เมื่อวันที่ 17 พ.ย.68 ที่ห้องประชุมนวบานบุรี ชั้น 3 ศูนย์วิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ตำบลโคกเคียน อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส นายวีรพัฒน์ บุณฑริก รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสเป็นประธานและร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ หรือ (MOU)โครงการวิจัยการสร้างกลไกความร่วมมือในการขยายผลการพัฒนาเมืองต้นแบบชายแดนใต้เพื่อยกระดับคคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ระหว่างมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ กับ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และจังหวัดสตูล โดยมีผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปรีชา สะแลแม อธิการบดีมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ,นางสาวณัฐชยา ศรีดำ ผู้ช่วยเลขาธิการกรมการพัฒนาชุมชน , นายก้องสกุล จันทราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา และนายธนพัฒต์ เด่นบุรณะ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสตูล ร่วมลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ซึ่งมีหัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด นราธิวาส ยะลา และสตูล ตลอดจนผู้แทน ศอ.บต. เครือข่ายมหาวิทยาลัย หน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน ท้องถิ่น เข้าร่วมฯ สะท้อนเจตนารมณ์ร่วมกันในการพัฒนาพื้นที่ชายแดนใต้บนฐานของความร่วมมือเชิงสถาบันอย่างแท้จริง
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปรีชา สะแลแม อธิการบดีมหาวิทยาลัยนราธิวาส เน้นย้ำ ว่าโครงการวิจัยฉบับนี้ถูกออกแบบเพื่อทำหน้าที่เป็น “กลไกความร่วมมือเชิงสถาบัน” (Institutional Collaboration Mechanism) ที่จำเป็นยิ่งต่อการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของพื้นที่ชายแดนใต้ โดยระบุว่า“การลงนาม MOU คือสัญลักษณ์สำคัญที่เปลี่ยนจาก ‘ต่างคนต่างทำ’ ไปสู่ ‘การมีเป้าหมายและแผนงานร่วมกัน’ มหาวิทยาลัยในฐานะผู้สร้างเทคโนโลยี จะทำงานเคียงข้างฝ่ายปกครองซึ่งเป็นผู้ขับเคลื่อนเชิงพื้นที่ เพื่อยกระดับรายได้ คุณภาพชีวิต และสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืนให้ประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม”
ด้านนางสาวณัฐชยา ศรีดำ ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวถึงบทบาทของ ศอ.บต. ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนชายแดนใต้ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำ ซึ่งยังเป็นประเด็นเร่งด่วนในทุกพื้นที่เป้าหมาย แม้พื้นที่จะมีศักยภาพสูงด้านทรัพยากร พืชเศรษฐกิจ และผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่น “อุปสรรคสำคัญของชุมชนคือการขาดความร่วมมือเชิงบูรณาการและช่องว่างทางเทคโนโลยี ทำให้ศักยภาพไม่ถูกใช้เต็มที่ พิธีลงนาม MOU วันนี้ เป็นกลไกที่ตรงจุดที่สุดในการเชื่อมเทคโนโลยีของมหาวิทยาลัยกับการนำไปปฏิบัติจริง ศอ.บต. พร้อมทำหน้าที่เป็นแกนกลางประสานงาน เพื่อให้ความร่วมมือนี้เกิดผลในพื้นที่ทั้ง 6 จุดอย่างแท้จริง” ซึ่งศอ.บต. ตั้งเป้าผลลัพธ์สำคัญ คือการลดช่องว่างเทคโนโลยี (Technology Gaps) พัฒนาบุคลากรแกนนำ “ครูค่ายชายแดน” และขยายผลเศรษฐกิจฐานรากสู่ความมั่นคงและยั่งยืน
ขณะที่นายวีรพัฒน์ บุณฑริก รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ปัญหาเชิงโครงสร้างด้านรายได้ยังคงเป็นความท้าทายสำคัญของจังหวัดนราธิวาส โดยประชาชนจำนวนมากยังไม่สามารถเข้าถึงทุน ตลาด และเทคโนโลยีที่ทันสมัย จังหวัดจึงประกาศความพร้อมที่จะนำนวัตกรรมจากมหาวิทยาลัยไปสู่พื้นที่ต้นแบบ ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนเกาะหัวใจเกื้อกูล อ.ตากใบ แหล่งผลิต “ปลากุเลา” สินค้า GI ชื่อดังของจังหวัด ทั้งนี้จังหวัดมีแผนต่อยอดด้านการแปรรูป มาตรฐานคุณภาพ การสร้างแบรนด์ และการตลาด ทั้งระดับจังหวัดและระดับประเทศ เพื่อเพิ่มรายได้ให้ชุมชนอย่างยั่งยืน
สำหรับการลงนามบันทึกความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือเชิงสถาบันระหว่าง มหาวิทยาลัย หน่วยงานปกครองระดับจังหวัด ศอ.บต. ภาคเอกชน และชุมชน เพื่อร่วมกันสร้างระบบการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี งานวิจัย และนวัตกรรม ให้เกิดผลจริงในพื้นที่ ผ่านกลไกการทำงานที่ยั่งยืนและเป็นรูปธรรม โดยคาดว่าจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ เสริมความเข้มแข็งของวิสาหกิจชุมชน และวางรากฐานสำคัญสู่การพัฒนาจังหวัดชายแดนใต พัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในระยะยาว ต่อไป


