเป็นธนาคารหมู่บ้าน เช่น กองทุนหมู่บ้านหนองดุก หมู่ 2 ตำบลควนสุบรรณ อำเภอบ้านนาสาร เป็นต้น

*** สมาชิก ทรท. กร่างชักดาบ

ประเด็นปัญหาอันเนื่องมาจากกองทุนหมู่บ้านและชุมชน ที่ปรากฏชัดเจนที่สุดอีกแห่งหนึ่งก็คือ กองทุนชุมชนหนองระกำ ต.ระแหง อ.เมืองตาก ที่นายป้อม ตุ่นทิน ประธานกองทุนฯ, นางสอิ้ง น้อยบ้านป่า รองประธานกองทุนฯ และนางน้ำทิพย์ พิมพา เหรัญญิกกองทุนฯ ร่วมกันให้รายละเอียดว่า มาถึงวันนี้ได้เปลี่ยนกรรมการกองทุนฯมาแล้ว 2 ชุด เนื่องจากชุดแรกมีนายอนุกูล เชี่ยวการค้า เป็นประธานฯมีความเกี่ยวพันกับพรรคการเมืองใหญ่ มักอ้างถึงพรรคการเมืองต้นสังกัดมาโฆษณา เวลาประชุมก็จะใส่เสื้อเครื่องหมายพรรคเข้าประชุม วางตัวไม่เป็นกลาง ทำให้คณะกรรมการกองทุนฯเสนอคัดเลือกกรรมการกันใหม่เมื่อปี 46

นายป้อม ในฐานะประธานกองทุนฯ บอกว่า หลายคนยังเข้าใจผิดว่า กทบ.เป็นเงินตอบแทนการเข้ามาของนายกฯทักษิณ ชินวัตร ที่มอบให้หลังเลือกตั้ง ไม่ต้องใช้คืน ทำให้หนี้เสียเกิดขึ้นมาก กรรมการต้องใช้ความพยายามที่จะตามทวงหนี้มาทุกทาง อย่างน้อยก็ขอให้ได้เงินต้นคืนจนบางครั้งก็ถูกด่ากลับ

“เงินกู้รายละ 20,000 บาท ถ้าใช้ถูกวิธีคงไม่มีปัญหา บางรายเอาไปทำข้าวแกงขายวันละ 2 หม้อ ก็ได้เงินคืน ชำระหนี้ได้เดือนละพันกว่าบาท แต่บางคนต้องบอกว่าเป็นแกนนำพรรคไทยรักไทยในชุมชน ที่ไม่ยอมชำระหนี้คืนกองทุน บางรายขาดส่งเป็นปี เมื่อไปถามก็ด่าสาดเสียเทเสีย ถึงขั้นถามว่าเป็นเงินของบรรพบุรุษเราหรือไง บางคนบอกว่า ถ้าอยากได้ ก็ให้รอนายกฯมาตากก่อน แล้ว ... (กู) จะไปขอยกหนี้จากนายก ... (มึง) ไม่ต้องเสือก บางรายด่าไม่พอแจกของลับด้วย ซ้ำร้ายถึงขั้นเอามีดมาขู่ก็มี” ประธานกองทุนฯ กล่าว

นายป้อม บอกว่า ที่ผ่านมากรรมการฯ ก็เจรจาประนอมหนี้กับลูกหนี้กองทุนได้หลายราย แต่ที่ตกลงกันไม่ได้มีอยู่ 8 ราย จึงมีมติร่วมกันฟ้องร้องต่อศาลจังหวัดตากเพื่อขออำนาจศาลบังคับคดี รวมเงินต้นประมาณ 1 แสนกว่าบาท และเมื่อเสร็จจาก 8 รายนี้แล้ว กองทุนฯก็จะฟ้องลูกหนี้ที่ชักดาบอีกหลายราย ทั้งนี้ส่วนมากจะเป็นลูกหนี้ที่มีบัตรสมาชิกพรรคการเมืองใหญ่กันทุกคน

