ผู้จัดการรายวัน – เศรษฐศาสตร์ มธ. วิเคราะห์หุ้นหงส์ไม่น่าลงทุน เพราะปัจจัยเสี่ยงสูง ทั้งความผันผวนของรายได้ ความสำเร็จของทีมในการแข่งขัน รวมถึงการต่อสัญญาของ “โอเว่น” นักเตะดังที่ยังไม่แน่นอน ติงรัฐบาลไม่ได้ทำหน้าที่ให้ข้อมูลที่สมบูรณ์เพื่อการตัดสินใจลงทุนของประชาชน โดยเฉพาะเรื่องสำคัญที่สโมสรลิเวอร์พูลไม่ใช่บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน และผลกำไรหลังหักภาษีเมื่อปีที่แล้วตกฮวบถึง 61% กระทั่งผู้บริหารงดจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้น คาดงดจ่ายปันผลยาวถึง 15 ปี เพราะต้องลงทุนสนามใหม่และซื้อตัวนักเตะ คณาจารย์ 30 คน ร่วมลงชื่อในจดหมายเปิดผนึกยกเหตุผล 7 ประการค้านการซื้อหุ้นสโมสรฟุตบอลอังกฤษ
วานนี้ (26 พ.ค.) คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดสัมมนาเรื่อง “ซื้อสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล :ประเทศไทยได้อะไร” มีผู้นำสัมมนา คือ อ.ปกป้อง จันวิทย์ และ รศ.ดร.วิมุต วานิชเจริญธรรม คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ , ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา บก.นิตยสารโอเพ่น และ อ.พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ในงานดังกล่าว คณาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จำนวน 30 คน ยังทำจดหมายเปิดผนึกเพื่อคัดค้านการซื้อหุ้นสโมสรฟุตบอลอังกฤษด้วย
รศ.ดร.วิมุต วานิชเจริญธรรม ฟันธงว่า หุ้นลิเวอร์พูลเป็นหุ้นที่ไม่น่าลงทุนเพราะปีที่ผ่านมาไม่มีการจ่ายเงินปันผล และในฤดูกาล 1998/1999 ยอดรวมเงินปันผลที่สโมสรในพรีเมียร์ชิพทั้งหมด จ่ายให้กับผู้หุ้นเพียง 9 ล้านปอนด์เท่านั้น ที่หุ้นสำคัญลิเวอร์พูลยังมีปัจจัยเสี่ยงจากการต่อสัญญาของ ไมเคิล โอเว่น ที่ยังไม่แน่นอน, ผู้จัดการทีมคนใหม่ ยังไม่ชัดเจน ขณะที่สโมสรมีภาระค่าใช้จ่ายในการสร้างสนามแข่งขันใหม่
ด้านอ.ปกป้อง จันวิทย์ กล่าวถึงการเข้าซื้อสโมสรลิเวอร์พูลของรัฐบาลเป็นการทำไป คิดไป ไม่มีแผนที่ชัดเจน และยกเหตุผล 7 ประการในการคัดค้านรัฐฐาลนำเงินประชาชนคนไทยไปซื้อหุ้นครั้งนี้ คือ หนึ่ง เป็นการตัดสินใจที่ไม่มีการประเมินต้นทุน ผลประโยชน์ที่จะตกแก่สังคมอย่างรอบด้าน สนองความต้องการส่วนตน ทั้งยังเป็นการตัดสินใจในทำนอง “ลงมือไปก่อนแล้วคิดทีหลัง” ไม่มีแผนการที่ชัดเจนแต่แรกในเรื่องแหล่งที่มาของเงินทุน รูปแบบการบริหารบริษัท การจัดสรรผลตอบแทนจากการลงทุนทั้งที่วงเงินที่ต้องใช้มีมูลค่าสูงถึง 4,600 ล้านบาท
สอง การตัดสินใจซื้อสโมสรฟุตบอลอังกฤษนายกรัฐมีบทบาทคลุมเคลือและผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่สามารถแยกบทบาทระหว่างผู้นำของประเทศและนักธุรกิจได้
สาม เงินจำนวน 4,600 ล้านบาท มีความจำเป็นต่อประเทศกำลังพัฒนาอย่างไทยการใช้จ่ายเงินจำนวนดังกล่าวซื้อหุ้นสโมสรฯ เป็นความฟุ่มเฟือยและสูญเสียโอกาสในการนำเงินไปทำกิจกรรมอื่นที่มีประโยชน์และจำเป็นมากกว่า
