xs
xsm
sm
md
lg

ฟาร์มมุกใหญ่สุดแห่งอันดามัน…..สูญสิ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อมร อินทรเจริญ หนุ่มใหญ่วัย 40 กว่า เจ้าของฟาร์มเลี้ยงมุกที่ใหญ่ที่สุดแห่งท้องทะเลอันดามัน นิ่งงัน หลังรับโทรศัพท์จากเพื่อนในช่วงสายวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

“หมดสิ้นแล้ว ไม่เหลืออะไรแล้ว” ข่าวร้ายที่มาตามสายยังคงดังกึกก้อง ทั้งที่วางหูไปนานแล้ว

“ผมยังบอกเพื่อนกลับไปว่าอย่ามาล้อกันเล่น” อมร ย้อนเหตุการณ์ให้ฟัง แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ต้องทำใจยอมรับกับความจริงที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน

สิ่งที่เขาทำเป็นอันดับแรกคือ กลับมานั่งที่โต๊ะทำงานเพื่อตั้งสติให้ได้ เพราะหัวเรือใหญ่อย่างเขา ซึ่งพ่วงตำแหน่ง สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด เขตตำบลเกาะแก้ว อ.เมือง ภูเก็ต ด้วยนั้นย่อมไม่อาจแสดงอาการให้ลูกน้องและชาวบ้านที่สิ้นเนื้อประดาตัว เห็นถึงความท้อถอย ท้อแท้ หรือฟูมฟาย แม้แต่น้อย

คล้อยหลังคลื่นสึนามิสงบลง อมร คนหนุ่มรุ่นใหม่หนึ่งในกลุ่มห้าเสืออบจ.ภูเก็ต มัวสาละวนอยู่กับการลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้านที่เกาะแก้ว และเกาะมะพร้าว จนกระทั่ง 2 วันผ่านไป เขาจึงมีเวลาไปเก็บกู้ซากฟาร์มเลี้ยงมุกของตัวเองซึ่งไม่เหลือสภาพ และสามารถดึงกระชังเลี้ยงมุกกลับคืนมาได้ไม่ถึง 10% ขณะที่หอยมุกกว่า 100,000 ตัวที่เพาะเลี้ยงหายเกลี้ยงไปกับคลื่นยักษ์สึนามิ เช่นเดียวกับกระชังเลี้ยงกุ้งมังกร ที่ไม่มีหลงเหลือ


เขาทอดสายตาจากเรือหางสำรวจฟาร์มมุกกลางทะเลที่เหลือเพียงแต่ความเวิ้งว้างว่างเปล่า “ผมไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว มันสับสนไปหมด …… ความเสียหายคงยังไม่สามารถประเมินค่าได้ แต่เฉพาะหน้าที่สูญเสียไม่ต่ำกว่า 60-70 ล้าน” เจ้าของภูเก็ตเพิร์ลฯ บอกกล่าว

.............................................

เมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมา อมร เข้ามาสืบทอดการเพาะเลี้ยงหอยมุกซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวที่ดำเนินมาไม่ต่ำกว่า 30 ปี และนำความรู้ทางวิชาการมาพัฒนากิจการจนกลายเป็นธุรกิจเลี้ยงมุกครบวงจร ตั้งแต่การขยายวิจัยพันธุ์ เพาะเลี้ยง จนถึงแปรรูปเป็นเครื่องประดับ สร้อย แหวน กำไล ฯ กระทั่งทำให้ไข่มุกของบริษัทภูเก็ตเพิร์ลอินดัสตรี เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งเอเชียและยุโรป เพราะความสวยงามที่การันตีด้วยมาตรฐานระดับ ISO 9001 ทั้งยังได้รับส่งเสริมจากบีโอไอด้วย

ธุรกิจเลี้ยงมุกครบวงจรของ อมร กำลังรุ่งเรือง เขาเพิ่งลงทุนกว่า 10 ล้านบาทขยายกิจการเมื่อไม่นานมานี้ โดยพื้นที่ที่เพาะเลี้ยงมุกกลางทะเลอันดามันของเขากินอาณาบริเวณกว่า 5 ไร่ หน้าเกาะมะพร้าว ต.เกาะแก้ว อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งมุกที่เขาเลี้ยงก่อนหน้านี้มีรอบการเก็บกู้ขึ้นทุกเดือนๆ ละไม่ต่ำกว่า 2,000 ตัว มุกที่นำขึ้นมาจะถูกคัดแยกเกรด แปรรูป และถ้าขึ้นวงเป็นตัวเรือนแหวน ราคาไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท/วง ไปจนถึงราคาสูงสุดนับล้านบาทขึ้นอยู่กับคุณภาพของมุกและตัวเรือน

