xs
xsm
sm
md
lg

อดีตตำรวจมือปราบน้ำมันเถื่อนร้อง สว.หลังรอความเป็นธรรมมา 26 ปีจากคำพิพากษาศาลฏีกา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - อดีตรองผู้กำกับฯ วัย 92 ปี ยื่นหนังสือผ่านสมาชิกวุฒิสภา เรียกร้องความเป็นธรรมจากนายกรัฐมนตรี หลังศาลฎีกาพิพากษาให้ชนะคดีจับกุมเรือน้ำมันเถื่อนมูลค่า 40 ล้านบาทตั้งแต่ปี 2542 แต่ยังไม่ได้รับสินบนนำจับ ชี้ของกลางหายเหลือเพียงเงินประกัน 1.15 ล้านบาท และกรมศุลกากรส่งเอกสารแจ้งรับเงินไปผิดที่อยู่ จนเงินถูกส่งคืนกรมบัญชีกลาง

ที่สำนักงานประสานงาน สมาชิกวุฒิสภา จ.สงขลา ถนนไทยอาคาร อ.หาดใหญ่ พ.ต.ท.ยงยศ เทียมประชา อดีต รอง ผกก.หัวหน้า สภ.อ.สุคินริน จ.นราธิวาส ได้ยื่นเอกสารเพื่อขอความเป็นธรรมจากรัฐบาล ผ่านนายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภาสายสื่อมวลชน เพื่อเรียกร้องความยุติธรรม

พ.ต.ท.ยงยศ เปิดเผยว่า เมื่อปี 2534 ขณะเป็นสารวัตรสืบสวนอยู่ที่ ภ.จว.สตูล ได้รับคำสั่งจาก พล.ต.ต.พิชัย พิศาลสุพงศ์ รอง ผบช.ภ 4 ในขณะนั้น ให้ดำเนินการสืบสวนจับกุมผู้มีอิทธิพลค้าน้ำมันเถื่อนใน จ.สตูล และได้จับกุมเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนของผู้มีอิทธิพลขณะกำลังขนถ่ายน้ำมันเถื่อนจากเรือฮะเฮงและเรือลักษมีขึ้นสู่รถบรรทุกน้ำมัน ดำเนินคดีตามกฎหมาย ปรากฏว่าผู้ถูกจับกุมได้ต่อสู้คดีว่าเป็นการจับกุมโดยมิชอบ และน้ำมันที่ถูกจับกุมเป็นน้ำมันที่ถูกต้องตามกฎหมาย พ.ต.ท.ยงยศ ได้มีการต่อสู้คดีด้วยตนเอง และถูกย้ายจาก จ.สตูล ไปทำหน้าที่ในจังหวัดต่างๆ จนสุดท้ายถูกย้ายมาเป็น รอง ผกก.หน.สภ.สุคิริน จ.นราธิวาส ก่อนเกษียณอายุ

สำหรับผลคดี ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2542 ให้ พ.ต.ท.ยงยศ เทียมประชา ชนะคดี และพิพากษาให้ด่านศุลกากร จ.สตูลจำหน่ายของกลาง คือ เรือเดินสมุทร ฉะเฮง 1 และ ลักษมี น้ำมันดีเซล 43,000 ลิตร รถบรรทุกน้ำมัน เป็นน้ำมันเถื่อน ริบเป็นของกลาง จ่ายสินบนแก่ผู้จับ
พ.ต.ท.ยงยศ กล่าวว่า หลังมีคำพิพากษาศาลฎีกา ให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรริบของกลาง จำหน่าย และจ่ายสินบนให้ผู้จับกุมส่วนหนึ่ง ริบเข้าหลวงส่วนหนึ่ง ตนได้ติดตามทวงถาม แต่ไม่มีความคืบหน้า โดยศุลกากรตอบจดหมายว่า ต้องรอให้ขายของกลางครบถ้วนก่อน จึงจะจ่ายสินบนแก่ผู้จับกุมได้ ต่อมาตนสืบทราบจนทราบว่า เรือทั้ง 2 ลำ รวมทั้ง รถบรรทุกน้ำมัน นายทุนได้ขอประกัน ในวงเงินเพียง 1,1 50,000 บาท โดยเจ้าของเรือที่ขอนำเรือไปเก็บรักษาเอง อ้างว่าเรือทั้ง 2 ลำ ได้ จมน้ำไปแล้ว ตนจึงได้ยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ และเจ้าหน้าที่ศุลกากรได้ยื่นฟ้องเจ้าของเรือในข้อหาให้การเท็จ และถูกจำคุก 6 เดือน เพราะเรือทั้ง 2 ลำ มีการขายไปให้บุคคลอื่นแล้ว
ตนในฐานะผู้เสียหาย ได้ร้องต่อหน่วยงานต่างๆ เช่น นายกรัฐมนตรี ผู้ตรวจการแผ่นดิน กระทรวงยุติธรรม ให้ดำเนินการกับคดีนี้ เพื่อเอาผิดกับเจ้าของเรือ เรือที่มีมูลค่ารวมกัน 40 ล้านบาท กรมศุลกากรจะยึดเอาเงินประกันเรือ 1,150,000 บาท เป็นค่าเรือของกลางไม่ได้ เพราะเงิน 1,150,000 บาท เป็นเงินประกันเรือ ไม่ใช่มูลค่าของเรือ เรื่องนี้รัฐเป็นผู้เสียหาย เพราะเงินจากการขายของกลางส่วนหนึ่งจ่ายสินบนนำจับ ส่วนหนึ่งเป็นของรัฐ แต่ทุกหน่วยงานที่ตนร้องเรียนไป มีหนังสือตอบกลับว่าจะดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย แต่ไม่ได้ดำเนินการต่ออย่างใด