“เราไม่ได้คิดเรื่องการเมือง แต่ต้องทำเพราะเขาไม่ยอมชำระหนี้ แม้ศาลจะพิพากษาแล้ว ก็ยังไม่รู้ร้อน รู้หนาว เขาคิดว่า เป็นเงินรัฐบาลไม่ต้องคืนก็ได้ รัฐบาลให้ฟรี เพราะนายกฯทักษิณ พูดไว้ว่า ให้เงินล้านแก่ทุกหมู่บ้าน หากได้เป็นรัฐบาล ดังนั้นเมื่อเขาเป็นสมาชิกพรรค และเป็นแกนนำในการหาเสียง เขาก็มีสิทธิ์กู้เงิน และรัฐบาลคงจะยกหนี้ให้ เหมือนตอบแทนตามสัญญา เช่น กรณีนางจิตนา ประนอมเกียรติ น้องสะใภ้ของ ด.ต.ชูศักดิ์ ประนอมเกียรติ ตำรวจติดตามนายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ส.ส.ตาก เขต 1 พรรคไทยรักไทย มักจะอ้างเช่นนั้นเสมอ และบอกอีกว่า รัฐบาลจะมีเงินลงมาให้อีกเยอะ กู้ไปเถอะ ” ประธานกองทุน กล่าว

*** ฉ้อโกง-อพยพหนีหนี้ ระบาด

ขณะที่อีกหลายหมู่บ้านในภาคเหนือ เจอปัญหาที่หลากหลายรูปแบบทั้งฉ้อโกง, หนีหนี้ , ไม่จ่ายเอาดื้อ ๆ ฯลฯ เช่นที่ บ้านโป่งปูเฟือง หมู่ 1 ต.แม่สรวย อ.แม่สรวย จ.เชียงราย

นายอินสอน สุภิรับ ผู้ใหญ่บ้านและประธานกองทุนฯ กล่าวว่า กทบ.โป่งปูเฟือง มีหนี้ที่มีปัญหาอยู่ 400,000 กว่าบาท เกิดจากอดีตกรรมการที่เป็นคนรวบรวมเงินที่สมาชิกนำมาชำระหนี้ไปเข้าบัญชียักยอกไป ล่าสุด ได้ทำข้อตกลงร่วมกันระหว่างกรรมการคนดังกล่าวกับคณะกรรมการระดับตำบล อำเภอ ว่า จะหาเงินมาชดใช้ให้เพื่อให้ปิดบัญชีกองทุนในเดือนธ.ค. 48 นี้ ไม่เช่นนั้นกรรมการกองทุนก็จะดำเนินการยึดทรัพย์สินมาชดใช้ต่อไป

ส่วนที่บ้านเจดีย์โค๊ะ หมู่ 4 ต.มหาวัน อ.แม่สอด จ.ตาก นางประไพ หนึ่งในสมาชิก กทบ. บอกว่า กทบ.บ้านเจดีย์โค๊ะ เปลี่ยนกรรมการมาหลายชุดแล้ว เพราะมีปัญหาเก็บเงินคืนไม่ได้ บางรายก็หนีหนี้ เพราะเอาเงินไปลงทุนแล้วขาดทุน บางรายไปทำการเกษตรปีที่แล้วก็ไม่ได้ผล เพราะเจอภัยแล้ง ก็ไม่มีเงินมาชำระคืน บางรายมีญาติเป็นกรรมการกองทุนฯ เงินเก่ายังไม่คืน แต่กลับขอกู้เพิ่มอีกเป็น 2 หมื่นบาท แล้วหนีไปทำงานกรุงเทพฯแล้ว ท้ายที่สุดญาติก็ต้องนั่งใช้หนี้ให้

“ในภาวะเช่นนี้ ต่อให้เอาเงินมากองที่หมู่บ้าน 10 ล้าน หรือ 100 ล้านก็ไม่พอให้ชาวบ้านกู้” นางประไพ เล่า และบอกว่า มีกองทุนก็ดีช่วยได้มากโดยเฉพาะถ้าช่วงที่จำเป็นจริงๆ อย่างเปิดเทอม

