สุราษฎร์ธานี - ตำรวจท่องเที่ยว ผนึกกำลัง หน่วยเกี่ยวข้อง บุกตรวจค้น 4 เป้าหมาย บนเกาะพะงัน พัวพันนอมินี พร้อมตรวจค้นโรงแรมชาวอิสราเอล พบไม่ใบอนุญาตประกอบธุรกิจ ด้านเจ้าของตัวจริงชาวต่างชาติเผ่นไปอำเภอปายแล้ว
วันนี้ ( 21 ต.ค.68 ) ที่ห้องปฎิบัติการ ศปก.สภ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี พล.ต.ต. กฤษณ์ วาฤทธิ์ รอง.ผบช.ทท.พล.ต.ต.ชูธเรศ ยิ่งยงดำรงสกุล ผบก.ตม.6 พ.ต.อ.ศิริชัย สุขสาตต์ รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.อภิชาติ จันทร์สำเร็จ ผกก.สภ.เกาะพะงัน, พ.ต.อ.นฤวัต พุทธวิโร ผกก.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี นายไพสิฐ ทองฉิม ปลัดอาวุโสอำเภอเกาพะงัน พร้อมกำลัง เจ้าหน้าที่พาณิชย์จังหวัดสุราษฎรืธานี เจ้าหน้าที่ที่ดิน เจ้าหน้าที่สรรพากร พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ร่วม 100 นาย ได้เปิดปฎิบัติการนำหมายศาลจังหวัดเกาะสมุย จำนวน 4 เป้าหมาย เข้าตรวจค้น สำนักงานแห่งหนึ่งของคนไทย จำนวน 2 เป้าหมาย ริมถนนบ้านท้องศาลา หมู่ 1 ต.เกาะพะงัน อ.เกาะพะงัน แต่ไม่พบเจ้าของมีแต่คนดูแล
ส่วนเป้าหมายรายที่ 3 และ ที่ 4 เป็นวิลล่าหรู 2 ฝั่งละ 4 หลัง รวม 8 หลัง ของชาวต่างชาติ สัญชาติอิสราเอล ในพื้นที่บ้านในวก หรือ เขาหินนก หมู่ 4 ต.เกาะพะงัน จดทะเบียนเป็นบริษัททะเบียนนิติบุคคล ทั้ง 2 บริษัท โดยมีชาวต่างชาติเป็นกรรมการ และถือหุ้น และยังมีคนไทยที่ถือหุ้นร่วม เปิดให้เช่าเป็นรายวัน และ รายเดือน
จากการตรวจสอบพบว่าไม่มีใบอนุญาตในการประกอบธุรกิจโรงแรม และ พบว่าชาวต่างชาติที่เป็นกรรมการ ได้เดินทางออกจากเกาะพะงัน ไปอยู่ที่อำเภอปาย จ.แม่ฮ่องสอน ส่วนผู้ถือหุ้นชาวไทยไปเชียงใหม่ เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา โดยให้หญิงไทยที่เป็นผู้จัดการดูแล และขณะเจ้าหน้าที่เดินทางเข้าตรวจสอบ พบว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่พักอยู่ในวิลล่าดังกล่าวต่างตื่นตระหนก หลังเห็นเจ้าหน้าที่จำนวนมาก ซึ่งจากการตรวจสอบ ทั้ง 4 เป้าหมาย เจ้าหน้าที่ได้ยึดเอกสารต่างๆไว้ตรวจสอบ และเชิญคนไทยที่ดูแล มาสอบปากคำ
พล.ต.ต. กฤษณ์ วาฤทธิ์ รอง.ผบช.ทท เปิดเผยว่า จากที่เราเริ่มทำการจับกุมชาวต่างชาติที่มากระทำผิดกฎหมาย และมาทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต และที่มีภาพข่าวออกไปปรากฎตามสื่อต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องหมู่บ้านชุมชนของชาวต่างชาติ ที่อาศัยอยู่บริเวณ บ้านในวก หรือ เขาหินนก จึงได้ร่วมกันหลายหน่วยในวันนี้ มีทั้งตำรวจในพื้นที่ ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ตม.ตร.ท่องเที่ยว ฝ่ายปกครองอำเภอเกาะพะงัน พาณิชย์จังหวัด กรมพัฒนาที่ดิน และ เจ้าหน้าที่สรรพากร ร่วมกันตรวจสอบ ว่ามีการกระทำธุรกิจที่ไม่ถูกต้องหรือไม่
ในส่วนที่ปรากฏว่าชาวต่างชาติจดทะเบียนประกอบธุรกิจให้เช่า ซึ่งจากการตรวจสอบไม่มีการขออนุญาต บริเวณบ้านในวก หรือเขาหินนก จุดนี้ก็ต้องดำเนินคดีในเรื่องของการประกอบธุรกิจโรงแรม โดยไม่ได้รับอนุญาต
และในขณะที่ช่วงเช้าที่ได้ร่วมกันตรวจสอบบริษัทซึ่งรับจดทะเบียนให้กับชาวต่างชาติ ที่มาประกอบธุรกิจในอำเภอเกาะพะงัน ตรงนี้ก็ต้องมีการตรวจสอบ และ มีการสอบสวนต่อไปว่ามีการจดทะเบียนถูกต้องหรือไม่ ผู้ถือหุ้นจริงๆ หรือไม่ เป็นนอมิหรือไม่ ซึ่งก็ต้องมีการตรวจสอบ ซึ่งจะต้องขยายผลต้องเรียกทางเจ้าของหุ้นส่วนมาสอบสวน มาเป็นพยานหลักฐานหากพบว่าผิดก็ต้องดำเนินคดีตามกฏหมาย
