ตรัง - ตัวแทนสมาชิกครอบครัว 2495 ชาวตรัง เปิดภาพแห่งความทรงจำในปี 2502 เมื่อครั้งที่ยังมีอายุแค่ 6-11 ขวบ โดยได้ร่วมกันเป็นตัวแทนถวายกระเช้าดอกไม้แด่ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง
วันนี้ (6 พ.ย.) ตัวแทนสมาชิกครอบครัว 2495 ชาวตรัง จำนวน 4 ท่าน ซึ่งขณะนี้อายุระหว่าง 73-80 ปี ได้ร่วมกันเปิดภาพแห่งความทรงจำกว่า 66 ปี ของครอบครัวที่ไม่เคยเลือนหาย เมื่อครั้งที่ยังมีอายุ 6-11 ขวบ โดยได้ร่วมกันตั้งโต๊ะรับเสด็จฯ และเป็นตัวแทนถวายกระเช้าดอกไม้แด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร ในหลวง ร.๙ เมื่อครั้งเสด็จเยี่ยมราษฎรจังหวัดภาคใต้ รวมทั้งจังหวัดตรัง เมื่อปี 2502 เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ซึ่งทั้งหมดตั้งใจว่าเมื่อสำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้ากราบสักการะพระบรมศพ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อใด ก็จะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ไปด้วย
โดย นางอาภา สัมพันธวิวัฒน์ อดีตข้าราชการครู วัย 73 ปี เล่าว่า ย้อนไปเมื่อปี 2502 สมัยที่ตนยังมีอายุแค่ 6 ขวบ ได้เดินทางจากอำเภอย่านตาขาว มาอยู่บ้านญาติในตัวเมืองตรัง แถวๆ ชุมชมสามแยกหมอวิทย์ ที่บ้านครอบครัว 2495 กระทั่งได้ข่าวว่า ในหลวง ร.๙ จะเสด็จฯ ผ่านมายังจังหวัดตรัง พร้อมกับ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ดังนั้น พี่ชายของตนคือ นายเสถียร วีรวรรณ ปลัดอำเภอเมืองตรัง ในขณะนั้น และเป็นผู้ที่แต่งคำขวัญประจำจังหวัดตรัง “ชาวตรังใจกว้างสร้างแต่ความดี” จึงได้ตั้งโต๊ะรับเสด็จฯ เพื่อชมพระบารมีทั้งสองพระองค์อย่างใกล้ชิด โดยมีชาวบ้านในชุมชนที่มีบ้านเรือนใกล้เคียงมาร่วมโต๊ะรับเสด็จด้วย ส่วนพี่สาวของตนก็ได้เร่งตัดชุดใหม่ๆ สวยๆ ให้กับตนเอง และพี่สาวอีกคนสวมใส่
จากนั้นให้ตนเป็นผู้ทูลเกล้าถวายกระเช้าดอกไม้แด่ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งเป็นกระเช้าที่คุณแม่ถักไว้นานแล้ว และภายในประดับด้วยดอกเยอบีร่าสีสันสวยสดใสที่ป้าปลูกไว้เองหน้าบ้าน โดยความรู้สึกของตนเอง และทุกคนในวันนั้นดีใจมาก ตื่นเต้นมาก แม้จะผ่านมาถึงกว่า 66 ปีแล้ว แต่ทุกอย่างยังคงติดตรึงตราอยู่ในใจเสมอ และมีความสุขเสมอที่นึกถึง หรือเห็นภาพถ่ายทุกครั้ง โดยล่าสุดเมื่อคราวที่ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคตครบ 7 วัน ตนเองยังได้เดินทางขึ้นไปถวายสักการะและลงนามแสดงความอาลัยเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ที่กรุงเทพฯ ด้วย และตั้งใจก็จะเดินทางขึ้นไปสักการะพระบรมศพต่อไป เพื่อเป็นการแสดงความอาลัยพระองค์ท่านเป็นครั้งสุดท้าย
ส่วน นางสาวจันทร์เพ็ญ วีรวรรณ อดีตทูตพาณิชย์ วัย 76 ปี ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่สาวของ นางอาภา เล่าว่า ตอนนั้นตนยังมีอายุเพียง 8 ปี โดยในหลวง ร.๙ ประทับรถยนต์ด้านขวา ตนได้เดินทรงไปทูลเกล้าถวายที่ตั้งเครื่องเขียนปากกาให้กับพระองค์ท่าน ซึ่งเป็นไม้ฉลุที่ครอบครัวทำเอง เนื่องจากทราบข่าวการเสด็จฯ แบบกะทันหัน เลยถวายสิ่งของเท่าที่ทางบ้านจะจัดหาได้ เพราะจังหวัดตรังตอนนั้นยังมีความเป็นชนบทอยู่มาก โดยวันนั้นตื่นเต้นมาก ดีใจมาก และประทับใจมาก สมกับการรอคอย แถมวันนั้นเมื่อตนถวายเสร็จ ตนได้ดึงพระหัตถ์ของในหลวง ร.๙ มาจุมพิตด้วย ซึ่งพระองค์ท่านได้บอกด้วยความเมตตาว่า ให้ระวังรถด้วย ให้ถอยห่างรถหน่อย ทรงห่วงใยว่าตนจะเป็นอันตราย
โดยล่าสุดผู้เฒ่าผู้แก่รุ่นที่เฝ้ารับเสด็จฯ ทั้งสองพระองค์ในคราวนั้น ได้จากไปจนเกือบหมดแล้ว ตนและพี่น้องทั้ง 4 คนที่นี้ คือ คนในภาพที่ตั้งโต๊ะรับเสด็จหน้าบ้าน พร้อมกับพี่ชาย และคนอื่นๆในครอบครัวและชุมชน และสภาพชุมชนแห่งนี้ก็เจริญใหญ่โตจนแทบไม่เหลือเค้าเดิมแล้ว ส่วนตนเองเมื่อโตขึ้นได้ไปทำงานเป็นข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเคยมีโอกาสรับเสด็จฯ ทุกๆ พระองค์ ทำให้ตนเองมีความรู้สึกรักและผูกพันต่อพระบรมวงศานุวงศ์อย่างมาก ดังนั้น จึงตั้งใจที่จะเดินทางขึ้นไปกราบสักการะพระบรมศพ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่กรุงเทพฯ และที่ผ่านมาทุกครั้งที่มีพระองค์ท่านใดสวรรคต ตนเองก็เดินทางขึ้นไปถวายพระบรมศพเช่นกัน


