พังงา - แม่ร่ำไห้ ลูกสาว ถูกหลอกไปทำงานกับแก๊งสแกมเมอร์ ที่ปอยเปต ล่าสุดลูกเขย แจ้งลูกสาวมีอาการชักเกร็งจากการทำงานและเสียชีวิต คาดถูกทำร้าย ถ้าเสียชีวิตจริงขอให้ช่วยนำศพกลับมาทำพิธีทางศาสนา
วันนี้ (12 พฤศจิกายน 2568) จากกรณีเมื่อวานนี้ (11 พ.ย.) นางสาวมาลีหน้า ชลเขตต์ อายุ 21 ปี ชาวตำบลคลองเคียน ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.โคกกลอย ว่านางสาว สุดา ชลเขตต์ อายุ 26 ปี พี่สาว ที่ไปทำงานสแกมเมอร์ที่เมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา ได้เสียชีวิตเพราะถูกทำโทษ ผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่ พร้อมตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมลงพื้นที่ เข้าพบนางอรอนงค์ คงฤทธิ์ 46 ปี ที่ป่วยขาหักนอนติดเตียงมานานกว่า3ปี ซึ่งเป็นแม่ของนางสาวสุดา ชลเขตต์
โดยนางอรอนงค์ ได้เล่าทั้งน้ำตาว่า ลูกเขยได้ติดต่อมาทางไลน์ เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมาว่าลูกสาวได้เสียชีวิตแล้ว โดยก่อนเสียชีวิตลูกสาวมีอาการชักเกรงขณะทำงาน นำส่งโรงพยาบาลปอยเปต เพื่อรักษาแต่มาเสียชีวิตก่อน ขณะนี้ศพอยู่ที่สถานีตำรวจพนมเปญ จากนั้นก็ติดต่อลูกเขยไม่ได้เลย ซึ่งตนเองไม่ทราบว่าลูกสาวไปทำงานอะไรแต่ทราบว่าเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งก่อนหน้าที่ก็ไปทำงานมาแล้วเกือบ 1 ปี ก่อนจะกลับมาบ้านเมื่อต้นปี และ พาแฟนชื่อนายวายุ ชาวจังหวัดชลบุรีมาอยู่ด้วย มีลูกสาวเพิ่งคลอกเมื่อกรกฎาคม หลังจากนั้นลูกเขยก็กลับไปทำงานก่อน จากนั้นในเดือนสิงหาคม ลูกเขยก็ติดต่อกลับมาให้ลูกสาวตามไป โดยขู่ว่าหากไม่ตามไปก็จะทอดทิ้งไม่ส่งเสีย ลูกสาวก็เลยตัดสินใจตามไป ทิ้งลูกน้อยให้ตนและน้องสาวช่วยดูแล
โดยลูกสาวบอกว่าที่ไปทำงานนั้นไกลต้องนั่งรถนานมาก และลูกสาวจะติดต่อมาเป็นประจำ ซึ่งครั้งสุดท้ายที่ติดต่อกันคือวันเสาร์ที่ผ่านมา ลูกสาวเคยเล่าให้ฟังว่าไม่อยากตามไปทำงานเลยเพราะลูกเขยหลอกให้ไปทำงานสแกมเมอร์ เมื่อทำงานไม่เข้าเป้าก็จะถูกลงโทษ และก่อนหน้านี้ก็บอกว่าอยากกลับบ้านไม่อยากทำงานแล้ว ขณะนี้กลุ้มใจเป็นอย่างมากเพราะไม่รู้ว่าจะติดต่อกันอย่างไร จึงอยากขอให้ทุกฝ่ายช่วยติดต่อ หากลูกเสียชีวิตแล้วจริงก็ขอให้นำร่างมาทำพิธีทางศาสนาที่บ้าน
ด้านนางสาว มลนภา อำอ่อน ญาติผู้น้อง เปิดเผยว่า พี่สาวได้ออกทางช่องทางธรรมชาติไปทำงานสแกมเมอร์ที่ปอยเปตจริงๆโดยมีหน้าที่เป็นแอดมิน หลังจากพี่เขยติดต่อมาว่าพี่สาวเสียชีวิต และ ได้มีการให้แอดไลน์กับบริษัทที่พี่สาวไปทำงาน จากนั้นก็ได้มีการพูดคุยกันทางไลน์ โดยทางฝั่งบริษัทได้แนะนำให้ไปลงบันทึกประจำวันและติดต่อไปยังหน่วยทหารที่อรัญประเทศ เพื่อทางบริษัทจะนำศพมาส่งให้ที่ชายแดน และขู่ว่าหากเป็นข่าวดังเขาจะทำลายศพให้ไร้ร่องรอย เมื่อถามว่าพี่เขยอยู่ไหน ทางบริษัทก็ตอบว่าส่งพี่เขยกลับไทยมาแล้ว แต่ทางเราก็ยังไม่สามารถติดต่อพี่เขยได้อีกเลย ขณะนี้ก็ติดต่อบริษัทไม่ได้อีก รอเขาติดต่อกลับมาใหม่
นายอรรถพล ไตรศรี กล่าวว่า เมื่อได้ทราบข่าวว่า ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน ก็รีบลงพื้นที่มาช่วยเหลือ โดยได้ประสานพนักงานสอบสวนสภ.โคกกลอย มาสอบสวนรายละเอียดเพิ่มเติม ประสานตรวจสอบการเดินทางเข้าออกประเทศ รวมถึงการตรวจสอบตัวตนของตัวลูกเขยด้วย หากพบว่าเสียชีวิตจริงอยู่ในประเทศกัมพูชา ก็จะประสานทั้งกระทรวงแรงงานและกระทรวงต่างประเทศเพื่อหาทางนำศพมาให้ครอบครัวทำพิธีทางศาสนาต่อไป


