xs
xsm
sm
md
lg

กมธ.การทหาร วุฒิสภา กังวลตั้งคณะพูดคุยดับไฟใต้ถูกเวลาหรือไม่ หวั่นเสียเปรียบ "บีอาร์เอ็น"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - สว. สายสื่อและความมั่นคง ถามรัฐบาล การตั้งคณะการพูดคุยกับบีอาร์เอ็น จะคุยกับใคร เหมาะสมหรือไม่ ในขณะที่รัฐบาลจะอยู่แค่ 4 เดือน ตั้งเพื่อดับไฟใต้ หรือเพื่อใช้งบประมาณ 20 ล้านบาท

วันนี้ (14 ต.ค.) นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภาสายสื่อมวลชน เลขานุการและโฆษกคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา กล่าวว่า ตนมีความกังวลกับการแต่งตั้งหัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขของรัฐบาล เพราะรัฐบาลชุดนี้เข้ามาทำหน้าที่เพียงระยะสั้น 4 เดือน หรืออาจจะไม่ถึง 4 เดือนก็ได้ และหลังการเลือกตั้งถ้าพรรคภูมิใจไทยได้เป็นแกนนำในการตั้งรัฐบาล อาจจะมีการเปลี่ยนตัวคณะพูดคุยก็เป็นได้ ดังนั้น การแต่งตั้งคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขเพื่อไปพูดคุยกับขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม โดยเฉพาะการพูดคุยกับบีอาร์เอ็นในขณะที่ กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า ยังไม่ได้เปรียบกับสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ การพูดคุยหรือเจรจาจึงอาจจะเสียเปรียบต่อบีอาร์เอ็น

"และที่ต้องขอให้มีความชัดเจนคือ การพูดคุยที่จะเกิดขึ้น พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา หัวหน้าคณะพูดคุย จะไปคุยกับบุคคลใดของบีอาร์เอ็น ซึ่งแกนนำที่สำคัญของบีอาร์เอ็นคือ กาแม เวาะแล หรือ คอซาลี หรือผู้นำจิตวิญญาณอย่าง บือราเฮง ปะจุศาลา หรือ นิเซะ นิฮะ ซึ่งเป็นแกนนำที่สามารถเยสหรือโนในการพูดคุย หากไม่พูดคุยหรือเจรจากับคนเหล่านี้ก็ป่วยการในการพูดคุย เพราะจะไม่มีความคืบหน้าเหมือนกับการพูดคุยที่ผ่านมา"

นายไชยยงค์ กล่าวว่า ที่สำคัญ บีอาร์เอ็นยังคงเป็นองค์กรปิดลับ ไม่เคยเปิดเผยว่าใครเป็นแกนนำ และไม่เคยรับหรือปฏิเสธกับการก่อเหตุในพื้นที่ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังนั้นจึงเชื่อว่าแกนนำของบีอาร์เอ็นจะไม่มีส่วนร่วมในเวทีการพูดคุยอย่างแน่นอน ถ้ารัฐบาลต้องการพูดคุยกับแกนนำของบีอาร์เอ็น ต้องยื่นข้อเสนอให้ผู้อำนวยความสะดวกที่เป็นตัวแทนจากรัฐบาลมาเลเซีย ถ้ามาเลเซียทำไม่ได้ ก็ไม่ควรพูดคุย

และการพูดคุยครั้งนี้ยังจะยึดกรอบของ JCPP หรือไม่ เพราะกรอบของ JCPP ที่เป็นข้อตกลงกับบีอาร์เอ็นในครั้งที่นายฉัตรชัย บางชวด หัวหน้าคณะพูดคุยในขณะนั้นทำขึ้น เป็นข้อกังวลจากบุคคลต่างๆ ว่าเป็นการเสียเปรียบต่อบีอาร์เอ็น และหากเดินตามกรอบของ JCPP อาจจะทำให้เสียดินแดนก็เป็นได้

ส่วนข้อกังวลอีกข้อ คือการที่คณะพูดคุยชุดนี้จะพูดคุยกับขบวนการแบ่งแยกดินแดนทุกกลุ่ม เป็นเรื่องที่น่ากังวล เพราะจะทำให้การพูดคุยมีปัญหาและอุปสรรค เนื่องจากขบวนการแบ่งแยกดินแดนกลุ่มต่างๆ ถ้าเป็นคนก็ตายแล้ว ไม่มีกองกำลังติดอาวุธ ไม่มีแนวร่วม หรือสมาชิกในพื้นที่ ไม่เป็นภัยต่อความมั่นคงมานานแล้ว ทำไมจึงไปฟื้นคืนชีพให้ความสำคัญกับขบวนการเหล่านี้ ซึ่งหากมีการนำขบวนการเหล่านี้เข้าสู่โต๊ะเจรจา อาจจะทำให้บีอาร์เอ็นปฏิเสธที่จะร่วมพูดคุยกับคณะพูดคุยที่มี พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เป็นหัวหน้า เพราะบีอาร์เอ็นเคยประกาศว่าหากมีกลุ่มอื่นร่วมอยู่ในโต๊ะพูดคุย บีอาร์เอ็นจะไม่ร่วมเจรจาด้วย

การนำเอาขบวนการแบ่งแยกดินแดนทุกกลุ่มมาสู่โต๊ะพูดคุย เป็นการย้อนอดีตสมัยที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เป็นหัวหน้าคณะพูดคุย สิ่งที่ชวนสงสัยคือ การตั้งคณะพูดคุยครั้งนี้ต้องการใช้งบประมาณ 20 ล้านบาทของคณะพูดคุย หรือต้องการเห็นความสงบสุขในพื้นที่ ตรงนี้ต้องมีความชัดเจนและตอบประชาชนได้


กำลังโหลดความคิดเห็น