ที่บ้านทุ่งไอ้ตาก หมู่ 13 ต.ชมพู อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ก็มีปัญหาเช่นกัน โดยนายเคน หงษ์ชุมแพ ผู้ใหญ่บ้าน บอกว่า เพิ่งมารับตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านได้เกือบ 1 ปี หลังจากผู้ใหญ่บ้านคนเก่า คือ นายถวิล ยังนา โกงเงิน กทบ.แล้วหลบหนีไป โดยใช้โอกาสที่กรรมการกองทุนมอบให้เป็นผู้ถือเงินเพียงคนเดียวยักยอกไป

ส่วนชุมชนรวมใจ อ.เมืองพิษณุโลก นางกฤษณา เหรัญญิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนร่วมใจ เปิดเผยว่า กองทุนหมู่บ้านแห่งนี้ ไม่ค่อยได้รับความร่วมมือจากชุมชน เพราะหลายคนตั้งใจเบี้ยวหนี้ บอกได้เลยว่า หนี้เสียมากที่สุดคือ ช่วงปี 45 ที่นายประทีป คล้ายพันปี ประธานกองทุนหมู่บ้านคนแรกที่ดำเนินการ ไม่รัดกุมในการปล่อยกู้ ใครที่ต้องการก็ได้รับการอนุมัติทุกราย ทั้งสามี - ภรรยายื่นขอกู้เงินได้หมด

เหรัญญิกกองทุนของชุมชนรวมใจ กล่าวต่อว่า ตอนยื่นขอกู้เงินก็บอกจะเอาไปประกอบอาชีพค้าขายเพิ่มรายได้ แต่ข้อเท็จจริงแล้ว คือ นำเงินไปใช้จ่ายทั่วไป บุคคลที่ยื่นขอกู้ส่วนใหญ่เฉลี่ยครั้งละ 15,000 สูงสุด 20,000 บาท โดยผู้ที่ยื่นกู้ในครั้งแรก ปี 2545 จำนวนทั้งสิ้น 69 ราย มีการชำระบ้าง แต่ไม่ชำระเป็นส่วนใหญ่ และมีอยู่ 20 รายไม่มีการเคลื่อนไหว นั่นหมายความว่าตั้งใจเบี้ยวหนี้ เพราะคาดว่าโครงการนี้เป็นโครงการให้เปล่า

ล่าสุดคณะกรรมการได้ทวงเงินหลายครั้ง กระทั่งเรียกมาประนอมหนี้ พร้อมทำสัญญาประนอมหนี้ แต่ก็จ่ายครั้งแรกหรือ 1-2 งวดเท่านั้น เพียงครั้งละ 300 บาทก็เบี้ยวหนี้ต่อไปขณะที่การปล่อยกู้ครั้งที่สองยังเหมือนเดิม กล่าวคือ หนี้เสียคงทับถมอยู่ และมีผู้กู้ใหม่เพิ่มขึ้น ณ.ปัจจุบันมีหนี้เสียคือ ไม่จ่าย ประมาณ 30 ราย จากผู้ยื่นขอกู้ 152 ราย เดิมทีกองทุนร่วมใจ มีคณะกรรมการ 15 ราย ปัจจุบันเหลือ 11 ราย

ส่วนที่บ้านแม่คำบ้านใหม่ หมู่ 8 ต.แม่คำ อ.แม่จัน จ.เชียงราย ที่มีนายณรงค์ จันทะ เป็นประธาน กทบ. มีการให้กรรมการ / ประธานฯ เซ็นอนุมัติแบบประเมินพิจารณาเงินกู้กองทุนหมู่บ้านแม่คำบ้านใหม่ไว้ล่วงหน้า รอเพียงกรอกชื่อผู้กู้ – จำนวนเงินให้กู้ – ข้อมูลประวัติผู้กู้เท่านั้น ซึ่งถือว่าเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดการปล่อยกู้กระจุกตัวอยู่กับกลุ่มใด กลุ่มหนึ่งเกิดขึ้นหรือเกิดปัญหาต่างๆ ตามมา

