xs
xsm
sm
md
lg

เอกอัครราชทูตอิสราเอล เข้าพบ ผู้ว่าฯสุราษฎร์ หารือแนวทางปฏิบัติของนทท. ย้ำ พร้อมต้อนรับแต่ถ้าทำผิดก็ต้องดำเนินคดี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สุราษฎร์ธานี - เอกอัครราชทูตอิสราเอล ประจำประเทศไทย เข้าพบ ผู้ว่าฯสุราษฎร์ หารือเรื่อง นักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลในพื้นที่ ด้านผู้ว่าฯ ย้ำพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคนแต่ถ้าทำผิดกฎหมายไทย ก็ต้องดำเนินการอย่างไม่เลือกปฏิบัติ


เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (4 พ.ย.68) นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้การต้อนรับ ดร. อโลนา ฟิชเชอร์ คัมม์ เอกอัครราชทูตอิสราเอล และ นายเอลี่ เอลิยาฮู สเมห์ อัครราชทูต, กงสุลอิสราเอล ในโอกาสขอเข้าพบหารือ ถึงสถานการณ์นักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมี หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอยู่ในคณะทำงานชุดเฉพาะกิจเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดกรณีบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อประกอบกิจการหรือดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ที่ผิดกฎหมาย เข้าร่วมประชุม ที่ห้องศรีสุราษฎร์ ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี

โดย เอกอัครราชทูตอิสราเอล ประจำประเทศไทย กล่าวว่า แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล กว่า 460,000 คน เดินทางมาเยือนประเทศไทย เหตุผลหลักๆ เนื่องจากชื่นชอบ และประทับใจในการต้อนรับของคนไทย โดยเฉพาะพื้นที่เกาะท่องเที่ยว รวมถึง รู้สึกปลอดภัยในประเทศไทย


ส่วนการเข้าพบครั้งนี้ เพื่อหารือถึงแนวทางแก้ปัญหาร่วมกัน หลังจากทราบข่าวที่นำเสนอผ่านสื่อ ถึงสถานการณ์ที่มีนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลได้รับการตรวจสอบและจับตามองจากเจ้าหน้าที่รัฐของไทย ทำให้เกิดความไม่สบายใจกับนักท่องเที่ยว

โดยเอกอัครราชทูตอิสราเอล ยืนยันว่า นักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลส่วนใหญ่ เป็นนักท่องเที่ยวที่ดี ตั้งใจมาท่องเที่ยวเพราะชื่นชอบประเทศไทย จะมีเพียงส่วนน้อยที่ทำพฤติกรรมไม่เหมาะสม หรือทำผิดกฎหมาย ซึ่งยินดีให้หน่วยงานของไทยดำเนินการตามกฎหมายเช่นเดียวกับชาวต่างชาติทุกประเทศ


ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า หน่วยงานของรัฐ ถูกตั้งคำถามมากมาย ถึงการดำเนินการกับชาวต่างชาติที่แฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยวเข้ามาทำเรื่องผิดกฎหมาย ทั้งด้านความมั่นคง การอยู่อาศัยในราชอาณาจักรเกินระยะเวลาที่อนุญาต (over stay) การทำงานหรือทำธุรกิจอย่างผิดกฎหมาย และปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะพฤติกรรมการต่ออายุวีซ่าต่อเนื่องหลายครั้ง หรือระยะยาว จนต้องสงสัยว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อทำธุรกิจหรือทำกิจการบางอย่าง และจังหวัดสุราษฎร์ธานี

โดยคณะทำงานชุดเฉพาะกิจที่ตั้งขึ้นเพื่อตรวจสอบและดำเนินการกับเรื่องนี้ ไม่ได้เลือกปฏิบัติ หรือมุ่งเป้ากับชาวอิสราเอล หรือประเทศใดประเทศหนึ่ง พร้อมทั้งย้ำว่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี มุ่งเน้นการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการท่องเที่ยว จึงได้กำชับเจ้าหน้าที่ ให้บังคับใช้กฎหมายด้วยความระมัดระวัง ไม่ให้กระทบต่อนักท่องเที่ยวในภาพรวม


ส่วนกรณีที่ชาวบ้านในพื้นที่เกาะพะงัน ได้ร้องเรียนถึงการรวมตัวกันประกอบศาสนกิจในชาบัท หรือ คาบัท ของชาวอิสราเอล ในลักษณะพื้นที่ปิดไม่อนุญาตให้คนภายนอกเข้าไปสังเกตการณ์หรือรับรู้ว่าทำกิจกรรมอะไร ส่งผลให้เกิดความไม่สบายใจของคนในพื้นที่ ตลอดจน มีความยากลำบากในการเฝ้าระวังความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ จึงขอให้สถานเอกอัครราชทูต ตรวจสอบเรื่องการจดทะเบียน ขออนุญาตจัดตั้งศาสนสถานเพื่อประกอบศาสนกิจตามกฎหมายไทย เช่นเดียวกันทุกๆศาสนา


นอกจากนี้ ยังขอให้มีช่องทางการติดต่อสื่อสารในแบบที่ไม่เป็นทางการ ระหว่างจังหวัดสุราษฎร์ธานี กับสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอล เพื่อความสะดวก รวดเร็วในการแลกเปลี่ยนข้อมูล หรือแจ้งปัญหาต่างๆระหว่างกัน เพื่อนำไปสู่การทำความเข้าใจและอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

โดยยืนยันว่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี มิได้เลือกปฏิบัติกับชาวอิสราเอล และพร้อมต้อนรับอย่างอบอุ่น แต่หากพบกลุ่มที่กระทำผิดกฎหมาย ก็จำเป็นต้องดำเนินการอย่างเท่าเทียม ไม่ว่าจะเป็นชนชาติใดก็ตาม






กำลังโหลดความคิดเห็น