xs
xsm
sm
md
lg

กำนันคนดังชุมพรข้ามแดนทอดกฐินฝั่งพม่าโดยไม่ได้รับอนุญาต โดน จนท.ห้าม ด่ากราด "หัว ด.มีดาวก็ตายได้” ขากลับถูกจับพร้อมพวก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ชุมพร - กำนันคนดังชุมพร ข้ามแดนไปทอดกฐิน จนท.ห้าม ด่ากราด "หัว ด. มีดาวก็ตายได้ แน่จริงมึงปิด ดาวมึงกับดาวกู ใครใหญ่กว่ากัน" ไม่สนยกเครื่องกีดขวางขับรถยนต์ออกไป ขากลับโดนล็อคพร้อมพวก แจ้ง 5 ข้อหา บอกไม่เกี่ยวต่างด้าว 36 คน


โดยเหตุการณ์ดังกล่าวถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 05.00 น.วันที่ 3 พ.ย.68 กำลังเจ้าหน้าที่กองร้อย ตชด.414 ค่ายอาภากรณ์เกียรติวงศ์ ได้ควบคุมตัว นายสุนทร หรือ "กำนันทร" กำนันคนดังตำบลรับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ผู้ต้องหาถูกจับกุมคดี (1.)ดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ หรือเพราะได้กระทำการตามหน้าที่ (2.)ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายให้ไว้ (3.)เป็นเจ้าของหรือผู้ควบคุมยานพาหนะ นำพาหนะเข้ามาหรือออกไปนอกราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านช่องทางด่านตรวจคนเข้าเมือง เขตท่า สถานี หรือท้องที่ ตามประกาศกำหนด มาตรา 23 พรบ.คนเข้าเมือง (4.)เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านช่องทางด่านตรวจคนเข้าเมือง และผ่านการตรวจของเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 62 พรบ.คนเข้าเมือง (5.)ร่วมกันนำพาคนต่างด้าว เข้ามาในราชอาณาจักรหรือกระทำการด้วยประการใดๆ อันเป็นการอุปการะหรือช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวให้เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินี้ ตามมาตรา 62 พรบ.คนเข้าเมือง พร้อมของกลางรถยนต์กระบะโตโยต้าสี่ประตูสีขาว ทะเบียน ขจ.8950 สุราษฎรธานี ที่ทาง "กำนันทร" ใช้ขับเข้าออกนอกราชอาณาจักร

นอกจากนั้นยังจับกุม นายเหมืองเพ็ชร์ หรือเพ็ชร์ อายุ 47 ปี ชาวตำบลบ้องตี้ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ผู้ต้องหาคดี นำพาต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร หรือกระทำการใดๆอันเป็นการอุปการะช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกแก่ชาวต่างด้าวให้เข้ามาในราชอาณาจักร โดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติตรวจคนเข้าเมือง พร้อมของกลางรถยนต์โตโยต้าตอนเดียวสีขาวติดกรงเหล็ก พร้อมต่างด้าวชาวเมียนมา รวม 36 คน


และเจ้าหน้าที่ยังได้จับกุม คนไทยอีก 8 คน ถูกจับดำเนินคดีในข้อหาเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านช่องทางด่านตรวจคนเข้าเมือง และ ผ่านการตรวจของเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 62 พรบ.คนเข้าเมือง ประกอบด้วย (1) นายอำนวยชัย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 ตำบลนับร่อ นายบรรจบ อายุ 54 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 ตำบลรับร่อ นางสาวมณีกาญจน์ อายุ 39 ปี นางสาวสุปราณี อายุ 39 ปี นายชัยวัฒน์ อายุ 58 ปี นางกนกวรรณ อายุ 61 ปี นางแสงกูล อายุ 63 ปี นายภาสกร อายุ 22 ปี ทั้งหมดเป็นชาวบ้านหมู่ 10 ตำบลรับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร

การจับกุมในครั้งนี้ สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ ตชด.ประจำชุดเฝ้าตรวจชายแดนที่ 4102 ช่องหินดาษ ชายแดนไทย-เมียนมา หมู่ที่ 10 ตำบลรับร่อ อ"ท่าแชะ จ.ชุมพร พบว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ย.68 เวลาประมาณ 10.00 น.ได้มีรถกระบะ ทะเบียน ขจ-8950 สุราษฎร์ธานี วิ่งมาที่บริเวณไม้กั้นจุดตรวจชายแดนไทย-เมียนมา ซึ่งขณะนั้นมี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าเวรประจำจุดตรวจไม้กั้นอยู่

จากนั้นคนขับรถคันดังกล่าวได้ลงมาจากรถทราบชื่อ คือ นายสุนทร เป็นกำนันตำบลรับร่อ เพื่อจะขอออกไปนอกราชอาณาจักร พร้อมกับพวกอีก 2 คน แต่ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่า "ผมไม่มีอำนาจให้ออกไปนอกราชอาณาจักรได้" นายสุนทรจึงได้เดินขึ้นไปบนฐาน ตชด. ที่อยู่ด้านบนเพื่อไปพบกับ หน.ชุดเฝ้าตรวจชายแดนที่ 4102 ซึ่งทางหัวหน้าชุด ไม่อนุญาตให้ออกไปนอกราชอาณาจักรได้ นายสุนทร จึงได้พูดจา ด่าหัวหน้าชุด ด้วยคำหยาบ ว่า "หัวดอ มีดาวก็ตายได้เหมือนกัน" "แน่จริงมึงปิดเลย ดาวมึงกับดาวกู ใครจะใหญ่กว่ากัน" แล้วนายสุนทรได้เดินลงมายกไม้กั้นตรงแนวชายแดนออกและได้ขับรถออกไปนอกราชอาณาจักร โดยไม่สนคำสั่งห้ามของเจ้าหน้าที่


อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าที่นายสุนทร จะขับรถมาถึงจุดตรวจไม้กั้น ประมาณ 5 นาที ได้มีนายเหมืองเพ็ชร์ ซึ่งทราบชื่อ ภายหลัง ได้ขับรถกระบะรั้วยกสูง ทะเบียนบว-7524 ชุมพร มาจอดรอนายสุนทรอยู่หลังไม้กั้นตรงแนวชายแดนประมาณ 50 เมตร เมื่อรถนายสุนทรมาถึง นายเหมืองเพ็ชร์ ได้ลงมาพาคนที่มากับรถอีกคันซึ่งตามหลังรถนายสุนทรมา มีประมาณ 13 คน ขึ้นรถของนายเหมืองเพ็ชร์เพื่อออกไปนอกราชอาณาจักร โดยส่วนใหญ่ใส่เสื้อลายสีเดียวกันลักษณะเป็นเสื้อทีม เชียนว่า "บุญกฐิน 2568" ซึ่งนายเหมืองเพ็ชร์ และนายสุนทร ก็ใส่เสื้อดังกล่าวเหมือนกัน ลักษณะเป็นการนัดแนะกันมาเพื่อจะออกไปนอกราชอาณาจักร จากนั้นนายเหมืองเพ็ชร์ ได้ขับรถยนต์บรรทุกคนไปนอกราชอาณาจักร โดยมีนายสุนทร ขับรถตามไปติดๆ

ต่อมาในวันเดียวกันเวลาประมาณ 14.30 น.ได้มีรถกระบะจำนวน 2 คัน ในลักษณะขับตามกันมาจากฝั่งประเทศเมียนมา มาจอดบริเวณไม้กั้นจุดตรวจชายแดนที่ 4102 ช่องหินดาด ชายแดนไทย-เมียนมา หมู่ที่ 10 ตำบลรับร่อ อำเภอท่าแซะ ซึ่งขณะนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ประจำอยู่บริเวณดังกล่าว ซึ่ง นายสุนทร น้อยราช เป็นคนขับรถกระบะคันแรก ทะเบียน ขจ-8950 สุราษฎร์ธานี มาจอดที่บริเวณไม้กั้นตรงแนวชายแดน จากนั้นนายสุนทรก็ลงจากรถเพื่อจะเดินมาเปิดไม้กั้นตรงแนวชายแดนออก ระหว่างนั้น นายเหมืองเพ็ชร์ ได้ ชับรถกระบะ ทะเบียน บว-7524 ชุมพร มาจอดต่อท้ายรถกระบะ ที่นายสนทรขับนำมา เจ้าหน้าที่ ตชด.จึงได้แสดงตัวเข้าตรวจสอบ