*** ตั้งมือกฎหมายไล่ฟ้องหนี้

การติดตามหนี้สิน กทบ.หลายหมู่บ้านในภาคเหนือ เป็นลักษณะของการใช้ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในชุมชน / ผู้ค้ำประกัน และวิถีของชุมชน มาเป็นเครื่องมือในการติดตามหนี้ ซึ่งบ่งชี้ให้เห็นว่ายังไม่ละทิ้งรูปแบบของสังคมชนบท ที่ยึดมั่นในเรื่องความสัมพันธ์ของคนในชุมชนเท่าใดนัก แต่ล่าสุดหลังการเกิดปัญหาติดตามเร่งรัดหนี้สิน กทบ.หลายหมู่บ้านใน อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ เริ่มใช้ระเบียบ / ข้อกฎหมายขึ้นมาบังคับใช้กันมากขึ้น

หลายกองทุนหลายหมู่บ้านในจ. เชียงใหม่ ขณะนี้ มีการแต่งตั้งทนายความเข้ามาร่วมเป็นกรรมการกองทุน เพื่อให้ทำหน้าที่ติดตามเร่งรัดหนี้สินโดยเฉพาะ ใช้วิธีการ “ยื่นโนติส” ให้กับ ลูกหนี้ กทบ. เพื่อให้ชำระหนี้ตามสัญญา ไม่เช่นนั้นก็จะดำเนินการฟ้องร้องบังคับหนี้กันต่อไป ซึ่งวิธีการดังกล่าว แม้ว่าจะทำให้ กทบ.ของหมู่บ้าน / ชุมชน ไม่เกิดหนี้เสีย หรือหนี้สูญก็ตาม แต่ก็เสี่ยงที่จะบ่อนทำลายห่วงโซ่ความสัมพันธ์ภายในชุมชนที่สั่งสมกันมานานหลายชั่วอายุคน

จ.ส.อ.คะนอง ศรีมา กรรมการเครือข่ายกองทุนหมู่บ้าน อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า กองทุนหมู่บ้านในเชียงใหม่ มีหลายพื้นที่ที่ประสบปัญหาการนำเงินกู้ไปใช้ผิดวัตถุประสงค์แล้วไม่สามารถชำระเงินคืนได้เมื่อครบกำหนด เช่น ที่บ้านฟ้ามุ่ย หรือที่บ้านท่อ ทางคณะกรรมการกองทุนถึงขั้นยื่นฟ้องสมาชิกที่ยังไม่ชำระเงินคืนหลังประนอมหนี้มาหลายครั้ง ขณะเดียวกันก็มีอีกหลายหมู่บ้านที่เตรียมฟ้องร้องในลักษณะเดียวกัน

ล่าสุดเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านตั้งแต่ระดับตำบล , อำเภอ , จังหวัด ที่มีการประชุมกันทุกเดือน เริ่มใช้วิธีการทางกฎหมายเข้ามาบังคับลูกหนี้ให้ชำระเงินกู้ กทบ.กันมากขึ้น มีการส่งรายชื่อผ่านเครือข่ายระดับตำบล , อำเภอ และจังหวัด ไปยังอัยการจังหวัด โดยที่ไม่ต้องร่างคำร้อง ไม่ต้องผ่านพัฒนากร เพื่อให้อัยการจังหวัดใช้ข้อกฎหมายเข้ามาบังคับลูกหนี้กองทุนฯให้มาชำระหนี้ให้ได้ตามกำหนดมากขึ้น

*** กทบ.ดวงมณีล่มประธานกองทุนชักดาบ

นายสังสรรค์ ปานิคม รองประธานกองทุนหมู่ดวงมณี กองทุนหนึ่งในอ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เผยว่า กองทุนหมู่บ้านในปีแรกนั้นทุกอย่างก็ดูดีหมด ชาวบ้านต่างก็ดีใจที่จะได้มีเงินใช้ ชาวบ้านได้เลือกตั้งประธานโดยดูจากฐานะทางครอบครัวและความมีหน้าตาในสังคม หลังจากนั้นก็มอบอำนาจเต็มในการดำเนินงานทุกอย่างให้กับประธานกองทุน ซึ่งในปีแรกถือว่ายังไม่มีปัญหาอะไร มีการกระจายเงินให้ชาวบ้านกู้ โดยตั้งไว้ที่รายละ 1 หมื่นบาท หลังจากนั้นในปีที่ 2 เงินกองทุนเริ่มมีปัญหาชาวบ้านเริ่มกู้เงินได้ โดยทางสมาชิกมาของกู้เงิน แต่ได้รับคำตอบจากทางประธานฯ ว่า เงินไม่มี จึงได้มีการตรวจสอบเกิดขึ้นจึงพบว่า มีเงินหายไปจำนวนกว่า 6 แสนบาท