สี่ ข้อกล่าวอ้างเรื่องการซื้อหุ้นสโมสรฟุตบอลจะช่วยพัฒนาวงการฟุตบอลไทย ไม่มีความสมเหตุสมผลและเชื่อมโยงกันที่ชัดเจน หากต้องการพัฒนาวงการฟุตบอลไทยจริง ควรนำเงิน 4,600 ล้านบาท มาทำกิจกรรมพัฒนาคุณภาพฟุตบอลไทยโดยตรงดีกว่า เช่น ตั้งลีกฟุตบอลอาชีพ พัฒนาวิทยาศาสตร์การกีฬา รวมถึงปฏิรูปสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย
ให้ข้อมูลเพื่อการลงทุนไม่ครบถ้วน
ห้า การซื้อหุ้นสโมสรฟุตบอลอังกฤษ ถือเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทหนึ่ง แต่ที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้ทำหน้าที่ให้ข้อมูลข่าวสารที่สมบูรณ์เพื่อให้ผู้ต้องการลงทุนตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผล เช่น ข้อมูลว่าด้วยฐานะทางการเงินของสโมสร ความเสี่ยงจากการลงทุน ประวัติการให้เงินปันผล เป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลไม่เคยส่งผ่านข้อมูลเชิงลบ เช่น ไม่บอกว่าสโมสรลิเวอร์พูลไม่ใช่บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน อันจะนำมาซึ่งปัญหาสภาพคล่องในการเปลี่ยนมือหลักทรัพย์เมื่อต้องการขาย และไม่บอกกล่าวกับผู้ลงทุนว่า ปี 2546 ที่ผ่านมา สโมสรลิเวอร์พูล มีกำไรหลังหักภาษีลดลงจากปีก่อนหน้าถึง 61.86% จนคณะผู้บริหารมีมติไม่จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น
นอกจากนั้น การจัดตั้งบริษัทเพื่อบริหารหุ้นสโมสรฟุตบอลอังกฤษ ไม่มีแผนการที่ชัดเจนและไม่มีวิธีการที่โปร่งใสในการนำเข้าตลาดหลักทรัพย์
หก วิธีการระดมทุนซื้อหุ้นโดยออกสลากพิเศษเพื่อการกีฬาเป็นวิถีทางแห่งอบายมุข ทำลายค่านิยมที่ให้คนทำงาน ส่งเสริมการเฝ้ารอคอยโชคชะตาและความหวังลมๆ แล้งๆ จากรางวัลที่มีมูลค่าสูงถึงพันล้านเพื่อให้การระดมทุนเป็นไปตามเป้าโดยไม่คำนึงถึงผลตอบแทนและความเสี่ยงจากการลงทุน นอกจากนั้นการให้สลากพิเศษมีฐานะเป็นใบแสดงสิทธิแลกหุ้นของบริษัทในอนาคตอาจเป็นข้อกังขาทางกฎหมาย
สุดท้าย การบริหารสโมสรฟุตบอลต่างประเทศไม่ใช่หน้าที่ของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นในทางเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคม การตั้งบริษัทมหาชนเพื่อบริหารสโมสรฯ โดยรัฐบาลถือหุ้นใหญ่เป็นการสวนทางกับนโยบายที่รัฐบาลพยายามลดบทบาทในกิจการไฟฟ้า แต่กลับต้องการเพิ่มบทบาทในธุรกิจสโมสรฟุตบอล
อนึ่ง ข้อคัดค้านทั้ง 7 นี้ เป็นเหตุผลที่จดหมายเปิดผนึกที่บรรดาคณาจารย์ร่วมลงชื่อคัดค้านด้วย
ขณะที่ นายพิชญ์ กล่าวโดยสรุปว่า เรากำลังถูกรัฐบาลทำให้เชื่อว่า เรา เป็นเจ้าของลิเวอร์พูล และรัฐบาลยังเล่นกับจินตนาการของประชาชนโดยมาบอกว่าเรากำลังจะเป็นเจ้าของลิเวอร์พูลแล้ว แม้จะยังไม่ได้จริงก็ตาม รัฐบาลพยายามทำให้ “เรารู้สึกว่าเราเป็นหุ้นส่วน แต่เป็นหุ้นส่วนที่เข้าไม่ถึง”
อีก 15 ปียังไม่มีเงินปันผล
