กมธ. ศึกษาข้อดีข้อเสียการยกเลิก MOU 43–44 แถลงความคืบหน้าการพิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสียการยกเลิก MOU 43-44 เพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา
วันที่ 27 ตุลาคม 2568 เวลา 11.30 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา (สส.) คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสียการยกเลิก MOU 2543 และ MOU 2544 เพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา วุฒิสภา นำโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์นพดล อินนา ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ แถลงข่าวเรื่อง “รายงานความคืบหน้าการพิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสียการยกเลิก MOU 43-44 เพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา” โดยกล่าวว่า วันนี้คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้รายงานความคืบหน้าการพิจารณาศึกษาต่อที่ประชุมวุฒิสภา โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้กำหนดกรอบการพิจารณาศึกษาออกเป็น 2 ประเด็น ได้แก่ 1) ประเด็นกระบวนการจัดทำ MOU ทั้ง 2 ฉบับจะเป็นการพิจารณาเกี่ยวกับกระบวนการจัดทำ MOU ทั้ง 2 ฉบับ มีความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ชอบด้วยกฎหมาย และชอบด้วยกฎระเบียบในขณะนั้นหรือไม่
และ2) ประเด็นด้านเนื้อหาจะเป็นการพิจารณาถึงเนื้อหาของ MOU 2543 และ MOU 2544 สามารถปฏิบัติได้จริงและเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนหรือไม่ อย่างไร โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้มีการรายงานถึงคณะกรรมการที่เกิดขึ้นก่อน MOU 2543 ทั้งการประชุม GRC, RBC และ JBC เพื่อให้เห็นว่าจะมีหรือไม่มี MOU คณะกรรมการฯ เหล่านี้ยังดำรงอยู่
ส่วนการปักปันเขตแดนที่เกิดขึ้นเป็นการปักปันเขตแดนตั้งแต่ปี ค.ศ. 1904 และปี ค.ศ. 1907 ซึ่งมีการปักปันเขตแดนมาแล้วในอดีต ซึ่งการทำ MOU 2543 จึงเป็นการทำเพื่อที่จะหารายละเอียดตามที่อดีตได้ดำเนินการเพราะมีบางหลัก สูญหาย ถูกเคลื่อนย้าย หรือถูกทำลาย คณะกรรมการที่เกิดขึ้นใน MOU 2543 จะดำเนินการให้สอดคล้องกับการปักปันเขตแดนหรือเสาหลักในอดีต สำหรับ MOU 2544 ได้รายงานให้ที่ประชุมวุฒิสภาทราบว่ามีที่มาอย่างไร รวมถึงคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เดินทางไปศึกษาดูงานที่จังหวัดตราดในช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมาว่าพบข้อมูลอะไรบ้างและได้พบการละเมิดในพื้นที่ทางบกและทางทะเล เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานและมีข้อมูลจำนวนมากและมีความซับซ้อนค่อนข้างมาก
ดังนั้นคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ จึงต้องใช้เวลาในการพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบ รอบด้าน และใช้ข้อมูลที่เป็นวิทยาศาสตร์มาเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจในเรื่องนี้ ซึ่งการที่จะคงอยู่ ปรับปรุง หรือยกเลิกต้องมีแนวทางให้รัฐบาลดำเนินการต่อไป เพราะการตัดสินใจทางใดทางหนึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ
ทั้งนี้คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้ขอขยายเวลาการพิจารณาออกไปอีก 90 วัน หากดำเนินการพิจารณาเสร็จเรียบร้อยจะรายงานต่อที่ประชุมวุฒิสภาทันที ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ จะรายงานความคืบหน้า ข้อดีและข้อเสียของ MOU ทั้ง 2 ฉบับ ให้ประชาชนทราบเป็นระยะต่อไป