คณะกรรมการฯ จึงได้มีการแจ้งให้ทางอำเภอทราบ หลังจากนั้นจึงได้มีการตรวจอีกครั้งพบว่าประธานกองทุน ยักยอกเงินไปใช้ส่วนตัว จึงทำให้ไม่มีเงินให้สมาชิกกู้ เนื่องจากที่ผ่านมาการดำเนินการทั้งหมดอยู่ตัวประธานคนเดียวเมื่อทางสมาชิกนำเงินมาคืนกองทุน แต่ประธานไม่ยอมไปนำเงินไปฝากธนาคาร แต่กลับนำเงินไปใช้จ่ายเอง ขณะนี้มีการแก้ปัญหาโดยให้ทางพัฒนากรเทศบาลเป็นผู้ดูแลเงินกองทุนให้ทั้งหมด และชะลอการให้กู้เงินกองทุนไว้ก่อน เพื่อรอให้ทางประธานกองทุนผ่อนชำระเงินที่นำไปมาคืนให้ครบก่อนคาดว่าในปี 2549 คงจะเริ่มดำเนินการใหม่ได้อีกครั้ง

*** กองทุนชุมชนโรงกลวงระนอง ล่ม

นายกุ่ย แซ่ล่อ ประธานกองทุนชุมชนโรงกลวง เขตเทศบาลเมืองระนอง กล่าวว่า นับตั้งแต่ที่รัฐบาลได้โอนเงินกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง 1 ล้านบาทให้ แก่กองทุนชุมชนโรงกลวง ตั้งแต่ปี 2546 ซึ่งมีสมาชิกประมาณ 160 คน คณะกรรมการบริหารกองทุน ได้ปล่อยเงินกู้ให้แก่สมาชิกที่ส่วนใหญ่จะเอาเงินไปลงทุนค้าขาย เป็นเงินเกือบ 8 แสนบาทคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 6 ต่อปี แต่เมื่อครบสัญญาชำระคืน สมาชิกส่วนใหญ่จะไม่ยอมคืนทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ขณะนี้ทำให้ในบัญชีมีเงินเพียง 2 แสนบาทเศษเท่านั้น

นายกุ่ย กล่าวว่า สาเหตุหลักที่สมาชิกไม่ยอมชำระเงินกู้เนื่องจากทำการค้าขายแล้วขาดทุน บางคนรวมหัวกับสมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชน อื่น ๆ ไม่ยอมชำระคืน เพราะคิดว่าเป็นเงินที่รัฐบาลให้มาเปล่า ๆ คณะกรรมการบริหารกองทุนไม่สามารถทำอะไรได้ ทำให้เงินที่เหลือติดบัญชีอยู่ไม่สามารถปล่อยกู้ให้สมาชิกที่เหลือได้ เพราะจะเกิดปัญหาซ้ำรอยเดิม

ประธานกองทุนชุมชนโรงกลวง กล่าวด้วยว่า ขณะนี้กำลังรอตัวแทนจากคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ(กทบ.) ลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริง และประสานเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น หากจำเป็นต้องฟ้องศาลเรียกความเสียหายทางแพ่งก็ต้องทำ แม้ว่าจะเสียค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงก็ตาม ไม่เช่นนั้นเงินเกือบ 8 แสนบาทจะต้องสูญอย่างแน่นอนจึงอยากให้หน่วยงานทีเกี่ยวข้องลงไปช่วยแก้ไขปัญหาให้ด้วย

กำลังโหลดความคิดเห็น