ศ.รังสรรค์ ธนะพรพันธุ์ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ นักวิชาการที่ลงชื่ออันดับหนึ่งในจดหมายเปิดผนึก ให้สัมภาษณ์ว่า นายกรัฐมนตรี ต้องการเพียงสร้างกระแสกลบข่าวความล้มเหลวของรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาคใต้หรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรี ยังชอบทำไปก่อนแล้วคิดทีหลัง ไม่มีการศึกษาและแบบแผนที่ดีมาก่อน นโยบายเปลี่ยนแปลงทุกวัน ไม่มีความชัดเจน ไม่มีหลักการ เลอะเทอะ บางครั้งพูดโดยไม่คิด
“ผมคิดว่าคนที่มีสติจะไม่ซื้อหุ้นลิเวอร์พูลเพราะถึงซื้อไปก็ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งหรือเป็นเจ้าของของลิเวอร์พูลอย่างที่รัฐบาลพยายามโฆษณาชวนเชื่อ เพียงแต่มีสถานะเพียงแค่หุ้นส่วนของบริษัทลูกที่กกท.ตั้งขึ้นมาเท่านั้น เพราะธุรกิจนี้ไม่ได้เป็นจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์จึงไม่มีราคาซื้อขายถ้าใครอยากเป็นเจ้าของต้องไปซื้อผ่านโบรกเกอร์ซึ่งราคาล่าสุดของหุ้นอยู่ที่ประมาณ 4 พันปอนด์คนละเรื่องกับ 200 บาทตรงนี้รัฐบาลไม่เคยชี้แจงประชาชนสุดท้ายคนที่ซื้อหวยจะตกเป็นเหยื่อ” ศ.รังสรรค์ กล่าว
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลอีกชุดหนึ่งที่รัฐบาลไม่พยายามบอกกับประชาชนคือปีที่แล้วลิเวอร์พูลไม่ปันผลให้ผู้ถือหุ้นและอีก 15 ปีข้างหน้านี้สโมสรนี้ก็จะยังไม่มีกำไรมหาศาลเพราะต้องเก็บเงินไว้สร้างสนามและซื้อตัวผู้เล่นใหม่ ดังนั้นจะไปหวังเงินปันผลก็เลิกคิดได้เลย
สำหรับเรื่องสิทธิประโยชน์ในเรื่องการโฆษณาสินค้าโอท็อปที่ไทยจะได้จากแบรนด์ลิเวอร์พูลนั้น ศ.รังสรรค์ กล่าวว่า “เป็นเรื่องเลอะเทอะ ไปกันใหญ่ คิดว่าลิเวอร์พูลจะเซ่อขนาดที่จะยอมให้ผู้ถือหุ้นเอาสินค้ามาแปะได้ตามอำเภอใจหรืออย่างไร ทุกอย่างต้องมีค่าใช้จ่าย”
ส่วนกรณีการออกหวยเพื่อระดมทุนนั้น จากการคำนวณแล้วหวยล็อตนี้จะมีรางวัล 11,316 รางวัล ในจำนวนหวย 10 ล้านใบนั้นเท่ากับว่า คนจะมีโอกาสถูกหวยเพียง 0.011316 เปอร์เซ็นต์ ถือว่ามีความเสี่ยงสูงกว่าซื้อล็อตเตอรี่
วานนี้ (26 พ.ค.) คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดสัมมนาเรื่อง “ซื้อสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล :ประเทศไทยได้อะไร” มีผู้นำสัมมนา คือ อ.ปกป้อง จันวิทย์ และ รศ.ดร.วิมุต วานิชเจริญธรรม คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ , ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา บก.นิตยสารโอเพ่น และ อ.พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ในงานดังกล่าว คณาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จำนวน 30 คน ยังทำจดหมายเปิดผนึกเพื่อคัดค้านการซื้อหุ้นสโมสรฟุตบอลอังกฤษด้วย
รศ.ดร.วิมุต วานิชเจริญธรรม ฟันธงว่า หุ้นลิเวอร์พูลเป็นหุ้นที่ไม่น่าลงทุนเพราะปีที่ผ่านมาไม่มีการจ่ายเงินปันผล และในฤดูกาล 1998/1999 ยอดรวมเงินปันผลที่สโมสรในพรีเมียร์ชิพทั้งหมด จ่ายให้กับผู้หุ้นเพียง 9 ล้านปอนด์เท่านั้น ที่หุ้นสำคัญลิเวอร์พูลยังมีปัจจัยเสี่ยงจากการต่อสัญญาของ ไมเคิล โอเว่น ที่ยังไม่แน่นอน, ผู้จัดการทีมคนใหม่ ยังไม่ชัดเจน ขณะที่สโมสรมีภาระค่าใช้จ่ายในการสร้างสนามแข่งขันใหม่