จากการตรวจสอบพบว่า บนรถกระบะคันแรก มีนายสุนทร เป็นคนขับ และมีผู้โดยสารบนรถอีก 8 คน ซึ่งพบว่าเป็นคนไทยทั้งหมด ได้เดินทางมาจากประเทศเมียนมา โดยไม่ผ่านช่องทางด่านตรวจคนเข้าเมืองตามที่ประกาศกำหนด จากนั้นได้ทำการตรวจสอบรถกระบะคันที่ 2 ซึ่งขับตามมาพบว่ามี นายเหมืองเพ็ชร์ เป็นคนขับและมีคนต่างด้าวซึ่งไม่มีเอกสารประจำตัวอยู่บนรถทั้งสิ้น 36 คน โดยเป็นผู้ใหญ่ 15 คน เป็นผู้ติดตาม 21 คน

จากการสอบถามนายเหมืองเพ็ชร์ ขณะจับกุม ให้การว่าเป็นลูกน้องของนายสุนทร น้อยราช กำนันตำบลรับร่อ ซึ่งได้นัดแนะกันเพื่อไปงานกฐินในฝั่งประเทศเมียนมา โดยจากการตรวจสอบภาพในโทรศัพท์ของนายเหมืองเพ็ชร์ด้วยความสมัครใจพบภาพร่วมงานกฐินของนายสุนทร และ นายเหมืองเพ็ชร์ นอกราชอาณาจักรไทย

อย่างไรก็ตามหลังจับกุม พ.ต.อ.จริพัฒน์ ทองแดง ผกก.ตชด.41 ค่ายอาภากรณ์เกียรติวงศ์ พ.ต.ท.สันติ มณีรัตน์ สว.ตม.จว.ชุมพร ได้เดินทางมาสอบปากคำ นายเหมืองเพ็ชร์ ด้วยตัวเอง โดยนายเหมืองเพ็ชร์ บอกว่าตนเองได้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรพร้อมด้วยแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานอยู่ในพื้นที่อำเภอท่าแซะอยู่แล้ว เพื่อไปทำบุญทอดกะฐินที่วัดยัวเฮลู ซึ่งเป็นวัดชาวกะเหรี่ยงร่วมกับ นายสุนทร กำนันตำบลรับร่อ เนื่องจากตนเป็นลูกน้องมาทำงานอยู่กับกำนันสุนทรนาน 3 ปีแล้ว


จากการตรวจสอบพบว่า บนรถกระบะคันแรก มีนายสุนทร เป็นคนขับ และมีผู้โดยสารบนรถอีก 8 คน ซึ่งพบว่าเป็นคนไทยทั้งหมด ได้เดินทางมาจากประเทศเมียนมา โดยไม่ผ่านช่องทางด่านตรวจคนเข้าเมืองตามที่ประกาศกำหนด จากนั้นได้ทำการตรวจสอบรถกระบะคันที่ 2 ซึ่งขับตามมาพบว่ามี นายเหมืองเพ็ชร์ เป็นคนขับและมีคนต่างด้าวซึ่งไม่มีเอกสารประจำตัวอยู่บนรถทั้งสิ้น 36 คน โดยเป็นผู้ใหญ่ 15 คน เป็นผู้ติดตาม 21 คน

