สุราษฎร์ธานี - สนธิกำลัง บุกตรวจร้านรถเช่ารายใหญ่ ของชาวต่างชาติ พบรถจักรยานยนต์ กว่า 400 คัน รถยนต์ 20 คัน มีหนุ่มรัสเซียเป็นผู้จัดการตลาด จ้างแรงงานชาวเมียนมา 5 คน เป็นคนงานให้บริการ ส่วนเจ้าของเป็นชาวรัสเซีย อยู่ภูเก็ต
วันนี้ ( 22 ตุลาคม 2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์ปฎิบัติการ ป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิด กรณีบุคคลต่างด้าว เข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อประกอบกิจการ และ ดำนินกิจกรรมต่างๆ โดยผิดกฎหมาย ศปก.สภ.เกาะพะงัน พล.ต.ต. กฤษณ์ วาฤทธิ์ รอง.ผบช.ทท.พล.ต.ต.ชูธเรศ ยิ่งยงดำรงสกุล ผบก.ตม.6 พล.ต.ต.สุวัฒน์ สุขศรี ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.ศิริชัย สุขสาตต์ รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.อภิชาต จันทร์สำเร็จ ผกก.สภ.เกาะพะงัน, พ.ต.อ.นฤวัต พุทธวิโร ผกก.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี นายไพสิฐ ทองฉิม ปลัดอาวุโสอำเภอเกาพะงัน ตำรวจสืบสวนภาค 8 นปพ.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี
ร่วมกันตรวจสอบบริษัทให้บริการรถเช่า และห้องพัก ตลาดเซ็นเตอร์พ้อยท์ บ้านท้องศาลา หมู่ 1 ตำบลเกาะพะงัน อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี หลังได้รับร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวว่า ถูกบริษัทรถเช่าแห่งหนึ่ง ยึดหนังสือเดินทาง ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ นำกำลังเข้าตรวจสอบพบ หญิงไทย 1 คน ทำหน้าที่ดูแลบริหารจัดการภายในบริษัท พร้อม จับกุม นายวาเลรี เบโลมิทเซฟ Mr.Valerii สัญชาติ รัสเซีย อายุ 39 ปี ทำหน้าที่ดูแลให้บริการลูกค้า และจับกุมชาวเมียนมา 5 คน ทำหน้าที่เป็นลูกจ้างในร้านเช่า จากการตรวจสอบ รถจักรยานยนต์ ชนิดต่างๆ และอุปกรณ์ของกลางเกือบ 400 คัน รถยนต์อีกประมาณ 20 คัน ทางเจ้าหน้าที่ยึดได้ยึดไว้ตรวจสอบ
พล.ต.ต. กฤษณ์ วาฤทธิ์ รอง.ผบช.ทท เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการที่มีนักท่องเที่ยวมาร้องเรียนว่าบริษัทดังกล่าว ให้เช่ารถและมีการยึดพาสปอร์ตเอาไว้ ซึ่งนักท่องเที่ยวมีความจำเป็นต้องใช้พาสปอร์ตและบริษัทไม่คืนเงินให้ และ ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่ามีการปล่อยรถเช่า โดยชาวต่างชาติ ทางตำรวจท่องเที่ยว จึงร่วมกับ ตรวจ สภ. เกาะพะงัน ตม และ ฝ่ายปกครองบนเกาะพงัน เข้าไปตรวจสอบบริษัท ซึ่งมีหญิงไทยทำหน้าที่ตัดการภายในบริษัท ไทย และชาวรัสเซีย ทำหน้าที่ดูแลภายในบริษัทเช่นกัน นอกจากนั้นพบมีการจ้างชาวเมียนมา 5 คน ทำหน้าที่ให้บริการเช่ารถ ส่วนด้านหลังเปิดเป็นโรงแรม และอู่ซ่อมรถ ตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว ไม่มีใบอนุญาต รวมทั้งแรงงานชาวเมียนมาทำงานไม่ตรงกับใบอนุญาต
จึงได้ทำการตรวจยึดรถจักรยานยนต์ 400 คน และจากการตรวจสอบสอบพบว่าบางคันมีการถอดประกอบชิ้นส่วน ซึ่งจะมีการตรวจสอบต่อไปว่ารถที่ได้มาได้มาโดยความถูกต้องหรือไม่ ได้มาจากการกระทำผิดหรือไม่ นอกจากนี้ก็ยังมีรถยนต์อีกประมาณ 20 กว่าคัน ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะมีการส่งต่อให้กับพนักสอบสวนสภ. เกาะพะงันตรวจสอบกันต่อไป
เบื้องต้นผู้ประกอบกา แจ้งว่า รถได้รับมาจากการประมูล แต่จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่าส่วนหนึ่งเป็นรถของนักท่องเที่ยวที่ซื้อมา และ นำรถมาขายให้กับทางร้านนี้ และ มีบางส่วนเจ้าหน้าหน้าที่ คาดว่า น่าจะเป็นรถที่หายในเกาะพะงัน และ ถูกส่งมาที่ร้านแห่งนี้ และ มีการชำแหละ ซึ่งต้องรอการตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง หลังจากนี้ก็คงต้องส่งตรวจพิสูจน์หลักฐาน ว่ารถแต่ละคันมีที่มาที่ไป ยังไงเลขทะเบียนเลขรถตรงกันหรือไม่ มีการจดทะเบียนถูกต้องหรือไม่ และ รถที่มีการถูกชำแหละแล้ว มีการแจ้งเปลี่ยนอุปกรณ์รถถูกต้องหรือไม่
สำหรับ บริษัทนี้จากการสืบสวน ทราบว่า เจ้าของจริงๆ เป็นชาวรัสเซีย อยู่ที่จังหวัดภูเก็ต ส่วนหญิงไทย อ้างว่า มีชื่อเป็นหุ้นส่วนของบริษัทด้วย และเป็นลูกจ้างด้วย ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบว่าเข้าข่าย นอมินี หรือไม่
รอง.ผบช.ทท.ยังกล่าวอีกว่า สำหรับเจ้าของตัวจริง ก็คงต้องสืบสวน และ มีการแจ้งความดำเนินคดีต่อไป ทั้งในข้อหาจ้างคนงานที่ไม่ถูกต้อง การเปิดโรงแรม เปิดอู่ซ่อมรถ โดยไม่ได้รับอนุญาต