ต่อมาในปี 2563 ตนได้ติดตามความคืบหน้าเรื่องการขายของกลางและจ่ายสินบนนำจับ จนได้ทราบว่า ศุลกากรจังหวัดสตูลได้จำหน่ายของกลาง และส่งหนังสือให้ตนไปรับทราบเพื่อรับสินบนนำจับ แต่ดหมายดังกล่าวถูกส่งไปยัง สภ.เมืองสตูล ไม่ได้ส่งให้ตนเองตามภูมิลำเนาที่ อ.เมือง จ.ตรัง และ สภ.เมืองสตูลไม่ได้แจ้งให้ตนทราบ จนครบ 1 ปี สินบนนำจับจึงถูกส่งคืนกรมบัญชีกลางตามระเบียบทางราชการ จนได้ร้องขอความเป็นธรรมไปยัง พ.ต.อ.ทวี สองส่อง อดีตรัฐมนตรียุติธรรม และ มีการสั่งให้สอบสวนข้อเท็จจริง โดย พล.ต.ต.นรินทร์ บูสะมัญ รอง ผบก.ภ.9 ได้ตอบเอกสาร เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 68
ว่า สภ.สตูลได้รับเอกสารจากศุลกากร จ.สตูล จริง โดย ส.ต.อ.ญาญวัฒน์ ใฝ่ฝัน เป็นผู้รับเอกสาร แต่ไม่มีรายละเอียดอื่นๆ จึงได้สั่งยุติเรื่อง
พ.ต.ท. ยงยศ เทียมประชา จึงได้ร้องขอความเป็นธรรมจากนายกรัฐมนตรี ให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ตั้งแต่เรือของกลางที่หายไปซึ่งมีมูลค่า 40 ล้านบาท แต่ศุลกากรยึดเพียงเงินประกันเรือ 1,150,000 บาท เป็นมูลค่าเรือของกลาง โดยไม่มีการเอาผิดกับเจ้าของเรือ เพราะเงินประกันเรือกับมูลค่าเรือของกลางเป็นคนละส่วนกัน รวมทั้งการที่ศุลกากร จ.สตูลไม่ได้ส่งเอกสารให้ตนตามภูมิลำเนา แต่ส่งให้ สภ.เมืองสตูล และ สภ.เมืองสตูล หลังรับเอกสาร ไม่ได้ส่งให้แก่ตน ทำให้ตนได้รับความเสียหาย ไม่ได้รับสิบบนนำจับตามกฎหมาย เรื่องนี้ตนเองไม่ได้เสียหายคนเดียวแต่รัฐเป็นผู้เสียหาย เพราะเงินจากการขายของกลางส่วนหนึ่งเป็นของแผ่นดิน สำหรับตนเองรอความเป็นธรรม จากวันที่ศาลฎีกาพิพากษาให้ชนะคดีมายาวนานถึง 26 ปี ขณะนี้อายุ 92 ปี แต่ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงขอเรียกร้องความเป็นธรรมเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะเสียชีวิต


กำลังโหลดความคิดเห็น