ด้านอ.ปกป้อง จันวิทย์ กล่าวถึงการเข้าซื้อสโมสรลิเวอร์พูลของรัฐบาลเป็นการทำไป คิดไป ไม่มีแผนที่ชัดเจน และยกเหตุผล 7 ประการในการคัดค้านรัฐฐาลนำเงินประชาชนคนไทยไปซื้อหุ้นครั้งนี้ คือ หนึ่ง เป็นการตัดสินใจที่ไม่มีการประเมินต้นทุน ผลประโยชน์ที่จะตกแก่สังคมอย่างรอบด้าน สนองความต้องการส่วนตน ทั้งยังเป็นการตัดสินใจในทำนอง “ลงมือไปก่อนแล้วคิดทีหลัง” ไม่มีแผนการที่ชัดเจนแต่แรกในเรื่องแหล่งที่มาของเงินทุน รูปแบบการบริหารบริษัท การจัดสรรผลตอบแทนจากการลงทุนทั้งที่วงเงินที่ต้องใช้มีมูลค่าสูงถึง 4,600 ล้านบาท
สอง การตัดสินใจซื้อสโมสรฟุตบอลอังกฤษนายกรัฐมีบทบาทคลุมเคลือและผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่สามารถแยกบทบาทระหว่างผู้นำของประเทศและนักธุรกิจได้
สาม เงินจำนวน 4,600 ล้านบาท มีความจำเป็นต่อประเทศกำลังพัฒนาอย่างไทยการใช้จ่ายเงินจำนวนดังกล่าวซื้อหุ้นสโมสรฯ เป็นความฟุ่มเฟือยและสูญเสียโอกาสในการนำเงินไปทำกิจกรรมอื่นที่มีประโยชน์และจำเป็นมากกว่า
สี่ ข้อกล่าวอ้างเรื่องการซื้อหุ้นสโมสรฟุตบอลจะช่วยพัฒนาวงการฟุตบอลไทย ไม่มีความสมเหตุสมผลและเชื่อมโยงกันที่ชัดเจน หากต้องการพัฒนาวงการฟุตบอลไทยจริง ควรนำเงิน 4,600 ล้านบาท มาทำกิจกรรมพัฒนาคุณภาพฟุตบอลไทยโดยตรงดีกว่า เช่น ตั้งลีกฟุตบอลอาชีพ พัฒนาวิทยาศาสตร์การกีฬา รวมถึงปฏิรูปสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย
ให้ข้อมูลเพื่อการลงทุนไม่ครบถ้วน
ห้า การซื้อหุ้นสโมสรฟุตบอลอังกฤษ ถือเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทหนึ่ง แต่ที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้ทำหน้าที่ให้ข้อมูลข่าวสารที่สมบูรณ์เพื่อให้ผู้ต้องการลงทุนตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผล เช่น ข้อมูลว่าด้วยฐานะทางการเงินของสโมสร ความเสี่ยงจากการลงทุน ประวัติการให้เงินปันผล เป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลไม่เคยส่งผ่านข้อมูลเชิงลบ เช่น ไม่บอกว่าสโมสรลิเวอร์พูลไม่ใช่บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน อันจะนำมาซึ่งปัญหาสภาพคล่องในการเปลี่ยนมือหลักทรัพย์เมื่อต้องการขาย และไม่บอกกล่าวกับผู้ลงทุนว่า ปี 2546 ที่ผ่านมา สโมสรลิเวอร์พูล มีกำไรหลังหักภาษีลดลงจากปีก่อนหน้าถึง 61.86% จนคณะผู้บริหารมีมติไม่จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น
นอกจากนั้น การจัดตั้งบริษัทเพื่อบริหารหุ้นสโมสรฟุตบอลอังกฤษ ไม่มีแผนการที่ชัดเจนและไม่มีวิธีการที่โปร่งใสในการนำเข้าตลาดหลักทรัพย์
หก วิธีการระดมทุนซื้อหุ้นโดยออกสลากพิเศษเพื่อการกีฬาเป็นวิถีทางแห่งอบายมุข ทำลายค่านิยมที่ให้คนทำงาน ส่งเสริมการเฝ้ารอคอยโชคชะตาและความหวังลมๆ แล้งๆ จากรางวัลที่มีมูลค่าสูงถึงพันล้านเพื่อให้การระดมทุนเป็นไปตามเป้าโดยไม่คำนึงถึงผลตอบแทนและความเสี่ยงจากการลงทุน นอกจากนั้นการให้สลากพิเศษมีฐานะเป็นใบแสดงสิทธิแลกหุ้นของบริษัทในอนาคตอาจเป็นข้อกังขาทางกฎหมาย