จากการสอบถามนายเหมืองเพ็ชร์ ขณะจับกุม ให้การว่าเป็นลูกน้องของนายสุนทร น้อยราช กำนันตำบลรับร่อ ซึ่งได้นัดแนะกันเพื่อไปงานกฐินในฝั่งประเทศเมียนมา โดยจากการตรวจสอบภาพในโทรศัพท์ของนายเหมืองเพ็ชร์ด้วยความสมัครใจพบภาพร่วมงานกฐินของนายสุนทร และ นายเหมืองเพ็ชร์ นอกราชอาณาจักรไทย

อย่างไรก็ตามหลังจับกุม พ.ต.อ.จริพัฒน์ ทองแดง ผกก.ตชด.41 ค่ายอาภากรณ์เกียรติวงศ์ พ.ต.ท.สันติ มณีรัตน์ สว.ตม.จว.ชุมพร ได้เดินทางมาสอบปากคำ นายเหมืองเพ็ชร์ ด้วยตัวเอง โดยนายเหมืองเพ็ชร์ บอกว่าตนเองได้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรพร้อมด้วยแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานอยู่ในพื้นที่อำเภอท่าแซะอยู่แล้ว เพื่อไปทำบุญทอดกะฐินที่วัดยัวเฮลู ซึ่งเป็นวัดชาวกะเหรี่ยงร่วมกับ นายสุนทร กำนันตำบลรับร่อ เนื่องจากตนเป็นลูกน้องมาทำงานอยู่กับกำนันสุนทรนาน 3 ปีแล้ว


ด้านนายสุนทร กำนันตำบลรับร่อ บอกว่าตนเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตนได้เดินทางไปเชื่อมความสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายกะเหรี่ยง และเมียนมาเป็นประจำ เพื่อเก็บข้อมูลหาข่าวด้านความมั่นคง ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของทางจังหวัดและอำเภอที่มีการแจ้งในที่ประชุมทุกครั้งอยู่แล้ว และตนก็ได้โทรศัพท์ขออนุญาตทั้งฝ่ายทหารและผู้เกี่ยวข้องก่อนเดินทางออกไปด้วยแล้ว ซึ่งก็ถือว่าเป็นการกระทำที่เข้าออกเป็นปกติ และการเดินทางไปครั้งนี้ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชุดของ นายเหมืองเพ็ชร์ แก้วเล่อ แต่อย่างใด ซึ่งรถที่ตนขับไปและกลับก็มีแต่คนไทยทั้งหมด 8 คน มีทั้งผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้าน เพื่อไปทอดกฐินตามภารกิจที่ตนกล่าวข้างต้นเท่านั้น แต่ครั้งนี้ที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นเป็นเพราะตนไปมีปากเสียงกันกับเจ้าหน้ที่ ตชด.หัวหน้าด่านชุดตรวจชายแดน จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ตนถือว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม

ด้านนางมุก ชาวเมียนมา กล่าวว่าตนพร้อมกับเพื่อนๆต่างด้าวกว่า 10 คนเพิ่งจะเดินทางข้ามแดนทางช่องทางธรรมชาติเพื่อไปทอดกฐินที่วัดกะเหรี่ยงฝั่งเมียนมา เมื่อวันที่ 1 พ.ย.68 ที่ผ่านมา โดยต้องเดินเท้าเข้าลึกเข้าไปฝั่งเมียนมาประมาณ 4 ชั่วโมง และวันที่ 2 พ.ย.พวกตนก็เดินทางกลับพร้อมกับชุดทีมของกำนันสุนทร จนมาถูกจับดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับ นายสุนทร น้อยราช หรือ "กำนันทร" เป็นบุคคลมีชื่อเสียงที่รู้จักกันกว้างขวางในจังหวัดชุมพร โดยข้อกล่าวหาทั้ง 5 ข้อกล่าวหา "กำนันทร" รับสารภาพเพียงข้อหาเดียวคือเข้าออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่รับอนุญาต ส่วนข้อหาอื่นๆให้การปฎิเสธ ขณะที่ผู้ต้องคนอื่นๆ รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา.


กำลังโหลดความคิดเห็น