ชุมพร - นักเรียนหญิงชั้น ป.6 ไปเรียนวิชาพระพุทธศาสนา ที่วัดดังหลังสวนถูก “เฮียฮก” มัคนายกลวนลามกอดรัดจับนมขยำรุนแรง แจ้งตำรวจบอกให้ไปเอาชื่อจริง ร้องสื่อหวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม
ชาวบ้านแจ้งผู้สื่อข่าวว่ามีตากับหลานสาวมีกันอยู่ 2 คน ชีวิตยากจน บ้านไม่มีไฟฟ้าใช้ หุงข้าวกับเตาฟืน ต้องมาเคราะห์ร้าย หลานสาววัย 12 ปี เป็นนักเรียนชั้น ป.6 ไปเรียนวิชาพระพุทธศาสนาที่วัดดังเมืองหลังสวน ได้ถูก “เฮียฮก” มัคนายกคนดัง ลวนลามกอดรัด จับนม ขยำหน้าท้อง อย่างรุนแรง จนระบบเจ็บท้องหนัก ขณะที่ตาวัย 61 ปี พาไปแจ้งความแต่ถูกตำรวจไม่รับแจ้งความ บอกให้ตาไปหาชื่อนามสกุลจริงของผู้ก่อเหตุมาก่อนจึงจะรับแจ้งความได้ ต้องวิ่งโร่ไปปรึกษา ผอ.โรงเรียน และประสานให้เจ้าหน้าที่ อบต.พาไปตรวจสุขภาพและเข้าแจ้งความ หวั่นคดีไม่ได้รับความเป็นจึงธรรมร้องสื่อช่วยเหลือ
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเปิดขึ้นเมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 7 พ.ย.68 ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อนัดหมายกับสองตาหลานที่บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ตำบลวังตะกอ อ.หลังสวน จ.ชุมพร เนื่องจากบ้านของสองตาหลานไม่มีถนนรถยนต์ไม่สามารถเข้าถึงได้ โดยสองตาหลานได้ขับรถจักรยานยนต์สภาพเก่ามาพบกับผู้สื่อข่าวตามนัดหมาย เพื่อสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
โดยเด็กหญิงดี (นามสมมุติ) อายุ 12 ปี เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อตอนเช้าเวลาประมาณ 06.30 น.วันที่ 2 พ.ย.68 ที่ผ่านมา หลังจากตาของตนซึ่งตนเรียกว่า “พ่อเฒ่า” ได้ขับรถจักรยานยนต์ไปส่งตนที่วัดแห่งหนึ่งในตัวอำเภอหลังสวน เพื่อไปเรียนหนังสือวิชาพระพุทธศาสนา โดยทุกวันอาทิตย์จะมีเพื่อนๆนักเรียนจากหลายโรงเรียนประมาณ 50 คน มาเรียนร่วมกันในทุกวันอาทิตย์ของสัปดาห์
เด็กหญิงดีกล่าวต่อว่า วันเกิดเหตุพ่อเฒ่าได้ขับรถจักรยานยนต์มาส่งตนตั้งแต่เช้า เนื่องจากพ่อเฒ่าจะต้องไปรับจ้างทำงานต่อ ซึ่งขณะนั้นมีตนมาถึงวัดเป็นคนแรกและคนเดียว จากนั้นตนได้เดินเข้าไปในศาลา 300 ปี ของวัดแห่งนั้น ซึ่งใช้เป็นสถานที่เรียนวิชาพระพุทธศาสนา ปรากฏว่าเมื่อตนเดินเข้าไปในศาลาได้มี “เฮียฮก” มัคนายก ของวัดดังกล่าว ซึ่งตนรู้จักและเคยพูดคุยทักทายกันเป็นประจำ เดินเข้ามากอดตนทางด้านหลังแล้วจับลูบคลำหน้าอกตน และใช้มือสองข้างจับขยำที่หน้าท้องตนอย่างรุนแรง เนื่องจาก “เฮียฮกเป็นคนรูปร่างตัวใหญ่ ทำให้ตนรู้สึกเจ็บ แต่ตนไม่กล้าพูดอะไร เพราะตนอยู่ในศาลาเพียงคนเดียว ซึ่ง “เฮียฮก” ใช้เวลาลวนลามตนนานกว่า 10 นาที จนมีชาวบ้านคนหนึ่งเดินเสียงอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้าศาลา ทำให้เฮียฮกรีบปล่อยตนทันที จากนั้นตนได้ยืนร้องไห้ จนชาวบ้านคนดังกล่าวได้เดินเข้ามาถามตนว่าเป็นอะไร แต่เฮียฮกก็ได้ตอบแทนตนว่าตนเจ็บท้อง ซึ่งตอนนั้นตนก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อ จนกระทั่งต่อมาก็ได้เวลาเข้าเรียนวิชาพระพุทธศาสนาตามปกติในศาลา 300 ปี ดังกล่าว
“ ต่อมาตอนเที่ยงได้เวลาเลิกเรียนพ่อเฒ่าตนขับรถจักรยานยนต์มารับที่วัด ตนจึงรีบบอกพ่อเฒ่าว่ามีเรื่องจะบอก แต่พ่อเฒ่าว่ามีอะไรไว้ค่อยคุยกันที่บ้าน เมื่อไปถึงบ้านจึงเล่าความจริงทั้งหมดให้กับพ่อเฒ่าฟัง และต่อมาพ่อเฒ่าได้พาไปแจ้งความที่ สภ.หลังสวน ครั้งแรกตำรวจไม่รีบแจ้งความ ตำรวจบอกว่าให้ตนและพ่อเฒ่าไปหาชื่อนามสกุลจริงผู้ก่อเหตุมาก่อนจึงจะรับแจ้งความได้ ” เด็กหญิงดีกล่าว