ภูเก็ตเพิร์ลฯ เลี้ยงมุกกลมและมุกซีก มีพันธุ์หอยมุกที่เพาะเลี้ยง 3 พันธุ์ คือ มุกซีก หรือมุกที่ญี่ปุ่นเรียกมุกมาเบ้ ส่วนคนไทยเรียกมุกกัลปังหา มุกกวาง ใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 14 เดือน ส่วนมุกอโกย่า หรือหอยมุกแกลบ หอยมุกกะจิ หอยมุกกระแจะ ซึ่งเป็นมุกกลมขนาด 2-10 mm. ใช้เวลาเลี้ยง 8-24 เดือน

นอกจากนั้น ยังมีมุกเซาท์ซี เป็นมุกกลมขนาด 11 mm.ขึ้นไป มีทั้งสีขาว สีครีมและสีดำ เป็นมุกที่มีราคาสูง เกิดจากหอยใหญ่ที่เรียกว่ามุกจาน เป็นมุกที่หายากมากในธรรมชาติ ทางนักวิชาการของบริษัทภูเก็ตเพิร์ลฯ เพิ่งประสบผลสำเร็จในการคิดค้นเพาะและขยายพันธุ์ โดยมุกจานอายุ 2 ปี จะถูกผ่าตัดใส่แกนมุก และเลี้ยงในน้ำทะเลอีก 1.5 – 2 ปีจึงจะเก็บผลผลิต

ในบรรดามุกที่ภูเก็ตเพิร์ลฯ เลี้ยงทั้งหมด มุกเซาท์ซี จะเลี้ยงยากสุด นานสุด มีราคาแพงสุด จึงเลี้ยงประมาณ 10% ที่เหลือเป็นมุกอโคย่าและมุกมาเบ้

...........................................

อมร ยังไม่รู้ว่าเขาจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน อย่างน้อยอาจถึงสองปีในการฟื้นคืนธุรกิจเลี้ยงมุก เพราะสภาพท้องทะเลที่แปรเปลี่ยนไป ต้องเริ่มต้นทดลองกันใหม่ ซึ่งปัญหาที่พบในขณะนี้คือ แอมโมเนีย ที่อยู่ใต้ท้องทะลแล้วถูกคลื่นซัดพาขึ้นมา

“ต้องทดสอบน้ำทะเลกันใหม่ ผมลองเอาดินตะกอนไปตรวจสอบแล้วพบแอมโมเนียมากกว่าปกติ” เจ้าของภูเก็ตเพิร์ลฯ เล่าให้ฟัง

ไม่เพียงกังวลกับสภาพน้ำทะเลที่เปลี่ยนไปเท่านั้น อมร ยังห่วงเรื่องหอยพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ว่าจะมีหลงเหลืออยู่ในธรรมชาติมากน้อยเพียงใด

“ต้องวัดดวงกัน ถ้าหอยพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่ปล่อยลงไปในธรรมชาติหมดเกลี้ยงก็ต้องใช้เวลาฟื้นนาน แต่ถ้าไม่หมดอาจดึงกลับมาได้เร็ว” อมร กล่าว และยังบอกว่า บริษัทได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เพาะเลี้ยงหอยพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ปล่อยลงในธรรมชาติจุดที่เหมาะต่อการเจริญเติบโต และบางครั้งก็ปล่อยใกล้ฟาร์มของชาวบ้านและเมื่อคะเนว่าโตพอก็จะไปรับซื้อกลับคืนนำมาฝังมุกนิวเคลียสเพื่อเลี้ยงต่อไป

“ตอนนี้ผมยังมีสต๊อกเหลืออยู่บ้างและตอนนี้คงต้องใช้วิธีบาร์เตอร์กับฟาร์มอื่นๆ ที่ไม่ได้รับความเสียหายไปก่อน” เจ้าของเพิร์ลภูเก็ตฯ บอกเล่าถึงการดำรงอยู่ของธุรกิจในห้วงเวลาที่เพิ่งผ่านวิกฤต
กำลังโหลดความคิดเห็น