นครศรีธรรมราช - นิเวศน์ลำคลองย่อยลุ่มน้ำปากพนังเสียสภาพสิ้นเชิง วัชพืชกลืนเส้นทางระบายน้ำเป็นอัมพาต หวั่นวิกฤตเข้าสู่ฤดูน้ำหลาก ฝนตกหนัก จ่อซ้ำเติม เปิดภาพซากโรงงานกำจัดผักตบ งบหลายสิบล้าน เปิดใช้งานไม่นานก่อนปิดตัวกว่า 15 ปี
วันนี้ (17 พ.ย.) สภาพแม่น้ำปากพนังใน อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ที่ไหลออกไปยังแม่น้ำปากพนัง อ.ปากพนังทางตอนเหนือ อยู่ในสภาพวิกฤติจากวัชพืชนานาชนิด เช่น ผักตบชวา ผักกระฉูด ดีปลีน้ำ พืชน้ำ ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญที่กลายเป็นปัญหาใหญ่ของนิเวศน์ลุ่มน้ำปากพนัง ทางระบายน้ำขนาดใหญ่จากพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังชั้นในอีกหลายอำเภอลงสู่อ่าวปากพนัง แต่ปัจจุบันด้วยสภาพความหนาแน่นของวัชพืชจึงกลายเป็นข้อกังวลของชาวลุ่มน้ำปากพนังในการแจ้งเตือนเข้าสู่ฤดูน้ำหลาก จะกลายเป็นการประสบภัยที่ยาวนานนับเดือนอีกครั้ง ขณะที่กรมชลประทานเร่งเก็บวัชพืชจุดใหญ่เช่นที่ประตูระบายน้ำอุทกวิภาชน์ประสิทธิ์เป็นหลัก
ไม่แตกต่างกับลำคลองสายย่อยสาขาของแม่น้ำปากพนัง เช่น คลองบางตะพง อ.เชียรใหญ่ คลองบางศาลา คลองสุขุม อ.ปากพนัง ซึ่งเป็นสายน้ำย่อยสายสำคัญในการระบายน้ำจากพื้นที่ชั้นใน อยู่ในวิกฤตสูญเสียสภาพนิเวศน์ลำคลอง และการใช้งานทั้งการประกอบอาชีพของชาวบ้านริมน้ำ หรือการระบายน้ำไปแล้ว อย่างสิ้นเชิง ไม่สามารถระบายน้ำได้ เนื่องจากสภาพวัชพืชที่หนาแน่นหนักว่าแม่น้ำปากพนัง
จากลักษณะการหยั่งรากลึกไปถึงพื้นคลอง เช่น ผักกระฉูด จอกหนูยักษ์ พื้นผิวน้ำถูกยึดด้วยพืชลอยน้ำเช่นจอกนานาชนิด ผักตบชวา ที่เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วจากสารอินทรีย์ และปุ๋ยโดยเฉพาะกลุ่มไนโตรเจน ที่มาสะสมอยู่ในลำคลองเป็นตัวเร่งการเจริญเติบโตวัชพืชได้เร็วกว่าปกติ ส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำเป็นลูกโซ่
ขณะที่มีการเข้าสำรวจโรงงานกำจัดผักตบชวา ตั้งอยู่ไม่ห่างจากประตูระบายน้ำอุทกวิภาชน์ประสิทธิ์ ต.หูล่อง อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช โดยมีข้าราชการในโครงการชลประทานรายหนึ่งได้ให้ข้อมูลว่า โรงงานนี้สร้างขึ้นเมื่อปี 2548 หรือเมื่อ 20 ปีก่อน ด้วยงบประมาณหลายสิบล้านบาท ทั้งตัวอาคาร เครื่องจักร ระบบกลไกต่างๆ รวมทั้งการขยายระบบไฟฟ้าแรงสูง แต่เปิดอย่างเป็นทางการได้ไม่นาน ภายหลังมีการปิดตัวเองมากกว่า 15 ปีแล้ว
ส่วนประกอบเครื่องจักรที่มีราคาแพงเช่นมอร์เตอร์ขนาดใหญ่ตัวขับเครื่องจักรถูกถอดไป รวมทั้งชิ้นส่วนสำคัญอื่นๆ โดยไม่เคยมีการใช้งานได้จริงอีกเลย