เด็กหญิงดีกล่าวต่อว่า หลังเกิดเหตุตนเจ็บหน้าท้องอย่างมาก พ่อเฒ่าพาไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลหลังสวน หมอให้ยากลับมาทาน ซึ่งตอนนี้ก็ยังเจ็บและเสียวหน้าท้องอยู่ ซึ่งหมอนัดไปตรวจดูอาการอีกครั้งในวันที่ 12 พ.ย.นี้ และวันที่ 19 พ.ย. หมอนัดตรวจสุขภาพจิตเพื่อฟื้นฟูจิตใจ
ด้านลุงเฒ่า (นามสมมุติ) อายุ 61 ปี ผู้เป็นตา กล่าวว่า ปัจจุบันตนอยู่กับหลานสาว 2 คน พ่อแม่ของหลานได้เลิกรากันนานแล้วและทิ้งหลานไว้ให้ตนเลี้ยงตั้งแต่เล็ก ๆ ซึ่งตนมีอาชีพทำสวนและรับจ้างทั่วไป วันเกิดเหตุเป็นวันอาทิตย์ที่ 2 พ.ย.68 ช่วงก่อน 6 โมงเช้า ตนได้ไปส่งหลานเรียนหนังสือที่วัดดังกล่าวในตัวอำเภอหลังสวน ห่างจากบ้านตนกว่า 10 กิโลเมตร ซึ่งนั้นช่วงเช้าที่วัดยังไม่มีนักเรียนคนอื่น ๆมา แล้วตนก็รีบกลับมาทำงาน จสกนั้นตอนเที่ยวเลิกเรียนตนได้ขับรถไปรับ เมื่อหลานเห็นตนก็รีบบอกว่าพ่อเฒ่าๆ มีเรื่องจะบอก ตนก็คิดว่าเรื่องทั่ว ๆไป จึงพูดว่าจะรีบกลับมีอะไรไว้คุยกันที่บ้าน
ลุงเฒ่า เล่าต่อว่า เมื่อกลับมาถึงบ้านหลานได้พูดเรื่องราวดังกล่าวให้ฟัง ก็รู้สึกตกใจมากและยอมไม่ได้ที่มาทำแบบนี้กับหลานตน จากนั้นตนได้พาหลานสาวไปแจ้งความที่ สภ.หลังสวน ว่า “เฮียฮก” มัคนายกวัดดังกล่าว ลวนลากหลานสาวตน แต่ตำรวจไม่รับแจ้งความ ตำรวจบอกว่าให้ตนไปหาชื่อและนามสกุลจริงผู้ก่อเหตุมาจึงจะรับแจ้งความได้ ตนจึงไปหาเจ้าอาวาสที่วัดดังกล่าว เพื่อจะสอบถามชื่อจริงของมัคนายก แต่ถูกปฏิเสธและบอกว่าอย่าไปแจ้งความเลยเพราะจะทำให้วัดเสียชื่อเสียง และให้ไปพูดคุยกับมัคนายกเพื่อเจรจาตกลงกันดี ๆ
จากนั้นตนจึงได้ไปหา “เฮียฮก” เพื่อสอบถามชื่อนามสกุลจริงและเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่ง “เฮียฮก” ก็ยอมรับว่าได้กระทำจริงพร้อมจะรับผิดชอบทุกอย่าง และก็ไม่ยอมบอกชื่อจริงกับตน ต่อมาตนได้ไปปรึกษากับ ผอ.โรงเรียนที่หลานตนเรียนอยู่ชั้น ป.6 เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง และผอ.โรงเรียนได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ อบต.วังตะกอ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้ลงมาช่วยเหลือ
ต่อมาเช้าวันที่ 4 พ.ย.เจ้าหน้าที่ อบต.วังตะกอ และตนได้พาหลานสาวไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลหลังสวน และขอใบรับรองแพทย์ ซึ่งผลการตรวจระบุว่าถูกทำร่ายร่างกาย มีแผลถลอกบริเวณข้อมือขวา เจ็บบริเวณหน้าท้อง จากนั้นช่วงเที่ยงวันเดียวกัน ตนและเจ้าหน้าที่ อบต.วังตะกอ ได้พาหลานสาวไปแจ้งความที่ สภ.หลังสวน เพื่อดำเนินคดีกับ “เฮียฮก” ซึ่งตอนแรกตำรวจก็จะไม่รับแจ้งความเหมือนกัน บอกว่าไม่รู้ชื่อนามสกุลจริง แต่ทางเจ้าหน้าที่ อบต.ไม่ยอม ในที่สุดตำรวจจึงต้องรับแจ้งความเพื่อดำเนินคดีอาญากับ “เฮียฮก” มัคนายก วัดดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ “เฮียฮก” มัคนายกวัดดังในตัวเมืองหลังสวน ทำธุรกิจเปิดร้านจำหน่ายเสื้อผ้า และเป็นคนมีชื่อเสียงเป็นที่นับถือของคนในอำเภอหลังสวน จึงทำให้สองตาหลานผู้เสียหายซึ่งมีฐานะยากจน จะไม่ได้รับวามเป็นธรรม จนเพื่อนบ้านได้ร้องเรียนผู้สื่อข่าวเพื่อให้เป็นสื่อสะท้อนถึงหน่วยงานเกี่ยวข้องได้ลงมาช่วยเหลือครอบครัวและให้ตำรวจเร่งสอบสวนดำเนินคดีให้เป็นไปอย่างยุติธรรม.