ในการกระทำผิดของชาวต่างชาติ จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ มีชาวต่างชาติมาจดทะเบียนบริษัทในอำเภอเกาะพะงันประมาณ 2,500 ราย จากการตรวจสอบในเบื้องต้นมีอยู่ 5 บริษัทใหญ่ๆ ซึ่งเป็นบริษัทรับจดทะเบียน ในแต่ละบริษัทจะมีลูกค้าอยู่ในมือ ประมาณ 100 บริษัท ซึ่งก็ต้องตรวจสอบกันทั้งหมด ว่าการจดทะเบียนถูกต้องหรือไม่ ผู้ถือหุ้นถูกต้องหรือไม่ ซึ่งในกระบวนการนี้ การสอบสวนเพื่อแสวงหาพยานหลักฐานหากพบว่ามีความผิด หรือว่าประกอบธุรกิจจดทะเบียนแล้ว ไม่ถูกกฎหมาย หรือบางรายยังไม่ได้ขออนุญาต ก็ต้องมีความผิดถูกดำเนินคดีเช่นกัน
พล.ต.ต.กฤษณ์ กล่าวต่อว่า ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ทุกหน่วยภายใต้ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติบูรณาการกันและร่วมกับฝ่ายพาณิชย์ ที่ถือกฎหมายทะเบียน เรื่องการจดทะเบียน การขายหุ้นซื้อที่ดินสรรพากร ที่มีการประกอบธุรกิจ และ ต้องเสียภาษี ก็จะร่วมกันตรวจสอบไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ใดก็ตาม ไม่เฉพาะ เกาะพะงัน และ เกาะเต่า หรือภูเก็ต และพื้นที่ต่างๆในประเทศ มีกฎหมายที่ทำงานร่วมกันการจดทะเบียนร้านค้า การประกอบอาชีพของคนต่างด้าว ธุรกิจคนต่างด้าว และ การประกอบอาชีพของคนต่างด้าว แต่ละส่วนของกฎหมาย
ในการตรวจสอบต้องทำให้ถูกต้อง จริงๆ คนต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทยส่วนใหญ่ เป็นคนดี แต่ก็มีบางส่วนที่เดินทางเข้ามาอาศัยช่องว่างของกฎหมาย ประกอบธุรกิจที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งเราที่บังคับใช้กฎหมายก็จะต้องดำเนินการให้ถูกต้อง ในส่วนที่ผิดก็ต้องดำเนินการตามระเบียบของกฎหมายของรัฐ ส่วนที่ทำถูกต้องกับการท่องเที่ยว เราก็ขอให้ความมั่นใจว่าท่านก็มาท่องเที่ยวได้ตามปกติในทุกพื้นที่ คนไทยเราเองก็มีการโอบอ้อมอารีย์อยู่แล้ว พร้อมยินดีต้อนรับอยู่แล้ว ซึ่งไม่ต้องห่วงว่ามาแล้วจะถูกแกล้ง มาท่องเที่ยวตามปกติ ท่านจะได้รับความปลอดภัย แล้วก็ไม่ต้องห่วงว่าจะถูกดำเนินคดี
ในส่วนที่ปรากฏเป็นข่าว ก็เป็นกับบางกลุ่มเท่านั้นเอง แหละเป็นส่วนน้อย ที่เข้ามาอาศัยช่องว่างของกฎหมายในการเปิดบริษัท และ ทำธุรกิจอะไรก็ตามที่ถูกกฎหมายเรา ก็ต้องดำเนินการไปเพราะว่าเราก็ต้องป้องกัน เพื่อประกอบอาชีพที่ไม่แย่งอาชีพของคนไทย หรือท่านจะซื้อที่ดินท่านก็ต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฏหมาย และ ธุรกิจอย่างถูกกฎหมายด้วยเช่นกัน
สุดท้ายนี้ขอเรียนพี่น้องประชาชนว่า ทางตำรวจทุกหน่วย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนหน้านี้ เราก็ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นเกาะสมุย ภูเก็ต ก็มีการดำเนินคดีในหลายๆบริษัทไปแล้ว ที่ทำผิดกฎหมายไม่ได้พึ่งมาเริ่มทำ แต่ในครั้งนี้เรามีการบูรณาการร่วมกันกับหลายหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการจับกุมต่างชาติที่ทำงานไม่ถูกต้อง เราก็ตรวจสอบลึกลงไปว่า มีการจดทะเบียนบริษัทด้วย เราไม่ได้เน้นย้ำว่าในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง
รายงานเพิ่มเติมว่า จากการสอบถามชาวบ้านประชาชนในพื้นที่ ชาวบ้านต่างบอกว่า ขอให้หน่วยงานรัฐทำกันจริงๆจัง อย่าทำแบบตอนที่กำลังเป็นกระแสข่าว ต้องทำกันอย่าต่อเนื่อง และในยิ่งตอนนี้ เกาะพะงันชื่อเสียงเสียหายหมดแล้ว กว่าฟื้นฟูชื่อเสียงก็ต้องใช้เวลา เกาะพะงันยึดเศรษฐกิจท่องเที่ยวเป็นหลัก มีรายได้จากการท่องเที่ยว