สุดท้าย การบริหารสโมสรฟุตบอลต่างประเทศไม่ใช่หน้าที่ของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นในทางเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคม การตั้งบริษัทมหาชนเพื่อบริหารสโมสรฯ โดยรัฐบาลถือหุ้นใหญ่เป็นการสวนทางกับนโยบายที่รัฐบาลพยายามลดบทบาทในกิจการไฟฟ้า แต่กลับต้องการเพิ่มบทบาทในธุรกิจสโมสรฟุตบอล
อนึ่ง ข้อคัดค้านทั้ง 7 นี้ เป็นเหตุผลที่จดหมายเปิดผนึกที่บรรดาคณาจารย์ร่วมลงชื่อคัดค้านด้วย
ขณะที่ นายพิชญ์ กล่าวโดยสรุปว่า เรากำลังถูกรัฐบาลทำให้เชื่อว่า เรา เป็นเจ้าของลิเวอร์พูล และรัฐบาลยังเล่นกับจินตนาการของประชาชนโดยมาบอกว่าเรากำลังจะเป็นเจ้าของลิเวอร์พูลแล้ว แม้จะยังไม่ได้จริงก็ตาม รัฐบาลพยายามทำให้ “เรารู้สึกว่าเราเป็นหุ้นส่วน แต่เป็นหุ้นส่วนที่เข้าไม่ถึง”
อีก 15 ปียังไม่มีเงินปันผล
ศ.รังสรรค์ ธนะพรพันธุ์ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ นักวิชาการที่ลงชื่ออันดับหนึ่งในจดหมายเปิดผนึก ให้สัมภาษณ์ว่า นายกรัฐมนตรี ต้องการเพียงสร้างกระแสกลบข่าวความล้มเหลวของรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาคใต้หรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรี ยังชอบทำไปก่อนแล้วคิดทีหลัง ไม่มีการศึกษาและแบบแผนที่ดีมาก่อน นโยบายเปลี่ยนแปลงทุกวัน ไม่มีความชัดเจน ไม่มีหลักการ เลอะเทอะ บางครั้งพูดโดยไม่คิด
“ผมคิดว่าคนที่มีสติจะไม่ซื้อหุ้นลิเวอร์พูลเพราะถึงซื้อไปก็ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งหรือเป็นเจ้าของของลิเวอร์พูลอย่างที่รัฐบาลพยายามโฆษณาชวนเชื่อ เพียงแต่มีสถานะเพียงแค่หุ้นส่วนของบริษัทลูกที่กกท.ตั้งขึ้นมาเท่านั้น เพราะธุรกิจนี้ไม่ได้เป็นจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์จึงไม่มีราคาซื้อขายถ้าใครอยากเป็นเจ้าของต้องไปซื้อผ่านโบรกเกอร์ซึ่งราคาล่าสุดของหุ้นอยู่ที่ประมาณ 4 พันปอนด์คนละเรื่องกับ 200 บาทตรงนี้รัฐบาลไม่เคยชี้แจงประชาชนสุดท้ายคนที่ซื้อหวยจะตกเป็นเหยื่อ” ศ.รังสรรค์ กล่าว
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลอีกชุดหนึ่งที่รัฐบาลไม่พยายามบอกกับประชาชนคือปีที่แล้วลิเวอร์พูลไม่ปันผลให้ผู้ถือหุ้นและอีก 15 ปีข้างหน้านี้สโมสรนี้ก็จะยังไม่มีกำไรมหาศาลเพราะต้องเก็บเงินไว้สร้างสนามและซื้อตัวผู้เล่นใหม่ ดังนั้นจะไปหวังเงินปันผลก็เลิกคิดได้เลย
สำหรับเรื่องสิทธิประโยชน์ในเรื่องการโฆษณาสินค้าโอท็อปที่ไทยจะได้จากแบรนด์ลิเวอร์พูลนั้น ศ.รังสรรค์ กล่าวว่า “เป็นเรื่องเลอะเทอะ ไปกันใหญ่ คิดว่าลิเวอร์พูลจะเซ่อขนาดที่จะยอมให้ผู้ถือหุ้นเอาสินค้ามาแปะได้ตามอำเภอใจหรืออย่างไร ทุกอย่างต้องมีค่าใช้จ่าย”
ส่วนกรณีการออกหวยเพื่อระดมทุนนั้น จากการคำนวณแล้วหวยล็อตนี้จะมีรางวัล 11,316 รางวัล ในจำนวนหวย 10 ล้านใบนั้นเท่ากับว่า คนจะมีโอกาสถูกหวยเพียง 0.011316 เปอร์เซ็นต์ ถือว่ามีความเสี่ยงสูงกว่าซื้อล็อตเตอรี่